คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #95 : [SF 2JONG]ดูแลไม่ไหว[--END--](แก้อะไรเล็กน้อย)
Pairing: JONGHYUN x YESUNG [2JONG]
Author:Sara_Pao
Rating:PG
Note:ตอนจบมาแล้วจ้า!!! ฟังเพลงไปด้วยจะได้อารมณ์มากยิ่งขึ้น(มั้งนะ= =;)(เนื่องจากเพลงมันไม่ขึ้น หรือเปล่า)
สองปีแล้ว...ที่นายทิ้งฉันไว้ในคราวนั้น
สองปีแล้ว...ที่นายไม่กลับมาหาฉันเลยสักครั้ง
สองปีแล้ว...ที่นายทิ้งให้ฉันต้องอยู่อย่างเดียวดาย
สองปีแล้ว...ที่นายหายสาบสูญไป
สองปีแล้ว...ที่ฉันคิดถึงนายตลอดมา
สองปีแล้ว...แต่ฉันไม่เคยลืมนายออกไปจากใจได้เลย
เพราะฉัน...รักนาย
ในคืนนั้นวันที่ผมรู้ว่าคนรักของผม คิม จงฮยอนเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวระยะสุดท้าย ในตอนแรกผมคิดว่าเขาโกหกและต้องการอำผมเล่นๆ แต่สายตาที่เขามองมามันไม่ใช่แบบนั้นเขามองผมอย่างเศร้าสร้อย สายตาที่ดูเว้งว้างในความรู้สึกของผม
มันทำให้ผมที่พยายามจะปฏิเสธความเป็นจริงต้องใจสลาย มือหนาของอีกคนที่เอื้อมมาจับที่แก้มของผมมันดูสั่นระริกเหมือนคนไม่มีแรง
ในคืนนั้นผมและจงฮยอนต่างร้องไห้จนเราทั้งคู่หลับไปด้วยกัน...
และผมก็ฝัน ฝันว่าผมเสียจงฮยอนไป เขาทิ้งผมไว้ตัวคนเดียวก่อนที่จะจากผมไป...แบบไม่มีวันหวนกลับ
ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาในกลางดึกแล้วลุกขึ้นนั่ง ผ้าห่มผืนหนาห่มอยู่บนตัวของผมแต่ข้างๆกลับไม่มีใครเลย ผมมองฝ่าความมืดไปรอบๆตัวแต่ก็ไม่พบใครอีก ผมลุกขึ้นยืนก่อนที่จะวิ่งออกจากห้องไป
จงฮยอน นายหายไปไหน
ผมวิ่งไปตามชายหาดลมทะเลพัดเข้ามาปะทะกับใบหน้าจนผมผิดหน้าผิดตาไปหมดผมปัดมันออกลวกๆก่อนที่จะวิ่งไปเรื่อยๆ สายตาพยายามมองหาร่างของคนที่ผมคิดเอาไว้แต่ก็ไม่พบ
ผมวิ่งห่างออกมาจากที่พักเรื่อยๆมาหยุดยืนหอบอยู่ที่หน้าสะพานไม้ สะพานนี้พวกชาวบ้านเอาไว้เดินเพื่อไปขึ้นเรือ ผมวิ่งขึ้นไปข้างบนเพื่อมองเรือที่เคยจอดนิ่งอยู่ที่ตรงหน้าสะพาน แต่มันหายไป หายไปอย่างไร้ร่องรอย
ลมทะเลยังคงพัดมาอย่างต่อเนื่อง ผมค่อยๆทรุดนั่งลงบนสะพานไม้มือจับขอบราวสะพานแน่น
“จงฮยอน”
ผมตะโกนเรียกชื่อของอีกคนเสียงดัง ลมทะเลพัดอย่างต่อเนื่องก่อนที่มันจะทวีความรุนแรงขึ้นเหมือนพายุกำลังจะมา เสียงคลื่นที่ซัดเข้าฝั่งดังจนผมได้ยินชัดเจนละอองน้ำกระเด็นสาดใส่หน้าของผม
“จง ฮึกฮยอน”
ผมสะอื้นออกมาเบาๆ มือที่เคยเกาะขอบราวสะพานค่อยไปตกลงมาช้าๆ
“นายอยู่ไหนน่ะจงฮยอน นายอยู่ที่ไหนน่ะฮึก ฮือๆ”
ผมร้องตะโกนราวกับคนบ้า ไม่มีเสียงตอบรับจากจงฮยอนพวกคุณคงคิดว่าผมโง่ที่มานั่งร้องไห้ต่อหน้าทะเล แต่เพราะทางที่จะออกจากเกาะนี้ได้ก็มีแค่ทางนี้เท่านั้นในตอนกลางคืนแบบนี้ รถประจำหมู่บ้านก็หมดไปแล้ว
น้ำตาของผมไหลออกมามากกว่าเดิม
จงฮยอน นายทิ้งฉันไปทำไม
นายทิ้งฉันไปทำไม...นายทิ้ง ฮึก ฉันไปทำไม
“จงฮยอน นายมันคนหลอกลวง นายไม่เคยจริงใจกับฉันเลย”
ผมตะโกนออกมาอีกครั้งก่อนที่จะก้มหน้าลง น้ำตาไหลออกมาไม่หยุด ผมไม่คิดที่จะเช็ดมันออกไป
“ทำไมนายไม่ไว้ใจฉัน ทำไมนายถึงไม่ฝ่าฝันอุปสรรคไปพร้อมๆกับฉัน”
ผมตะโกนถามขึ้นมาอีกครั้งเงยหน้าขึ้นมองไปทั่วๆเหมือนมองหาใครอีกคนบนผืนฟ้า
เหมือนกับ...อยากให้อีกคนได้ยิน
“ทำไมนายถึงเลือกที่จะทำแบบนี้ นายก็น่าจะรู้ อึกฮึกนายก็น่าจะรู้ดีฮือว่าฉันรักนายคนเดียว ฮือ”
ยิ่งพูดน้ำตามันก็ยิ่งไหลและก็ไหลออกมาเยอะกว่าเดิมด้วย ผมนั่งมองท้องฟ้าที่ดำมืดด้วยความรู้สึกปวดใจ
‘จงฮยอน นายไม่เคยเชื่ออะไรในตัวของฉันเลย’
หลังจากนั้นผมก็พยายามที่จะลืมจงฮยอนไปจากใจของผม ไม่ว่าจะทำโดยการไปเที่ยวเตร่ในตอนกลางคืนและเอาแต่กินเหล้าในตอนเช้าจนเมามาย ทำตัวเหลวแหลกประชดจงฮยอนทั้งๆที่รู้ว่ามันไม่มีทางที่ผมจะลืมเขาได้เลย มีแต่จะเจ็บปวดเพิ่มทั้งหายและจิตใจแต่ผมก็เลือกที่จะทำ
ผมคบผู้ชายที่สนใจแต่ตัวของผมไปเรื่อยๆจนถึงขั้นเคยเกือบมีอะไรกัน แต่เพราะใบหน้าของจงฮยอนที่ลอยเข้ามาทำให้ผมตัดสินใจผลักคนที่เกือบจะมีอะไรกับผมออกไปแล้ววิ่งออกมาจากคอนโดของมัน
ผมไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองถึงต้องไปรักไอ้คนที่ไม่เคยรักผมด้วย ยิ่งคิดมันก็ยิ่งเจ็บเจ็บจนต้องระบายออกมาทางน้ำตา
ผมร้องไห้คิดถึงคนที่ทิ้งผมไปทุกคืน เวลาจะนอนก็ต้องนึกไปถึงใบหน้าที่แสนอ่อนโยนนั่น ผมนอนไม่หลับมาหลายคืนเพราะเอาแต่นึกไปถึงเรื่องราวระหว่างผมและจงฮยอน
ตอนที่เราเริ่มคบกันใหม่ๆเราหวานกันขนาดไหน
ตอนที่เราเพิ่งจะทะเลาะกันในตอนแรกเราร้องไห้และห่างเหินกันยาวนานขนาดไหน
ตอนที่เราจูบกันครั้งแรกมันหวานขนาดไหน
ตอนที่เราออกมาอยู่ด้วยกัน...เรารักกันมากแค่ไหน
ไม่สิ...เขาไม่เคยรักผมเลยต่างหาก เพราะไม่งั้นเขาคงไม่ทิ้งผมไป
เขาคงไม่โกหกและปิดบังผมเรื่องโรคมะเร็งอะไรนั่นมานานขนาดนี้
แต่ตอนนี้ผมทำใจได้มากขึ้นแล้ว แต่มันก็ยังลบคนที่ชื่อ’คิม จงฮยอน’ออกไปจากใจได้เสียที ผมเลิกทำตัวเหลวแหลกและกลับมาใช้ชีวิตตามเดิมยิ้มแย้มเหมือนคนปกติแต่มันเป็นยิ้มเศร้าๆและไม่เคยจริงในแทน
น้องของผมเป็นคนแรกที่เขารู้ถึงการเปลี่ยนไปของผม
“พี่เยซอง”
ในวันหนึ่งเขาเรียกให้ผมไปหาเขาที่ห้องนอน ผมกลับมาอยู่บ้านของน้องชายผมและปิดบ้านนั้นไปโดยที่ไม่กลับไปอีกเลย
ไม่ใช่ว่าอยากตัดขาด แต่ผมอยากจะเก็บมันไว้เป็นความทรงจำที่มีค่าของผม
ผมสัญญากับตัวเองไว้แล้ว ถ้าเกิดวันไหนผมคิดถึงบ้านหลังนั้นผมก็จะกลับไปอีกครั้งและจะไปอยู่ที่นั่นอย่างถาวร ไปใช้บั้นปลายชีวิตในที่แห่งนั้น
“มีอะไรคิบอม”
“เรื่องของจงฮยอน”
จงฮยอนเด็กกว่าคิบอมปีเดียวเขาเป็นรุ่นน้องที่ชอบมาหาคิบอมบ่อยๆก่อนที่เราจะเริ่มแอบชอบซึ่งกันและกัน
“ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น...แต่ผมอยากให้พี่เข้าใจเขาใหม่”
“เข้าใจว่าอะไร?”
ผมถามกลับ ใช่คิบอม..เข้าใจว่าอะไร เขาทิ้งฉันไปแบบไม่ใยดีแล้วจะให้ฉันเข้าใจว่าอะไรอีกถ้าไม่ใช่ว่าเขาหมดรักฉันแล้ว
“เขาไม่ได้ไม่รักพี่แล้ว”
“เลิกพูดเถอะคิบอม”
ผมตัดสินใจพูดออกมาแล้วทำท่าจะเดินออกไปถ้าไม่มีมือมาจับข้อมือของผมเอาไว้
“ทำไมพี่ไม่ยอมคุยเรื่องนี้ ผมไม่ยอมให้พี่เข้าใจจงฮยอนผิดๆอีกแล้ว”
คิบอมพูดเสียงจริงจัง ผมได้แต่เงียบ
“เขาเป็นโรคมะเร้งเม็ดเลือดขาวระยะสุดท้ายจริงๆ”
“เรื่องนั้นฉันรู้ แต่ทำไมเขาถึงไม่ยอมบอกพี่ ทำไมเขาถึงไม่ยอมให้พี่คอยอยู่เคียงข้างเขา ทำไม ทำไม ทำไม”
ผมตะโกนและเริ่มอาละวาด ทั้งๆที่ตั้งใจว่าจะลืมเรื่องนี้ออกไปจากใจแล้วแท้ๆ ทั้งๆที่ทำใจได้มาสองปีเต็มแล้วแท้ๆ
“พี่เลิกบ้าและฟังผมเสียที!!!”
ผมมองคิบอมที่เขย่าตัวผมให้หยุดดิ้น ผมมองเขาทั้งน้ำตา
“จงฮยอนกำลังจะตายและเขาก็เพิ่งรู้เรื่องเช่นกัน เขาไม่อยากให้พี่ต้องเจ็บปวด เขาไม่อยากให้พี่ต้องเสียน้ำตาในวันงานของเขา”
คิบอมพูดเสียงดังฟังชัด ผมได้ยินเต็มสองรูหูสมองอื้อไปหมด
“เขาอยากให้พี่เจอคนที่ดีกว่าเขา เขาอยากให้พี่มีความสุขไม่ใช่ว่าร้องไห้ให้เขา”
คิบอมอธิบายเริ่มปล่อยมือที่จับต้อนแขนของผมออกไป เขาพยุงให้ผมมานั่งลงที่เตียงนอนของเขาก่อนที่จะจับไหล่ของผมเบาๆ
“ผมเองก็ผิดเหมือนกัน ผิดเองทั้งหมดทั้งๆที่รู้แต่ดันไม่ยอมบอกพี่ไป”
“ฮึก แล้วมาพูดอะไรตอนนี้”
ผมเสหน้ามองออกไปทางอื่น ไม่อยากมองหน้าของคิบอมสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด
“จงฮยอนรักพี่มากนะ ไม่งั้นเขาคงไม่ยอมเป็นฝ่ายเจ็บไปแบบนั้นหรอก”
“แต่พี่เองก็เจ็บ”
“จงฮยอนเจ็บกว่าพี่มากนะ เขาต้องกล้ำกลืนฝืนบอกเลิกพี่ทั้งๆที่เขารักพี่มากและอยากให้พี่อยู่เคียงข้างเขาตลอดไป”
“แล้วฮึก ทำไม...”
“ก็อย่างที่ผมบอกเขารักพี่มาก และก็ไม่อยากให้พี่เสียใจเลยต้องตัดสินใจทำแบบนั้น”
คิบอมพูดเบาๆกับผมก่อนที่จะเอื้อมมือมาลูบหัวของผมเบาๆก่อนจะเดินออกไป
“คืนนี้ผมคงไปค้างบ้านไอ้คังนะพี่ นอนห้องผมก็ได้เพราะผมเพิ่งให้แม่บ้านเอาผ้าปูเตียงไปซัก”
คิบอมพูดแค่นี้ก่อนที่จะปิดประตูลงเบาๆ ผมร้องไห้เงียบๆอยู่คนเดียวนั่งทบทวนในสิ่งที่คิบอมพูดออกมา
ผมไม่เคยรับรู้เรื่องนี้มาก่อนว่าจงฮยอนเป็นโรครักษาไม่หาย เขาไม่เคยบอกผมเลยสักครั้งทำตัวยิ้มแย้มตลอดเวลาไม่มีท่าทีว่ากำลังป่วย
ผมเองเมื่อเห็นว่าเขายังยิ้มได้ ยังเดินเหินได้ดีก็ไม่ได้ติดใจสงสัยอะไร
จนวันนั้นมาถึง...
ผมยอมรับว่าผมเองก็ไม่เคยใส่ใจเขามากนัก เอาแต่ทำงานเพื่อที่จะได้เอามารักษาเขาในวันที่เขาเคยเข้าโรงพยาบาลและต้องนอนที่นั่นเกือบๆสองอาทิตย์
ผมเองมันก็โง่และผิดที่ไม่เคยใส่ใจอะไรในตัวของจงฮยอนเลย
นายมันโง่จริงๆ จงอุน
ผมเอนตัวลงนอนบนเตียงสีขาวสะอาดก่อนจะหลับตาลงช้าๆปกปิดดวงตาแห่งความเศร้าและม่านน้ำตาที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
.
.
.
.
.
“พี่เยซองครับ”
ผมสะดุ้งน้อยๆเมื่อมีมือมาจับเข้าที่แก้มของผม ตาของผมค่อยๆลืมขึ้นมาช้าๆมองหาต้นเสียงปริศนา
“ใครน่ะ”
หมอกสีขาวมันปกคลุมรอบตัวผมจนมองอะไรไม่เห็น ที่นี่มันที่ไหนเนี่ยไม่ใช่ห้องของคิบอมนี่นา
“พี่เยซองครับ”
ผมมองไปหาต้นเสียงอีกครั้ง แต่ก็ไม่พบใครรู้สึกได้ว่าตามันพร่ามัวไปหมด
“ผมอยู่ทางนี้ฮะ”
เสียงปริศนาค่อยๆดังขึ้นเรื่อยๆจนผมจับทิศทางของเสียงได้ ผมมองตรงไปยังแสงสีขาวนวลที่สว่างจ้าอยู่ตรงหน้าก่อนที่มันจะสว่างจัดจนผมต้องยกมือขึ้นมาปิดตาตัวเองเอาไว้
ผมเอามืออกก่อนที่จะต้องเบิกตาโตด้วยความตกใจ
“จง...จงฮยอน”
เสียงของผมมันสั่นและควบคุมไม่ได้เมื่อมาเห็นคนที่ผมคิดถึงตลอดเวลาตรงหน้าแบบนี้
“นาย..นายจริงๆเหรอ”
ผมรีบวิ่งไปหาอีกคนก่อนที่จะกอดเข้าไปแต่สัมผัสได้ถึงความว่างเปล่า
‘ไม่มีตัวตน วิญญาณ?’
“พี่ครับ...ผมกลับมาหาพี่แล้ว”
“จงฮยอน”
เสียงของผมแผ่วเบาในความรู้สึกอะไรบางอย่างมันจุกอยู่ที่ลำคอ
“นายจะกลับมาทำไม นายจะมาหาฉันอีกทำไมในเมื่อนายเลือกที่จะทิ้งฉันไปเอง”
ผมตะโกนใส่หน้าของเขา จงฮยอนยิ้มเศร้า
“ผมขอโทษครับ”
“เลิกพูดคำนั้นสักที จะมาโกหกอะไรฉันอีก”
ผมไม่อยากจะเชื่อคำพูดนั้นอีกแล้ว คำพูดที่ไม่มีน้ำหนัก
“ผมขอโทษที่ทิ้งพี่ไป ผม...”
จงฮยอนเงียบไป
“นายหายสาบสูญไปไม่ใช่เหรอไง”
ผมถามขึ้นอีกครั้งจงฮยอนเพียงแค่แค่นยิ้มออกมาบางๆ
“ผมไม่ได้หายสาบสูญ แต่ผม....ตายไปแล้ว”
“!!!”
“พี่ครับ กลัวผมหรือเปล่า”
จงฮยอนเอื้อมมือเหมือนจะจับมือของผมแต่ผมดันชักมือหลบในทันที ผมไม่ได้กลัวเขาแต่มันเป็นเพราะสัญชาตญาณ
“พี่คงกลัวผมและเกลียดผมมาก”
“ไม่ใช่นะ..แต่ฉัน”
ผมรู้จะพูดยังไงดี ผมไม่รู้จะทำยังไงดี
“กลับมา...หาฉัน”
จงฮยอนพยักหน้าให้ผมก่อนที่จะเดินเข้ามาใกล้
“ผมคิดถึงพี่ตลอดเวลา ผมกำลังจะมาอยู่กับพี่ เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป....!!!”
เสียงของจงฮยอนค่อยๆลอยหายออกไปทุกทีๆ จนมันบางเบาแล้วหายลับไป
“จงฮยอน!!!!”
ผมตะโกนออกมาดังลั่น เหงื่อแย่งกันขึ้นผุดบนใบหน้าของผม
“ฝันบ้าอะไรเนี่ย”
ผมยกมือขึ้นกุมขมับแล้วบีบคลึงเบาๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืนเดินออกจากห้องไป
หิวน้ำชะมัด
ผมเดินมาที่ห้องครัวก่อนที่จะเปิดประตูตู้เย็นออก
‘ผมกำลังจะกลับมาหาพี่นะครับ’
ผมนึกไปถึงคำพูดในฝันเสียงนั่นเป็นของจงฮยอนไม่ผิดแน่ น้ำที่กำลังเทลงแก้วไหลล้นทะลักจนสัมผัสถึงมือของผม ผมตกใจเล็กน้อยและมองมาทที่แก้วน้ำก่อนที่จะวางมันลงแล้วเก็บขวดน้ำเข้าไปในตู้เย็น
“มันก็แค่ฝัน”
ผมบอกตัวเองเบาๆก่อนจะกระดกน้ำในแก้วเข้าไปอึกใหญ่แล้ววางแก้วน้ำลงบนโต๊ะกินข้าวก่อนจะเดินไปเพื่อเตรียมตัวเข้านอน
พรุ่งนี้ยังมีงานให้ทำอีกนะ อย่าเอาแต่คิดเรื่องบ้าๆสิ
ผมยอมรับเลยว่าผมนอนไม่หลับเมื่อคืน เอาแต่นึกไปถึงฝันบ้าๆนั่นตลอดเวลาที่หลับตาลง อะไรบางอย่างมันทำให้ผมต้องมานอนคิดมากไปมาถึงเรื่องฝันนั่น
ผมคิดว่าจะไปปรึกษาคิบอมแต่เจ้านั่นก็ยังไม่กลับมาหรือบางทีก็อาจจะไปบริษัทแล้ว
ผมทำงานให้กับบริษัทเพลงแห่งหนึ่งผมเป็นครูสอนร้องเพลงให้กับเด็กในค่ายของบริษัทนี้ ส่วนคิบอมก็มีหน้าที่ทำงานอยู่ที่ห้องอัดเสียง
ผมเองก็ไม่ได้เสียงดีอะไรมากนักแต่ก็พอที่จะร้องเพลงได้ เจ้าของค่ายที่ผมทำงานอยู่เคยมาถามผมว่าอยากจะเป็นนักร้องหรือเปล่าแต่ผมปฏิเสธไป ไม่เอาหรอกครับถึงแม้ผมจะชอบร้องเพลงมากขนาดไหนก็ตาม
ก๊อก ก๊อก
ผมเคาะประตูห้องซ้อมสักพักเมื่อได้ยินเสียงเหมือนจะมีคนอยู่ข้างใน ใครกันมาแต่เช้าแบบนี้
แต่ผลที่ได้รับคือความเงียบผมเอื้อมมือไปแตะที่ลูกบิดประตูใจเริ่มสั่นเล็กน้อย หวังว่าคงไม่ใช่พวกวิญญาณอะไรหรอกนะ
ผมคิดก่อนที่จะหมุนลูกบิดในมือ
“ทำไรอ่ะพี่”
เสียงที่ดังขึ้นข้างหลังทำผมสะดุ้งเฮือกก่อนที่จะหันกลับไปมองทันที
“ไอ้คังอิน!!แล้ววันนั้นเป็นไงล่ะ ดันทะลึ่งไปเที่ยวทะเลแต่พัดหลงกับพวกเพื่อนๆดีนะที่ฉันผ่านไปเห็นไม่งั้นแกได้เป็นหมาข้างถนนแน่ๆ”
ผมตะโกนเรียกชื่อเพื่อนร่วมงานของคิบอมก่อนจะถามเรื่องวันที่หมอนี่ไปเที่ยวทะเลกับผองเพื่อนแต่ดันหลงทางผมไปเจอเข้าก็เลยไปช่วยเอาไว้แต่ไม่คิดว่าจะเล่นน้ำหนักถึงขนาดเป็นไข้ไปได้ เจ้าหมอนี่ชอบเอาแต่แกล้งผมประจำเป็นบ้าอะไรก็ไม่รู้
“แหมๆแค่นี้ตกใจคิดถึงใครอยู่เหรอไง กิ๊กใหม่หรือจงฮยน”
ผมที่เคยยิ้มๆต้องหุบยิ้มลงทันทีเมื่อได้ยินชื่อหลัง คังอินเองก็เหมือนจะรู้ว่าเขาพูดอะไรผิดไปสักอย่างจึงพยายามหาเรื่องมาพูดใหม่
“คือพี่ ผมขอโทษนะ”
พวกคนในบริษัทต่างรู้ดีว่าผมไม่ชอบให้ใครพูดถึงชื่อของจงฮยอน
“นายรู้เรื่องของจงฮยอนหรือเปล่า”
คังอินส่ายหน้าไปมา แต่หมอนี่โกหกไม่เก่งเอาเสียเลย
“ฉันไม่เชื่อ”
“คือผม...”
“บอกพี่มา”
“ผมรู้ก็แค่ว่าจงฮยอนไปเสียชีวิตในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งใกล้ๆกับแถวบ้านพักของเขานั่นแหละ พวกที่โรงพยาบาลติดต่อไปที่บ้านของพ่อแม่เขาก่อนที่พวกญาติพี่น้องจะเอาศพกลับไปทำพิธีที่บ้านนอก”
ผมแทบทรุดแต่ยังดีที่เกาะขอบประตูเอาไว้ คำพูดในฝันเมือคืนดังเข้ามาในหัว
‘ผมไม่ได้หายสาบสูญ แต่ผม....ตายไปแล้ว’
“พี่เยซอง พี่เยซอง!!!”
“ฮะ”
ผมหันมามองทางคังอินด้วยความตกใจ เรียกซะเสียงดังเชียว
“เป็นอะไรหรือเปล่าทำไมหน้าซีดๆ”
“เปล่าๆ ว่าแต่มีอะไรหรือเปล่าถึงมาหาพี่ที่ห้องซ้อมแบบนี้”
“คุณคิมบอกว่าจะมีเด็กฝึกหัดมาใหม่เห็นบอกว่าคนนี้อ่ะเสียงดีมากๆเลยนะ แต่คุณคิมบอกว่าอยากให้พี่ลองทดสอบเสียงดูก่อน”
“อืม”
คุณคิมที่คังอินว่าก็คือเจ้าของบริษัทที่ผมทำงานอยู่ เขามักจะให้ผมทดสอบเสียงของเด็กฝึกหัดทุกคนถ้าคนไหนพอที่จะฝึกต่อไปได้ก็ให้รับไว้แล้วส่งไปให้เขาทำสัญญา แต่ถ้าคนไหนไม่ไหวที่จะรับไว้ก็ให้เอาออกไปได้เลย ส่วนใหญ่ที่ผมเจอมักจะมีแต่คนที่เต้นเก่งๆเสียงดีจริงๆไม่ค่อยมีเท่าไหร่
คังอินยิ้มให้ผมก่อนที่จะเดินจากออกไปผมหันไปมองประตูห้องซ้อมก่อนที่จะเปิดเข้าไปแต่ดันมีคนเปิดออกมาเสียก่อน
ตุ้บ!
พรึ่บ!!!
เอกสารต่างๆในมือของคนที่ผมเดินชนปลิวว่อนไปมากลางอากาศ ร่างของผมล่วงเกือบจะถึงพื้นดีที่ได้มือของใครบางคนกอดผมเอาไว้
“เป็นอะไรหรือเปล่า”
เสียงที่ผมได้ยินทำผมตาโต ก่อนที่จะมองมาทางคนที่ช่วยผมเอาไว้
“จง..จงฮยอน!!!”
“?”
“นาย จงฮยอนจริงๆใช่มั๊ย”
“ครับผมชื่อจงฮยอนเป็นเด็กฝึกใหม่ครับ คุณคงเป็นคุณครูเยซองใช่มั๊ย”
เขาดึงตัวของผมให้ลุกขึ้นมายืนตัวตรงก่อนที่จะโค้งตัวให้ผม ผมมองด้วยความงุนงง
“เด็กฝึกคนใหม่”
จงฮยอนจริงๆ ผมจำเขาได้แต่ทำไมเขาถึงทำเหมือนไม่รู้จักผมแบบนั้น
ดวงตาที่แสนอ่อนโยนที่ชอบแอบมองผมจากที่ห่างไกล เสียงทุ้มนุ่มที่แสนจะไพเราะนั่น
เขาจำผมไม่ได้!!!
“ครูครับ ครู”
จงฮยอนสะกิดแขนของผมเบาๆก่อนที่ผมจะมองไปที่จงฮยอน
“นาย..ชื่อจงฮยอนแน่เหรอ”
“ฮะ ยังไงผมก้คงต้องฝากตัวด้วยนะฮะ”
เขาก้มหัวให้ผมอีกครั้ง
“เยซอง เจอแล้วใช่มั๊ยเด็กใหม่น่ะ”
ผมหันไปมองตามเสียงเรียกก่อนที่จะเจอเข้ากับคุณคิมประธานบริษัท ผมโค้งตัวให้เขาจงฮยอนเองก็เช่นกัน
“เด็กใหม่นี่น่ะจะมาร้องเพลงคู่กับเธอนะ”
“เอ๋?”
“ฉันขอโทษด้วย แต่ฉันอยากให้นายกับเด็กนี่ร้องเพลงคู่กันฉันคิดว่าจะเอาเธอทั้งคู่เป็นนักร้องคู่น่ะ เยซองขอร้องล่ะได้หรือเปล่า”
คำพูดที่เหมือนกับการบังคับนั่นจะให้ผมยังไงได้นอกจากตอบตกลง
“ขอบใจนะเยซอง เอาเป็นว่าฝากฝึกด้วยนะถ้าพวกเธอพร้อมเมื่อไหร่ฉันจะเดบิวต์ให้ทันที”
คุณคิมตบบ่าของผมเบาๆก่อนที่จะเดินไขว้หลังจากไป พนักงานที่ผ่านมาเห็นก้มหัวให้ทุกคนที่ท่านเดินผ่าน
“ยังไงผมก็ต้องฝากตัวด้วยนะครับ”
ผมมองไปที่จงฮยอนก่อนที่จะคว้าตัวของจงฮยอนมากอด ผมไม่สนแล้วว่าเขาจะเป็นจงฮยอนเดียวกับที่ผมคิดถึงมาตลอดหรือเปล่าแต่ยังไงหัวใจของผมก็มั่นใจว่าเขาคนนี้คือคนที่ผมรอตลอดมา
คิม จงฮยอน นายกลับมาหาฉันแล้ว
‘ผมกำลังจะกลับมาหาพี่นะครับ’
‘ผมคิดถึงพี่ตลอดเวลา ผมกำลังจะมาอยู่กับพี่ เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป....’
THE END
11/03/2553
จบแล้ว ไม่ซึ้งและงงใช่ป่ะนักอ่านทั้งหลาย วันนี้โมโหกับเน็ตมากและการโหลดธีมคอม
ฮ่วย!!จะโหลดยากอะไรนักหนา แต่ตอนนี้ก็ได้มาไว้ในครอบครองแล้ว(ฮิยะฮะฮ่า)
ไปและที่รัก บอกก่อนๆตอนต่อไปคู่’คุณเย่’นะจ๊ะ และพอจบคู่นี้แล้วกวาจะพักSFสักพักนะแล้วกวาจะไปเน้นเรื่องF4แทนนะ รับรู้โดยทั่วกันนะครับ
ปล.อ่ะนะตอนนี้ทุกคนคงรู้ข่าวเรื่องป๋ากันแล้วใช่มั๊ย ยังไงก็เชื่อมั่นในตัวของป๋าเอาไว้นะ
กวาเชื่อว่าป๋าไม่เคยทอดทิ้งเอลฟ์ไปไหนหรอก ป๋าต้องกลับมาพร้อมกับเอสเจและพวกเขาก็จะยืนบนเวทีครบทั้ง13อีกครั้ง
ถ้าว่างๆกวาจะเอารูปที่ทำมาแจกนะเยอะเกินเต็มเครื่องและ= =;
ไปละเด็กๆ ฝันดีนะคร้าบ
ความคิดเห็น