คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #24 : Charpter 23
Charpter 23
สายลมยามหนาวพัดมาแล้ว หิมะแรกของวันเขาว่าจะตกลงมาจากฟากฟ้าประมาณเที่ยงๆ เยซองกดหยุดเล่นเพลงในIpodแล้วเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า เขาจ้องมองท้องฟ้าที่มืดครึ้ม
เขาไปโรงเรียนไม่ได้แล้ว ร่างกายของเขาทรุดลงทุกวัน
ไหนหมออีทึกบอกว่าเขาร่างกายแข็งแรงมากกว่าครั้งก่อนทุกครั้งที่มาตรวจไง แล้วไหงร่างกายของเขาถึงทรุดลงๆแบบนี้ ต้องมาตรวจร่างกายทุกวันหลังจากเรียนเสร็จหรือไม่ก็ก่อนไปเรียนในตอนเช้า
เยซองวางมือลงบนผ้าปูที่นอนแล้วหันหน้าไปมองท้องฟ้าที่เริ่มจะมีลูกอะไรกลมๆสีขาวๆตกลงมาแล้ว หิมะตกแล้ว...
ครืด~!
เขาไม่คิดจะหันไปดูสักนิดว่าใครกันที่เปิดประตูเข้ามา เขากำลังสนใจเจ้าหิมะลูกกลมๆอยู่
“ไม่หนาวหรือไง ทำไมถึงไม่ห่มผ้า”
เยซองอมยิ้มและไม่ได้ตอบอะไร เขาเอื้อมมือไปจับมือหนาที่หยิบผ้าห่มมาห่มให้เขา ก่อนหันหน้าไปมองอีกคนทั้งน้ำตา
“ฉันร้องไห้อีกแล้วล่ะซีวอน”
“...”
“ฉันเริ่มจะกลัวขึ้นมาอีกแล้ว กลัวว่าจะทำใครหลายคนเสียใจ”
“...ฮยอกแจน่ะเหรอ”
“ไม่ใช่ ฉันกลัว กลัวว่าจะทำนายเสียใจ”
ความเงียบเข้าปกคลุมทั้งห้องช้าๆ ซีวอนมองเยซองที่กำลังจะคลี่ยิ้มแต่ก็ทำไม่ได้ เขารีบหันไปมองทางอื่นก่อนที่หยาดน้ำตาจะไหลลงมา
“แล้วไง ฉันไม่เห็นต้องเสียใจเพราะนายเลย ไม่เห็นจำเป็นเลย...สักนิด”
ซีวอนเดินไปยืนที่หน้าต่างแล้วมองลงไปยังพื้นด้างล่างของโรงพยาบาล หัวใจของเขาเจ็บแปลบเมื่อคิดว่าอีกไม่นานเยซองก็จะไม่อยู่กับเขาแล้ว จะไม่มีคนให้เขาคอยเช็ดน้ำตาให้อีกแล้ว ไม่มีรอยยิ้มที่ทำให้เขาเปลี่ยนแปลงไปได้ขนาดนี้ ไม่มีร่างเล็กๆที่คอยอยู่เคียงข้าง ไม่มีใบหน้าหวานๆให้มองอีกต่อไป
ซีวอนยกมือขึ้นจับที่กระจกแล้วถอนหายใจออกมาเบาๆ เขาจะทำยังไงให้ยื้อเวลาอยู่กับเยซองได้อีกต่อไปนานๆ
“ซี...วอน ฉันอยากเล่นหิมะ”
คนโดนอ้อนหันไปมองคนบนเตียง เขาจำได้ว่าวันแรกที่แม่ของเยซองโทรมาบอกว่าเยซองต้องเข้านอนที่โรงพยาบาลและอีกนานกว่าจะได้ออกมันทำให้เขาหัวใจตกวูบและหวาดกลัวไปต่างๆนานา เขาไม่เป็นอันเรียนทั้งๆที่คิดว่าจะมาติวหนังสือให้เยซองเพราะเข้าช่วงสอบแล้ว แต่นี่กลับกลายเป็นว่าเขาต้องไปนั่งติวคนเดียว เขายอมทิ้งการเรียนมาหลายวันโดยอ้างเยซองว่าโรงเรียนให้นักเรียนหยุดอ่านหนังสือสอบ ดูเหมือนคนตัวเล็กจะเชื่อสนิทใจเลยไม่ได้ว่าอะไร เขาไม่รู้ว่าตัวเองจะหลอกเยซองไปได้อีกนานเท่าไหร่
“ได้มั๊ย ให้ฉันไปดูหิมะข้างนอกได้มั๊ย”
“...”
เยซองยังคงอ้อนเขาทั้งน้ำเสียงและแววตา คนตัวเล็กน้ำตาคลอหน่วยและพร้อมจะไหลทุกเมื่อถ้าหากว่าเขาไปขัดใจ ซีวอนพ่นลมหายใจออกมาเป็นควันขาวก่อนจะตามใจคนตัวเล็ก
“แค่แปบเดียวนะ”
เด็กๆในโรงพยาบาลที่ไม่น่าเป็นห่วงแล้วแต่ต้องเช็คดูอาการและคนไข้มากมายต่างพากันเดินออกมาดูหิมะแรกของฤดูที่ตกลงมาเพิ่มความหนาวของร่างกายให้มากยิ่งขึ้นไปอีก เยซองเอื้อมมือออกไปข้างหน้าก่อนหิมะจะตกลงมาบนมือ เขาชักมือกลับมาเพื่อมองมันก่อนจะยิ้มกว้าง หิมะสวยจริงๆ
“นายไม่หนาวเหรอ ฉันหนาวจะตาย”
ที่จริงแล้วซีวอนไม่ได้หนาวอย่างที่พูดแต่อย่างใด เขาแค่อยากจะหาข้ออ้างเพื่อให้ร่างเล็กกลับเข้าไปในห้องพักของตัวเองต่อ ได้ยินมาว่าคนร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงจะไม่สบายและเป็นหวัดง่าย เขาไม่อยากให้เยซองเป็นหวัดเพราะกลัวว่าคนตัวเล็กจะจากเขาไปเร็วยิ่งขึ้น
ซีวอนปล่อยมือออกจากที่จับของรถเข็นเดินมามองหน้าของเยซองสายตาดุ เยซองทำสีหน้าหวาดกลัวก่อนจะอมยิ้ม เขาไม่กลัวซีวอนแล้ว เขาเก่งใช่มั๊ยล่ะ
“ฉันไม่กลัวซีวอนแล้ว ซีวอนชอบทำสายตาดุๆใส่ฉัน แต่ฉันก็ไม่กลัวเพราะที่จริงแล้วซีวอนใจดีมากๆเลย”
เมื่อรู้ว่าคนโดนดุรู้ทันแผนของตนแล้วก็ต้องทำสีหน้าเอือมๆแทน เจ้าตัวเล็กนี่ดื้อกว่าที่คิดอีกแฮะ
“ตุ๊กตาหิมะเป็นยังไง ฉันไม่เห็นเคยเห็นเลย”
“เอ๋?”
“???”
“นายไม่เคยเห็นเลยเหรอ ตุ๊กตาหิมะน่ะ ตุ๊กตาที่ใช้หิมะทำทั้งตัวและเอากิ่งไม้มาปักเป็นแขนไง นายไม่เคยเห็นเลยจริงๆน่ะเหรอ”
ซีวอนพยักหน้า อะไรกันเรื่องแค่นี้ต้องตกใจขนาดนี้เลยเหรอ
“นายจะหาว่าฉันบ้านนอกใช่มั๊ยล่ะ”
“เปล่า แค่คิดว่าอย่างซีวอนน่ะจะไม่เคยเห็นได้ยังไง พ่อกับแม่...เอ่อ”
เยซองเงียบเมื่อพูดถึงเรื่องอ่อนไหวและกลายเป็นจุดด้อยของซีวอนไปแล้วออกมา เขาลืมไปได้ยังไงว่าซีวอนอ่อนไหวเรื่องครอบครัวขนาดไหน
“ก็อย่างที่เคยเล่าให้ฟัง พ่อกับแม่ของฉันเขาไม่เคยทำอะไรแบบนี้ให้หรอก แม่ของฉันท่านจากไปก่อนที่ฉันจะทันได้เล่นตุ๊กตาหิมะเสียอีก”
ซีวอนเอามือไขว้หลังแล้วหันไปมองทางอื่น เขาไม่ชอบเลยสายตาที่ดูอ่อนโยนของเยซอง เพราะมันทำให้เขาหลงคนตัวเล็กนี่มากขึ้นไปทุกวันๆ
“งั้นเราไปเล่นกันดีมั๊ย ฉันจะทำให้ซีวอนตัวหนึ่ง เอาตัวใหญ่ๆเลย”
ซีวอนหันมามองรอยยิ้มที่ทำให้เขาหลงขึ้นไปทุกวันๆ เขาเดินเข้าไปใกล้ก้มตัวลงไปแล้วยกมือขึ้นลูบกลุ่มผมอีกคนเล่น เขาส่งยิ้มไปให้เยซองอย่างที่ไม่เคยให้ใครมาก่อนนอกจากแม่ของเขา ยิ้มอย่างอ่อนโยนและออกมาจากจากในใจ
“เอาตัวใหญ่ๆเลยนะ”
“ไม่ได้นะ ซีวอนจะต้องเอากิ่งไม้มาเสียบที่ตรงนี้”
เยซองที่ตัวเต็มไปด้วยผ้าพันคอ เสื้อกันหนาวห้าตัว กางเกงขายาวและแน่นอนว่ามันต้องทำให้ร่างกายของเยซองอบอุ่นตลอดเวลาอีกสามตัว มันทำให้เยซองดูอ้วนขึ้นมาจากเดิมและดูเทอะทะสร้างความลำบากในการขยับตัวของเยซอง ซีวอนอมยิ้มเมื่อเยซองจะล้มลงไปแล้วหลายครั้ง
“ซีวอนไม่น่าบังคับให้ฉันใส่เลย มันเทอะทะจัง”
เยซองว่าแล้วยกแขนเสื้อขึ้นมอง เขาก้มลงมองร่างกายตัวเองที่กลายเป็นตู้เสื้อผ้าเคลื่อนที่ไปแล้ว ซีวอนเดินเข้ามาใกล้ก่อนจะดึงตัวของเยซองเข้ามาใกล้ๆจนรับรู้ได้ถึงลมหายใจ
“ก็ถ้านายเป็นอะไรไปแล้วมันจะแย่”
ได้ผล เกมนี้ซีวอนชนะ เยซองหน้าแดงอย่างที่เขาวางแผนเอาไว้ แน่นอนว่าเขาได้กลิ่นหอมอ่อนๆมาจากตัวของเยซองและก็เริ่มบังคับตัวเองไม่ได้อีกแล้ว
“นี่!!”
เสียงที่ดังขึ้นทำเอาซีวอนที่จับอยู่ที่ไหล่ของเยซองปล่อยมือออกก่อนจะถอยใบหน้ากลับไป เขาหัวใจเต้นแรงจนกลัวว่าอีกคนจะได้ยิน
“เยซอง ใครให้ออกมาข้างนอก”
คุณนายคิมจ้องมองเยซองด้วยสายตาเป็นห่วงแกมดุก่อนจะเลื่อนสายตาไปมองซีวอนที่ยืนอยู่ข้างๆ เขาจ้องหน้าเพื่อนของลูกชายที่ไม่รู้ไปสนิทกันตอนไหนแต่เห็นเยซองเมมเบอร์เอาไว้ว่าเป็น’คนสำคัญ’
“เธอคงจะชื่อซีวอนสินะ”
คนโดนถามพยักหน้า คุณนายคิมเพียงแค่พยักหน้ารับแล้วจับเข้าที่แขนของเยซองก่อนจะออกแรงดึงให้เดินตามตัวเองไป
“กลับไปที่ห้องได้แล้ว ถ้าเป็นหวัดขึ้นมามันจะแย่”
“แต่ผม...”
เยซองปรายสายตามองซีวอนคล้ายจะขอความช่วยเหลือแต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผล
“กลับได้แล้ว เร็วๆ”
เยซองต้องทำตามคำสั่งของผู้เป็นแม่เดินกลับไปยังห้องแต่ก็ไม่ยอมละสายตาไปจากซีวอนที่ยืนนิ่งอยู่และซากตุ๊กตาหิมะที่ยังไม่เสร็จ ซีวอนมองจนเยซองหายเข้าไปในโรงพยาบาลแล้วถอนหายใจออกมา เขาหันไปมองตุ๊กตาหิมะของเขาและเยซอง
‘ซีวอน ฉันอยากเห็นตุ๊กตาหิมะ’
ซีวอนพ่มลมหายใจออกมาอีกครั้ง เขาหันไปมองหน้าต่างของห้องพักฟื้นเยซอง
“ฉันจะทำให้นายเอง”
แม่ของเยซองห่มผ้าห่มไปบนตัวของลูกชายปิดคลุมจนถึงหน้าอก เยซองหลับไปแล้วเพราะฤทธิ์ของยาและความอ่อนเพลีย เธอจ้องมองลูกชายที่หลับสนิทแล้วอดไม่ได้ที่จะคิดถึงอนาคตของตัวลูกชาย แต่เพียงแค่คิดว่าอนาคตจะไม่มีเยซองให้คอยกอดอีกแล้วเธอก็แทบจะกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ มือนุ่มที่โอบอุ้มเยซองมาตั้งแต่ออดแต่อ้อนลูบเบาๆที่กลุ่มผมของลูกชาย เธอสะอื้นเบาๆ
“เยซอง ฮึก ลูกต้องสู้ ต้องสู้ต่อไปนะ ฮือ”
เธอพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลลงมามากว่านี้ ทั้งๆที่สัญญากับเยซองเอาไว้แล้วว่าจะไม่ร้องไห้อีกต่อไปแต่ก็อดไม่ได้ที่จะต้องร้องออกมา เธอลูบกลุ่มผมของเยซองอีกครั้งก่อนจะผละออกไปยืนตรงเสาเพื่อไม่ให้ตัวเองร้องไห้ไปมากกว่านี้
ครืด~
เสียงประตูเปิดออกทำให้เธอรีบยกมือขึ้นปาดน้ำตาและพยายามทำเสียงไม่ให้สั่น เธอหันไปมองคนมาใหม่ก่อนจะยิ้มออกมา
“ผมไม่รู้ว่าเยซองหลับไปแล้ว ขอโทษครับ”
“ไม่เป็นไรจ้ะ”
เธอบอกเพื่อนของลูกชายเบาๆ ซีวอนดูจะงงไม่น้อยที่เห็นเธอพูดดีด้วยทั้งที่เมื่อกี้เพิ่งจะทำสายตาจิกกัดอยู่เลย ซีวอนโค้งตัวและทำท่าจะเดินออกไปแต่เธอกลับเรียกเอาไว้
“เดี๋ยวก่อน ฉันขอคุยอะไรด้วยหน่อยได้มั๊ย”
“เอ๋?”
“ฉันอยากให้เธอช่วยฉันอย่างหนึ่ง แค่อย่างเดียวเท่านั้น นายจะยอมช่วยฉันได้หรือเปล่า”
ซีวอนทำท่าอึกอักที่จะตอบ คุณนายคิมหันหน้ามามองใบหน้าของเพื่อนลูกชาย ดวงตาที่เต็มไปด้วยน้ำตาฉายแววอ่อนโยนและแข็งแกร่ง ซีวอนกำหมัดแน่นก่อนจะพยักหน้าตกลง
“ครับ เรื่องอะไรเหรอครับ”
“...เยซอง นายรู้อนาคตของเยซองแล้วใช่มั๊ย”
“ก็ใช่ว่าจะไม่มีทางหายนี่ครับ โรคหัวใจน่ะ...”
“ใช่อย่างที่เธอพูด แต่ฉันไปอ่านหนังสือมาหลายเล่มแล้ว ยังไม่มีวิธีไหนที่จะทำให้โรคหัวใจหายขาดได้ ถ้าจะผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจ รู้ใช่มั๊ยว่ามันเสี่ยงแค่ไหน”
ซีวอนไม่ตอบซึ่งคุณนายคิมรู้ดีว่าเพื่อนลูกชายฉลาดและหัวไวแค่ไหน บางที...เขาอาจจะรู้มาก่อนเธอนานแล้วก็ได้
“เยซองเขายิ้มได้อีกครั้งก็เพราะเธอนะ ช่วยอยู่ข้างๆเขา...จนกว่าจะถึงวันนั้นได้มั๊ย”
น้ำตาไหลลงมาจากดวงตาของเธอ คุณนายคิมพยายามฉีกยิ้มให้ซีวอน ซีวอนไม่ได้ตอบอะไรและดูเหมือนเขาจะเริ่มไม่แน่ใจในอนาคตของเยซองอีกแล้ว
ไม่ใช่เพราะกลัวเรื่องที่จะต้องดูแลอีกคน
แต่กลัว...กลัวเรื่องที่คนตัวเล็กจะต้องจากเขาไปในสักวัน
ทั้งๆที่คิดเอาไว้ว่าอาจจะมีทางรักษา แต่มันก็คงยาก แสงสว่างริบหรี่จนดับไปกับความมืดมิด
ความหวัง...มันไม่ควรเกิดขึ้นมาเลย
“...”
“ครับ ผมจะอยู่จนกว่าจะถึงวันนั้น”
คุณนายคิมโค้งตัวขอบคุณหลายต่อหลายครั้ง น้ำตาไหลลงมามากกว่าเดิมด้วยความซึ้งใจ เธอหันไปมองลูกชายที่นอนหลับอยู่บนเตียงก่อนจะยิ้มและขอตัวไปทำงาน
“เดี๋ยวผมไปส่งแล้วกันนะครับ”
ซีวอนผายมือให้หญิงกลางคนเดินออกไปก่อนแล้วเดินตามออกไปโดยไม่ลืมปิดประตู
สิ้นเสียง เปลือกตาของเยซองก็เปิดขึ้นมา เขาไม่ได้นอนหลับอย่างที่ใครๆเห็น เพียงแค่ไม่อยากจะเห็นน้ำตาของคนเป็นแม่อีกครั้งก็เท่านั้น
วันเวลาของเขามันเริ่มสั้นลงไปเรื่อยๆ ถึงจะมีโอกาสหาย แต่ทำไมมันถึงริบหรี่นักก็ไม่รู้
คนเราเกิดมา....เพื่ออะไรกันนะ?
หลายคนคงเฝ้าหาคำตอบยามที่ตัวเองท้อแท้เช่นเขาเป็นต้น
แต่ที่จริงแล้วมนุษย์ควรถามตัวเองต่างหากว่า
ตั้งแต่เกิดมา เราทำอะไรเพื่อคนอื่นไปแล้วบ้าง...?
“ฮึก พ่อครับ แม่ครับ ทงเฮ ฉันขอโทษ ซีวอน....ฉันขอโทษ”
เยซองเลิกผ้าห่มขึ้นปิดหน้าแล้วร้องไห้ภายใต้ผ้าห่ม กอดตัวเองด้วยความเดียวดายและเศร้าใจ เขาจะเกิดมาทำไมถ้าหากว่าไม่เคยสร้างประโยชน์ให้ใครได้เลย
- - - - - - - - >
จัดไปกับวอนเย่ เยอะสะใจมั๊ยจ๊ะคนอ่านทุกคน
กลับไปดูบันทึกน้ำตาหนึ่งลิตรหวังสร้างอารมณ์เศร้าๆ
ดันกลายเป็นว่าร้องไห้จนตาบวม เจ็บตาไปหมดแล้ว
ดูกี่ทีก็ร้อง เป็นเรื่องแรกที่ทำให้กวาร้องไห้มากมายขนาดนี้
เอามาใช้กับฟิคเรื่องนี้ได้เยี่ยมสุดยอดเลย ภาพของนักแสดงที่ติดตาทำให้กวาบรรยายตัวละครได้
แต่บรรยายไปๆมาๆกลับชะงักเพราะจะร้องไห้ โฮๆๆๆๆTOT
แต่งเองร้องเอง อะไรจะเศร้าขนาดนี้
ความคิดเห็น