ลำดับตอนที่ #17
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #17 : ไกรทอง ตอนที่13 (แก้ไข)
“ไอ้เด็กไม่มีพ่อ”
คำสรรพนามแทนชื่อที่พวกเขาต่างพากันล้อเลียนทุกครั้งยามเมื่อพบปะหน้ากัน เมื่อครั้งมันยังเป็นเด็กนานจนถึงทุกวันนี้ เหตุเพราะมันเป็นคนที่น่าหมั่นไส้ที่สุดนับแต่มันได้เริ่มเข้ามาอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้...มันก็ได้ความรักจากทุกคน โดยเฉพาะพวกผู้ใหญ่ที่มักเอ็นดูมันเป็นพิเศษกว่าใคร
พวกผู้ใหญ่ชอบชมว่ามันเป็นเด็กดีสามารถช่วยเหลือตัวเองได้ทุกอย่าง รวมทั้งคอยช่วยเหลือผู้อื่นอย่างไม่เคยเกี่ยงงอน...ยามเมื่อลูกๆหลานในหมู่บ้านทำตัวซุกซนพวกผู้ใหญ่ก็มักจะชอบเอามันมาเปรียบเทียบให้ได้ยินทุกครั้งให้แสลงหู
น่ารังเกียจจริงๆตัวเองไม่มีพ่อไม่มีแม่แท้ๆแถมยังต้องอาศัยวัดอยู่อีกต่างหาก ทำไมมันถึงได้รับความรักจากคนรอบข้างมากมายขนาดนี้
ยามเป็นเพียงแค่เด็กพวกเขายังรู้สึกแค่เหม็นขี้หน้ามันเท่านั้น หากแต่พอเติบใหญ่ขึ้นความรู้สึกทั้งหลายยิ่งเพิ่มพูนทวีรุนแรงมากขึ้น...จากไม่ชอบหน้า เหม็นขี้หน้า ไม่อยากพูดคุย ไม่อยากมองหน้า ตอนนี้กลายเป็นว่าอยากให้มันไปให้พ้นๆจากหมู่บ้านของพวกเราเสียที
...ไอ้ไกรทอง...
บรรยากาศยามเช้าในหมู่บ้านยังคงสดชื่นสดใสคล้ายกับอารมณ์ของชาวบ้านในตอนนี้ ที่ล้วนพากันหอบลูกจูงหลานเดินเข้าวัดทำบุญตักบาตรตอนเช้าดั่งเช่นทุกวันไม่เคยขาด
สาวๆที่พากันออกเรือนแล้วหลายคนรวมกลุ่มกันนำข้าวปลาอาหารทั้งคาวหวานใส่สำรับเพื่อจัดเตรียมเตรียมถวายพระ ส่วนคนแก่ก็ต่างพากันจับจองพื้นที่ศาลาวัดนั่งคุยกันเป็นกลุ่ม ปล่อยให้เหล่าเด็กน้อยและคนหนุ่มสาวที่ยังไม่ออกเรือนลงไปพูดคุยกันอยู่รอบบริเวณวัดอย่างคึกคักสนุกสนาน
แต่แล้วเสียงหัวเราะคิกคักของหนุ่มๆสาวๆก็ต้องหยุดลง ทันทีที่เห็นว่าใครย่างเท้าเข้ามาในพื้นที่บริเวณวัด....ตะเภาแก้ว ตะเภาทอง สองสาวฝาแฝดแห่งหมู่บ้านดงเศรษฐี
ยิ่งวันนี้เป็นวันพระใหญ่สองศรีพี่น้องจึงบรรจงแต่งกายให้ดูสวยงามเป็นพิเศษ ทั้งคู่นุ่งโจงกระเบนผืนใหม่ ต่างกันเพียงแค่คนพี่สวมเสื้อแขนทรงกระบอกสีเขียวใบตองสด ส่วนคนน้องได้สวมเสื้อแขนทรงกระบอกสีเหลืองอ่อน บนผมยาวประบ่าของสองนางถูกประดับแซมด้วยดอกชบาทัดหูคนละข้าง ทำเอาหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ต่างพาจ้องมองจนไม่ยอมกระพริบตา
กิตติศัพท์ความงามสองสาวฝาแฝดเลื่องชื่อลือชาไปไกลตั้งแต่คุ้งเหนือจรดคุ้งใต้....ยามเมื่อดอกบัวงามทั้งสองเริ่มผลิดอกแย้มบานส่งกลิ่นหอมหวานฟุ้งกระจาย ล่อให้เหล่าหมู่ภมรกรูเข้ามาใกล้เพื่อหาทางดอมดมกลิ่นหอมของดอกบัวคู่นี้ให้เสียชื่นใจ
ชายใดบ้างที่ได้ยินและได้ยลโฉมสองนางจะไม่นึกละเมอเพ้อฝันอยากนำร่างอรชรแน่งน้อยของทั้งสองสาวงามมาตบแต่งโอบประคองไว้ในอ้อมแขนสูดดมกลิ่นกายสาวให้เสียชื่นใจ แต่ทุกอย่างกลับติดขัดอยู่ที่ชายวัยกลางคนสูงใหญ่ตรงหน้านี้เท่านั้น
เนื่องจากอาการหวงลูกสาวของแกนั้นเป็นสิ่งที่ขึ้นชื่อลือลาจนกลายเป็นที่น่าขยาดสำหรับพวกหนุ่มๆกลัดมันยิ่งนัก เพราะถ้าหากชายหน้าไหนแหลมหน้าเข้าไปดักเกี้ยวสองนางแบบสุ่มสี่สุ่มห้า มีหวังได้โดนไม้ตระพรดในมือแกเพ่นกระบาลแยกเป็นเสี่ยงๆแน่...
ยกเว้นแต่กับไอ้เด็กหนุ่มสองคนนี้เท่านั้นที่ไม่กลัวกับนิสัยเฉียบขาดของเศรษฐีคำ ซึ่งพวกมันจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก.....ไอ้ไกรทองกับไอ้ทองดำ เพราะคนหนึ่งคือลูกของเพื่อนสนิทจนถูกนับว่าเป็นหลานชายแท้ๆ ส่วนอีกคนก็เป็นเพื่อนสนิทของหลานที่ตัวติดกันมาตั้งแต่เด็ก
“สวัสดีจ๊ะลุงคำ สวัสดีจ๊ะป้าทองมา”
เศรษฐีคำกับนางทองมายกมือรับไหว้สองหนุ่มพร้อมกับส่งยิ้มเอ็นดูในความนอบน้อมของเด็กหนุ่มทั้งสองคน
เจ้าสองคนนี้ครอบครัวเขาเห็นมาตั้งแต่เล็ก ย่อมรู้นิสัยในใจคอกันดีว่านิสัยดีร้ายเช่นไร โดยเฉพาะเจ้าไกรที่เดี๋ยวนี้เริ่มโตเป็นหนุ่มทั้งนิสัยและหน้าตา ช่างถอดแบบไอ้ขุนหยั่งกับโขลกกันมา
...เห็นหน้าหลานแล้ว ย่อมอดไม่ได้ที่จะคิดถึงเพื่อนสนิท ‘ไอ้ขุน ลูกเอ็งมันโตเป็นหนุ่มแล้วนะ เหมือนเอ็งสมัยก่อนไม่มีผิดจริงๆ’
“เออๆไหว้พระเถอะ เอ็งสองคนมากันก็ดีแล้ว ...พาข้าไปหาหลวงตาหน่อยสิว่ะ พอดีข้ามีธุระจะขอคำปรึกษาจากหลวงตาเสียหย่อย ส่วนแก้วกับทองไปช่วยแม่จัดสำรับกับข้าวให้พร้อมสรรพก่อนหลวงตาจะขึ้นศาลานะลูก”
“ไม่ต้องหรอกลูกสองคนนั่งเล่นเดินเล่นอยู่แถวนี้ให้สบายเถอะ พอใกล้เพลาค่อยพวกลูกค่อยขึ้นไปหาพ่อกับแม่บนศาลา” สตรีวัยกลางคนรีบเอ่ยออกปากแทนลูกสาว ด้วยเพราะคนเป็นแม่ย่อมเข้าใจดีว่าลูกต้องการอะไร
“มันจะดีเหรอแม่ ให้ลูกของเราไปนั่งเล่นบนศาลาก็ได้ ไม่เห็นจำเป็นต้องให้อยู่ข้างล่างเลย”
นางทองมาผู้เป็นเมียถอนหายใจกับอาการหวงลูกสาวอย่างไม่เข้าใครออกใครของผู้เป็นผัวจนน่าหน่ายใจ
“ดีแล้วจ๊ะพี่คำ ข้างบนส่วนใหญ่มีแต่คนแก่ลูกขึ้นไปก็มีแต่จะพาลเบื่อเสียปล่าวๆ”
“มันจะไปเบื่อ เบ่ออาไร้ สาวๆด้านบนที่ช่วยกันจัดสำรับกับข้าวด้านก็มี” ตนเป็นพ่อยังไม่ยอมแพ้ พยายามดึงดันให้ลูกขึ้นไปอยู่บนศาลาเสียให้ได้
“มันก็ใช่แต่สาวๆพวกนั้นเขามีลูกมีผัวกันหมดแล้วคำพูดคำจาล้วนหยาบโลน ประเดี๋ยวลูกเราไปฟังเข้าจะแก่แดดแก่ลมกันพอดี ข้างล่างเพื่อนสาววัยเดียวกันเยอะแยะออก”
“แต่พ่อว่า...” ก็ลูกสาวสวยปานนางสวรรค์ถึงเพียงนี้ พ่อที่ไหนอยากจะปล่อยให้คลาดสายตา ยิ่งมีลูกสาวตั้งสองคนเลยต้องห่วงเป็นสองเท่า...แม่เข้าใจหัวอกพ่อบ้างไหม?
“เฮ้อ! ถ้าพี่คำเป็นห่วงลูกมากนัก เราก็ให้พ่อไกรกับพ่อทองดำอยู่เล่นเป็นเพื่อนลูกสาวเราก็ได้”
เมื่อได้ยินคำแนะนำของเมียรักเศรษฐีคำจึงนึกเห็นดีด้วย เพราะถ้ามีเจ้าไกรกับเจ้าทองดำอยู่เคียงข้างลูกสาวทั้งสอง ตัวเองก็ย่อมสบายใจได้โดยไม่ต้องมาห่วงหน้าพะวงหลัง
ส่วนสองศรีพี่น้องต่างมองพ่ออย่างลุ้นระทึก เพราะใจของโฉมยงทั้งสองอยากจะนั่งเล่นรับลมแดดยามเช้าให้สดชื่นดีกว่าที่จะต้องไปนั่งเบื่อๆบนศาลาเหมือนทุกครั้งที่มาทำบุญที่วัด
สุดท้ายเศรษฐีคำก็พยักหน้าตกลง ยอมให้ลูกนั่งเล่นอยู่ลานวัดได้โดยอิสระ
“งั้นแม่ช่วยเอาข้าวไปให้พวกผู้หญิงไปจัดสำรับนะ ส่วนเอ็งทั้งสองคนไม่ต้องตามข้าขึ้นไปแล้ว อยู่เล่นเป็นเพื่อนน้องข้างล่างเนี่ยแหละ พอถึงเพลาค่อยพากันไปด้านบน”
ลับหลังพ่อกับแม่แล้ว ตระเภาทองรีบจูงมือพี่สาวไปนั่งเล่นอยู่ใต้ร่มโพธิ์อีกฟากหนึ่งโดยไว โดยมีสองหนุ่มรีบจ้ำอ้าวเดินตามไปติดๆ
“เฮ้อ!นึกว่าวันนี้เราสองคนจะต้องไปนั่งเบื่อด้านบนศาลาอีกแล้วเนอะพี่แก้ว” แฝดน้องนั่งยิ้มสบายอกสบายใจอยู่ใต้ร่มเงาโดยที่เจ้าหล่อนไม่ต้องระวังหรือสำรวมกิริยามากนัก เพราะที่นี่ก็มีแต่คนคุ้นเคยกันทั้งนั้น ไม่มีผู้ใหญ่คอยจับผิดอยู่สักคน
“น้องพูดเกินไป ด้านบนก็ไม่เห็นจะน่าเบื่อขนาดนั้นสักน่อย” ตระเภาแก้วรีบจุ๊ปากเอ่ยเตือนคำพูด คำจาน้องสาว ถึงตรงนี้จะมีแค่พวกเรา แต่หน้าต่างมีหู ประตูมีช่อง ยังไงก็ต้องระวังกันให้ดีอย่าเผลอเรอออกมา
“ทำไมจะไม่เบื่อมีแต่คนแก่จะพูดคุยเล่นหัวกับใครเค้าไม่ได้...สู้นั่งคุยกับพี่ทองดำไม่ได้สนุกกว่ากันเยอะ”
ตระเภาทองยังคงไม่ฟังเสียงพี่สาว หันหน้าไปหาลูกคู่เจ้าประจำที่เล่นหัวกันมาตั้งแต่เด็กแทน จนตระเภาแก้วกับไกรทองต้องส่ายหัวพร้อมกันกับความรั้นเล็กๆของเด็กสาว
“จริงจ๊ะน้องตระเภาแก้วมีแค่พี่ทองดำคนเดียวรับรองไม่มีเหงาไม่มีเบื่อ”
เมื่อสาวสวยหยอดมุกมาทองดำเลยรีบขานรับตบมุกหยอดกลับอย่างไม่ยอมน้อยหน้า ด้วยเพราะทั้งเขากับไกรทองมีความสนิทสนมกับสองพี่น้องเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ฉะนั้นยามพูดจาหยอกล้อใส่กันจึงเหมือนพวกเขากำลังพูดเล่นอยู่กับน้องสาวมากกว่าจะเป็นการพูดเกี้ยวพาราสี จึงไม่แปลกที่เศรษฐีคำจะไม่หวงลูกสาวกับพวกเขา แถมยังหัวเราะชอบใจด้วยซ้ำ
“ถ้าพี่ทองดำพูดแบบนี้แสดงว่าต้องมีอะไรสนุกๆแน่เลยใช่ไหมจ๊ะ” ตระเภาทองถามทองดำด้วยสายตาคาดหวัง ว่าพี่ชายที่นิสัยทะเล้นคนนี้ จะมีอะไรมาให้พวกหล่อนแปลกใจเล่นเหมือนทุกครั้งยามที่ได้พบปะหน้า
“ไม่มีจ๊ะ”
“อ้าวไหนบอกว่าไม่มีเหงาไม่มีเบื่อ”
ทองดำยังไม่ทันอ้าปากแก้ตัว ก็ดันมีเสียงผู้อื่นพูดแทรกขึ้นมาเสียก่อน จนทำให้บทสนทนาที่มีแต่เสียงหัวเราะต้องหยุดชะงักโดยพวกที่ไม่ได้รับเชิญ
“ถ้าน้องตระเภาแก้วกับน้องตระเภาทองไม่อยากเบื่อก็ไปนั่งคุยกับพวกพี่ที่ท่าน้ำตรงนั้นได้นะจ๊ะ รับรองว่าน้องทั้งสองคนจะต้องชอบแน่ๆ”
กลุ่มคนกลุ่มใหญ่เยี่ยมกายเข้ามาใกล้แม้น้ำเสียงจะฟังอ่อนหวานแต่ท่าทางการเดินและแววตากับดูคุกคามข่มขู่ให้กระทำตามเสียมากกว่า ตามนิสัยอันธพาลแก้ไม่หายของพวกมัน
“ไอ้เพลิง ไอ้ไม้ มึงสองคนมาทำอะไรแถวนี้ว่ะ”
“อ้าว! ข้าเห็นน้องน้องตระเภาทองบ่นว่าเบื่อ ข้ากับพี่เลยอาสาจะพาไปหาอะไรทำแก้เบื่อไงวะไอ้ทองดำ” เด็กหนุ่มใบหน้าคมสันคนน้องร้องย้อนใส่เด็กหนุ่มคู่อริทันควัน ด้วยท่าทางกระสันอยากหาเรื่องเต็มแก่ ทำให้ไกรทองที่ยืนเงียบอยู่ข้างกัน รีบกันเพื่อนรักให้ห่างออกมาก่อนที่จะมีเรื่องกันลุกลามใหญ่โตในเขตวัด
“เห็นทีคงจะไม่ได้ว่ะไอ้ไม้ พอดีลุงคำฝากให้พวกข้าดูและน้องไม่ใช่พวกเอ็ง”
ไอ้ไกร...มึงไอ้มารหัวใจ...ขวางหูขวางตากูนัก
“มึงมันมีดีตรงไหนว่ะ เศรษฐีคำถึงวางใจให้พวกมึงมาดูแลน้องตระเภาแก้วตระเภาทอง ทั้งๆที่พวกมึงมันก็กระจอก” เมื่อน้องชายด่าจบ เด็กหนุ่มหน้าคมสันผู้เป็นพี่รีบด่าสำทับอีกที “มึงแค่เด็กวัด ไอ้ลูกกำพร้าไม่มีพ่อไม่มีแม่”
ถ้าไม่มีมือของเพื่อนรักคอยฉุดรั้งไว้ ทองดำคงได้พุ่งหลาวไปฟาดปากพวกมันสักหมัดสองหมัดให้เลือดพวกมันกลบปากจนเที่ยวไปเห่าหอนใส่ใครไม่ได้อีก
“อย่าน่าไอ้ทองนี่มันในวัดนะเว้ย” ...ใช่ว่าไกรทองจะไม่รู้สึกโกรธกับคำด่าของสองพี่น้อง แต่นี่มันคือเขตวัดหากพวกเขาจะมีเรื่องชกต่อยกันย่อมไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่ ....หากเป็นนอกเขตวัดก็ว่าไปอย่าง
ยิ่งเห็นไอ้เด็กวัดมันไม่กล้าหือ พวกมันล้วนยิ่งได้ใจเอ่ยวาจาท้าทาย “แน่จริงมึงมาต่อยกับพวกกูสิวะไอ้ทองดำ... ดูโว้ยพวกเราขี้ขลาดเยี่ยงนี้ยังนึกสะเออะจะดูแลสาวๆมันน่าหัวเร่อจริงๆ”
“หยุดด่าว่าคนอื่นเสียทีเถอะ”
เพราะเห็นพี่ชายทั้งสองของตนโดนพวกอันธพาลกลุ่มนี้รุมด่า รุมว่า ตระเภาทองจึงเกิดอาการทนไม่ไหวผุดลุกขึ้นมาเอ่ยปากห้ามปราม
“เหตุใดน้องตระเภาทองจึงกล่าวว่าพวกพี่แบบนี้พี่แค่หยอกพวกมันเล่นเฉยๆ” เมื่อมองเห็นสาวงามที่ตนเองหมายปองออกตัวปกป้อง ไอ้ไม้ก็รีบเอ่ยปากประจบแก้ตัว
“ด่าว่าผู้อื่นว่าเป็นคนไร้ครอบครัวแบบนี้รึคือการหยอกล้อ” ตระเภาแก้วเริ่มเห็นท่าไม่ดีจึงรีบลุกขี้นดึงมือน้องสาวไว้ “นี่ก็ใกล้เพลาพระท่านขึ้นสวดแล้ว ป่านฉะนี้พ่อกับแม่คงถามหาแย่แล้ว พวกเราสี่คนรีบขึ้นไปบนศาลาดีกว่านะจ๊ะ”
ขายังไม่ทันก้าวไปไหนก็ต้องหยุดชะงัก เนื่องจากพวกตนกำลังโดนล้อมกรอบเอาไว้ ดั่งป้อมกำแพงสูงไร้ซึ่งทางหนี
“พระท่านยังไม่ทันขึ้นศาลาเลย ยังไม่ต้องรีบร้อนก็ได้นะจ๊ะน้องตระเภาแก้ว”
ท่าทางรุ่มรามของเพลิงทำให้ตระเภาทองรีบกันพี่สาวไว้ด้านหลัง โดยมีไกรทองเอากายป้องกันไว้ด้านหน้าและมีทองดำคุ้มกันอยู่ด้านหลัง แต่ถึงอย่างไรน้ำน้อยย่อมแพ้ไฟพวกเขามีแค่สองคนส่วนพวกมันมีกันเป็นสิบ ผู้คนรอบกายต่างพากันไม่กล้าที่จะเข้ามาช่วยเนื่องจากนึกเกรงกลัวอิทธิพลของครอบครัวสองพี่น้อง
ระหว่างที่ทั้งสี่คนกำลังจวนตัวจะมีเรื่องกันอยู่มะรอมมะร่อ ทันใดนั้นก็มีตีนหนักๆของคนอื่นถีบใส่สีข้างเพลิงอย่างแรง จนมันกระเด็นล้มลงก้นจ้ำเบ้าด้วยสภาพอเนจอนาถ
“พี่เพลิง!” ไม้รีบปรี่เข้าไปพยุงพี่ชายของมันขึ้นมา...ไอ้หมอนี่เป็นใครกันถึงกับกล้าถีบพี่กูล้มได้
ฝ่ายเพลิงที่ลุกขึ้นมาได้รีบทะลึ่งกายพรวดพราดเข้าไปหมายจะต่อยแก้แค้นกับเจ้าของตีนเมื่อตะกี้ หมัดยังไม่ทันได้ถึงตัวอีกฝ่ายร่างสูงก็มีอันต้องกระเด็นจากตีนหนาไปอีกรอบ ซึ่งครานี้มันดันกระเด็นไปไกลจนล้มทับพรรคพวกของมันให้นอนกลิ้งลงไปกองกับพื้นด้วยกัน
คนแปลกหน้าโคลงหัวจุ๊ปากด้วยความสมเพช “ผู้หญิงเขาไม่สนใจแทนที่จะเข้าใจยังเสือกจะทำฉุดคร่า...พวกเอ็งนี่มันใจหมาเสียจริงเลย”
เพลิงกับไม้รู้สึกหน้าชาดั่งถูกตบสักสิบฉาด.....ตั้งแต่เกิดมายังไม่ใครหน้าไหนกล้าด่าว่าพวกกูเป็นหมาเลยสักครั้ง มึงเป็นใครถึงกล้ามาด่ากูสองคน
“มึงว่าใครใจหมาวะ”
คนแปลกหน้ามองเพลิงที่กำลังลุกขึ้นอย่างทุลักทุเลแต่ยังไม่วายปากดีใส่เขา...รู้งี้ไม่น่าถีบมันเลย น่าจะตบปากมันสักที สองทีถึงจะถูก
“ก็เห็นๆกันอยู่เอ็งจะถามทำไมว่ะ”
“มึง!!!” เพลิงเงื้อหมัดพุ่งกายไปอีกรอบ โดยมีไม้ตามสมทบ....หวังให้ปากที่ด่ามันแดงไปด้วยเลือดและฟันหลุดสักซี่ สองซี่ล้างอาย
“หยุดเดี๋ยวนี้นะไอ้เพลิงไอ้ไม้!”
เสียงห้ามตวาดลั่นดังมาจากบนศาลาทำเอาเพลิงกับไม้และพรรคพวกยืนง้างหมัดค้างไม่กล้าต่อย เมื่อเห็นเศรษฐีคำยืนจังก้า กำไม้ตะพดไว้แน่นด้วยท่าทางนักเลงเอาเรื่อง แม้ตัวแกจะอายุมากแล้วแต่เพราะชายกลางคนเป็นคนรูปร่างสูงใหญ่ ประกอบกับมีฝีมือทางด้านต่อสู้พอตัว ไม่ว่าจะเป็นดาบหรือมวย ขนาดนักมวยที่ว่าเก่งๆยังถูกแกสยบมานักต่อนักแล้ว ...พวกอันธพาลทั้งหลายพอได้ยินชื่อแกก็เกิดอาการกลัวจนขี้หดตดหาย
ครั้นเห็นว่าพ่อยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือได้ทันเวลาพอดี ตระเภาแก้วกับตระเภาทองเลยพากันวิ่งขึ้นไปหลบอยู่ข้างกายชายกลางคนทันที
“พวกมึงไม่ต้องแก้ตัวอะไรทั้งนั้น ขนาดกูอยู่บนศาลาพวกมึงยังกล้าเหยียบหัวกู วันนี้ถ้ากูไม่เอาเรื่องพวกมึงให้ถึงที่สุด...อย่ามาเรียกกูว่าเศรษฐีคำโว้ย!”
“ไปลูก...แก้ว ทองเข้าไปหาแม่ข้างในศาลา มึงสามคนด้วย เจ้าไกร เจ้าทองดำและมึงเจ้าคนแปลกหน้าตามกูมา ส่วนพวกมึงทุกคนคอยกูอยู่ข้างล่างนี่แหละ อย่าคิดหนีไปไหนเชียวนะพวกมึง”
ทองดำยิ้มเยาะเย้ยไอ้เพลิงกับไอ้ไม้อย่างสะใจ...พวกมึงเสร็จแน่...ต่างกับไกรทองที่แอบชำเลืองมองชายแปลกหน้าคนนี้ด้วยแววตาสงสัยและคุ้นเคย
เหตุฉไนบรรยากาศของชายผู้นี้ ถึงทำให้เขาเกิดความรู้สึกคุ้นเคย...อยากรู้จัก อยากพูดคุยด้วยมากมายขนาดนี้
...พี่ชายเป็นใครกันแน่นะ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น