คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : [SF] [ChulHan] You Are Not My Type!!! Part 2
Title: You Are Not My Type!!!
Author: imazawa
Pairing: Heechul/Hangeng
Rate: PG-17
Warning: มีฉากที่ไม่เหมาะสำหรับเยาวชนอยู่นิดนึงค่ะ >///<
Part 2
“ไอ้ฮัน~ เอาการบ้านมาให้กูลอกเดี๋ยวนี้เลยมึง ฮ้าว~” ฮีชอลหาวแบบไม่ปิดปากซึ่งเป็นการกระทำที่ฮันคยองเห็นจนชินตา
มือบางหยิบหนังสือเรียนภาษาญี่ปุ่นเล่มใหญ่ออกมาจากกระเป๋าแล้วส่งให้อีกฝ่ายโดยที่ไม่ปริปากบ่น เขาเลิกคิดจะตำหนิเรื่องที่
ร่างโปร่งไม่ยอมทำการบ้านด้วยตัวเองแล้ว
“ขอบจาย~” คนหน้าสวยพูดด้วยสะลึมสะลือจนคนฟังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสงสัย
“ท่าทางนายจะง่วงมากจริงๆนะ ปกติไม่เห็นเคยขอบคุณฉันสักคำ เมื่อคืนไปทำอะไรมาล่ะ?” ร่างเพรียวถามอย่างไม่ไว้ใจ
“อย่ามองกูด้วยสายตาแบบนั้นสิมึง กูไม่ได้ไปทำเรื่องไม่ดีสักหน่อย เมื่อคืนกูช่วยกิ๊กทำการบ้านอยู่ต่างหาก แม่งง่วงจะตายห่า
กิ๊กกูก็อ้อนให้ช่วยอยู่นั่นแหละ กูก็เลยไม่รู้จะปฏิเสธยังไง ฮ้าว~” ฮีชอลตอบพร้อมกับหาวปิดท้ายอีกครั้ง
ฮันคยองส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ เพื่อนเขาไม่เคยมีเวลาทำการบ้านของตัวเองแต่กลับมีเวลาไปช่วยกิ๊กทำการบ้านเสียดึกดื่นเนี่ยนะ?
เป็นความผิดพลาดครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิตของเขาจริงๆที่ได้มาเจอกับคนอย่างคิมฮีชอล
“นิสัยอย่างนายนี่ยังหากิ๊กได้อีกเหรอ?” เด็กหนุ่มชาวจีนถามด้วยความหมั่นไส้
ฮีชอลเงยหน้าขึ้นจากหนังสือเรียนแล้วมองเพื่อนรักตาขวาง
“มึงอย่าดูถูกกูนะ คนอย่างกูมีสาวๆวิ่งเข้ามาหาไม่เคยขาด กูหล่อเลือกได้โว้ย”
“เออๆ แล้วแฟนนายเขาไม่ว่าหรือไง?” ร่างเพรียวถาม ถึงแม้เขาจะไม่ได้อยากยุ่งกับเรื่องส่วนตัวของเพื่อนคนนี้มากเท่าไหร่
แต่ก็อดไม่ได้ที่จะสงสัยจริงๆ
“ก็อย่าให้แฟนรู้สึกมึง อย่าโง่” ฮีชอลตอบหน้าตาย
ฮันคยองถอนหายใจกับคำตอบของคู่สนทนาก่อนที่จะฟุบลงบนโต๊ะ ดวงตาคู่สวยทอดมองออกไปนอกห้องเรียน
เมื่อฮีชอลเห็นว่าฮันคยองเงียบไปเขาก็เงยหน้าขึ้นจากการบ้านที่กำลังลอกอยู่แล้วหันมาลอบสังเกตอาการของเพื่อน เป็นอีกครั้งที่เขาพบว่าสาตาของร่างเพรียวจับจ้องอยู่ที่รุ่นน้องหน้าหล่อ และก็เป็นอีกครั้งที่มันทำให้เขาหงุดหงิดจนควบคุมอารมณ์ไม่อยู่
“มึงเลิกมองผัวมึงด้วยสายตาอาลัยอาวรณ์แบบี้สักทีจะได้มั้ยวะ?! เชี่ยเอ๊ย! กูเห็นแล้วจะอ้วก!” คนหน้าสวยกระฟัดกระเฟียด
คำพูดและน้ำเสียงแข็งกร้าวของร่างโปร่งทำให้ฮันคยองไม่พอใจอย่างมาก ทำไมคนคนนี้ถึงชอบทำให้เขาอารมณ์เสียอยู่เรื่อยเลยนะ?
“จะต้องให้ฉันบอกอีกกี่ครั้ง คำพูดนี้ถึงจะซึมเข้าไปตามรอยหยักในสมองของนาย? ก็บอกแล้วไงว่าฉันกับซีวอนไม่ได้เป็นอะไรกัน” ร่างเพรียวพยายามพูดอย่างใจเย็นที่สุด หวังจะให้อีกฝ่ายเลิกยุ่งกับเรื่องของเขาเสียที แต่ผลที่ได้รับกลับตรงกันข้าม
“มึงไม่ต้องมาตอแหลเลยไอ้ฮัน! ถ้ามึงไม่ได้เป็นอะไรกับมัน ทำไมมึงถึงมองมันด้วยแววตาลึกซึ้งแบบนั้น?!”
“ฉันมองซีวอน แต่ซีวอนเขาไม่ได้มองฉันสักหน่อย!” ฮันคยองหลุดปากออกมาอย่างหมดความอดทน
“มึง...หมายความว่าไง?” ร่างโปร่งมองเพื่อนสนิทด้วยท่าทางช็อคๆราวกับเพิ่งได้ยินเรื่องที่ทำให้เขาตกใจที่สุดในชีวิตมา
“ฉันชอบซีวอน...ข้างเดียว เขาไม่รู้เรื่องนี้หรอก” พูดจบฮันคยองซุกหน้าเข้ากับท่อนแขนของตัวเอง เขาไม่ต้องการได้ยินคำพูดถากถางหรือเสียงหัวเราะเยาะจากคนที่ได้ชื่อว่าเป็นเพื่อน แต่แล้วก็ต้องแปลกใจที่อีกฝ่ายไม่ได้มีปฏิกิริยาตอบรับใดๆเลย
ร่างเพรียวลอบมองใบหน้าสวยของฮีชอลด้วยความสงสัยแล้วก็ต้องประหลาดเมื่อได้เห็นร่องรอยของความเจ็บปวดฉายอยู่บนใบหน้าของอีกฝ่ายอย่างเด่นชัด
“มึง...ชอบซีวอนจริงๆเหรอวะ?” ฮีชอลถามเสียงแผ่วโดยที่ไม่ยอมหันไปสบตาคนที่นั่งอยู่ข้างกัน
“นายไม่ได้รู้อยู่แล้วหรอกเหรอ? ก็เห็นแซวฉันอยู่ทุกวัน” ร่างเพรียวย้อนถามก่อนที่จะหันหน้าหนีไปอีกด้าน
ฮีชอลขยับปากราวกับจะพูดอะไรบางอย่างแต่สุดท้ายก็ไม่กล้าพอที่จะพูดออกมา
‘จะให้ผมบอกฮันคยองได้ยังไงว่าทุกคำที่ผมพูด ผมก็แค่พูดพล่อยๆไปอย่างงั้นเพราะหมั่นไส้ที่เขาเอาแต่มองซีวอนแล้วไม่สนใจผม
ผมไม่ได้ต้องการให้ฮันคยองชอบซีวอนจริงๆเลยสักนิด ความรู้สึกที่เหมือนกับถูกผลักลงมาจากที่สูงๆนี่มันอะไรกัน?’
-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-
“วันนี้กูจะพาแฟนไปกินเค้กที่ร้านเปิดใหม่ใกล้ๆโรงเรียน มึงสนใจจะไปกับกูป่ะ?” คนหน้าสวยเอ่ยถามเพื่อนสนิทที่นั่งอยู่ข้างกันขณะที่พวกเขากำลังอยู่ในชั้นเรียนวิชาประวัติศาสตร์
ฮันคยองถอนหายใจพรืดเนื่องจากไม่พอใจที่ถูกรบกวนสมาธิ
“ไม่ไป” ร่างเพรียวตอบเสียงห้วน สายตาจับจ้องอยู่ที่กระดานหน้าห้องเรียนและพยายามรวบรวมสมาธิอีกครั้ง
“ทำไมวะ? เขาบอกว่าเค้กร้านนี้อร่อยมากเลยนะเว้ย ปกติมึงก็ชอบของหวานอยู่แล้วนี่” ฮีชอลพูดพร้อมกับกุมมืออีกฝ่ายแล้วก็ต้องประหลาดใจที่มือนุ่มของคนที่ได้ชื่อว่าเพื่อน แถมยังเป็นผู้ชาย สามารถทำให้หัวใจของเขาเต้นรัวแรงได้มากกว่าเวลาจับมือ
กับแฟนสาวเสียอีก
สัมผัสเนียนนุ่มทำให้เขารู้สึกเพลิดเพลิน ฮีชอลลูบไล้มือของฮันคยองอยู่นานอย่างลืมตัวจนร่างเพรียวเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติและ
ชักมือกลับ ตอนนั้นเองฮีชอลถึงได้สติ
“ฉันไม่ได้ชอบของหวานสักหน่อย” ฮันคยองพูด คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันน้อยๆด้วยความไม่เข้าใจในการกระทำของอีกฝ่ายเมื่อสักครู่
“ไอ้เชี่ย! มึงไม่ต้องมาตอแหลเลย เมื่อวันก่อนแพนด้าตัวไหนวะที่นั่งดูดอมยิ้มไปอ่านการ์ตูนไปในห้องชมรมอ่ะ? หรือมึงจะบอกว่า
กูตาฝาด?” ฮีชอลพูดเสียงดังจนฮันคยองหันมาทำตาเขียวใส่
“นายก็ไปกับแฟนสิ จะให้ฉันไปเป็นก้างขวางคอทำไม?”
“ก็กูอยากให้มึงไปด้วย ทำไมวะ? แค่กูจะพาเพื่อนไปกินขนมด้วยกันมันไม่เห็นจะแปลกเลย แฟนกูไม่ว่าอะไรหรอก”
ฮีชอลคะยั้นคะยอ
“เย็นนี้ฉันไม่ว่าง จะกลับบ้านกับซีวอน เชิญนายตามสบายเถอะ แล้วก็เลิกเซ้าซี้ฉันได้แล้ว” ฮันคยองสรุปแล้วกลับไปตั้งใจเรียนอีกครั้งโดยที่ไม่รู้เลยว่าเพื่อนสนิทมีสีหน้าแบบไหนหลังจากที่ได้ยินคำพูดของเขา
ดวงตากลมสวยของฮีชอลฉายแววเจ็บปวดแต่เพียงไม่นานประกายไฟแห่งความมุ่งมั่นก็ถูกจุดขึ้น มือเรียวหยิบโทรศัพท์มือถือ
ของตัวเองขึ้นมาก่อนที่จะพิมพ์อะไรบางอย่างลงไปแล้วกดปุ่มส่งข้อความ
‘ยุนอา...เย็นนี้พี่มีงานด่วนต้องทำที่ชมรม คงพาเราไปกินเค้กไม่ได้แล้ว ขอโทษนะ เอาไว้วันหลังจะพาไป คราวนี้ไม่เบี้ยวแน่ๆ
ฮีชอล o(=v=)o’
-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-
เย็นวันนั้นหลังเลิกเรียน คิมฮีชอลได้แปลงร่างจากนักเรียนเป็นนักสืบแอบตามดูเพื่อนสนิทของเขาที่กำลังเดินคุยกับรุ่นน้อง
ร่างสูงใหญ่ระหว่างทางกลับบ้าน เขาไม่ได้ติดงานที่ชมรมอย่างที่บอกแฟนสาวหรอก
“นี่กูมาทำห่าอะไรอยู่ตรงนี้วะเนี่ย? เหมือนพวกโรคจิตเลยให้ตายเหอะ!” หนุ่มหน้าสวยที่ยืนหลบอยู่หลังเสาไฟฟ้าบ่น เขาก็ไม่เข้าใจการกระทำของตัวเองเหมือนกัน ทั้งๆที่เวลานี้เขาควรจะกำลังกินเค้กกับแฟนสาวอย่างมีความสุขแต่ทำไมเขาถึงต้องมาทำให้ตัวเองลำบากอยู่แบบนี้
“ไอ้เชี่ยซีวอน! มึงยื่นหน้าเข้าไปใกล้ไอ้ฮันขนาดนั้นมึงไม่จูบกันไปเลยล่ะ! ไอ้ฮันก็เสือกหน้าแดงอีก เขินอะไรกันนักหนาวะ?! แรดนักนะมึง!” ฮีชอลสบถพลางใช้เล็บข่วนเสาไฟฟ้าด้วยความหงุดหงิดจนคนที่เดินผ่านไปผ่านมาพากันมองเขาด้วยแววตาหวาดระแวง
ร่างโปร่งเดินตามคนทั้งคู่ไปพร้อมกับความหงุดหงิดที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเดินไปได้พักใหญ่ ฮีชอลก็เริ่มสังเกตเห็นความผิดปกติของเด็กหนุ่มทั้งสองคนที่เดินนำหน้าเขาอยู่ โดยเฉพาะเพื่อนสนิทของเขาอย่างฮันคยองที่มีสีหน้าเจ็บปวดอย่างเห็นได้ชัดและ
ดูเหมือนกำลังจะร้องไห้แต่ร่างเพรียวก็พยายามฝืนยิ้มเพื่อไม่ให้เด็กหนุ่มร่างสูงไม่สบายใจ
“ไอ้เด็กเปรต! มึงทำอะไรเพื่อนกูวะ?! ทำไมไอ้ฮันทำหน้าอย่างงั้น ไอ้เชี่ยซีวอน! อย่าอยู่เลยมึง!” ฮีชอลเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วย
ความโกรธพร้อมกับกระโจนออกไปจากพุ่มไม้ที่เขาซ่อนตัวอยู่ จังหวะเดียวกันนั้นซีวอนก็เดินแยกไปอีกทางพอดี
ตอนนี้ตรงหน้าเขาจึงเหลือเพียงแค่ร่างเพรียวบางของเด็กหนุ่มชาวจีนเท่านั้น
คนหน้าสวยมองตามแผ่นหลังกว้างของซีวอนไปอย่างอาฆาตแค้นแต่ก็ต้องข่มใจเอาไว้ก่อนแล้วหันมาหาเพื่อนรักที่มีอาการแปลกๆด้วยความเป็นห่วง
“เป็นอะไรของมึงวะ? ทะเลาะกับผัวอีกแล้วหรือไง?” ฮีชอลถามด้วยประโยคเดิมๆซึ่งตอนนี้เขารู้สึกว่ามันขัดกับสิ่งที่อยู่ในใจของเขาเสียเหลือเกิน
ปฏิกิริยาตอบรับจากฮันคยองเปลี่ยนไป เขาไม่ได้ตำหนิฮีชอลเหมือนกับทุกครั้ง
“ฉันรู้แล้วนะว่าทำไมช่วงนี้ซีวอนถึงดูแปลกไป ตื๊อถามตั้งนาน ในที่สุดเขาก็บอกความจริงจนได้” ร่างเพรียวพูดด้วยรอยยิ้มขมขื่น
“......”
“เขากำลังทะเลาะกับแฟนอยู่น่ะ” พูดจบน้ำตาของฮันคยองก็ไหลอาบแก้ม ไม่มีเสียงสะอื้นจากร่างเพรียวแต่มันกลับทำให้ฮีชอลรู้สึกเหมือนหัวใจของเขากำลังจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
“ฉันนี่มันหลงตัวเองจริงๆ แค่จะพูดว่าสนิทกับเขาฉันยังพูดไม่ได้เลย ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขามีแฟนแล้ว ไม่เคยรู้อะไรเกี่ยวกับเขาเลย
สักอย่าง” คนหน้าหวานพูดปนสะอื้น
ฮีชอลหันรีหันขวางอยู่สักพักก่อนที่จะตัดสินใจคว้าตัวอีกฝ่ายเข้ามากอดอย่างเก้ๆกังๆ
“มึง...ยังมีกูอยู่นะไอ้ฮัน” คนหน้าสวยพูดด้วยท่าทางขัดเขิน ใบหน้าของเขาแดงซ่านขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้
เขาไม่ใช่คนอ่อนโยน ไม่ละเอียดอ่อน ไม่อบอุ่น มันจึงทำให้เขารู้สึกลำบากอย่างมากในเวลาที่ต้องการปลอบใจใครสักคนแบบนี้
“ฮีชอล...” ร่างเพรียวพูดได้แค่นั้นก่อนที่จะปล่อยให้น้ำตาไหลรินต่อไปอย่างเงียบๆภายในอ้อมกอดของเพื่อนสนิท
-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-
คนหน้าหวานที่เพิ่งล้างหน้าล้างตาเสร็จเดินออกมาจากห้องน้ำแล้วไปนั่งข้างเพื่อนสนิทที่กำลังอ่านนิตยสารอยู่บนโซฟา ฮีชอลที่นั่งอยู่ก่อนหันมาสำรวจใบหน้าของอีกฝ่ายด้วยความเป็นห่วง
“ตาแดงจมูกแดงหมดเลยมึง ไหวมั้ยเนี่ย?” ร่างโปร่งถาม มือเรียวไล้ไปตามขอบตาบวมช้ำอย่างแผ่วเบา
“ไหว” ฮันคยองตอบสั้นๆแล้วเบือนหน้าหนีสัมผัสของฮีชอล ไม่รู้ว่าเขาคิดไปเองหรือเปล่าแต่เขารู้สึกว่าช่วงนี้ร่างโปร่งสัมผัสร่างกายเขาบ่อยขึ้น สัมผัสที่ทำให้เขารู้สึกแปลกๆทุกครั้งที่ได้รับ
ฮีชอลมีท่าทางหัวเสียเมื่อนึกถึงคนซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เพื่อนของเขาตกอยู่ในสภาพเช่นนี้
“พรุ่งนี้กูจะไปเคลียร์กับไอ้เด็กเวรนั่นให้รู้เรื่อง ทำไมแม่งเลวอย่างงี้วะ!” ร่างโปร่งพูดด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวจนฮันคยองต้องรีบปราม
“ซีวอนเขาไม่ได้ทำอะไรผิดนะฮีชอล”
“เชี่ย! หุบปากไปเลยมึง! ถึงขั้นนี้แล้วมึงยังจะปกป้องมันอยู่อีกเหรอ?!”
“ฉันไม่ได้ปกป้องเขา แต่เรื่องนี้ซีวอนไม่ผิดจริงๆ ฉันก็บอกนายแล้วนี่ว่าฉันรักเขาข้างเดียวมาตลอด เขาไม่เคยรู้ด้วยซ้ำว่าฉันคิดยังไงกับเขา ขนาดนายที่แซวฉันอยู่ทุกวันก็ยังไม่รู้เลยใช่มั้ยล่ะว่าฉันรักซีวอนจริงๆน่ะ?” ฮันคยองพยายามโน้มน้าวให้อีกฝ่ายใจเย็นลง
เขาล่ะกลัวใจเพื่อนคนนี้จริงๆ ถ้าไม่ห้ามเสียตั้งแต่ตอนนี้อาจจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับซีวอนก็ได้
ฮีชอลนิ่งไปพักใหญ่ก่อนที่จะถอนหายใจออกมาอย่างยอมจำนนในที่สุด
“ก็จริงของมึง”
“เดี๋ยววันนี้นายอยู่กินข้าวเย็นกับฉันก่อนก็แล้วกันนะ แล้วค่อยกลับบ้าน อยากกินอะไรล่ะ? จะทำให้เป็นการตอบแทนที่ให้ยืมอก
ซับน้ำตา” ฮันคยองถามร่างโปร่งด้วยรอยยิ้ม
“กูอยากกินข้าวผัดกิมจิว่ะ”
“ได้ งั้นรอแป๊บนึงนะ” ร่างเพรียวลุกจากโซฟาเพื่อที่จะไปทำอาหารเย็นแต่ก็ถูกฮีชอลรั้งข้อมือเอาไว้ เด็กหนุ่มหันกลับมามองอีกฝ่ายเป็นเชิงถาม
“อีกอย่าง...วันนี้กูไม่กลับบ้าน กูจะค้างกับมึงที่นี่แหละ” ฮีชอลพูดเรียบๆโดยที่ไม่สนใจสักนิดว่าเพื่อนสนิทเต็มใจที่จะให้เขาค้างด้วยหรือไม่
“เฮ้ย! ได้ไง! แล้วนายจะเอาเสื้อผ้าที่ไหนเปลี่ยน? ไม่ได้เตรียมมาไม่ใช่เหรอ?”
“กูไม่อาบน้ำก็ได้ พรุ่งนี้วันหยุด เดี๋ยวตอนเช้ากูกลับไปอาบที่บ้าน”
“แต่ว่า...”
“คืนนี้กูไม่อยากปล่อยให้มึงอยู่คนเดียว...จริงๆนะ” ร่างโปร่งพูดพร้อมกับลูบไล้มือนิ่มของอีกฝ่าย สายตาจริงจังของฮีชอลที่ไม่ได้ปรากฏให้เห็นบ่อยนักทำให้หัวใจของฮันคยองเต้นผิดจังหวะได้ไม่ยาก
“เอางั้นก็ได้ งั้นเดี๋ยวฉันไปทำกับข้าวให้กินก่อนนะ”
ฮีชอลพยักหน้ารับแล้วปล่อยมืออีกฝ่ายอย่างเสียดาย หลังจากที่เพื่อนรักเดินออกไปจากห้องนั่งเล่นแล้วร่างโปร่งก็ยกมือของตัวเอง
ขึ้นมาสูดดมความหอมจากร่างกายของเพื่อนสนิทที่ยังหลงเหลืออยู่เข้าไปเต็มปอด
“ไอ้ฮัน มึงทำให้กูกลายเป็นคนโรคจิตไปจริงๆแล้วนะ รู้ตัวหรือเปล่า?”
-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-
หลังจากทานอาหารเย็นเสร็จแล้ว ฮันคยองก็พาเพื่อนรักขึ้นไปยังห้องนอนที่อยู่บนชั้นสอง ฮีชอลนั่งจุ้มปุ๊กอยู่บนพื้นห้องอย่างเซ็งๆขณะที่เจ้าของห้องกำลังอาบน้ำอยู่ ฮันคยองกำชับซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าไม่ให้เขาขึ้นไปบนที่นอนและเขาก็ไม่อยากขัดใจอีกฝ่ายในเวลา
แบบนี้จึงทำได้แค่นั่งรอด้วยความอดทน
“แกร๊ก” เมื่อเสียงเปิดประตูห้องน้ำดังขึ้น ฮีชอลก็หันไปหาต้นเสียงอย่างรวดเร็วหมายจะบ่นอีกฝ่ายที่ปล่อยให้เขานั่งเซ็งอยู่ตั้งนานสองนาน แต่แล้วคำพูดทั้งหมดก็ถูกกลืนลงคอไปเมื่อได้เห็นภาพตรงหน้า
“เชี่ยฮัน! ทำไมมึงออกมาด้วยสภาพแบบนี้วะ?!” ฮีชอลตะโกนลั่น
ร่างเพรียวที่มีเพียงผ้าขนหนูผืนเล็กพันรอบเอวเพื่อปกปิดช่วงล่างเลิกคิ้วขึ้นก่อนจะก้มสำรวจตัวเอง
“ฉันออกมาด้วยสภาพแบบนี้แล้วมันแปลกตรงไหนล่ะ?” ฮันคยองถามด้วยความไม่เข้าใจ
“ก็ผ้าขนหนู...มึง...” ฮีชอลเรียบเรียงคำพูดไม่ถูก ใบหน้าร้อนผ่าวอย่างควบคุมไม่ได้
“ผ้าขนหนูฉัน? เอ๋~ ก็ไม่เห็นจะมีอะไรผิดปกตินี่นา ผู้ชายเขาก็พันผ้าขนหนูแบบนี้กันทั้งนั้นไม่ใช่เหรอ? ถ้าฉันนุ่งกระโจมอกแบบผู้หญิงมันก็ตลกสิ” ฮันคยองขมวดคิ้วมุ่น บางทีเขาก็รู้สึกว่าเพื่อนคนนี้พูดคนละภาษากับเขา หรือเป็นเพราะเขาไม่ค่อยเข้าใจวัฒนธรรมเกาหลี มันเลยทำให้เขาไม่เข้าใจฮีชอลไปด้วย
“นี่ผ้าเช็ดตัวกับชุดนอนของนาย ไปอาบน้ำซะ ฉันไม่อยากให้นานมานอนเน่าอยู่ในห้องฉัน” พูดจบร่างเพรียวก็โยนชุดนอนของฮีชอลลงบนเตียงก่อนที่จะเดินตรงไปยังตู้เสื้อผ้าโดยที่มีสายตากลมโตของเด็กหนุ่มชาวเกาหลีมองตามไปอย่างไม่ลดละ
หัวใจของฮีชอลเต้นโครมครามจนตัวเขาเองรู้สึกหนวกหู อาการร้อนวูบวาบและความรู้สึกแปลกๆบริเวณส่วนกลางลำตัวทำให้เขารู้สึกอึดอัดและหายใจลำบากมากขึ้นทุกที ในที่สุดความอดทนของฮีชอลก็ขาดผึงเมื่อเพื่อนรักก้มลงหยิบกางเกงในซึ่งอยู่ในลิ้นชัก
ชั้นล่างสุดของตู้เสื้อผ้า
ผ้าขนหนูสั้นขนาดนั้น...ก้มต่ำขนาดนั้น...แล้วมันจะไปเหลืออะไรล่ะ?!
บั้นท้ายกลมกลึงปรากฏให้ฮีชอลเห็นเต็มสองตา ถึงจะเป็นเวลาเพียงไม่นานแต่มันก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้สติของฮีชอล
กระเจิดกระเจิง
‘ไอ้เชี่ยฮ้าน~ ทำไมมึงไม่ใส่กางเกงในในห้องน้ำวะ?! มาโชว์ตูดให้กูดูแบบนี้อยากเสียความบริสุทธิ์ใช่มั้ยมึง?! เชี่ย! ตูดเสือกสวยอีก ทั้งขาวทั้งเนียนแถมงอนกำลังดี อ๊าก~ ใครก็ได้ช่วยลบภาพตูดมึงออกไปจากสมองกูที~’
ฮันคยองรู้สึกได้ถึงความผิดปกติของคนอีกคนที่อยู่ในห้อง เมื่อสวมชุดนอนเสร็จเรียบร้อยเขาจึงหันไปดูแล้วก็ต้องตกใจที่เห็นเพื่อน
อยู่ในสภาพเปื้อนเลือดอีกครั้ง เหมือนกับตอนที่อยู่ในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าที่โรงเรียนเมื่อวันก่อนไม่มีผิด
“ฮีชอล! นายเลือดกำเดาไหล!” ร่างเพรียวพูดเสียงดังเพื่อเรียกสติคนที่นั่งเหม่อจมกองเลือดอยู่
ร่างโปร่งเหมือนจะเพิ่งรู้สึกตัว เขายกมือขึ้นปิดจมูกของตัวเองอย่างลนลานก่อนที่จะพยายามเดินไปหยิบชุดนอนกับผ้าเช็ดตัวที่
ร่างเพรียวเตรียมไว้ให้
“ไม่ต้องแล้ว! นายวิ่งเข้าห้องน้ำไปก่อนเลย เดี๋ยวฉันหยิบชุดตามไปให้” ฮันคยองบอกเพื่อน ขืนปล่อยไว้นานกว่านี้เตียงของเขาต้องเปื้อนเลือดไปด้วยแน่ๆ
ฮีชอลพยักหน้าถี่ๆแล้ววิ่งเข้าห้องน้ำไปด้วยความเร็วแสงตามที่เจ้าของห้องสั่ง เขาเดินตรงไปยังอ่างล้างหน้าแล้วจัดการล้างคราบเลือดออกจนใบหน้าสวยกลับมาสะอาดหมดจดเหมือนเดิมในที่สุด
“ก๊อกๆๆ ฮีชอล ผ้าขนหนูกับชุดนอน” เสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมกับสำเนียงภาษาเกาหลีแปร่งๆของร่างเพรียว
ฮีชอลแง้มประตูออกมานิดหนึ่งเพื่อรับของจากเพื่อนรัก
“ขอบใจ” คนหน้าสวยพูดสั้นๆก่อนที่จะปิดประตูแล้วใส่กลอนอย่างรวดเร็ว แผ่นหลังเนียนพิงเข้ากับบานประตูก่อนที่ร่างโปร่งจะเหลือบตาลงไปมองส่วนกลางลำตัวของเขาที่กำลังตื่นตัวอยู่
ฮีชอลถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วขยี้ผมตัวเองแรงๆด้วยความอัดอั้น ตอนนี้ในหัวของเขามีแต่ภาพใบหน้าของเพื่อนร่างเพรียวกับ
บั้นท้ายขาวที่เพิ่งปรากฏต่อสายตาเขาเมื่อสักครู่ ยิ่งคิดถึงเขาก็ยิ่งรู้สึกทรมานมากขึ้นเรื่อยๆจนในที่สุดความต้องการตามธรรมชาติก็เป็นฝ่ายชนะ
ร่างโปร่งบางเดินไปยืนใต้ผักบัวก่อนที่มือเรียวจะเริ่มทำหน้าที่ปลดปล่อยความต้องการของตัวเอง
“อือ~ อื้อ~” ฮีชอลพยายามเม้มปากเพื่อไม่ให้เสียงครางหลุดลอดออกมาให้คนที่อยู่ด้านนอกสงสัย
“อา~ อื้ม~ ไอ้ฮัน~” ร่างโปร่งเผลอครางชื่อของคนที่อยู่ในห้วงความคิดของเขาออกมาเมื่ออารมณ์พุ่งทะยานถึงจุดสูงสุด เขาทรุดลงนั่งกับพื้น ปล่อยให้สายน้ำจากฝักบัวไหลลงมาดับความร้อนรุ่มที่ยังหลงเหลืออยู่
‘มันเกิดอะไรขึ้นกับกูวะ? เชี่ย! กูไม่ใช่เกย์สักหน่อยแต่กูมีอารมณ์กับผู้ชายสองครั้งแล้ว เดี๋ยวนะ กูไม่ได้มีอารมณ์กับผู้ชายนี่หว่า
กูมีอารมณ์กับไอ้ฮันคนเดียวต่างหาก ไอ้ฮันมันเป็นตุ๊ด กูมีอารมณ์กับตุ๊ด แล้วกูแม่งเป็นเชี่ยอะไรเนี่ย?!’ ฮีชอลคิดในใจอย่างสับสน ความรู้สึกที่เขามีต่อเพื่อนรักมันแปลกไปมากขึ้นทุกทีจนเขาไม่สามารถที่จะละเลยมันได้อีกต่อไป แต่ถ้าจะให้ยอมรับง่ายๆว่าตัวเอง
เริ่มมีใจให้เพื่อนสนิทที่เป็นผู้ชายก็คงจะไม่ใช่วิสัยของคิมฮีชอล
“แกร๊ก” เสียงเปิดประตูห้องน้ำดังขึ้นพร้อมกับร่างโปร่งบางที่ปรากฏตัวในชุดนอนสีฟ้าอ่อนและกางเกงขายาวสีน้ำตาลซึ่งดูจะยาวเกินไปสักนิดสำหรับเขา
“นายเตี้ยกว่าที่ฉันคิดนะ” ฮันคยองพูดยิ้มๆขณะที่สายตาจับจ้องอยู่ที่ขากางเกงซึ่งยาวจนลากพื้น
ฮีชอลค้อนขวับแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรโต้ตอบ ฮันคยองจึงชวนคุยเรื่องอื่น
“ปกตินายอาบน้ำนานขนาดนี้เลยเหรอ?” เสียงทุ้มหวานถามเรียบๆ ไม่รู้ว่าฮันคยองคิดไปเองหรือเปล่าแต่เขารู้สึกเหมือนเห็นฮีชอลสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำถามของเขา
“อ๋อ...เอ่อ...ก็...แบบว่า...อือ...พอดีตอนกูกำลังจะอาบน้ำเสร็จเลือดกำเดามันไหลออกมาอีกไงมึง กูก็เลยต้องอาบน้ำใหม่อีกรอบ
แม่งเสียเวลาชิบหาย ปกติกูอาบห้านาทีก็เสร็จแล้ว” คนหน้าสวยพูดโดยที่ไม่ยอมสบตาเพื่อนร่างเพรียว
“นายเป็นโรคร้ายอะไรเหรอเปล่า? ช่วงนี้เลือดกำเดาไหลบ่อยนะ” ฮันคยองตั้งข้อสังเกตซึ่งฮีชอลรู้สึกขอบคุณเป็นอย่างมากที่อีกฝ่ายไม่ได้สังเกตด้วยว่าเขาจะเลือดกำเดาไหลเฉพาะตอนที่เห็นเรือนร่างของอีกฝ่ายเท่านั้น
“ไอ้เชี่ยฮัน! มึงแช่งกูเหรอ?! กูไม่ได้เป็นโรคอะไรเว้ย! ก็บอกแล้วไงว่าอากาศแม่งร้อนเว่อร์ กูก็เลยเป็นอย่างงี้” ฮีชอลเถียงด้วยท่าทางจริงจังจนฮันคยองต้องพยักหน้ารับในที่สุด
“ไม่ได้เป็นอะไรก็ดีแล้ว”
“มึงเป็นห่วงกูเหรอ?” ร่างโปร่งบางถามพร้อมกับนั่งลงข้างๆอีกฝ่ายแล้วโอบไหล่บางอย่างถือวิสาสะ มือเรียวลูบไล้ผิวเนียนของ
เพื่อนสนิทอย่างเคลิบเคลิ้ม ไม่รู้ว่าทำไมร่างกายของคนคนนี้ถึงดึงดูดเขาได้มากเหลือเกิน
ฮันคยองรู้สึกแปลกกับสัมผัสที่ได้รับ มันทำให้เขารู้สึกหวิวๆในอกข้างซ้ายอย่างบอกไม่ถูก อะไรบางอย่างบอกเขาว่านี่ไม่ใช่สัมผัสที่เพื่อนควรจะมอบให้กับเพื่อน แต่ถึงกระนั้นเขาก็ไม่ได้ขยับตัวหนีหรือแสดงท่าทางรังเกียจแต่อย่างใด
“ไม่ได้ห่วง แต่จะให้ดูนายตายไปต่อหน้าต่อหน้าก็คงจะใจร้ายเกินไปมั้ง” ร่างเพรียวตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉยจนคนฟังอดไม่ได้ที่จะ
เขกหัวเขาด้วยความหมั่นไส้
“เออ! วันไหนถ้าไม่มีกูมึงจะรู้สึก”
“รู้สึกดีใช่ป่ะ?”
“ไอ้ห่านี่! หลับไปเลยมึง ถ้าคุยกันนานกว่านี้มึงได้หลับเพราะกำปั้นกูแน่ๆ” ฮีชอลผลักอีกฝ่ายให้นอนลงบนเตียงก่อนที่ตัวเองจะคว้าหมอนมาใบหนึ่งแล้วล้มตัวลงนอนบนพื้นข้างเตียงโดยที่มีสายตาของฮันคยองคอยมองการกระทำของเขาด้วยความไม่เข้าใจ
“นอนด้วยกันบนนี้ก็ได้ นายอาบน้ำแล้วนี่” คนน่ารักพูดพลางชะโงกหน้ามองคนที่นอนคุดคู้อยู่บนพื้น
“ไม่อ่ะ ก็ไม่อยากฟังเสียงสะอื้นของมึงตอนดึกๆ กูหลอน นอนแบบนี้แหละดีแล้ว” ฮีชอลตอบปัดๆ อันที่จริงแล้วเขาไม่กล้านอนข้างอีกฝ่ายเพราะเหตุผลอื่นมากกว่า เป็นเหตุผลที่บอกใครไม่ได้เสียด้วยสิ
“ฉันมีผ้าห่มผืนเดียวนะ” ร่างเพรียวบอกอีกครั้งเผื่อว่าเพื่อนสนิทจะเปลี่ยนใจ
“กูไม่หนาว” ฮีชอลตัดบทก่อนที่จะหันหลังให้อีกฝ่ายเป็นเชิงบอกให้เลิกเซ้าซี้เขาได้แล้ว
ฮันคยองล้มตัวลงไปนอนนิ่งๆในที่สุด ดวงตาคู่สวยมองเพดานห้องอย่างเหม่อลอย ภาพของรุ่นน้องหน้าหล่อยังวนเวียนอยู่ในหัวอย่างเด่นชัด
“ไอ้ฮัน มึงรักไอ้เด็กเปรตนั่นจริงๆเหรอวะ?” จู่ๆคนที่ฮันคยองคิดว่าหลับไปแล้วก็เอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
“ไม่รู้สิ” ฮันคยองตอบตรงๆ
“มึงหมายความว่าไง?” ฮีชอลถามด้วยความไม่เข้าใจ เขารู้สึกร้อนรนจนแทบจะนอนต่อไม่ได้
“ฉันไม่เคยรักใครแบบนี้มาก่อน ไม่รู้ว่าจริงๆแล้วความรักมันเป็นความรู้สึกแบบไหน แต่ถ้าการที่เราคิดถึงใครบางคนบ่อยๆแล้วก็ยิ้มออกมาได้ทุกครั้ง การที่ได้อยู่ใกล้คนคนนั้น ได้พูดคุย ได้รับสัมผัสจากเขาแล้วหัวใจเต้นรัว การที่ได้เห็นรอยยิ้มของเขาแล้วมีความสุขและทุกข์เวลาที่เห็นสีหน้าไม่สบายใจของเขามันเรียกว่าความรัก...ถ้าอย่างงั้น ฉันก็คงรักซีวอน” ร่างบางตอบก่อนที่จะยกมือขึ้นมาปิดหน้า ซ่อนน้ำตาที่กำลังรินไหลออกมาอย่างช้าๆ
คำตอบของร่างเพรียวทำให้ฮีชอลรู้สึกปวดหนึบในอกอย่างบอกไม่ถูก ดวงตากลมโตเบิกโพลงฉายแววสับสนอย่างเห็นได้ชัด
‘ถ้าอย่างงั้น...การที่กูคิดถึงแต่มึงตลอดเวลา ใจเต้นรัวทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้มึง ได้สัมผัสมึง และการที่กูอยากเห็นมึงยิ้ม ไม่อยากให้มึงร้องไห้ มันก็หมายความว่ากูรักมึงอย่างงั้นสิไอ้ฮัน?’
To be continued
Talk: อีกตอนเดียวก็จบแล้วค่ะ จะรีบมาต่อเร็วๆนี้ค่ะ ^^
ขอบคุณสำหรับทุกๆคอมเม้นท์และทุกคนที่คลิกเข้ามาอ่าน ขอให้ปลอดภัยจากน้ำท่วมกันด้วยนะคะ ^^
ความคิดเห็น