คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #25 : Charpter 24
Charpter 24
หิมะตกหนักกว่าเมื่อวาน ท่ามกลางท้องฟ้าที่มืดมัวแต่ก็ยังมีแสงแดดพอให้สว่างอยู่
มันจะเหมือนชีวิตของเขาหรือเปล่านะ ที่มีแต่ความมืดมนไม่เหลือแม้แต่แสงสว่าง
จนได้เจอกับซีวอนที่เหมือนเป็นแสงแดดลำเล็กๆที่ส่องมานำทางในชีวิตของเขา
จะได้เจอ....ซีวอนอีกมั๊ยนะ
“เหม่ออยู่ได้ ยังกินไม่เสร็จอีกเหรอ”
เยซองหันไปมองคนถามที่นั่งอ่านหนังสือการ์ตูนอยู่ด้วยรอยยิ้ม หลังจากได้ร้องไห้ความรู้สึกอะไรๆมันก็ดีขึ้นเยอะเลย
ไม่อยากร้องไห้อีกแล้ว ไม่อยากเสียใจอีกแล้ว
ไม่อยาก...จากซีวอนไปไหนเลย
“อืม มันไม่ค่อยหิวน่ะ”
ซีวอนปิดหนังสือลงก่อนจะมองมาทางเยซองสีหน้าเบื่อหน่าย เขาต้องบังคับให้เยซองกินอาหารโรงพยาบาลไปถึงไหนเยซองถึงจะยอมกิน
ทั้งข่มขู่ ทั้งบังคับ ทั้งป้อนให้ แต่เยซองก็ยังไม่ยอมกิน ดื้อเหมือนเด็กๆเลยนะเจ้าตัวเล็กนี่
“จะถึงวันสอบแล้วไม่ใช่เหรอ ซีวอนไม่อ่านหนังสือบ้างเหรอ”
“แล้วไง ฉันน่ะเก่งอยู่แล้วไม่เห็นจำเป็นต้องอ่านเลย”
ซีวอนท้าวคางก่อนจะมองใบหน้าของเยซองที่ดูไม่เชื่อ เขาเอื้อมมือไปขยี้เบาๆที่กลุ่มผมจนอีกคนโวยลั่นแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร
“ขอบใจนะซีวอน ขอบใจสำหรับทุกสิ่งเลย”
ยิ้มให้อีกคนเป็นการตอบแทน ซีวอนชะงักแล้วพยักหน้ารับก่อนจะหันไปมองทางอื่น เขาใจสั่นอีกแล้ว ซีวอน...แกเลิกเป็นแบบนี้ได้แล้วนะ
“ถ้าหากว่าฉันต้องตายไปแล้วจริงๆ ซีวอนห้ามร้องไห้นะ”
“หืม?”
“ก็ฉันไม่อยากเห็นน้ำตาของซีวอนนี่นา ฉันไม่อยากเห็นซีวอนร้องไห้เพราะฉันหรอกนะ ซีวอนไม่ควรจะมาเสียน้ำตาให้คนอย่างฉัน ถูกมั๊ยล่ะ”
ถึงจะฟังดูขมขื่นแต่เยซองก็ยังคงยิ้มเหมือนเดิมที่เจ้าตัวชอบทำประจำ สิ่งที่เขาเกลียดมากที่สุดก็คงจะเป็นน้ำตาของซีวอนนี่แหละ
“ทำไมถึงคิดอย่างนั้นล่ะ”
แทนที่จะตอบกลับกลายมาเป็นคนถามเสียเอง เยซองผงะก่อนจะจ้องมองดวงตาคมที่กำลังมองเขา สายตาของซีวอนอ่านยากและเยซองก็ไม่อยากเข้าใจว่าซีวอนกำลังคิดอะไรอยู่ เขากลัวว่าจะทำให้ตัวเองร้องไห้อีกครั้ง
“ก็เพราะฉันมันเป็นคนขี้โรคไง ซีวอนน่าจะไปเสียน้ำตาให้คนที่ซีวอนรักดีกว่านะ คนอย่างฉัน คนอย่างฉันน่ะ...”
“...”
“คนอย่างฉันน่ะมันไม่มีอะไรดีพอที่จะให้ซีวอนมาเสียน้ำตาให้หรอก แค่ซีวอนมาอยู่ด้วยข้างๆตลอดเวลาแบบนี้....มันก็ดีที่สุดสำหรับฉันแล้ว”
“...โง่ ใครว่าคนอย่างนายไม่คู่ควรกับฉัน”
“...”
“ฉันไม่รู้หรอกนะว่านายกำลังคิดบ้าอะไรอยู่ แต่การที่นายมาตัดสินความรู้สึกของคนอื่นเองแบบนี้มันดูไม่ยุติธรรมไปหน่อยมั้ง ฉันไม่เคยคิดว่าใครจะมาคู่ควรกับฉัน ตรงกันข้ามฉันกลับคิดว่าตัวของฉันเองจะคู่ควรกับเขาหรือเปล่า”
“...”
“เพราะนายคือแสงอาทิตย์ของฉัน ฉันจึงต้องปกป้องดูแลแสงอาทิตย์ของฉันตลอดไป จนกว่าวันหนึ่งที่แสงมันจะดับลง”
“...”
“ขอบคุณสำหรับทุกอย่างงั้นเหรอ ฉันไม่เคยทำอะไรเพื่อนายเลยนะ มีแต่จะสร้างความรำคาญให้ฉันต่างหากต้องเป็นฝ่ายที่ขอบคุณนายในทุกๆเรื่อง ขอบใจนะ เยซอง”
เยซองยิ้มก่อนจะพยักหน้าขึ้นลง เขารู้สึกได้ถึงเจ้าก้อนเนื้อด้านซ้ายที่กำลังเต้นแรงกว่าปกติ อาจจะเพราะความอ่อนโยนเมื่อครู่ที่ซีวอนแสดงออกมาก็เป็นได้
“ขอบคุณนะ ซีวอน”
ทงเฮจ้องมองท้องฟ้าสีครามที่เพิ่งจะปรากฏได้ไม่นาน เขาถอนหายใจออกมาเบาๆเมื่อได้รู้ข่าวว่าพี่เยซองพี่ชายคนสนิทของเขาต้องนอนที่โรงพยาบาลไม่สามารถออกไปไหนได้
“ถ้าฉันจะบอกว่าฉันรู้ตั้งนานแล้วว่าพี่ของนายเป็นโรคอะไร นายจะว่าฉันมั๊ย”
ทงเฮหัวขวับกลับไปมองคนพูด เรียวอุคยืนพิงขอบประตูไม่ได้มองมาทางเขาแต่กำลังมองไปยังขอบประตูด้านตรงข้าม ทงเฮลุกขึ้นเดินมาหาเรียวอุคด้วยอารมณ์ที่ไม่ดีเท่าไหร่นัก
“นาย นายบอกว่าอะไรนะ”
“ฉันรู้มาตั้งแต่แรกแล้วล่ะ ว่าพี่เยซอง...”
“แล้วทำไมนายถึงไม่ยอมบอกฉัน!!!ทำไมนายถึงเก็บเป็นความลับมานานขนาดนี้ ทำไมนายไม่ยอมบอกใครเลย”
ทงเฮจับตัวของเรียวอุคเขย่าไปมาแรงๆ คนตัวเล็กไม่ได้ต่อว่าอะไรกลับทำสีหน้านิ่งเหมือนวันแรกที่เขาและทงเฮเจอกัน ดวงตาที่ดูเย็นชาจ้องมองทงเฮที่กำลังร้องไห้ออกมา เขาเบือนหน้าหนีก่อนที่ทงเฮจะหยุดแล้วค่อยๆทรุดตัวลงนั่งกับพื้น
“ทำไมนายถึงไม่ยอมบอกฉัน ทำไมนายถึง... ทำไม”
ทงเฮพูดเสียงสั่น คนในห้องเริ่มหันมามองก่อนจะลุกขึ้นมาเพื่อดูว่าทงเฮคนร่าเริงเป็นอะไร แต่พอเรียวอุคเหลือบตาขึ้นไปมองทุกคนก็หยุดกึกก่อนจะกลับไปนั่งที่เดิม ทงเฮเกาะขาของเขาก่อนจะซบลงแล้วร้องไห้ออกมา
“...ขอโทษนะที่ไม่ได้บอก ฉันกลัวว่าถ้าพูดไปแล้ว...พี่เยซองจะทำใจไม่ได้ ฉันไม่คิดว่า...”
“นายรู้มั๊ยว่าพี่เยซองสำคัญกับฉันมากแค่ไหน เขาเป็นพี่ชายเพียงคนเดียวที่เข้าใจฉัน และ และ...“
เสียงของทงเฮขาดห้วง เขาเงยหน้าขึ้นมองคนที่กำลังนั่งลงแล้วโอบกอดเขาเอาไว้ เรียวอุคลูบหลังปลอบใจทงเฮเขาพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลลงมา
“และเขาก็เป็นคนที่ฉันรักเหมือนพี่ชายจริงๆ ฉันรับไม่ได้หรอกนะถ้าต้องมารู้ว่าอีกไม่นานพี่เยซองก็จะจากฉันไปในที่ไกลๆแบบนั้น ถ้าหากเป็นไปได้ ถ้าหากเป็นไปได้ ฉันก็อยาก ฉันก็อยาก ฮึก...”
ทงเฮกอดเข้าที่ตัวของเรียวอุค ถึงแม้จะทำใจมานานแล้วแต่พอมารู้เรื่องของเยซองที่เขาพยายามปิดกั้นเอาไว้ว่าเป็นเพียงแค่ความฝัน ยิ่งพอเห็นท่าทีของพี่เยซองในวันรุ่งขึ้นว่าไม่เป็นอะไรแล้วก็ยิ่งคิดว่าเป็นแค่ความฝันจริงๆ
แต่มาในวันนี้ มาในวันนี้ฝันของเขานั้นต้องพังทลายลง อาการของพี่เยซองที่หนักขึ้น อนาคตที่ยังมาไม่ถึง ความหวัง...ที่ดูจะโหดร้ายเกินไป
“ถ้านายบอกฉันเร็วกว่านี้ ถ้าฉันรู้เร็วกว่านี้ บางที บางที...ฉันอาจจะทำใจได้มากกว่านี้”
เรียวอุคตีหน้านิ่งหากแต่น้ำตากลับไหลลงมา เขามือสั่นทำอะไรไม่ถูกได้แต่ลูบหลังอีกคนไปเรื่อยๆ ทงเฮกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นอย่างต้องการที่พึ่ง
สายลมหนาวพัดผ่านร่างกายไปเบาๆอีกแล้ว ซองมินเกลียดลมแบบนี้ เกลียด...ลมที่เหมือนจะมาปลอบแต่ก็แค่มาเยาะเย้ย เขาอยากได้เพื่อนคนเดิมมาอยู่เคียงข้าง อยากให้เยซองมาอยู่ใกล้ๆเขาอีกครั้ง
‘เยซองต้องเข้าโรงพยาบาล อีกนานกว่าจะออกมาได้ ซองมิน...แม่ฝากจดการบ้านให้เขาด้วยนะลูก’
ซองมินทำใจไม่ได้ สิ่งเดียวที่ตอนนี้เขากำลังเผชิญอยู่ ได้แต่คิดว่าเยซองคงไม่เป็นไรแต่ใจกลับไม่คิดอย่างนั้น ได้แต่ภาวนาขอให้เยซองหายดีแต่ใจกลับกลัวว่าเยซองจะเป็นอะไรไป
ทำไมต้องเป็นเพื่อนของเขาด้วย ทำไมโรคนี้ถึงได้เลือกเพื่อนของเขา
ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่เข้าใจและก็ไม่อยากจะเข้าใจอะไรทั้งนั้น
เพื่อนคนเดียวของเขาตั้งแต่เด็กๆกำลังจะจากเขาไปเพราะโรคหัวใจ
ต่อจากนี้เขาจะไม่มีเยซองคนใจดีกับเขาอีกแล้ว ในอนาคตเขาจะต้องอยู่เพียงลำพังท่ามกลางความวุ่นวาย
“คิดอะไรอยู่ หน้าเครียดเชียว”
เสียงทักทำเอาซองมินต้องยกมือขึ้นปาดน้ำตาออกไป เขาหันไปมองก่อนจะแกลังทำหน้าบึ้งกลบเกลื่อนความรู้สึก
“กำลังคิดถึงเยซองอยู่น่ะ”
“เอ้อ จะว่าไปก็ไม่ค่อยเห็นเลยนะเดี๋ยวนี้ เจ้าเด็กนั่นน่ะ”
“อย่าเรียกเยซองว่า’เจ้าเด็กนั่น’นะ”
ซองมินตวาดใส่ทำเอาฮยอกแจสะดุ้ง เขาพยักหน้ารับก่อนจะจ้องมองคนตัวเล็กที่มีน้ำตาปริ่มออกมา ซองมินหันหน้าไปทางอื่นก่อนจะลุกขึ้นพอดีกับที่เสียงโทรศัพท์ของฮยอกแจดังขึ้น
“ครับ”
(ผมเยซองนะครับ)
เสียงปลายสายทำให้ฮยอกแจไม่อยากจะคุยต่อ ในใจของเขารู้สึกกังวลขึ้นมาเล็กๆ แต่เขาก็ทำนิ่งพยายามข่มใจแล้วตอบออกไป
“อื้ม มีอะไรเหรอ”
(พรุ่งนี้มาเจอผมหน่อยตอนสายๆได้มั๊ย ที่สวนสาธารณะแถวๆโรงเรียน)
“เอ๋? ฉัน..ฉันไม่ว่า..”
(ได้มั๊ยครับ)
น้ำเสียงของเยซองมันฟังดูเว้าวอนจนเขาทำอะไรไม่ถูก ใจหนึ่งก็อยากปฏิเสธไปแต่อีกใจหนึ่งกลับรู้สึกสงสาร ก่อนจะเหลือบมองซองมินที่มองมาทางเขา
“อื้ม พี่ไปก็ได้”
พูดจบก็รีบวางสายกลัวว่าซองมินจะเอะใจไปมากกว่านี้ รู้สึกว่าตั้งแต่เขาได้ไปออกเดทกับซองมินวันนั้นเขาก็เริ่มจะเกรงใจเวลารับโทรศัพท์ตอนที่มีซองมินอยู่ด้วยทุกที
“ผมขอตัวก่อนนะครับ”
ฮยอกแจทำท่าจะรั้งซองมินเอาไว้แต่อีกคนกลับเดินจากไปไม่หันมามองเขาเลยสักนิด
วันนี้เป็นวันที่เยซองนัดฮยอกแจเอาไว้ เขาใส่เสื้อยืดคอกลมสีชมพูอ่อน กางเกงสบายๆขายาวสีขาวครีมและมีเสื้อโค้ตตัวยาวสีชมพูดเข้มเล็กน้อยสวมทับ ดูแล้วเยซองเหมือนเป็นผู้หญิงเสียจริง ยิ่งมีผ้าพันคอสีชมพูเข้มสลับขาวนั่นอยู่บนลำคอระหงส์ด้วยแล้ว ยิ่งดูคล้ายเข้าไปใหญ่
“ฉันไปแล้วนะ ซีวอน”
ซีวอนพยักหน้ารับด้วยอารมณ์ไม่พอใจ ทั้งๆที่รู้ว่าฮยอกแจมันไม่มีทางหันกลับมามองตัวเองแต่ก็ยังเลือกที่จะไปเจอมันให้เจ็บปวดใจเล่น และก็เพราะมันนั่นแหละที่ทำให้เจ้าตัวเคยเจ็บปานตายมาแล้ว ไม่เข้าใจจริงๆว่ากำลังคิดอะไรอยู่ พอเยซองเดินออกไปได้ไม่นาน เขาก็เดินตามไปเงียบๆทำตามสัญชาตญาณเก่าเวลาจะสะกดรอยตามใคร
เยซองมาหยุดยืนอยู่ที่หน้าสวนสาธารณะ อากาศเริ่มหนาวขึ้นเรื่อยๆจนเขาต้องยกมือขึ้นลูบเบาๆที่ต้นแขน กอดกระชับถุงของขวัญในมือเอาไว้แน่น
เขารู้... ว่าวันนี้เป็นวันเกิดของฮยอกแจ
เขารู้... ว่าวันนี้เป็นวันที่ฮยอกแจมีความสุขที่สุด
เขาอยากอยู่ให้ของขวัญฮยอกแจเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะไม่มีโอกาสอีกแล้ว เยซองก้มลงมองถุงในมือตัวเองนิ่ง รอยยิ้มเล็กๆผุดขึ้นที่ริมฝีปากก่อนเขาจะก้มหน้าลงไปจูบเบาๆที่ปากถุง
เวลาเดินไปเรื่อยๆไม่มีวันหยุด สายน้ำเองก็ไหลไปตามทางที่มันควรจะไป ชีวิตของคนเราก็เช่นกัน ค่อยๆไหล ค่อยๆเดินไปตามวิถีแห่งกลไกธรรมชาติ
“ฮ้า~!”
เยซองพ่นลมหายใจใส่มือตัวเองก่อนจะกระโดดอยู่กับที่เบาๆ ความหนาวเย็นเพิ่มขึ้นจากเดิมเพราะตอนนี้เป็นเวลาเย็นมากแล้ว เย็นมากแล้ว...แต่ฮยอกแจก็ยังไม่มา
เขามองไปยังทางเข้าของสวนสาธารณะด้วยสายตาเว้าวอน ก่อนจะถูมือไปมาให้มันอุ่น กอดตัวเองก็แล้วแต่ก็ยังไม่หายหนาว ทำยังไงดีเขาถึงจะทนต่อความหนาวเย็นนี้ได้
หิมะตกหนักกว่าเดิมคล้ายว่าจะมีพายุหิมะในอีกไม่นาน เยซองทรุดตัวลงนั่งกับพื้นก่อนจ้องมองไปยังทางเข้าสวนสาธารณะอีกครั้ง
“ฮึก อือ”
เขาครางออกมาเบาๆเมื่อความหนาวทำให้ปากสั่นไปหมด เขากอดตัวเองให้แน่นขึ้นโดยมีของขวัญของฮยอกแจอยู่ในอ้อมกอด เขาเป็นห่วงของขวัญของฮยอกแจเหลือเกิน กลัวว่าของขวัญจะเป็นอะไรไปก่อนถึงมือของฮยอกแจ
เยซองยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูก่อนจะพบว่ามันดึกแล้ว เขาควรจะกลับไปนอนที่โรงพยาบาลได้แล้ว แต่เขาก็ยังไม่สามารถกลับได้
ถ้าหากว่า
ถ้าหากว่า
ถ้าหากว่า...พี่ฮยอกแจมาตอนที่เขากลับไปพอดีแล้วจะทำยังไงล่ะ
ไม่ได้หรอกนะเยซอง ทนอีกหน่อยเถอะ ทนอีกนิดเถอะนะร่างกายของฉัน
เดี๋ยวรุ่นพี่ก็มาแล้ว เดี๋ยวรุ่นพี่ก็มา
อีกนิดเดียวเท่านั้นเอง ร่างกายของฉัน...
ได้โปรดเถอะ....
ได้โปรด...
รออีกนิดเถอะนะ
ตุ้บ!!!
ร่างของเยซองล่วงลงไปนอนกับพื้น ดวงตาเรียวยังไม่ปิดเข้าหากัน ความหนาวทำให้เขาแข็งจนขยับไม่ได้
ตึกๆ
ก่อนสติจะดับวูบลงไปทั้งหมดเขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าคนก่อนจะเห็นร่างสูงๆของใครบางคนที่เดินเข้ามาหาเขา
“รุ่นพี่ครับ...สุขสันต์วันเกิดนะครับ”
- - - - - - - - >
โอกันมั๊ยกับตอนนื้ เศร้าไปมั๊ยหว่า? คงไม่หรอกเนอะ แหะๆ
ปวดตาสุดยอดอ่ะค่ะ นึกว่าจะแต่งต่อไม่ได้เสียแล้ว แย่จังY-Y
เจ็บตาอ่า...เมื่อวานดูบันทึกน้ำตาหนึ่งลิตรแล้วร้องไห้อีกแล้วYOY
ความคิดเห็น