[SF]SteveTony: Go away
[SF]SteveTony: Go away จบในตอนค่ะ
ผู้เข้าชมรวม
1,918
ผู้เข้าชมเดือนนี้
3
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
นายโง่หรือว่าบ้ากันแน่ถึงได้เชื่อว่าคนอย่างฉันจะยังรักนายอยู่ อย่ามาปัญญาอ่อนให้มากนะ แล้วก็ช่วยไสหัวแหลมๆ ไปไกลๆ จากชีวิตของฉันซะ เลิกยุ่งกับฉันเสียที ไปตายซะไป!” “นี่!
“...”
เสียงทะเลาะกันดังโหวกเหวกไปทั่วร้านสตาร์บัคส์เล็กๆ แห่งหนึ่งย่านนิวยอร์ค ผู้คนในร้านต่างหันมามองชายหญิงคู่หนึ่งด้านหลังร้านเป็นตาเดียว ก่อนจะรีบหลบสายตาเมื่อฝ่ายหญิงลุกขึ้นจากเก้าอี้โซฟาตัวยาว หยิบกระเป๋ามาถือพร้อมเดินออกจากร้านไปอย่างไม่สนใจใคร
เหลือแค่เพียงฝ่ายชายรูปร่างเตี้ยกว่าฝ่ายหญิงอยู่มาก ผมหยักศกถูกจัดให้เป็นทรง เขาสวมเสื้อสูทสีเทาลายทางสีเทาเข้มกว่าสีพื้นอยู่นิดหน่อย มือของชายคนนั้นค่อยๆ เอื้อมไปหยิบเอาแว่นกันแดดกรอบน้ำตาลขึ้นมาสวม แล้วถอยเก้าอี้ลุกขึ้นเดินเซไปชนคนนู้นทีคนนี้ทีไม่เว้นแม้แต่กระจกของร้าน ก่อนคนตัวเตี้ยจะรีบวิ่งออกไปขึ้นรถสปอร์ตคันสีแดงที่จอดอยู่หน้าร้าน
“เฮ้...คุณดูไม่ดีเลยนะ” เสียงคนที่มาเป็นเพื่อนเขาเอ่ยถามเสียงเบา “เกิดอะไรขึ้นเหรอไง”
“เหอะ เกิดอะไรขึ้นหรือไง” คนโดนถามทวนคำเบาๆ ก่อนยกขาขึ้นถีบพวงมาลัยรถแล้วทุบมันเต็มแรงตาม มือเรียวหยิบเอาแว่นกันแดดราคาแพงปาลงกับพื้นรถ สองมือของเจ้าของรถยกขึ้นลูบหัวตัวเองหนักๆ พร้อมผ่อนลมหายใจออกมายาวและเร็วเพื่อระงับอารมณ์โกรธภายใน
“แม่งเอ้ย! คนแบบฉันเนี่ยนะจะโดนยัยป้านั่นทิ้งก่อน ตลกสิ้นดี บ้าชิบ!”
“โดนทิ้ง? คนอย่างโทนี่ สตาร์คมหาเศรษฐี อัจฉริยะ เพลย์บอย แถมยังใจบุญแบบคุณเนี่ยนะโดนคุณพ็อตส์ทิ้ง?”
“ใช่ คนแบบโทนี่ สตาร์คเนี่ยแหละโดนทิ้งก่อน!”
โทนี่หันสายตาไม่พอใจไปมองคนข้างตัวทันควัน เขากำพวงมาลัยรถแน่นอย่างจนคำพูดแล้วสบถคำหยาบและตีพวงมาลัยไปเต็มแรง มือข้างขวายกขึ้นกุมขมับใช้ศอกวางลงบนกระจกรถ
“เฮ้ๆ แค่ผู้หญิงคนเดียวคุณไม่เห็นต้องคิดมาก”
“คนยังเวอร์จิ้นแบบนายจะไปรู้อะไร”
“ทีคุณยังคบผมซ้อนตอนห่างกับคุณพ็อตส์เลย”
“เฮ้...บอกกี่ทีแล้วว่าเราไม่ได้คบซ้อน แค่ฉันไม่ได้เปิดเผยเรื่องของเราและตอนนั้นฉันกับยัยเจ้นั่นก็เลิกกันไปแล้ว”
“แล้วทำไมต้องมานัดเจอกันอีกล่ะ”
“ก็แค่คาใจว่าใครกันแน่ที่สมควรพูดว่าเลิกกันเถอะก่อนต่างหาก”
สตีฟเหล่ตามองคนข้างตัวที่นวดขมับไม่หยุดแล้วถอนหายใจออกมา เขายกมือขึ้นขยี้กลุ่มผมสีน้ำตาลเข้มนั่นแล้วโอบไหล่รั้งคนข้างกายเข้ามาใกล้ มือข้างที่ว่างยกขึ้นกุมแก้มอีกคนพร้อมไล้นิ้วไปมาอย่างทะนุถนอม สายตาอ่อนโยนจ้องมองลงไปในดวงตาสีน้ำตาลนิ่งๆ
“ไม่ว่าจะยังไง...คุณก็สำคัญสำหรับผม แค่นี้ก็พอแล้วนี่”
“เออๆ รู้แล้วน่า”
คนตัวเล็กที่หน้าขึ้นสีปัดมือของคนตัวใหญ่ให้ออกไปจากหน้าแล้วหันกลับไปมองทาง ถึงแม้ในใจจะสงบลงบ้างแล้วแต่ก็ยังไม่หายเจ็บใจอยู่ดี โทนี่จับพวงมาลัยแน่นพร้อมเหยียบคันเร่งเกือบมิดขับรถกลับไปสตาร์คทาวเวอร์ทันที
สตีฟยืนมองโทนี่ในห้องแต่งตัวของนักกีฬาแข่งรถที่โมนาโกที่เดิมที่อีกคนเคยมาจ๊ะเอ๋เข้ากับอาชญากรที่คิดทำลายชื่อเสียงของเจ้าตัว ถึงวันนี้ทุกอย่างจะเป็นปกติแล้วแต่สิ่งหนึ่งที่ไม่ปกติก็คืออาการขะมักเขม่นอยากจะลงแข่งรถของโทนี่ เขากอดอกพิงประตูล็อคเกอร์มองคนตัวเล็กกว่าที่นั่งจัดแต่งทรงผมมานานหลายชั่วโมง
“นี่ช่วยฟังกันทีขอร้องล่ะ” สตีฟเอ่ยออกมาเสียงเข้ม “อย่าแข่งเลยนะ ได้ข่าวว่าแฟนใหม่ของแฟนเก่าคุณเขาก็ลงด้วย”
“นั่นแหละถึงต้องแข่ง”
“เอาชนะไปแล้วได้อะไรขึ้นมา”
“ศักดิ์ศรีและความสะใจไง”
โทนี่แสยะยิ้มแล้ววางกระจกตั้งโต๊ะลงกับม้านั่งตัวยาว เขาเหลือบสายตาพญามารขึ้นมองคนตัวสูงกว่าแล้วคว้าเอาหมวกกันน็อคสีขาวสลับน้ำเงินขึ้นมาถือ คนหน้าหนวดกระชับเสื้อผ้าให้เข้าที่แล้วก้าวขาจะเดินออกไป
“นี่” สตีฟเดินไปจับไหล่คนเตี้ยกว่าแล้วพูดด้วยน้ำเสียงดุ “เชื่อกันสักครั้งได้มั๊ย”
“เป็นห่วงหรือไง” โทนี่ปรายตาหันไปมองคนด้านหลังที่ยืนมองออกไปนอกห้องแต่งตัว เขาสะบัดไหล่ตัวเองให้หลุดจากการจับกุมแล้วเดินไปเปิดประตู ก่อนจะยิ้มออกมากับคำพูดจากปากอีกคน
“ถ้าใช่แล้วจะทำไม”
โทนี่เดินนำสตีฟออกมาจากห้องแต่งตัวตรงไปยังรถแข่งคันสีฟ้าเข้าชุดกับยูนิฟอร์มของเขา คนตัวเล็กหันไปมองทางข้างตัวที่มีสองร่างของคนคุ้นตายืนคุยกันอย่างมีความสุขอยู่ มุมปากทั้งสองข้างเบะออกอย่างไม่พอใจแล้วหันไปทางอื่นเมื่อเห็นอดีตแฟนเก่าของตัวเองมองมา เขาเดินไปเช็คตัวรถแล้วหยิบหมวกกันน็อคขึ้นสวม
“เฮ้โทนี่”
เสียงเรียกแสนคุ้นเคยดังขึ้นขัดเขาแต่เขาไม่คิดจะสนใจ ก่อนมือของชายคนนั้นจะแตะไหล่ของเขาแล้วดึงให้หันไปมองเจ้าตัว
“โอ้ ดูซิใคร สวัสดีผู้พันเจมส์ โร้ดส์ เป็นไงสบายดีมั๊ย ดูท่าจะสบายดีและมีความสุขนะกับการแย่งกระดูกชาวบ้านไปแทะเล็ม”
“โทนี่!”
เสียงยียวนกวนประสาทพูดทักทายเพื่อนเก่าอย่างเจ็บแสบแล้วสะบัดตัวเองออก สองสายตาดุดันจนน่ากลัวมองใบหน้าของเพื่อนสนิทที่ถึงกับไม่พอใจและสะอึกไปพักใหญ่ โทนี่ส่งยิ้มเย็นไปให้แล้วเหลือบมองผ่านเลยตัวของเพื่อนไปยังผู้หญิงที่ยืนกอดอกเชิดใส่เขาอยู่ เขายกยิ้มแล้วหันกลับมาเล่นเกมจ้องตากับเพื่อนทหารที่เคยสนิทต่อ
“ฉันก็นึกว่าแกจะตายแล้วซะอีก เห็นเพ็พเขาบอกว่าช่วงนี้ประสาทแตกคล้ายคนบ้าใกล้เข้าโรง’บาลไม่ใช่เหรอไง”
“อ้อใช่ ใกล้เข้าโรง’บาลไปเช็คประสาทเต็มทีว่าไอ้อาการเห็นดีเห็นงามกับการยอมให้คนรักไปคบชู้นี่มันยังเรียกจิตปกติหรือเปล่า”
“อ้อเหรอ แต่ก่อนจะไปถามหมอหันหลังไปถามแฟนนมโตของนายก่อนดีกว่ามั๊ยเพื่อนรัก”
โร้ดส์ยื่นหน้ามาใกล้แล้วพูดเสียงเบาให้ได้ยินกันสองคน ทั้งคู่ต่างจ้องตากันอย่างไม่มีใครยอมใครอยู่นานจนกระทั่งโทนี่โดนสตีฟดึงแขนพยายามลากเขาให้ไปด้วยกัน
“ขอให้โชคเข้าข้างแมวขโมยเป็นเรื้อนนะเพื่อนรัก”
“F*uck uเถอะสตาร์ค!!”
โทนี่ปิดหน้ากากกันลมลงแล้วส่งจูบให้เพื่อนรักที่ยืนหน้าแดงเพราะความโกรธจนต้องเดินกลับไปเตะล้อรถของตัวเอง เขาหันกลับไปมองสตีฟที่พยายามจะลากเขาออกไปก่อนสะบัดตันแขนออกแล้วก้าวลงไปนั่งในรถ
“เฮ้ หันมานี่หน่อยสิ”
“อะไร”
จุ๊ฟ~~
สีหน้าไม่พอใจหันไปมองสตีฟก่อนโดนอีกคนจุ๊บบนหน้ากากหมวกกันน็อค คนตัวเล็กในรถแข่งนั่งหน้าแดงตาเบิกกว้างอย่างตกใจ หัวใจเต้นไหวรุนแรงจนลืมความโกรธเมื่อครู่ไปจนหมดสิ้น เขารีบหันหน้าหนีแล้วโบกมือไล่อีกคนให้ไปที่อื่น
“นี่” สตีฟหัวเราะน้อยๆ แล้วเคาะหมวกกันน็อคเบาๆ เรียกอีกคนให้หันมามองเขา “ขอให้ชนะนะครับ”
“เออน่า” โทนี่หันหน้าแดงๆ ไปมองสตีฟแล้วยู่ปาก “ขอบใจ”
เสียงสัญญาณสตาร์ทดังขึ้นก่อนรถทั้งหมดในการแข่งขันจะพุ่งตัวออกไปอย่างรวดเร็วและรุนแรง เสียงพากษ์และเสียงเชียร์ดังผสมปนเปกันอื้ออึงไปทั่วทั้งสนาม
สตีฟที่นั่งอยู่ในโรงแรมสำหรับที่พักแขกวีไอพีมองการแข่งรถแข่งด้วยสายตาไม่สบายใจ เขาพยายามจับจุดรถของโทนี่พร้อมกับภาวนาขอให้ไม่เกิดเรื่องร้ายแรงอะไรขึ้นกับอีกคน เขาถอนหายใจอย่างโล่งอกทุกครั้งเมื่อโทนี่แซงคันอื่นไปได้
และแล้วโทนี่ก็ขับมาจนทันคันที่กำลังนำอยู่ซึ่งเป็นคันของผู้พันโร้ดส์ สตีฟกำผ้ารองโต๊ะแน่นด้วยความลุ้นจนนั่งไม่ติดเก้าอี้ สองสายตามองรถสองคันที่ขับแซงกันไปแซงกันมาอย่างไม่ยอมแพ้ รถของผู้พันโร้ดขับเบียดรถของโทนี่จนอีกคนต้องชะลอความเร็วลงแล้วค่อยเร่งความเร็วขับเบียดกลับไป ทั้งสองขับกระแทกกันไปมาจนผู้คนลุ้นนั่งไม่ติดเก้าอี้กันสักคน ไม่นานรถของโทนี่ก็เบียดรถของผู้พันได้แล้วขับแซงไปด้านหน้าจนเกือบถึงเส้นชัย
“โทนี่!!!!”
สตีฟตะโกนเชียร์อย่างโล่งอกและหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะแล้วโดดขึ้นเชียร์เสียงดังจนคนหันมามองแต่เขาไม่คิดจะสนใจ เขาตั้งหน้าตั้งตาลุ้นการแข่งรถครั้งนี้ต่ออีกครั้ง
เอี๊ยดดดดดดดดดดดดด!!!
ก่อนเสียงล้อบดกับพื้นเป็นรูปครึ่งวงกลมจะดังขึ้นแล้วรถของโทนี่ก็ชะงักลงเพราะถูกรถของผู้พันเจมส์เบียดจนเกือบเสียหลักตกไปข้างทาง จะว่าโชคดีก็ได้ที่อีกคนหักเลี้ยวได้ทันจนเกิดร้อยไหม้บนพื้น สตีฟพุ่งเข้าไปอยู่หน้าจอทีวีมองร่างของแฟนตัวเองที่ก้าวลงจากรถแล้วถอดหมวกกันน็อคปากลงพื้นพร้อมกับเตะเข้าที่ล้อรถเต็มแรงด้วยความเป็นห่วง เขารีบวิ่งออกไปจากตัวโรงแรมตรงไปยังทางเข้าสำหรับผู้แข่งขันเพื่อรอโทนี่ที่กำลังจะเดินกลับเข้ามา
“คุณเป็นอะไรหรือเปล่า นี่ โอเคมั๊ย”
“โถ่เว้ย!” โทนี่ปาหมวกกันน็อคลงพื้นแล้วกระทืบมันซ้ำ สองมือท้าวเอวสีหน้าไม่รับแขก “อีกนิดก็จะชนะมันอยู่แล้ว!!”
“ใจเย็นก่อน” สตีฟคว้ามือเล็กขึ้นมากุมแล้วไล้หลังมือเบาๆ “ไม่ได้รับบาดเจ็บก็ดีแล้ว”
“แค้นใจชะมัด”
โทนี่แค่นเสียงอย่างไม่พอใจออกมาแล้วก้มลงหยิบหมวกกันน็อคขึ้นมาถือ ถึงแม้จะมีรอยถลอกบ้างแต่ก็ยังใช้การได้ดังเดิม โทนี่ปัดฝุ่นออกจากหมวกกันน็อคแล้วเดินกลับไปยังที่พักซึ่งต้องผ่านตัวของอดีตแฟนเก่าที่ไม่แม้แต่จะมองเขาเลยสักนิด
“ถ้าดีแต่ปากก็อย่ามาท้ามาชวนคนอื่นเขาดวลแบบนี้สิ”
“หลุดจากขุมนรกนี้ไปตกขุมนรกที่แย่กว่านี่แย่จังเลยว่ามั๊ยที่รัก”
มีเพียงแค่สองประโยคที่ดังขึ้นเถียงกันก่อนโทนี่จะชูนิ้วกลางให้กับเพ็พเพอร์แล้วเดินจับมือกับสตีฟไปไม่หันไปสนใจเสียงโวยวายของคนด้านหลัง
โทนี่นั่งกระดกเหล้าอยู่ในบาร์เล็กๆ แห่งหนึ่งภายในโรงแรม เขาหยิบเหล้ายี่ห้อดีเทลงใส่แก้วเป๊กแล้วดื่มเพียวๆ ไม่ผสมอะไรทั้งสิ้น ใบหน้าหนวดแดงน้อยๆ เพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ก่อนนั่งย้อนไปถึงวันเวลาเก่าๆ ที่มีร่วมกันกับยัยป้าที่บังอาจบอกเลิกเขาก่อน
โทนี่จำได้ดีว่าหลังจากจบเรื่องแมนดารินช่วงที่เขากำลังพักรักษาตัวจากการผ่าตัดเอาลูกปรายมากมายในอกออก มีสายรายงานมาว่าเพ็พเพอร์และโร้ดส์เพื่อนสนิทของเขาไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยๆ ตอนแรกเขายอมรับว่าเขายังไม่ปักใจเชื่อเต็มร้อยจนกระทั่งวันที่เห็นทั้งคู่นั่งพรอดรัดกันอย่างดูดดื่มในอดีตห้องทำงานของเขา เพียงเท่านี้โทนี่ก็ประจักษ์แก่ใจและตัดสินใจจะขอยุติความสัมพันธ์กับเพ็พเพอร์แต่ไหงกลายมาเป็นว่าเขาโดนยัยผู้หญิงนั่นบอกเลิกก่อนก็ไม่รู้
หลังจากวันนั้นเขาก็จมอยู่กับอดีตนานพอควรก่อนได้รับแสงสว่างอุ่นๆ จากพ่อคนหลงยุคที่อาสามาอยู่เป็นเพื่อนเขาหลังจากรู้ข่าวจากมาเรีย ฮิลล์ ดูเหมือนว่าโทนี่จะไม่ทันรู้ตัวว่าโดนคนแก่หลงยุคแอบหลงรักมานานจนกระทั่งเขาเกิดสติแตกอาละวาดเลยโดนหมอนั่นต่อยล้มไปกองกับพื้นแล้วบอกรักตามมา ช่างเป็นสถานการณ์แสนโรแมนติคมากกกกกกกกกจริงๆ(ประชด)
โทนี่สะอึกน้อยๆ แล้วเหลือบสายตามองทหารหลงยุคที่นั่งมองเขาเช่นกัน ดวงตากลมโตหลุบไปทางอื่นพร้อมหัวเราะออกมาเบาๆ อย่างไม่มีสาเหตุ รู้สึกใจเต้นนิดๆ พอเห็นคนข้างตัวเอาแต่มองเขาและคอยใส่ใจเขาเสมอ แต่ไอ้อาการแบบนี้ยัยเพ็พนั่นก็ทำเหมือนกันมันเลยทำให้เขากลัวว่าอีกคนจะกลายเป็นแบบยัยนั่นในตอนหลังเมื่อเทใจให้หมดหน้าตัก โทนี่กระดกเหล้าในมือแล้วย้อนนึกถึงสาเหตุที่แท้จริงที่เขาอยากจะแก้เผ็ดยัยเจ้นั่นให้หน้าหงาย
วันนั้นฝนตก เพ็พเพอร์มาหาเขาถึงสตาร์คทาวเวอร์แล้วบ่นๆๆๆ เขาเรื่องบริษัท แล้วหล่อนก็เดินเฉิดฉายไปหากัปตันอเมริกาที่นั่งอ่านหนังสือไม่สนโลกอยู่
‘ฉันว่าถ้าคุณฉลาดกว่านี้สักนิด มีไหวพริบกว่านี้เสียหน่อยคุณจะไม่เดินลงขุมนรกแบบนี้’
‘ผมยอมตกลงไปในขุมนรกถ้ามันทำให้ผมเจอกับคนที่ผมรัก’
‘หาใครรับมือกับสันดานตัวเองไม่ได้จนต้องมาหลอกใช้คนอายุรุ่นพ่อเลยเหรอไง’
‘แล้วมันไปหนักส่วนไหนบนความแบนของเธอ?’
‘ขอให้โชคดีในขุมนรกที่คุณตกลงไปแล้วกันนะคะคุณโรเจอรส์’
หึ...ถ้าว่าเขาคนเดียวมันก็ไม่ค่อยเท่าไหร่หรอกนะ แต่นี่เล่นเอาคนดีๆ แบบไอ้บ้าข้างตัวนี่ไปรวมด้วยมันทนไม่ได้จริงๆ แต่เหตุผลใหญ่ๆ ก็คงหนีไม่พ้นความแค้นส่วนตัวมากกว่าที่โดนสวมเขา ช่างแม่งเหอะ...
“โทนี่ กลับกันมั๊ย” สตีฟเอ่ยถามเมื่อเห็นสายตาเขม็งของอีกคน “โทนี่ กลับกันเถอะ”
โทนี่เดินมือล้วงกระเป๋ามาเงียบๆ ข้างตัวกัปตันอเมริกาที่คอยจะพยุงเขาท่าเดียว เขาถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่แล้วตัดสินใจควงท่อนแขนแกร่งนั่นพลางซบหน้ากับต้นแขนเพื่อตัดปัญหาอาการเป็นห่วงของอีกคน เขาไม่รู้ว่าสตีฟจะหน้าแดงเหมือนเขาหรือเปล่าที่รู้มีเพียงแค่จังหวะการเต้นของหัวใจของเขาทั้งคู่ซึ่งเร็วและแรงพอๆ กัน ที่เขารู้ก็เพราะนิ้วของเขาเผอิญไปแตะเข้ากับเส้นชีพจรใต้รักแร้ของอีกคนพอดี
“แหม แหม สวีทกันจังเลยนะ”
“ม่านรูดมี ไกลจากที่นี่ไม่เท่าไหร่”
เสียงทักทายแบบกวนประสาทดังขึ้นป่วนประสาทโทนี่ที่กำลังอารมณ์ดีให้เส้นสติขาดผึง เขาหันหลังกลับไปมองชายหญิงคู่ขาเก่าด้านหลังแล้วยักไหล่พร้อมสีหน้ากวนประสาทประจำตัว
“ที่รู้เพราะเคยไปใช่มั๊ยผู้พัน กับใครเหรอ มีเครื่องหรือถอดเครื่องออกแล้ว”
“ถามตัวเองก่อนมั๊ย ดูท่าจะเชี่ยวชาญเรื่องคนมีเครื่องมากกว่าใคร”
“บรรยากาศเมื่อกี้มันยังดีสดชื่นเย็นสบายอยู่เลย พอมีตัวอะไรไม่รู้มาอยู่ด้วยบรรยากาศกลับแย่ลงซะงั้น เข้าโรง’บาลซะบ้าง บางทีขี้เรื้อนคงกินไปทั้งสมองแล้วถึงได้ไม่รู้จักคิดก่อนทำ”
“มันจะมากไปแล้วนะโทนี่”
“มันยังน้อยไปด้วยซ้ำกับการแย่งของของชาวบ้าน เพื่อน”
โทนี่เขม่นตาอย่างไม่พอใจตอกกลับโร้ดส์ที่กระชากคอเสื้อของเขาให้เข้าไปใกล้ คนสองคนจ้องตากันอย่างไม่ลดละอีกเช่นเคยพร้อมบรรยากาศมาคุที่ก่อตัวตามมา
สตีฟที่เห็นท่าไม่ดีก็จะเดินเข้ามาห้ามแต่กลับโดนผู้พันเจมส์ โร้ดส์ผลักไหล่ออกไปแล้วใช้สายตากดดันหยุดเขาไว้ ก่อนใบหน้าของอีกคนจะหันกลับไปมองแฟนของเขาตามเดิมอย่างไม่พอใจ
“ถ้าไม่อยากจะเสียใครไปอีกก็ทำตัวให้มันดีกว่านี้สิ”
“แล้วที่ฉันทำทุกอย่าง เปลี่ยนแปลงทุกอย่าง เลิกทุกอย่างเพื่อเธอมันยังเรียกว่าไม่ดีอีกเหรอ”
“แล้วนายเคยใส่ใจเธอบ้างมั๊ย”
“ถ้าการที่ฉันไปช่วยเธอพร้อมกับนาย เลิกสร้างชุดไอรอนแมน เลิกเป็นโทนี่ สตาร์คที่มีเครื่องบ้านั่น ทำลายของที่ฉันรักของที่เป็นส่วนหนึ่งกับฉันมันยังเรียกว่าไม่สนใจอีกล่ะก็ ฉันก็ไม่รู้จะพูดยังไงแล้ว”
โทนี่กดเสียงต่ำ พยายามควบคุมไม่ให้เสียงสั่นเมื่อคำพูดของตัวเองมันกลับมาทำร้ายตัวของเขาเอง คนที่กระชากคอเสื้อเขาอยู่เหมือนจะสะอึกไปนิดหน่อยแล้วคลายมือลง เขาตัดสินใจผลักตัวอีกคนออกแล้วเดินเข้าไปหาเพ็พเพอร์ที่ยืนนิ่งมองเขาอยู่
“ผมไม่เข้าใจเลยเพ็พว่าผมผิดอะไรเหรอคุณถึงเลือกทิ้งผมไป ผมทำทุกอย่างเพื่อคุณ ปรับปรุงตัว เปลี่ยนแปลงทุกสิ่งรอบตัว ใส่ใจคุณมากขึ้น ดูแลคุณ ปฏิบัติต่อคุณดีทุกอย่าง แต่คุณก็ยังเลือกที่จะทิ้งผม ทำไม?”
“โทนี่ ฉันยอมรับว่าฉันผิดที่นอกใจคุณแต่คุณคงจะลืมไปว่าเราไม่มีอะไรเหมือนกันอีกแล้ว คุณไปเป็นยอดมนุษย์อยู่กับกลุ่มคุณกัปตันอเมริกาที่ยืนอยู่ตรงนั้น คอยปกป้องผู้คนจนเอาชีวิตตัวเองไปเสี่ยง ทำฉันเกือบตายจากน้ำมือของคิลเลี่ยน ทุกอย่างมันพังตั้งแต่ฉันตัดสินใจก้าวเข้าไปร่วมชีวิตกับคุณตั้งแต่วันที่คุณให้ฉันไปแฮคข้อมูลของโอบาไดอาแล้ว ฉันพลาดเองที่ไม่เชื่อความรู้สึกของฉันในวันนั้น”
“เพ็พ ทำไมคุณถึงพูดแบบนี้ คุณบอกผมเองว่าคุณก็เหลือแค่ผมคนเดียว แล้วทำไม...ทำไมคุณถึงได้”
โทนี่คว้าเอามือของเพ็พเพอร์ขึ้นมากุมแน่นแล้วมองด้วยสายตาอ้อนวอน ดวงตาของเขาเคลือบไปด้วยน้ำมากมาย เขาคว้ามือของเพ็พเพอร์ขึ้นมากุมแน่นด้วยมือทั้งสองข้างของเขา
“ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้วโทนี่ เลิกบ้าเสียทีแล้วปล่อยฉันซะ ฉันอยากไปอยู่ในอนาคตที่สดใสไม่ใช่มืดบอดเพราะความอันตรายที่มากับคุณ”
“...”
“เราจบลงแล้วโทนี่ ทุกอย่างคืออดีตไปแล้ว”
เพ็พเพอร์ดึงมือของเธอออกแล้วผลักตัวของโทนี่ออกเต็มแรงจนอีกคนเซถอยหลังไปเล็กน้อย ใบหน้าของโทนี่ที่ตื่นตะลึงค่อยๆ เปลี่ยนเป็นโกรธ เสียใจและไม่พอใจ เขากำมือแน่นแล้วพยักหน้าอย่างเข้าใจ
“ฉันเนี่ยนะโดนบอกเลิกก่อนไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองจริงๆ ฮ่ะๆๆ ขอโทษทีนะเพ็พแต่ประโยคบอกเลิกมันควรเป็นผมที่บอกคุณก่อน แล้วไอ้คำว่าเราจบลงแล้วผมก็ต้องเป็นฝ่ายพูดในเมื่อคุณทิ้งผมไปก่อน ทิ้งผมไปรักกันก็ขอให้ไปกันได้ดีแล้วมีความสุขละกัน จะอวยพรให้ อ้อแล้วก็โร้ดส์”
โทนี่ที่พูดประชดและชี้หน้าเพ็พเพอร์หันไปมองเพื่อนเก่าที่ยืนกอดอกมองเขานิ่งๆ เขายิ้มแล้วเดินวนไปมาก่อนจะเข้าไปใกล้แล้วซัดหมักหนักๆ เข้าที่หน้าอีกคนจนโร้ดส์ล้มลงไปนอนกองบนพื้น โทนี่หายใจหอบพร้อมชี้หน้าอีกคนแล้วกระตุกยิ้ม
“นี่เป็นของฝากลาเพื่อน”
“เหรอ” โร้ดส์ตอบกลับเสียงเบาแล้วยันตัวลุกขึ้นพร้อมพุ่งเข้ามาชกโทนี่กลับ “ฝากลาเช่นกัน”
คนสองคนตะลุมบอนกันอยู่บนพื้นแม้แต่สตีฟที่ตัวใหญ่สุดและมีแรงเยอะที่สุดก็ยังแยกทั้งคู่ออกจากกันไม่ได้ เขาพยายามหาทางเข้าไปแยกตัวคนรักออกมาจากทหารชั้นผู้ใหญ่แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไรคนทั้งคู่ก็ไม่เปิดโอกาสเลยสักนิด
โทนี่ลุกขึ้นนั่งคร่อมตัวของโร้ดส์แล้วต่อยเข้าที่หน้าอีกคนไม่ยั้งมือก่อนจะโดนตีเข่าเข้าที่สีข้างจนล้มไปด้านข้าง พอหงายตัวขึ้นมาก็โดนชกเข้าให้ที่ปากจนหน้าหันไปหลายรอบก่อนที่เพ็พเพอร์จะดึงเอาตัวของโร้ดส์ออกไป คนตัวเล็กที่ล้มไปกองกับพื้นยันตัวเองขึ้นพร้อมกับยกนิ้วขึ้นซับเลือดมุมปาก ตัวของเขาเซจากความมึนงง สายตาเย็นชาตวัดมองคนที่สำคัญกับเขาเป็นอันดับหนึ่งในชีวิตทั้งสองคนอย่างสมเพชตัวเอง รอยยิ้มเหยียดปรากฏที่มุมปาก เขายันตัวลุกขึ้นแล้วพุ่งจะเข้าไปต่อยโร้ดส์อีกครั้งแต่สิ่งได้คือการตบหน้าจากเพ็พเพอร์
เพี๊ยะ!!!!
“...”
โทนี่หน้าหันไปตามแรงตบ ดวงตาของเขาเบิกกว้างอย่างตกใจ แก้มด้านซ้ายของเขาชาไปทั้งแถบจนไร้ซึ่งความเจ็บ เขาหยุดค้างอยู่แบบนั้นแล้วหัวเราะประชดชีวิตออกมา
“คุณตบผมทั้งที่คุณยังใส่แหวนของผมอยู่เนี่ยนะ”
เคร้ง!!
“ก็จะหาโอกาสมาคืนให้อยู่ ไอ้แหวนกะหลั่วๆ ของคนบ้าแบบคุณ”
เพ็พเพอร์ปาแหวนใส่โทนี่พร้อมพูดตอกกลับก่อนลากเอาโร้ดส์ให้กลับไปด้วยกัน ทั้งคู่หายไปในความมืดในไม่กี่วินาทีโดยโทนี่ได้แต่ยืนค้างอยู่ที่เดิมแบบนั้น
“นี่ผมจะประสาทแตกก็เพราะคุณนะโทนี่ ทำไมถึงทำอะไรบ้าๆ ลงไปแบบนั้น”
“คนเมาจะไปเอาอะไรมาก”
“ถ้าไม่ห่วงไม่รักไม่บ่นหรอกนะ”
สตีฟว่าพลางกดสำลีจุ่มยาลงไปบนรอยช้ำมุมปากอีกคนแรงๆ จนคนหน้าช้ำร้องออกมาอย่างเจ็บปวด เขาขมวดคิ้วมองคนหน้าหนวดอย่างไม่พอใจ สายตาไหล่มองไปตามรอยฟกช้ำข้างดวงตาข้างขวา รอยเลือดซิบที่ดั้งจมูก รอยช้ำม่วงบนแก้มทั้งสองข้างและมุมปาก คนตัวใหญ่ถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจพร้อมปิดกล่องปฐมพยาบาลลง
“ผมรู้นะว่าคุณโกรธสองคนนั้นมากที่แทงข้างหลังคุณ แต่ที่คุณทำไปทั้งหมดมันไม่เห็นช่วยอะไรให้ดีขึ้นมาเลย เผลอๆ แย่ลงด้วยซ้ำ ไม่รู้จะไปหาเรื่องเขาก่อนทำไม”
“นี่ขอโทษนะ ถ้าหากมีใครมาแย่งคนรักไปจากนายนายจะปล่อยไปแบบนี้งั้นเหรอไง”
“ก็ถ้าคนมันจะไปแล้วอะไรจะห้ามไหวเหรอไง”
โทนี่เงียบเสียงลงทันควันเมื่อโดนประโยคแทงใจดำจากรูมเมทร่วมห้อง เขาเงยหน้าสบตากับดวงตาสีฟ้าที่กระตุกไหวนิดหน่อยก่อนกลับมานิ่งตามเดิม ความรู้สึกกดดันและเจ็บแปลบมันพุ่งขึ้นมาจนโทนี่อึ้งไปหลายสิบวิ เขาเสหน้าหลบสายตาคมกริบของอีกคนแล้วล้มตัวลงนอนคลุมโปงมองอีกคนผ่านผ้านวม
“ถ้าคุณยังไม่เลิกรักคุณพ็อตส์แล้วที่ตกลงคบกับผมนี่เพราะอะไร”
“พูดอะไรไร้สาระ” โทนี่ว่าแล้วเอื้อมมือไปจับมืออีกคนที่วางอยู่ขอบเตียงนิ่ง “นอนได้แล้ว”
“เหรอ” สตีฟรับคำสั้นๆ ด้วยรอยยิ้มบางๆ ก่อนก้มลงจูบขมับคนรักเบาๆ “พรุ่งนี้ก็สู้ๆ นะครับ”
โทนี่เดินเคี้ยวหมากฝรั่งถือมวกกันน็อคใบเดิมออกมายังรถแข่งของตัวเองก่อนหันหน้าช้ำๆ ไปมองคู่แข่งคนสำคัญที่ยืนกระหนุงกระหนิงกับแฟนอยู่ตามเคย สายตาหมาป่ารอขย้ำเหยื่อจ้องมองกดดันสองคนนั้นก่อนเป่าหมากฝรั่งเป็นลูกโป่งจนมันแตกออกแล้วหันกลับไปมองทางอื่น สองมือเรียวยกหมวกกันน็อคขึ้นสวมให้เข้าที่และปิดหน้ากากลงเพื่อเป็นสัญญาณบอกว่าเขาพร้อมลุยแล้ว
สองขาก้าวลงไปในรถที่ใช้แข่งแล้วจัดการเช็คอุปกรณ์ภายในเครื่องก่อนชูนิ้วโป้งให้กับทีมงาน ดวงตากลมโตเหลือบมองสตีฟที่นั่งชูสองนิ้วท่าประจำของเขาให้กับเขาพร้อมรอยยิ้มอยู่ตรงที่นั่งพักผู้เข้าแข่งขัน เขายิ้มออกมาแล้วชูนิ้วโป้งและขยิบตาให้กลับไป
และแล้วการแข่งก็เริ่มขึ้น โทนี่เหยียบคันเร่งจนมิดแล้วขับแซงรถของโร้ดส์พร้อมกับหันหน้าไปมองฝ่านนั้นที่หันมามองเขาเช่นกัน เขายกยิ้มให้แล้วทำท่าเชือดคอให้อีกคนก่อนกลับไปตั้งใจขับรถต่อ
โร้ดส์เองก็เร่งคันเร่งให้เร็วกว่าเดิมแล้วขับแซงหน้าโทนี่ไปพร้อมกับชนด้านข้างจนรถอีกคนเสียศูนย์ไปเล็กน้อย เขายกยิ้มแล้วหันกลับไปมองทางต่อ
รถสองคันแข่งกันแซงไปแซงมาไม่มีใครยอมใคร สตีฟมองรถคันสีฟ้าด้วยใจตุ๊มๆ ต่อมๆ แล้วกุมมือเข้าหากันแน่นเพื่อภาวนาไม่ให้รถของโทนี่เสียศูนย์จนเกือบเกิดอุบัติเหตุอีก เขามองตามรถสองคันนั้นก่อนจะตาเบิกกว้างเมื่อรถคันสีเขียวหักเลี้ยวกระทันหันเข้ากระแทกรถคันสีฟ้าเต็มแรง รถสองคันเสียหลักไถลเป็นวงกลมไปตามพื้น รถคันสีเขียวชนเข้ากับท้ายของรถคันสีฟ้าจนตัวรถคันดังกล่าวหมุนเป็นวงกลมล้มตกลงไปข้างทาง ไม่นานรถคันสีฟ้าก็ระเบิดจนไฟลุกโชนทั้งคัน
หัวใจของสตีฟหล่นไปกองอยู่บนพื้น เขารีบวิ่งออกจากที่กำบังด้วยความเร็วเท่าที่จะทำได้เพื่อพุ่งไปยังรถคันสีฟ้าแต่ทว่ากลับโดนคนรั้งตัวเอาไว้ เขาตะโกนโหวกเหวกแล้วดิ้นให้หลุดจากการจับกุม
“โทนี่!!! ปล่อยผมสิ ผมจะไปช่วยแฟนของผม!!!”
“...”
“โทนี่!!!! โอ้ยปล่อยสิวะ!!!”
สตีฟสะบัดตัวไปมาจนหลุดแล้วหันไปมองหน้าหาเรื่องใส่คนที่รั้งเขาเอาไว้ แต่พอเห็นว่าเป็นใครคนตัวใหญ่ก็ถลาเข้าไปหาทันทีอย่างไม่เชื่อสายตา สองมือกุมแก้มที่มีเคราของอีกคนแน่น
“โทนี่...โทนี่ ผมนึกว่าคุณจะตายแล้ว”
“ก็เกือบตายแต่พอดีว่ายังไม่ได้ตอบคำถามคนบางคนเลยขอเลื่อนตายไปก่อน”
สตีฟไม่ได้พูดอะไรเพียงแค่ขำออกมาแล้วคว้าร่างนั้นมากอดแนบแน่น เขากดหัวอีกคนลงให้ซุกไหล่เพื่อเพิ่มความมั่นใจว่าคนที่เขากอดอยู่นี้ไม่ใช่ผีหรือแค่มโนภาพไปเอง ไม่นานเขาก็ผละร่างของโทนี่ออกแล้วใช้มือลูบไปตามโครงหน้าอย่างห่วงใย สายตาอ่อนโยนจ้องมองไปในดวงตาขี้เล่นแสนซนของอีกคนอย่างอาทร
“เป็นอะไรหรือเปล่า” สตีฟลูบกลุ่มผมนิ่มเบาๆ “ทีหลังห้ามแข่งอะไรแบบนี้อีกแล้วนะ”
“ถ้าเป็นอะไรจะมายืนให้นายบ่นมั๊ยล่ะ”
สตีฟเขกมะเหงกเบาๆ ใส่หัวโทนี่แล้วดึงอีกคนมากอดแน่นๆ อีกรอบ เขายังไม่หายขวัญเสียเลยด้วยซ้ำแต่ในเมื่อโทนี่มายืนอยู่ตรงนี้แล้วและมันก็ไม่ใช่ฝันเขาก็โล่งอกขึ้นมาบ้าง
“แล้วงั้นคนในรถคันสีฟ้าของคุณนั่นใครล่ะ”
“ก็ไม่เห็นต้องถาม” โทนี่ส่งสายตาใสซื่อให้กับแฟนตัวเอง “โรดี้ไง”
“คุณ!! คุณฆ่าคนเหรอ!!!”
“ฆ่าบ้าบอไรเล่า หมอนั่นมันออกจากรถมาได้ตั้งแต่รถหมุนแล้ว ไม่ต้องห่วงหรอกฉันแค่อยากทำยัยเพ็พเพอร์ขวัญเสียเท่านั้นเอง ฉันไม่โง่ขนาดฆ่าคนหรือฆ่าตัวตายหรอกน่า คุณปู่เอ้ย”
โทนี่ยักไหล่แล้วเหลือบมองคนด้านหลังสองคนที่ประคองกันอยู่พร้อมส่งสายอาฆตมาหาเขา เขายกยิ้มให้แล้วเดินควงแขนสตีฟออกมาจากตรงนั้นพร้อมโบกมือลาคนด้านหลังอย่างสบายอารมณ์
“แล้วประโยคที่ว่ายังไม่ได้ตอบคำถามคนบางคนนี่คำถามอะไร”
“อ่อ” โทนี่ร้องออกมาเบาๆ แล้วหันไปยิ้มตาหยีให้กับคุณปู่หลงยุค “คำถามที่ว่าถ้าฉันยังไม่เลิกรักยัยนั่นแล้วที่ตกลงคบกับปู่แถวนี้นี่เพราะอะไรไง”
“แล้วคำตอบคือ?”
“ถ้าไม่รักจะยอมคบป่ะล่ะ”
โทนี่ว่าแล้วกระแทกตัวเองเข้ากับด้านข้างอีกคนก่อนจะโดนแฟนตัวเองไล่เตะไปทั่วสนามแข่งรถ เขาหัวเราะออกมาอย่างมีความสุขที่แหย่คนหลงยุคได้โดยไม่ลืมหันไปแลบลิ้นใส่ชายหญิงคู่หนึ่งที่ยืนมองพวกเขาไม่เลิก
มองอยู่ได้ อิจฉาคนหล่อที่มีแฟนดีเหรอไง ฮึ
THE END
29/06/2014
ดูเป็นฟิคที่ไร้สาระเบาๆ 555555 อยากแต่งเพราะนั่งฟังเพลงบนรถแล้วพล็อตแวบเข้ามา
ที่แต่งเพ็พเพอร์ร้ายเพราะโกรธนางจากIM3มากกกกกกก(TvT) โกรธจริงนะเนี่ยบอกเลย
ผลงานอื่นๆ ของ SaRa_PAO ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ SaRa_PAO
ความคิดเห็น