[SF: ChrisE x RDJ] Happy Birthday to you
เป็นฟิคสั้นฉลองวันเกิด Chris Evans ค่ะ พอดีชอบคู่นี้เลยนำมาแต่ง งื้ดด จบในตอนนะคะ
ผู้เข้าชมรวม
2,330
ผู้เข้าชมเดือนนี้
17
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
เสียงฝีเท้าที่กำลังวิ่งดังขึ้นใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ทำให้ชายหนุ่มที่ใส่สูทสีดำ เชิ้ตด้านในสีขาวยืนอยู่หน้าร้านอาหารสุดหรูของเมืองลอนดอนประเทศอังกฤษต้องเพ่งมองให้แน่ใจว่าคนๆ นั้นไม่ใช่พวกโจรวิ่งราวหรือพวกลักขโมยอะไรตามที่เห็นในข่าว
เสียงฝีเท้าดังใกล้เข้ามามากขึ้นและร่างของชายรูปร่างสันทัดใส่หมวกแฟชั่นสีดำปักลิ่มอักษรภาษาอังกฤษRDJก็ฉายชัดตามมา แว่นกันแดดสีชาที่บดบังดวงตากลมโตและแพขนตาเรียงตัวสวยไม่สามารถปิดบังมันได้ในสายตาชายหนุ่ม เขายกยิ้มน้อยๆ แล้วเดินเข้าไปหาคนที่เตี้ยกว่ามาก
“สวัสดียามค่ำครับ คุณโรเบิร์ต”
“สวัสดีอีแวนส์” เสียงเหนื่อยหอบทักทายก่อนจะยืนเอามือท้าวไหล่เขาเพื่อใช้ยึด คนตัวเตี้ยกว่าเงยใบหน้าที่ถึงแม้จะมีรอยตีนการอยเหี่ยวย่นไปบ้าง(?)แต่กลับดูมีเสน่ห์ชวนหลงใหลขึ้นทุกวันขึ้นมองเด็กหนุ่มที่อายุน้อยกว่าเขาเกือบสิบกว่าปีได้ พร้อมเอ่ยทักตอบและส่งยิ้มกว้างให้อย่างเป็นมิตร
“ขอบคุณที่ตอบรับคำเชิญของผม” คริส อีแวนส์ส่งยิ้มกว้างให้พร้อมกล่าวขอบคุณ “แล้วคุณซูซานไม่มาด้วยเหรอครับ”
“เขาอยากอยู่เลี้ยงเอ็กซ์ตันน่ะ แต่ก็ฝากฉันมาอวยพรวันเกิดให้นายแทนนะ”
คริสพยักหน้ารับคำตอบของชายสูงวัยกว่าที่กลับมายืนตัวตรง เชิดหน้า และจัดสูทให้เข้าที่เข้าทางแล้ว อันที่จริงเขาก็ไม่ได้อยากจะเอ่ยถามผู้หญิงของคนตัวเล็กกว่าข้างๆ มากนักแต่ถ้าหากไม่พูดถึงเลยเกรงว่าจะเป็นที่ผิดสังเกตเปล่าๆ
คริสมองใบหน้าของคนตรงหน้าด้วยดวงตาอ่อนโยนพร้อมรอยยิ้มบางๆ และหัวใจที่สั่นไหวไปมา ตั้งแต่ได้ดูหนังที่โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ดาราซุปตาร์ที่โด่งดังจากเรื่องIronmanแสดง เขาก็เฝ้าติดตามผลงานของอีกคนมาเรื่อยๆ และยังย้อนกลับไปดูเรื่องเก่าๆ ประวัติ และภาพในวัยเด็กซึ่งดูดีและออกไปทางน่ารักมากกว่าหล่อเหลาแบบตอนนี้(ตอนนี้ก็ยังน่ารักนะ)
คริสดีใจมากที่ได้ร่วมงานกับโรเบิร์ตในAvengers1ซึ่งเขาไม่เคยคิดมาก่อนด้วยซ้ำว่าจากที่คอยติดตามผลงานมาเงียบๆ จะกลายมาสนิทชิดเชื้อกับคนๆ นี้จนหัวใจตัวดีเริ่มอยู่ไม่เป็นสุข ทุกครั้งที่ได้พูดคุย ทุกครั้งที่ได้ร่วมงานกัน หรือแม้แต่ตอนพักกอง อีกทั้งยังเวลาไปโปรโมทหนังหรือออกรายการต่างๆ ร่วมกันมันยิ่งทำให้ใจของเขาถลำลึกลงไปมากกว่าเดิม เขารู้ดีว่าโรเบิร์ตไม่มีทางหันมาสนใจเขาหรือว่าจะรักเขาในแบบที่เขารักได้ ถึงแบบนั้นเขาก็มีความสุขที่ได้อยู่ข้างๆ ได้ทำอะไรร่วมกันกับคนที่เขารัก
วันนี้เป็นวันเกิดของเขา เขาจำได้ดีว่าในวันเกิดของโรเบิร์ตเองอีกคนไปดูหนังที่เขาแสดงซึ่งมันทำให้เขาดีใจมากจนเก็บไว้ไม่อยู่ต้องออกมาทวิต ในวันนี้เป็นวันเกิดของเขา...อยู่ๆ เขาก็อยากฉลองวันเกิดกับโรเบิร์ตสองต่อสองแบบที่เคยคิดเอาไว้(เมื่อก่อนน่ะ) เขาคิดอยู่นาน นานจนมือของเขาไปกดโทรออกเบอร์ของคนตรงหน้าแล้วในท้ายที่สุดก็ลองชวนออกไปแบบกระทันหันตอนไหนไม่รู้ พอสติกลับมาโรเบิร์ตก็ตอบรับคำชวนของเขาแบบทันทีด้วย สิ่งที่เขาตกใจไม่ใช่คำตอบรับของโรเบิร์ต...แต่เป็นโรเบิร์ตที่ยอมรีบมาหาเขาภายในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงทั้งที่โรงแรมก็อยู่ไกลจากร้านอาหารนี่มาก
“นี่ จะยืนตากน้ำค้างอีกนานมั๊ยไอ้ลูกชาย”
“อ๊ะ...อ๋อ ไม่ครับ ฮ่าๆๆๆ” คริสสะดุ้งเฮือกแล้วรีบแก้ต่าง “งั้นเราเข้าไปกันเถอะครับ”
“ครับผม”
โรเบิร์ตโค้งตัวลงเล็กน้อยแล้วผายมือให้คริส อีแวนส์ซึ่งอีกคนก็ทำตามเขขากลับพร้อมส่งยิ้มกว้างให้อย่างมีความสุข โรเบิร์ตหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเดินกลัดหลังเข้าไปในร้านอาหารตามสไตล์ตัวเอง โดยมีคริส อีแวนส์ที่(ยอม)จองชั้นดาดฟ้าด้านบนทั้งชั้นคนเดียวเพื่อใช้เวลา(สวีท)ร่วมกับโรเบิร์ต(สองต่อสอง)
ลมเย็นๆ พัดผ่านร่างของคนสองคนที่นั่งอยู่ท่ามกลางเทียนหอมมากมายที่จัดไว้เป็นรูปสีเหลี่ยมรอบๆ ดาดฟ้าของร้านอาหารที่ยกโต๊ะเก้าอี้ตัวอื่นๆ ออกไปจนหมดเหลือเพียงแค่ส่วนของคริสและโรเบิร์ตเท่านั้น โรเบิร์ตมองบรรยากาศรอบๆ อย่างตะลึงงันแล้วหันมามองคริสที่นั่งอ่านเมนูเงียบๆ
“ดาดฟ้านี่มันโล่งดีเนอะ มีแค่เราสอง”
“อ่า คือพอดีทางร้านยกให้ผมเป็นของขวัญวันเกิดน่ะครับ”
“อ่อ” โรเบิร์ตรับคำแล้วมองหน้าของคนที่ส่งยิ้มแหย หัวเราะแห้งๆ ให้เขา “เป็นของขวัญที่หรูหราดีทีเดียว”
คริสเพียงแค่ส่งยิ้มให้อย่างเคย เขามองคนตรงข้ามที่นั่งไขว่ห้างอ่านเมนูด้วยความหลงใหล ตอนนี้โรเบิร์ตถอดแว่นออกแล้วทำให้เขาเห็นดวงตากลมโต แพขนตาสวยได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ทรงผมทรงใหม่สำหรับถ่ายAvengers2ถูกเซ็ทมาอย่างดีและรับกับใบหน้าของโรเบิร์ตมาก
ถึงแม้ว่าในหนังบทที่เขาเล่นจะต้องทะเลาะกับโทนี่ สตาร์คแทบทุกครั้งแต่พอเลิกกองทีไร โรเบิร์ตก็จะมาติว(สอน)หรือแนะเขาเรื่องการแสดง หรือบางทีที่มีฉากได้โดนเนื้อต้องตัวกันบ้างเขาก็จะเกร็งๆ และไม่กล้า(เพราะความเขิน)แต่โรเบิร์ตก็จะเป็นคนคว้ามือของเขาไปแล้วจัดท่าให้ พร้อมสั่งอย่างดีว่าให้ทำแบบนี้นะ หรือทำแบบนั้นนะ ตามสไตล์คนมีประสบการณ์มากกว่า และนั่นยิ่งทำให้เขาสองคนสนิทกันมากขึ้น(ถึงแม้โรเบิร์ตจะสนิทกับมาร์คมากกว่าก็ตามที)
“อีแวนส์!!!”
“ครับ!?!”
คริสสะดุ้งตกใจเมื่อโรเบิร์ตเรียกชื่อเขาเสียงดัง เขากระพริบตาปริบมองคนตรงหน้าที่มองเขาด้วยความเป็นห่วง เขารีบส่งยิ้มแหยเพื่อช่วยแก้สถานการณ์แล้วเอ่ยถามออกไปเสียงเบา
“เอ่อ...มีอะไรหรือเปล่าครับ”
“บริกรถามว่านายต้องการอะไร ฉันไม่เห็นนายตอบเสียทีเลยเรียก แต่ก็เห็นนายเอาแต่นั่งเหม่อเลยต้องตะโกน ขอโทษทีนะ”
“เอ้อ...ไม่เป็นไรครับ”
คริสโบกมือไปมาเป็นเชิงว่าไม่เป็นอะไรแล้วหันไปสั่งเมนูอาหารกับบริกรที่ยิ้มรับคำของเขา ก่อนจะเดินกลับออกไปทิ้งเขาไว้กับโรเบิร์ตตามลำพังสองคน
“ขอบคุณมากนะครับที่ยอมรับคำชวนของผม”
“ไม่ต้องคิดมากน่าไอ้ลูกชาย ฉันเองก็ต้องขอบคุณมากที่ชวนฉันมาร่วมอวยพรวันเกิดนาย”
โรเบิร์ตยืดตัวขึ้นมาตบไหล่กว้างของเขาเสียงดังปุๆ แล้วกลับไปนั่งส่งยิ้มกว้างให้เขาตามเดิม คริสเพียงแค่ยิ้มตอบรับแล้วก็เริ่มชวนคุยเรื่องบทหนังเรื่องใหม่ที่พวกเขาแสดงด้วยกัน
ไม่นานอาหารก็มาเสริ์ฟและถูกคนทั้งสองทานจนหมด อีแวนส์วางส้อมและมีดลงกับจานแล้วหยิบแก้วไวน์แดงขึ้นจิบ เขาเหลือบมองโรเบิร์ตที่นั่งเอาผ้าเช็ดปากแล้วยกแก้วไวน์ขึ้นจิบบ้าง คนตัวสูงกำยำกว่าวางแก้วไวน์ลงก่อนจะถอยเก้าอี้อกเรียกความสนใจจากอีกคน
“เต้นรำกับผมมั๊ยครับ” อีแวนส์เดินไปโค้งตัวแล้วขออีกคนเต้นรำ
“...” โรเบิร์ตเงียบไปสักพักก่อนจะวางมือบนท่อนแขนแกร่งแล้วถอยเก้าอี้ลุกขึ้นยืน “นึกว่าจะไม่ขอซะแล้ว”
อีแวนส์หัวเราะเบาๆ กับบทละครที่คุณหมอวัตสันในหนังเชอร์ล็อค โฮล์มส์พูดตอบคำขอเต้นรำของโฮล์มส์ เขาพาอีกคนเดินไปยืนกลางฟอร์ที่ถูกจัดเตรียมเอาไว้และล้อมรอบด้วยเทียนหอมรูปหัวใจ กลิ่นของมันโชยขึ้นมาตามลมชวนให้จิตใจปลอดโปร่ง
เสียงดนตรีช้าๆ บรรเลงขึ้นก่อนที่ชายทั้งสองจะเต้นรำไปพร้อมกัน ใบหน้าของทั้งคู่ในตอนนี้อยู่ในระยะที่กำลังพอดี ดวงตาของทั้งสองสบมองกันและกันตลอดเวลา ลมหายใจของทั้งคู่ที่เป่ารดกันนั้นผสานเป็นหนึ่งเดียว และริมฝีปากที่เผยรอยยิ้มอย่างยินดีมีความสุขชวนให้ใจเต้น
อีแวนส์มีความสุขเหลือเกินในวันเกิดปีนี้ที่มีคนที่เขาอยากอยู่ให้มาอยู่ด้วยมากที่สุดมาอยู่ด้วย แถมยังได้ทำอะไรในแบบที่ไม่เคยได้ทำตอนอยู่ในกองถ่าย แล้วอีแวนส์ก็ต้องผิดหวังเมื่อนึกขึ้นได้ว่าโรเบิร์ตต่อสัญญเล่นหนังถึงแค่Avengers3เท่านั้น เมื่อจบภาค3นี้เห็นทีเขาคงจะไม่ได้เจอคนตัวเล็กนี่อีกต่อไป ถึงแม้จะอยากหยุดเวลานี้ไว้มากเท่าไหนแต่ก็ไม่อาจทำได้ ความทรงจำที่ผ่านมาด้วยกันคงเป็นแค่เพียงความทรงจำแสนสวยงามและเศร้าในเวลาเดียวกันเพียงเท่านั้น
“ขอบคุณที่ร่วมเต้นรำกับผมครับ”
“ก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรเท่าไหร่”
เสียงเพลงจบลงในอีกไม่กี่วินาทีต่อมา ทั้งคู่ต่างผละออกจากกันแล้วโค้งให้กัน ก่อนจะกลับไปนั่งที่นั่งของตัวเองที่ตอนนี้มีเพียงเชิงเทียนสีแดงและดอกกุหลาบสีเดียวกันในแจกันตรงกลางโต๊ะเพียงเท่านั้น ต่างฝ่ายต่างเงียบ ไม่มีใครพูดอะไรออกมา ปล่อยให้เวลาดำเนินไปเรื่อยๆ จนในที่สุดโรเบิร์ตก็เป็นฝ่ายเอ่ยปากก่อน
“นี่ไอ้ลูกชาย กัปตันอเมริกาภาค2นายเล่นดีมากเลยนะ และดูเหมือนจะหล่อขึ้นกว่าภาคแรกใช่มั๊ยเนี่ย แถมยังล่ำสันกว่าเดิมอีก มีเคล็ดลับอะไรหรือเปล่า”
“ก็...ออกกำลังฟิตหุ่นตามปกตินั่นแหละครับ แต่ว่าผมหล่อขึ้นจริงเหรอ”
“ใช่ ฉันนั่งดูนายยังอดใจสั่นไม่ได้เลยนะรู้มั๊ย”
ประโยคที่โรเบิร์ตพูดแซวคริสออกมามันทำให้คนโดนชมใจเต้นแรง หน้าแดงขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ เขาพยายามหลบสายตาของโรเบิร์ตที่จ้องมองเข้ามาในดวงตาของเขาแต่ก็ทำไม่ได้ ในเมื่อดวงตากลมโตสีน้ำตาลคู่นั้นมันมีเสน่ห์เกินห้ามใจ สันจมูกโด่งรับกับใบหน้าหนวดเครา(ของโทนี่ สตาร์ค)และริมฝีปากอิ่มเอิบสีชมพูมันวาว
พอรู้ตัวอีกทีคริสก็โน้มตัวลงมากดจูบเบาๆ บนริมฝีปากอิ่มนั้นแล้วอย่างห้ามใจไม่ได้ ถึงแม้สมองจะสั่งว่าเขาไม่มีสิทธิทำแบบนี้และไม่ควรทำแบบนี้ แต่หัวใจมันกลับมีอำนาจเหนือกว่าและบังคับให้ร่างกายของเขาเข้าไปหาอีกคนโดยอัตโนมัติ เขาหลับตาลงเพื่อซึมซาบความรู้สึกอ่อนนุ่มและหวานยิ่งกว่าน้ำผึ้ง
ไม่นานเขาก็ผละออกมาแล้วกลับไปนั่งที่เดิม ใจของเขาร่วงไปอยู่ตาตุ่ม ไม่กล้าแม้แต่จะมองใบหน้าคนตรงข้ามที่คงจะโกรธหรืออาจจะนึกรังเกียจเขาไปแล้ว
“Son,Just Don’t”
“...”
เพียงแค่ประโยคเดียวก็ทำเอาหัวใจของคริสเต้นไหวไปด้วยความรู้สึก(ด้านลบ)มากมายที่ถาโถมเข้ามา เขาค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองโรเบิร์ตที่นั่งหน้านิ่ง ขรึม และดูเฉยชากับเขา
เขาทำมันพังหมดแล้วใช่มั๊ย กับทุกๆ อย่างที่สร้างขึ้นมา...
“ถ้าจะจูบทำไมไม่บอกดีๆ ก่อน รู้มั๊ยว่าฉันตกใจแทบแย่นึกว่าจะโดนต่อยซะอีก”
“หะ...หา?”
“อะไร?”
โรเบิร์ตที่นั่งถอนหายใจเมื่อครู่เลิกคิ้วขึ้นถามคริสที่นั่งหน้าเหวอกินไปแล้ว เขาเกาหัวแกรกๆ งงกับคำพูดและใบหน้าเหวอกินของอีกคน
“คุณ...ไม่ได้โกรธผมเหรอ”
“โกรธ? แล้วทำไมฉันต้องโกรธนายด้วย”
“ก็ผมจูบคุณนะ”
“ในหนังฉันโดนมากกว่านี้อีก”
คริสอยากจะเถียงว่ามันไม่ใช่แบบที่ผู้หญิงจูบผู้ชายอะไรแบบนี้ แต่เมื่อเห็นอีกคนไม่ได้ติดใจเอาความอะไรเขาก็ยิ้มอย่างโล่งใจ แล้วเก็บความรู้สึกที่สัมผัสริมฝากอ่อนนุ่มนั้นไว้เป็นความทรงจำที่ดีที่สุดของเขา
เวลาเดินผ่านไปเรื่อยๆ พร้อมกับความสุขที่กำลังจะหมดลงในอีกไม่นาน คริสมองโรเบิร์ตที่เริ่มหน้าแดงเพราะฤทธิ์ของไวน์ที่อีกคนดื่มแล้วดื่มอีกจนลืมไปว่าพรุ่งนี้ต้องมีถ่ายหนังต่อ คริสพยายามจะห้ามปรามแต่เมื่อเห็นอีกคนกระดกเอาๆ ก็ออกปากห้ามไม่ทัน
“คุณเริ่มเมาแล้วนะ”
“ไม่หรอกน่าไอ้ลูกชาย พี่มันพันธุ์อึดนะครับ”
โรเบิร์ตหันมาตอบตาปรือแล้วโอบไหล่กว้างของลูกชายก่อนตบต้นแขนปุๆ แล้วกระดกแก้วไวน์ในมือต่ออึกๆ จนหมดแก้วสุดท้าย
“พอได้แล้วครับ”
“อึ้ก...”
โรเบิร์ตเมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว คริสรีบคว้าแก้วไวน์ออกจากในมือของโรเบิร์ตทันทีก่อนจะจัดท่านั่งให้อีกคน ลมเย็นๆ พัดโชยมา ดวงตาของโรเบิร์ตปรือลงทุกทีและคลอไปด้วยน้ำจนดูฉ่ำจนหวานเยิ้ม คริสกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ใบหน้าที่ชวนโดน(โดนอะไร!)ของอีกคนมันทำให้เขาสับสน เขาสะกิดไหล่อีกคนเบาๆ เพื่อปลุกสติคนเมาที่กำลังจะดับลงไป
“คุณ...”
“ฟี้~”
ยังไม่ทันจะได้พูดอะไรเสียงกรนเบาๆ ก็ดังขึ้นขัดเสียก่อนพร้อมๆ กับหัวทุยสวยของอีกคนที่ตกลงมาบนไหล่ของเขา คริสเหลือบมองใบหน้ายามหลับของโรเบิร์ตที่ไม่ค่อยได้เห็นชิดๆ และชัดๆ แบบนี้บ่อยนัก เขาใช้มืออีกข้างยกขึ้นลูบกลุ่มผมหยักศกสีดำเบาๆ ดวงตาคมเพ่งมองและจดจำทุกสัดส่วนบนใบหน้าจนขึ้นใจ แล้วก้มลงจุมพิตกลางหน้าผากมนเนิ่นนานและอ่อนโยน
“อืม...”
เสียงครางเบาๆ พร้อมร่างกายที่บิดเบาๆ เรียกรอยยิ้มขันจากคริสได้เป็นอย่างดี เขามองใบหน้าที่มีแต่สเน่ห์แล้วไล้โครงหน้านั้นเบาๆ อย่างทะนุถนอม
อีกสิบนาทีจะเที่ยงคืน
โรเบิร์ตตื่นมานั่งสะลึมสะลืออยู่ข้างคริสบนโซฟาตัวนิ่มที่ถูกจัดสำหรับใช้ดูดาวยามค่ำคืน เขากระพริบตาปริบๆ เพื่อไล่ความมึนงงและความง่วงออกไป เขาหันไปมองคริสที่นั่งมองดาวโดยวางแขนพาดบนพนักโซฟามาโอบไหล่เขา
โรเบิร์ตรู้มาตลอดว่าสิ่งที่คริสแสดงออกกับเขามันมีอะไรมากกว่ารักแบบธรรมดาๆ แบบที่เพื่อนร่วมกองถ่ายเขามีกัน แต่ถึงแบบนั้นเขาเองก็ไม่อาจตอบรับความรู้สึกนี้ได้เพราะอะไรเจ้าตัวเองก็น่าจะรู้ดี แต่เขาเองก็ไม่ขอปฏิเสธว่าความรู้สึกของเขาที่มีต่อคริสนั้นมันก็พิเศษพอๆ กับที่คริสมีต่อเขา แต่ถึงแบบนั้นเขาก็ไม่อยากจะไปให้ความหวังกับใครหรือแม้แต่กระทั่งตัวเขาเอง เรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่ยากจะเข้าใจและแตะต้องมัน ความรักมันก็เหมือนแก้วที่เปราะบางและพร้อมแตกหักได้ตลอดเวลา
“อีกไม่กี่นาทีก็จะเที่ยงคืนแล้วนะครับ”
“ใช่ อืม...นายชอบกินเค้กอะไร”
“ทำไมเหรอครับ”
ถึงแม้จะรู้คำตอบนั้นดีอยู่แล้วแต่คริสก็แค่อยากลองถามเพื่อฟังให้แน่ใจว่าเขาไม่ได้คิดไปเอง โรเบิร์ตไม่ได้ตอบอะไรแต่กดเรียกบริกรเข้ามาแล้วยื่นเมนูของหวานให้กับคริส คริสเพียงแค่ยิ้มแล้วขำก่อนจะสั่งเค้กลาวาช็อกโกแลตไป
ไม่นานนักเค้กชิ้นสามเหลี่ยมหนึ่งชิ้นก็ขึ้นมาเสิร์ฟพร้อมกับเทียนรูปตัวเลขสีชมพูหวานซึ่งมันเป็นอายุของคริสเอง โรเบิร์ตรับมันมาจากบริกรแล้วโบกมือให้บุคคลที่สามรีบออกไป ก่อนจะยื่นจานเค้กชิ้นนี้ไปตรงหน้าคริส เขาส่งยิ้มที่คิดว่าหวานที่สุดให้อีกคน
“Happy Birthday to you Happy Birthday to you Happy Birthday Happy Birthday Happy Birthday to Chris Evans~~~”
โรเบิร์ตร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ทเดย์ให้กับคริสจนทำเอาอีกคนหน้าแดงก่ำก่อนจะหัวเราะแก้เขินแล้วปรบมือให้เขาเบาๆ เขามองคริสแล้วเขยิบไปใกล้อีกนิดให้อีกคนใจเต้นเล่นๆ แล้วพูดเบาๆ ราวเสียงกระซิบ
“ขอพรแล้วเป่าเทียนสิ”
“ครับ”
คริสยิ้มกว้างแล้วเอามือมาประกบกันหลับตาลงขอพร ไม่นานนักเขาก็ลืมขึ้นแล้วเป่าเทียน โรเบิร์ตยิ้มกว้างแล้ววางจานเค้กลงบนตักของเขาก่อนจะโน้มใบหน้าอีกคนให้ลงมาหาเขา
คริสเบิกตาขึ้นโตด้วยความตกใจ หัวใจของเขาเต้นแรงจนกลัวว่าอีกคนจะได้ยิน อยู่ๆ ก็รู้สึกว่ามือมันเย็นขึ้นทั้งที่อากาศไม่ได้หนาวอะไร เขามองดวงตากลมโตและริมฝีปากอิ่มนั่นอยากฝืนใจ(กลัวเผลอทำมิดีมิร้ายไป)
“นี่เป็นของขวัญจากฉันนะ”
พอพูดจบโรเบิร์ตก็ทาบทับริมฝีปากของตัวเองลงไปบนริมฝีปากของคริสที่ยังเหวอกินอยู่ ไม่มีใครรุกล้ำอะไรนอกจากดูดเม้มริมฝีปากกันไปมาเบาๆ เนิ่นนานและอ่อนหวานชวนใจละลาย
“Happy Birthday to Chris Evans. Everything is just for you,honey… ”
Speacial ส่งท้าย(จริงๆ)
รุ่งเช้ามาถึงแล้ว คริสที่นอนเหยียดกายอยู่บนเตียงนอนมาตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้นได้แต่จ้องมองร่างข้างกายที่นอนหลับอุตุอยู่ในอ้อมแขนของเขา ลมหายใจอุ่นที่เข้าออกเป็นจังหวะรดบนอกของเขาผ่านเสื้อนอนบอกได้ว่านี่ไม่ใช่ความฝันแต่เป็นความจริงที่เขาเผชิญอยู่ เขาแทบจะจำเรื่องเมื่อคืนไม่ได้ด้วยซ้ำนอกจากรสจูบที่ยังตราตรึงไม่หาย เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าโรเบิร์ตและเขามานอนอยู่บนเตียงในโรงแรมที่พวกเขาพักที่เดียวกันได้ยังไง ถึงจะมีเรื่องให้สงสัยแต่เขาก็ไม่ได้ติดใจอะไร(โอกาสไม่ได้มีบ่อยๆ น่า)
“อรุณสวัสดิ์ไอ้ลูกชาย” โรเบิร์ตเอ่ยเบาๆ แล้วโอบรอบแขนกอดเอวอีกคนก่อนซบหน้าบนแผ่นอกกว้าง “ขอบคุณที่เมื่อคืนอุ้มฉันมาด้วยไม่ปล่อยให้นอนตากลมอยู่ข้างนอก”
“เอ๋? เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นเหรอครับ”
โรเบิร์ตหรี่ตาขึ้นมองอีกคนแล้วขำออกมาเบาๆ ก่อนหัวเราะลั่นจนทำคริสเขินและรู้สึกอายไม่กล้าจะสู้หน้า
“เมื่อคืนเราดื่มกันจนดึกและฉันก็แทบจะเมาร่วงไปกองกับพื้น ที่ฉันจำได้มีแค่นายอุ้มฉันแล้วพามานอนที่นี่ แล้วฉันก็หลับไปเลย”
“อ่อ...แค่นี้เองเหรอ” คริสถอนหายใจอย่างเสียดายก่อนจะเบะปาก
“แค่นี้เองเหรอนี่อะไร คิดอะไรอยู่”
โรเบิร์ตดึงหูคนข้างๆ จนอีกคนร้องโอดครวญแล้วดิ้นไปมา เขาหัวเราะกลิ้งก่อนจะยันตัวขึ้นนั่งแล้วหันไปมองคนที่ยังนอนอยู่บนเตียง
“เอาไว้เราไปกองถ่ายพร้อมกันก็แล้วกัน แต่ตอนนี้คงต้องรีบไปอาบน้ำก่อนที่จะไปสาย”
คริสมองโรเบิร์ตที่ลุกขึ้น เขาได้แต่มองแผ่นหลังนั้นเดินจากไปช้าๆ ด้วยใจที่ร่วงหายตามลงไปด้วย เขากำหมัดแน่นแล้วตัดสินใจพูดออกมาเสียงดังฟังชัด
“คุณโรเบิร์ตครับ!” คริสมองโรเบิร์ตที่หยุดเดินแล้วหันมาเลิกคิ้วใส่เขา “ผมรักคุณ”
.
.
.
.
.
.
.
.
“ฉันก็รักนาย ไอ้ลูกชาย”
คริสยิ้มกับคำบอกรักนั้นที่ไม่รู้ว่าจะหมายถึงรักแบบที่เขารักหรือเปล่า แต่เขาก็ยินดีไม่ว่ามันจะสื่อถึงอะไรก็ตาม
“ผมรักคุณ...คุณโรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์”
- THE END -
13/06/2014
Happy Birthday Chris Evans!!
ฝากฟิคเรื่อง Revengeแสนร้ายของนายกับฉัน
และเตรียมพบกับฟิคเรื่องใหม่ของ
- SteveTony
- Thoki
- ClintBruce
และอีกมากมาย
เร็วๆ นี้
ผลงานอื่นๆ ของ SaRa_PAO ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ SaRa_PAO
ความคิดเห็น