.+*`*+.Magicel of Rain.+*~*+. - .+*`*+.Magicel of Rain.+*~*+. นิยาย .+*`*+.Magicel of Rain.+*~*+. : Dek-D.com - Writer

    .+*`*+.Magicel of Rain.+*~*+.

    **ถ้าคุณยังไม่เคยทำอะไรให้คนที่คุณรักเลย ตอนนี้อาจจะยังไม่สายที่คุณจะทำอะไร** ***เพื่อใครคนนั้น***

    ผู้เข้าชมรวม

    324

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    324

    ความคิดเห็น


    14

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  2 ม.ค. 49 / 19:09 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      ...หยดน้ำใสๆที่พรั่งพรูลงมาจากฟากฟ้านั่น  เค้าเรียกว่า “น้ำฝน” ใช่มั้ย???...
      เริ่มเข้าหน้าฝนแล้วซินะ  อากาศบริสุทธิ์ที่ดูเหมือนจะพกพาเอาความสดชื่นมามากกว่าทุกๆวัน  มาพร้อมกับละอองน้ำแห่งความชุ่มชื่นได้มาทักทายเราแล้ว  ใครๆมักจะบอกว่าฝนมักจะพาความเหงามาทักทายเราด้วยเช่นกัน  ตอนนี้ริมระเบียงหน้าบ้านกำลังชำระล้างความเครียดที่มีทั้งหมดในช่วงหน้าร้อน  บรรดาต้นไม้น้อยใหญ่นั้นช่างดูสดชื่นราวกับว่าได้เริงรื่นอยู่ในงานเลี้ยง  ซึ่งหลังจากหน้าฝนนี้คงผลิดอกออกผลกันยกใหญ่  ดูเหมือนทุกๆอย่างกำลังมีความสุข  แม้แต่บนฟากฟ้ายังเปิดดิสโก้เทคสั่นสะเทือนเชียว    (-*- ทำไมไม่เปิดเพลงช้าบ้างนะ  เปิดแต่เพลงร็อคหนักหน่วง)
      ///ฝนทำให้ทุกอย่างสดชื่น...แต่ทำไมพาความเหงามาทักทายล่ะ///
          ในวันที่มีน้ำฝนฉันมีความสุขมาก  ฉันชื่อน้ำฝน  ฉันเป็นคนชอบเล่นน้ำฝนมากตั้งแต่เล็กจนโต  แม่มักจะบ่นเป็นประจำเมื่อเห็นฉันตัวเปียกซกอย่างกับลูกหมาตกน้ำ  
          “ฉันว่าพายุฝนมันร้ายแล้วนะ  แกยังร้ายกว่าพายุฝนอีก  ยัยน้ำฝนเอ๊ยยย”
          ตั้งแต่เล็กจนโตหน้าฝนทีไรจะต้องเห็นยัยน้ำฝนออกไปเริงรื่นกับน้ำฝน  (แอบเอาสบู่กับแปรงสีฟันออกไปอาบน้ำด้วย  ประหยัดน้ำที่บ้าน  อิอิ)  ฉันรู้สึกว่าน้ำฝนกับน้ำฝนขาดกันไม่ได้แน่...และในน่าฝนนี้แหละทำให้ฉันได้เจอกับเค้า!!!  เค้าคือใครใครคือเค้านะเหรอ  เค้าชื่อ “นายขนมปัง”  (ชื่อตล๊กตลก)
          ตอนนั้นขณะที่ฉันยืนอยู่ที่ป้ายรถเมล์อันแสนจะแออัด  ในหัวก็กำลังคิดหาข้อแก้ตัวกับพ่อและแม่ที่ได้คะแนนคณิตศาสตร์โหลยโท๊ย  ทำงัยดีเนี่ย???  ///น้ำฝนที่เป็นเสมือนเพื่อนเกลอก็ตกลงมา   เฮ้ออออฉันแทบอยากจะออกไปทักทายและเริงรื่นกับน้ำฝนซะตรงนั้นแล้วลืมเรื่องคะแนนคณิตศาสตร์สุดห่วยในสมอง  โอ้พระเจ้ายอดมัน    จ๊อดมากมีคนทำให้ความคิดของฉันเป็นจริง (คุณทำได้นะซาร่า*)  ร่างของฉันกระเด็นออกไปนั่งกองอยู่ริมถนน  มีน้ำตะกอนที่กำลังไหลลงท่อระบายน้ำเป็นเก้าอี้อันแสนชุ่มฉ่ำ
          “ขอโทษครับ  ขอโทษครับไม่ได้ตั้งใจจริงๆครับ”
      ตายล่ะไอเด็กห้อง17  ห่วยแตกจริงๆแถมหน้าตายังไม่ได้เรื่องอีก(ถ้าหน้าตาดีจะไม่บ่นในใจเล้ยย)ออกมารับสารภาพและขออภัย  นายนั่นกำลังยื่นมือจะมาช่วยพยุงฉันลุกขึ้น  แต่พระเจ้าช่วยกล้วยทอด  เคราะห์ซ้ำกรรมซัดจริงๆ  รถเมล์สาย  58  ที่จะออกตอน 5 โมงเย็นเป็นเที่ยวสุดท้ายมาแล้ว  ทุกคนที่ป้ายต่างกุรีกุจอรีบวิ่งขึ้นรถ  ......ให้ตายซิร่างใหญ่ๆของนายนั่น  ไม่นะ - -* ไม่....  เราสองคนนอนลงกับพื้นริมถนน  ในที่สุดรถเมล์สาย 58 ของวันก็หมดและผ่านพ้นไป  ในป้ายไม่เหลือใครเลย  จะมีก็แต่ฉันกับนายบ้านั่น
      “นี่นาย  เพราะนายเลยนะเนี่ย  คราวนี้ฉันจะกลับบ้านยังงัยล่ะ”
      “เราขอโทษ  เราไม่ได้ตั้งใจจริงๆ  ยังงัยเราก็กลับบ้านไม่ได้เหมือนกันแหละ”
      “นี่ล่ะน๊าาาา...เด็กห้อง 17 ทำอะไรก็ไม่ได้เรื่องสักอย่าง  ห่วยแตกจริงๆ”
      “เฮ้...นี่เธอกำลังดูถูกเรามากเกินไปแล้วนะ  กับอีแค่เด็กห้อง 5 ทำเป็นคุย  อย่างน้อยผมก็ได้ไปแข่งคณิตศาสตร์ของเขตก็แล้วกันน่ะ”
          ในใจได้แต่นึกว่านายนั่นจะถามคะแนนคณิตศาสตร์เรารึเปล่านะ -*-
      “ไปเหอะ”
      “แล้วเราจะไปไหนกันล่ะ”
      “เข้าโรงเรียน ไงล่ะ  ฉันว่าจะเข้าไปโทรศัพท์  ก็แล้วแต่นายนะจะเอายังงัยกับชีวิต”
      “ไปก็ไป  ยังงัยเราก็ไม่มีทางเลือกนี่นา  ขอติดสอยห้อยตามเธอไปด้วยล่ะกัน”
          เราสองคนเดินตากฝนที่กำลังซาลงมุ่งหน้าเข้าไปในโรงเรียน  และฉันก็กำลังคิดและกลุ้มหนักเข้าไปอีก  ตายล่ะถ้าโทรไปบอกพ่อให้พ่อมารับ  แล้วนายนี่ล่ะเป็นใคร  ทำไมต้องอยู่กันสองคน  แล้วไหนจะคะแนนคณิตศาสตร์สุดห่วยอีก
      “นายชื่ออะไรอ่ะ  หมายถึงชื่อเล่นนะชื่อจริงฉันพอรู้”
      “เราชื่อ...ชื่อ.... ชื่อขนมปัง”
      “555+”  ฉันถึงกับปล่อยหัวเราะออกมาลั่น  เห็นหน้านายนี่เอ๋อๆ แถมยังชื่อขนมปังอีก
      “อืม..ฉันชื่อน้ำฝนยินดีที่ได้รู้จักค่ะนายขนมปัง  อิอิ”
      “อย่าล้อได้มั้ย”
      “นี่พวกเธอป่านนี้แล้วทำไมยังไม่กลับบ้านกลับช่องอีก  ประสาทดีกันรึป่าวมาเดินตากฝนเล่นเนี่ย”  ให้ตายซิอาจารย์คณิต!!!
      “เอ่อสวัสดีครับ/ค่ะอาจารย์”
      “คือพวกเราตกรถสาย 58 อ่ะค่ะ  แล้วแถมยังหกล้มอีกเลยตัวเปียกซกอย่างนี้ล่ะค่ะ”
      “ไปๆบ้านอยู่อยู่ไหนกันล่ะเดี๋ยวครูไปส่งก็ได้”
      “ขอบคุณครับ/ค่ะอาจารย์”
          ฉันรู้สึกว่าเมื่อมีฝนอะไรดีๆมักจะเกิดขึ้นเสมอ  ยกเว้นได้เจอกับนายขนมปัง
      ///ขณะอยู่ในรถ
      “เออนี่น้ำฝนครูว่าเธอเป็นเพื่อนกับขนมปังอ่ะ  ทำไมเธอไม่ให้ขนมปังเค้าติวคณิตให้ล่ะ”
      “ไหวมั้ยขนมปัง  รับน้ำฝนเค้าเข้าชมรมติวคณิตกับเราด้วยแล้วกันนะ”
      “แหมอาจารย์ครับ น้ำฝนเค้าเป็นเด็กห้อง 5 นะครับจะมาให้เด็กห้อง 17 อย่างผมติวให้ได้งัยล่ะ”
      “ดูพูดเข้า  น้ำฝนเค้าคิดแบบนั้นที่ไหนกันล่ะ  เอาเป็นว่าครูให้น้ำฝนเค้ามาเรียนที่ชมรมกับเธอด้วยแล้วกัน”
      “OK. นะน้ำฝน  เพื่อตัวเธอเอง”  ครูเอียงหน้าถามแกมบังคับตอนนั้นฉันได้แต่ยิ้มแหยๆ  แล้วก็พยักหน้า  
          กงกรรมกงเกวียนอะไรของฉันกันนักกันหนาเนี่ย  ซวยอะไรขนาดนี้  เพิ่งจะดูถูกนายขนมปังว่าอยู่ห้อง 17 สุดห่วยไปหมาดๆ  โอ๊ยยย!!!ฉันรู้สึกได้ยินเสียงหัวเราะของนายขนมปังดังก้องกังวานอยู่ในหูยังงัยไม่รู้  ถึงแม้นายนั่นจะแอบหัวเราะเยาะเราในใจก็ตาม...
          หลังจากวันนั้นฉันต้องรีบไปโรงเรียนแต่เช้าเพื่อไปติวคณิตกับนายขนมปัง  กลับบ้านพร้อมนายนั่นทุกวันเลย  บางทีถ้าหัวฉันตื้อก็กลับบ้านช้าบางทีค่ำเลย  นายขนมปังก็จะแวะไปส่งฉันที่บ้าน  แล้วก็ทานข้าวเย็นที่บ้านฉันด้วย  (เพราะความใจดีขี้เกรงใจของแม่นั่นแหละ)  แต่ก็โชคดีนะที่อาจารย์พูดกับพ่อกับแม่ไว้ตั้งแต่วันที่มาส่งที่บ้านแล้วว่าจะให้นายขนมปังติวคณิตให้  ไม่งั้นจะต้องโดนหาว่าเป็นแฟนกันแน่เลย  ตั้งแต่บัดนั้นมาคะแนนคณิตศาสตร์ของฉันก็ดีขึ้นเรื่อยๆพ่อกับแม่ภูมิใจมาก  และตอนนั้นฉันก็เริ่มรู้สึกดีๆกับนายขนมปังแล้วล่ะ@_@**  แต่ก็ไม่คิดหรอกว่ามันจะใช่ความรักหนะ  อีกอย่างตอนติวฉันกับนายนั่นกัดกันซะมากกว่า  ที่คะแนนดีก็อาจจะเป็นเพราะฉันหัวดีเองมั้ง  (โม้)  เป็นเพราะนายนั่นอธิบายเข้าใจต่างหากล่ะอิอิ  
          และแล้วเราทั้งสองคนก็เข้ามหา’ลัยได้สำเร็จ  นายขนมปังเรียนเศรษฐศาสตร์  ส่วนฉันเรียนสถาปัตย์  เราก็ยังอยู่มหา’ลัยเดียวกัน  ตอนนั้นฉันมีความสุขมาก  พ่อกับแม่เลี้ยงฉลองให้เราสองคนที่บ้านของฉันเอง  ในวันนั้นเป็นวันที่ฉันมีความสุขมากๆ  นายขนมปังหน้าจืดชวนฉันมานั่งเล่นที่ชิงช้า  หลังจากทานข้าวเสร็จ  
      “เอ่อ...รู้มั้ย2เป็นจำนวนเฉพาะทางคณิตศาสตร์นะ”
      “-*-!!แล้วงัยเหรอ”
      “ ก็คือเอ่อ..เอ่อ..”
      “ก็อะไรนายขนมปังติดอ่างอยู่ได้”
      “ก็หมายถึงเลข 2 เป็นเลขที่ดีนะ”
      “นี่นายขนมปังจะพูดอะไรก็พูดมาเลยนั่งอ้อมโลกอยู่ได้!!!”
      “คือ เราชอบเธออ่ะ”
      ฉันกับนายขนมปังมองหน้ากันแล้วก็เงียบกันอยู่สักพัก  ตอนนั้นฉันรู้สึกเก้อเขินจนซ่าไม่ออกเลยล่ะ@_@  ขณะเดียวกันน้ำฝนก็พรั่งพรูตกลงมา  เหมือนจะร่วมแสดงความยินดีแก่เราสองคน  มีอะไรแก้เขินทำแล้ววว
      “เล่นน้ำฝนกัน”
      “อย่าเลยนะ  เดี๋ยวไม่สบาย”
          ฉันไม่ฟังลากนายขนมปังออกไปเต้นระบำกันกลางสายฝนที่ชุ่มฉ่ำ
      “วันแรกที่เรารู้จักกันไง  เพราะฝนแล้วก็รถสาย 58”
      “อืมแล้วก็ยังมีอาจารย์คณิตบวกกับความเบ๊อะบ๊ะของเราด้วย”
          ฉันกระโดดโลดเต้นกับนายขนมปัง  สักพักหนึ่ง
      “นายขนมปังนายเป็นอะไร”  ฉันเอื้อมมือไปลูบแก้มทั้งสองข้างของเค้า  หน้าเค้าซีดมากแถมตัวเย็นเฉียบ
      “เราไม่เป็นอะไรหรอก”
      “ไม่เอาแล้ว  เข้าบ้านกันดีกว่า  ไปเร็ว”
      “เดี๋ยวก่อน  น้ำฝน”  เค้าดึงแขนฉันกลับ
      “เราอยากบอกว่า  เรามีความสุขที่สุดที่ได้ดูแลเธอ”
      ฉันหยุดยืนยิ้มและสบตากับเค้า    
      “นายขนมปังบ้า!!!  เข้าบ้านเถอะ”
          พอเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จพ่อพาเค้าไปส่งที่บ้าน  วันนั้นฉันนอนไม่หลับเลยในใจเฝ้าแต่คิดถึงนายขนมปังหน้าจืดนั่น  ทำไมฉันถึงกระสับกระส่ายพิกล  ป่านนี้นายนั่นจะเป็นยังงัยบ้างนะ  นอนรึยัง  จะไม่สบายรึเปล่าอยากโทรไป   แต่เอ้....ให้เค้าพักผ่อนดีกว่า  
          ///เช้าของวันรุ่งขึ้น
      “น้ำฝนตื่นเร็วลูก”
      “เดี๋ยวก็ได้ค่ะแม่  นายขนมปังยังไม่มาหรอกค่ะ”
      “ไม่มาแล้วลูก  ตอนนี้นายขนมปังของหนูน่ะเป็นไข้หวัดใหญ่  ตอนนี้อยู่โรงพยาบาล  แม่เค้าเพิ่งโทรมาบอกเมื่อกี้นี้เอง”
      “หรอกค่ะแม่  ทำไมเพิ่งบอกหนูล่ะค่ะ”
          ฉันกุรีกุจอลุกขึ้นรีบอาบน้ำแต่งตัวด่วนที่สุด  ในใจนึกโกรธตัวเองที่ลากเค้าไปเล่นน้ำฝน  ถ้านายขนมปังเป็นอะไรไปนะฉันจะไม่ให้อภัยตัวเองเลย
          ///ที่โรงพยาบาล
      “ตอนนี้ยังไม่ออกจากห้องฉุกเฉินเลยจ๊ะ  ไข้ขึ้นสูงมากเลย”
      “คุณป้าค่ะ  เป็นความผิดของหนูเองค่ะ  หนูเสียใจค่ะ”
      “ไม่ต้องโทษตัวเองหรอกจ๊ะหนู  ขนมปังเค้าเป็นอย่างนี้ตั้งแต่เด็กแล้วล่ะจ๊ะ  เดี๋ยวก็คงออกจากโรงพยาบาลได้”
      / / / / / / / / /
      “คุณหมอค่ะ  เป็นยังงัยบ้างค่ะ”
      “คนไข้มีอาการเพ้อนะครับ  ส่วนตอนนี้ไข้ลดลงแล้วครับ  เดี๋ยวเราจะย้ายคนไข้ไปห้องพิเศษอีก 15 นาทีนะครับ  ไม่ทราบว่าใครเป็นเจ้าของไข้ครับ”
      “ดิฉันเองค่ะ  ดิฉันเป็นแม่เค้าค่ะ”
      “ครับเดี๋ยวขอพบสักครู่นะครับ”
          ตอนนั้นฉันไม่ทราบหรอกว่าคุณหมอพูดอะไรกับคุณแม่ของนายขนมปังบ้าง  แต่ที่รู้อย่างเดียวคือนายขนมปังปลอดภัยแล้ว
          หลังจากวันนั้นฉันก็คอยระวังไม่ให้นายขนมปังตากฝนอีก  ช่วงนี้จึงเป็นช่วงที่ยัยน้ำฝนจะต้องลาจากน้ำฝนสักที  ฉันสัญญากับตัวเองว่าจะไม่ทำตัวเป็นเด็กๆอีกแล้ว  ความรักของฉันกับนายขนมปังก็ยังดำเนินต่อไป  ความจริงแล้วนายนั่นว่านอนสอนง่ายนะ  นายขนมปังเป็นคนน่ารัก  ชอบทำอะไรซื่อๆเหมือนเด็กๆ  อ๊ะๆๆแต่เราสองคนก็ยังไม่ตัดเคี้ยวกันนะ  ยังกัดกันเหมือนเดิม  นายนั่นดูซื่อๆก็จริง  แต่กวนประสาทเป็นบ้าเลย!!!   เราสองคนเรียนรู้นิสัยและพยายามปรับตัวเข้าหากัน  ไม่รู้ซิฉันรู้สึกว่าเราสองคนรักกันมากขึ้นทุกวันเลย(ไม่รู้ว่าแอบคิดไปเองรึเปล่า)  ความจริงแล้วที่ฉันได้เจอกับนายขนมปังคงจะไม่ใช่ความซวยอย่างที่เคยคิด  แต่กลับเป็นความโชคดีในชีวิตต่างหากล่ะ  
          ในที่สุดก็ถึงวันนี้  วันที่เค้าขอฉันแต่งงาน  นายขนมปังหอบกุหลาบสีขาวช่อโตมาให้ฉัน  เราดินเนอร์กันใต้แสงเทียน  โรแมนติกมากๆ  ในตอนนั้นนายขนมปังทำให้ฉันรู้สึกว่าฉันเป็นผู้หญิงที่โชคดีที่สุดในโลก....
          ///ขณะขับรถกลับบ้าน  ฟากฟ้าคงประทานพรให้เราทั้งคู่  ส่งน้ำฝนอันชุ่มฉ่ำโปรยปรายลงมาแสดงความยินดีกับเรา  นายขนมปังจอดรถ  เค้าดึงมือฉันแล้วพาวิ่งเข้าไปในสวนสาธารณะ
      “นายขนมปัง  นายทำอะไร  ไป  กลับกันเถอะนะ  นายตากฝนไม่ได้”
      “ไม่เป็นไรจ๊ะ  เราไม่เป็นไร  เรารักน้ำฝน  เรารักเธอ”
      ในใจฉันรู้สึกตื้นตัน  แต่ไม่ได้นะ
      “ไม่นะไม่เอา  นายขนมปังอย่าดื้อกลับบ้านเถอะ”
      ฉันยื้อมือของเค้ามาพยายามดึงเค้ากลับไปที่รถ  เค้าดึงฉันไปกอดไว้แน่น  เราเต้นรำกัน  ฉันรู้สึกว่าเค้าแข็งแรงจริงๆ  อ้อมกอดเค้าช่างอบอุ่น  เรากำลังจะสร้างครอบครัวด้วยกัน
      “เรามีความสุขมากนะที่มีเธอ  ถ้าสมมติว่าเราจะต้องตายไปตอนนี้เราก็ไม่เสียดาย”
      ประโยคๆนี้ถึงกับทำให้ฉันกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่....และนั่นก็เป็นประโยคเดียวที่ฉันจดจำมาจนถึงทุกวันนี้  ซึ่งมันเป็นประโยคสุดท้ายที่เขาได้พูด....
      นายขนมปังฟุบตัวลงไปกองกับพื้น  หน้าเค้าซีดมาก  ตัวเย้นเฉียบ
      “ไม่นะ  ไม่...  นายขนมปังลุกขึ้นมาก่อน  นายอย่าเพิ่งเป็นอะไรนะ  มีสิ่งหนึ่งที่ฉันยังไม่เคยได้บอกกับนายเลย...  ฉันรักนายนะ  ฉันรักนายได้ยินมั้ย”
          ...อาจจะไม่สายเกินไปที่น้ำฝนจะบอกกับนายขนมปังถ้านายขนมปังได้รับรู้  แต่ทว่าเค้าไม่มีโอกาสได้รับรู้มันอีกแล้ว...


                      ****อย่ารอที่จะบอกคำว่า “รัก” กับคนที่เรารัก***
                      ****อย่ารอเวลาที่จะทำสิ่งดีๆให้กับคนที่เรารัก***
      **ถ้าคุณยังไม่เคยทำอะไรให้คนที่คุณรักเลย  ตอนนี้อาจจะยังไม่สายที่คุณจะทำอะไร**
                                       ***เพื่อใครคนนั้น***

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×