วุ่นนักรักซะเลยนายมาดเฉยกับยัยมาดแมน - นิยาย วุ่นนักรักซะเลยนายมาดเฉยกับยัยมาดแมน : Dek-D.com - Writer
×

    วุ่นนักรักซะเลยนายมาดเฉยกับยัยมาดแมน

    ใครจะไปรู้ว่าเด็กผู้หญิงสไตล์มาดแมนแต่หน้าแสนหวานที่ต้องมาอยู่ในความดูแลของผู้ชายมาดนิ่งเฉยซึ่งต่างกันทั้งวัยและความคิดกันลิบลับแต่อยู่ๆความวุ่นวายแสบสุดๆของเด็กมาดแมนกลับเป็นส่วนเติมเต็มของนายมาดเฉย

    ผู้เข้าชมรวม

    109

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    109

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  ซึ้งกินใจ
    จำนวนตอน :  2 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  20 ก.ค. 57 / 16:36 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    *******วุ่นนักรักสะเลย นายมาดเฉย กับ ยัยมาดแมน*******

                                         บทนำ

           BY ยัยมาดแมน >>>

                    ในบ้านหลังหนึ่ง ซึ่งเป็นบ้านที่พ่อเช่าอยู่ชั่วคราว เพราะเราอาจจะได้ย้ายที่อยู่กันบ่อยๆตามงานของพ่อ ตอนแรกพ่อเล่าให้ฟังว่า...พ่อซื้อบ้านอยู่กับแม่ที่กรุงเทพจนกระทั่งมีฉัน พอฉันพึ่งจะอายุได้ขวบกว่า แม่ก็ไม่สบายและในที่สุดแม่ก็จากพวกเราไป เหลือเพียงพ่อกับฉันที่อาศัยกันอยู่สองคน พ่อต้องทำงานไปในที่ต่างๆ เพราะสถาปนิกฝีมือดีมีการศึกษาระดับดีกรีเด็กนอกอย่างพ่อมีเหรอจะธรรมดา แล้วพ่อยังเป็นที่รู้จักของคนในแวดวงที่เป็นนักธุรกิจใหญ่ๆอีกมากมาย จึงเป็นที่ไว้วางใจในการมอบหมายงานชิ้นสำคัญ พ่อยังโม้ให้ฟังอีกนะว่า...คิวงานของพอนี่ยาวราวๆกับพระเอกละครภาคค่ำเลยทีเดียว ^0^ และนี่จึงทำให้เราอยู่ไม่เป็นที่นัก เมื่อไม่มีแม่อยู่แล้วพ่อจึงต้องดูแลฉันเพียงลำพัง เพราะว่าพ่อจะต้องรับงานไปในที่จังหวัดต่างๆนานๆ พ่อจึงต้องขายบ้านหลังนั้นแล้วพาฉันย้ายไปด้วยทุกที่ เหมือนในครั้งนี้ที่เราย้ายกันมาอยู่ที่กาญจนบุรีเพื่อมาทำงานในรีสอร์ทของ คุณชยานนท์ เราอยู่ที่นี่ได้เกือบ 2 ปีแล้ว เพราะฉะนั้นฉันจึงจำเป็นต้องย้ายโรงเรียนไปหลายที่หลายโรงเรียนในหลายจังหวัด และตอนนี้ก็ได้มาเป็นนักเรียนในตัวจังหวัดกาญจนบุรีเหลืออีกเทอมเดียวก็จะจบ แต่ครั้งนี้ฉันคงจะได้อยู่ที่นี่จนจบมัธยมพอดี เพราะท่าทางพ่อคงจะได้ร่วมงานกับคุณชยานนท์อีกนาน

                     ช่วงเย็นพ่อกลับจากที่ทำงาน คือ  รีสอร์ท ชื่ออะไรสักอย่างฉันก็ลืม...แต่เป็นรีสอร์ทที่มีชื่อเสียงนะ แต่ฉันดั๊นลืมชื่อสะงั้น =.=! จำได้แค่ว่าเจ้าของชื่อคุณ ชยานนท์ อินทรลักษ์ อะไรนี่แหละ เพราะพ่อพูดถึงเขากรอกเข้าหูฉันอยู่ทุกวัน ว่าดีอย่างนั้นดีอย่างนี้ชื่นชมเขาสารพัด

                    “ แก้ว...กลับมาหรือยังลูก? ” พ่อเข้ามาถึงในบ้านก็เรียกหาฉันทันทีแต่ไม่เจอ

                “ สงสัยยังไม่กลับแน่เลย ” พ่อบ่นพึมพำอยู่คนเดียวเมื่อเดินเข้ามาในบ้านแล้วไม่เห็นฉัน

                     สักพักก็มีรถเข้ามาจอด พอพ่อออกไปดู พบว่าเป็นรถของคุณชยานนท์เจ้านายที่สนิทนั่นเอง พ่อเชิญเขาเข้ามาคุยกันในบ้าน คุณชยานนท์ลงมาจากรถแล้วเปิดประตูรถอีกฝั่งหอบเอาแฟ้มงานสารพัดออกมาแล้วถือตามพ่อเข้าบ้านไป

                    ขณะที่ทั้งสองกำลังยุ่งอยู่กับงานบนโต๊ะก็มีเสียงฝีเท้าวิ่งพรวดพราดเข้ามาในบ้านแล้วหยุดกะทันหันที่หน้าประตู

                “ สวัสดีคับพ่อ! ฉันเอ่ยทักขึ้นทั้งๆที่ยังหอบ  พ่อหันมองดูตามเสียงเห็นลูกสาวที่รักเนื้อตัวมีแต่เหงื่อเสื้อผ้าในชุดนักเรียนหญิงชั้น ม.ปลาย ที่เลอะส่วนชายเสื้อก็หลุดลุ่ยอยู่นอกกระโปรงที่ไม่น่าจะใช่เด็กผู้หญิง คุณชยานนท์ก็ละสายตาจากแฟ้มงานหันมามองที่ฉัน  เขาก็เห็นเด็กสาววัย 18 ที่ตัวเล็กกว่าเขารูปหน้าออกหวานประกอบกับทรงผมซอยสั้นระดับต้นคอ ออกแนวมาดแมน ซึ่งหน้าตาฉันก็ตัดกันกับลุคสะเหลือเกิน

                “ ไปไหนมาละเรา? ถึงกลับเอาป่านนี้... ” พ่อเอ่ยถาม

                “ เตะบอลกับน้องๆอยู่คับพ่อ ” ฉันตอบด้วยประโยคที่พ่อคุ้นเคย แล้วฉันก็มองไปที่ผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างพ่อ

                “ อ้าว...! นี่ยังไม่ยกมือไหว้คุณนนท์อีก ” พ่อเอ็ดฉันทันที

                “ อ๋อ...คุณชยานนท์ เจ้าของรีสอร์ทที่พ่อทำงานน่ะเหรอ สวัสดีคับคุณชยานนท์ ” ฉันยกมือไหว้คุณชยานนท์ในแบบที่ฉันคิดว่ามันสุภาพแล้วนะ แต่ถ้าคนอื่นมองคงคิดว่ามันกวนทีนหน้าดู คุณชยานนท์มองอย่างนิ่งๆแล้วหันไปถามพ่อ

                “ นี่..ลูกสาวพี่ ที่พูดให้ผมฟังบ่อยๆน่ะเหรอ?... ” แล้วมองฉันอย่างพิจารณาบวกกับสีหน้าที่นิ่งเฉย

    ว่าแต่...พ่อฉันไปพูดอะไรถึงฉันให้เขาฟังละเนี่ย คงไม่ได้เยินยอเหมือนอย่างที่พูดถึงเขาให้ฉันฟังแน่ๆ ฉันยิ่งมีวีรกรรมแสบๆเยอะสะด้วยสิ

                “ ใช่ครับ ก็คนนี้แหละที่ผมเล่าให้ฟังและก็เคยพาไปเล่นที่รีสอร์ทด้วย ต้องขอโทษด้วยนะครับพอดีลูกสาวผมเหมือนม้าดีดกะโหลกไปหน่อย ” ดูพ่อฉันชมฉันสิหน้าดีใจมั้ยละ =.=^

                “ โถ่...พ่อ! ดูพูดเข้าสิ มาหาว่าแก้วเป็นม้าดีดกะโหลกได้ไง แก้วก็แค่ไม่เหมือนกุลสตรีศรีสยามเท่านั้นเอง “  ฉันพูดพรางเข้าไปโอบกอดพ่อที่กำลังนั่งทำงานไปด้วย

                    “ ดูๆ นี่ขนาดคุณนนท์อยู่ตรงนี้นะ ยังมาทำทะเล้นอีกเสียมารยาท ไปอาบน้ำได้แล้ว ดูสิมอมแมมดูไม่ได้เลย ”

                    “ เดี๋ยวขอไปรดน้ำต้นไม้แป๊บนึง แล้วค่อยไปอาบน้ำนะ...โอเค๊! ฉันพูดทั้งๆที่แขนยังเกาะอยู่ที่ไหล่ของพ่อ

                    “ โอเคๆ รีบๆไปเถอะ เกรงใจคุณนนท์หน่อย เดี๋ยวพ่อจะคุยงาน ”

                    “ แหม...พ่อ! ถึงเวลาเลิกงานแล้วไม่ใช่เหรอ ยังมีมาทำที่บ้านต่ออีก เจ้านายพ่อนี่จะใช้งานมากไปรึเปล่าเนี่ย ” ฉันพูดพรางเหล่ตาไปที่คนข้างๆ เขามองสบกลับมา แต่ฉันทำเป็นไม่สนใจกลับเดินลอยหน้าลอยตาไปหยุดที่หน้าประตูแล้วหันมองกลับมาที่คุณชยานนท์อีกครั้ง เห็นเขายังมองฉันอยู่ ฉันก็ทำหน้ายิ้มกวนๆใส่สะเลย จนพ่อเห็นแล้วต้องทำหน้าดุใส่เพื่อเป็นการเตือนว่าพฤติกรรมของฉันมันไม่ดี ฉันเบ้หน้าแล้วเดินออกไป

                    ผ่านไปเกือบหนึ่งชั่วโมง หลังจากที่คุณชยานนท์คุยงานกับพ่อเสร็จนี่มันก็เริ่มดึกแล้ว เขาจึงขอตัวกลับ โดยมีพ่อเดินออกไปส่งที่รถ

                    “ พรุ่งนี้ ผมจะรีบแก้งานตามที่วางไว้ให้เสร็จ ทันช่วงเปิดทัวร์แน่ครับ ” พ่อพูดพร้อมกลับส่งแฟ้มให้คุณชยานนท์

                    “ ถ้ามีปัญหาอะไรก็บอกผมได้นะครับพี่ งั้นเจอกันพรุ่งนี้ ”

                    “ สวัสดีครับ...ต้องขอโทษอีกที่นะครับกับพฤติกรรมของไอ้ทโมนลูกสาวตัวดีของผม ” พ่อพูดพร้อมกับมองมาที่ฉันที่นั่งดูทีวีอยู่ในบ้าน

                    คุณ ชยานนท์ไม่ได้พูดอะไรต่อ แล้วก็ขับรถออกไป ฉันเหล่มองจนรถของเขาแล่นออกจากบ้านไปพ้นสายตา แล้วพ่อก็เดินเข้ามาในบ้าน

                    “ เขาใช้งานพ่อแก้วหนักเกินไปหรือเปล่าคับ ดูสิ นี่ยังมีหอบมาทำที่บ้านอีก ” ฉันเสียดสีขึ้นมาในทันที

                    “ ไม่หรอกแก้ว พอดีช่วงนี้มีงานต้องแก้นิดหน่อย เลยต้องรีบทำให้ทันเพราะเดือนหน้าที่รีสอร์ทจะมีการเปิดทัวร์การท่องเที่ยวแบบใหม่เลยอยากจะตกแต่งเพิ่ม คุณนนท์งานหนักกว่าพ่ออีกนะ ” พ่อพูดพร้อมกับเดินมานั่งข้างๆฉัน

                    “ ดูท่าพ่อจะสนิทกับคุณชยานนท์น่าดู ทั้งๆที่พ่อพึ่งจะทำงานกับเขายังไม่ถึงปี ” ฉันพูดต่อพร้อมกับหยิบขนมเข้าปาก

                    “ ใช่... พ่อทำงานกลับคุณนนท์ยังไม่ถึงปี แต่พ่อกับคุณนนท์รู้จักกันมาตั้งแต่ครั้งที่พ่อยังทำงานให้กับห้างเพื่อนของคุณนนท์แล้วหละ ”

                    “ แก้วว่าเขาดูวางมาดยังไงไม่รู้ คงจะดุและก็วางอำนาจน่าดู ครั้งที่พ่อเคยพาแก้วไปที่รีสอร์ทเขา แก้วเคยเห็นเขาดุต่อว่าพนักงานนะเอาสะพนักงานเหล่านั้นแทบจะทรุดลงใต้ดินเลย เผด็จการแน่ๆ ” ฉันนึกย้อนถึงวันที่ฉันไปที่รีสอร์ทของเขาเมื่อเดือนก่อน พอดีวันนั้นฉันบังเอิญเดินไปเห็นตอนที่คุณชยานนท์กำลังต่อว่าพนักงานอยู่

                    “ บุคลิกเขาอาจดูเป็นคนดุๆนิ่งๆแต่จริงๆแล้วเขาเป็นคนดีมีน้ำใจนะ พนักงานทุกคนทั้งรักทั้งเคารพกันทั้งนั้น เพราะคุณนนท์เป็นคนทำงานเก่งพูดง่ายๆเหมือนคนบ้างานนั้นแหละ ไม่งั้นรีสอร์ทคงไม่ออกมาดีแบบนี้หรอก ต้องรับผิดชอบดูแลทั้งบริษัทของตระกูลแล้วยังทำรีสอร์ทอีก ” พ่อสรรเสริญเยินยอเขาสะเต็มที่ เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็นับไม่ถูกที่พ่อนั้นชื่นชมผู้ชายคนนี้ให้ฉันฟังทุกๆวัน พ่อคงจะชอบเพื่อนร่วมคนนี้หน้าดูคงจะเป็นพวกบ้างานเหมือนกันนะสิ

                    “ ออกจะเก๊กแบบนี้เนี่ยนะ ชอบทำสีหน้าเข้มไปวันๆ ไม่รู้ว่าคนแบบนี้หัวเราะเป็นรึเปล่า นี่ขนาดแก้วเจอเขาแค่แป๊บเดียวยังรู้สึกเสียวสันหนังวาบเลย ” ฉันติสินนินทาสารพัดพร้อมกับทำท่าทางล้อเลียน

                    “ กรแก้ว นิสัยเสียนา ถ้าแก้วรู้จักคุณนนท์จริงๆก็รู้เองว่าเขาเป็นคนดีแล้วก็มีน้ำใจแค่ไหน ”

                    “ คร๊าบบบบ... คุณไกรสร แก้วไม่ว่าคุณชยานนท์เจ้านายที่สุดแสนดีของคุณแล้วคร๊าบบบ ” ฉันทำน้ำเสียงกวนๆ พ่อเลยเขกหัวฉันโป๊กหนึ่งเข้าให้

                    พ่อกับฉันหยอกล้อกันด้วยความสนิทสนมแบบนี้ตั้งแต่ฉันเริ่มจำความได้ พ่อเลี้ยงฉันแบบสบายๆตามประสาผู้ชายทำเหมือนกับฉันเป็นเด็กผู้ชายฉันเลยติดพฤติกรรมของเด็กผู้ชายทำอะไรได้เหมือนกับผู้ชายเกือบทุกอย่างรวมทั้งคำพูดคำจาที่ไม่ค่อยได้คะๆขาๆเหมือนผู้หญิงทั่วไป คนที่โรงเรียนและที่รู้จักฉันเขาคงชินกันหมดแล้วบางทีพวกเขาอาจจะลืมแล้วละมั้งว่าฉันเป็นผู้หญิง...อ้อ! แต่ฉันไม่ใช่ทอมหรือเพศที่ 3 4 5 6 อะไรอย่างที่ใครหลายคนคิดหรอกนะเพียงแต่ถูกเลี้ยงดูแบบผู้ชาย เลยอาจจะทำอะไรเผลงๆเกินหญิงไปบ้างก็เท่านั้น

                    *********
     

                                              ***** วุ่นนักรักสะเลย 1 *****   

                    สองวันถัดมา คุณชยานนท์เจ้านายอันเป็นที่รักของพ่อคงขับรถกลับมาจากไปทำธุระ แล้วมองเห็นเด็กสาวผมซอยสั้นคือฉันนั่นเองที่เดินอยู่ตรงฝั่งทางเท้าคนเดียว เขาเลยขับรถเทียบฟุตบาตแล้วบีบแตรเรียกฉันที่เลิกเรียนแล้วก็กำลังจะกลับบ้าน พอได้ยินเสียงแตรรถจึงชะงักหยุดเดินแล้วหันหาต้นเสียง คุณชยานนท์เลื่อนกระจกรถออกฝั่งที่เขาขับ

                    “ อ้าว...คุณนนท์ สวัสดีคับ ” ฉันทักทายพร้อมกับยกมือไหว้ เพราะคุณชยานนท์อายุมากกว่าฉันหลายปี

                    “ ขึ้นรถสิ ” เข้ายื่นหน้าออกมานอกกระจกรถเล็กน้อย

                    “ จะกลับเลยรึเปล่า?... ขึ้นรถสิ ” คุณชยานนท์เอ่ยปากชวนฉันอีกที

                    “ เอ่อ...ไม่เป็นไรครับ คนละทางกัน ” ฉันปฏิเสธทั้งๆที่ไม่รู้ว่าทางที่เขาจะไปนั้นมันคนละทางกันจริงรึเปล่า ^.^!

                    “ เธอก็ไปกับฉันสิ พ่อเธออยู่ที่รีสอร์ทคงอีกนานกว่าจะกลับ ไปเที่ยวรีสอร์ทฉัน รอกลับพร้อมพ่อเธอก็ได้นี่ ดีกว่ารออยู่ที่บ้านคนเดียวนะ ” เขาให้คำแนะนำที่หน้าสนใจ

                    ฉันนิ่งคิดพักหนึ่งเห็นว่าก็จริง ดีกว่าฉันไปนั่นละห้อยรอพ่อที่บ้าน เลยตกลงขึ้นรถไปกับคุณชยานนท์ พอฉันขึ้นมานั่งฝั่งข้างคนขับแล้วเขาก็มองสภาพการแต่งตัวที่ไม่เรียบร้อยผิดกับหญิงที่เข้าสู้วัยสาวทั่วไปที่ต้องรักสวยรักงาม พอคุณชยานนท์มองแล้วถึงกับส่ายหัวด้วยสีหน้านิ่งๆ ฉันมองหน้าเขาแล้วนิ่วหน้าถาม

                    “ คุณนนท์มองแก้วแล้วส่ายหน้าแบบนี้ มีอะไรเหรอคับ? ”

                    “ นี่เราแต่งตัวแบบนี้มาโรงเรียนเนี่ยนะ ” เขาพูดพร้อมกับค่อยๆเหยียบคันเร่งให้รถแล่นออกไป

                    “ ทำไมเหรอคับ มาโรงเรียนก็ใส่ชุดนักเรียนไง ผิดตรงไหน?... ”

                    “ มันก็ไม่ผิดหรอกนะ ถ้าจะไม่หลุดลุ่ยดูไม่เรียบร้อยแบบนี้ ”

                    “ ตอนมาก็เป็นระเบียบดีอยู่หรอก แต่ตอนกลับมันก็อยู่ในสภาพแบบนี้ตลอด ใครๆเขาก็เป็น...นั่นไง! ฉันพูดพร้อมกับมองไปทางนอกหน้าต่างรถที่มีกลุ่มเด็กผู้ชายเดินอยู่ คุณชยานนท์มองตาม

                    “ นั่นมันผู้ชาย ” คุณชานนท์พูดด้วยสีหน้านิ่งขรึมตามองไปที่ทางข้างหน้า

                    “ ก็เหมือนๆกันแหละนา ” ฉันเบ้ไปแบบน้ำขุ่นๆ

                    “ เลี้ยงลูกสาวสะเป็นทอมเลยพี่ไกร ” คุณชยานนท์ทำเป็นพูดพึมพำแต่ตั้งใจให้ฉันได้ยิน แล้วฉันก็ได้ยินเลยหันกลับมาทำสีหน้าไม่พอใจใส่

                    “ แก้วไม่ใช่ทอม ” ฉันรีบปฏิเสธเสียงแข็ง

                    “ เห็นมาแต่ไกล ดูยังไงก็ดูออก แล้วไหนจะการพูดอีก ผู้หญิงเขาคงจะพูดคับๆๆหรอกนะ ”

                    “ งั้นคุณนนท์ก็ดูผิดแล้วละ แก้วก็เป็นของแก้วแบบนี้ แต่แก้วไม่ใช่ทอม และแก้วก็ชอบผู้ชายน๊า ” ฉันทำเป็นพูดทีเล่นทีจริงพร้อมกับตีหน้าระรื่นใส่

                    “ หึๆ... ชอบผู้ชาย เลยจะเป็นผู้ชายน่ะสิ ” ดูเขาพูดสิ ฉันขี้เกียจอธิบายให้ผู้ชายมาดเฉยคนนี้ฟังชะมัด =.=*

                    “ สุดแล้วแต่คุณนนท์จะมองเถอะคับ ก็คุณนนท์ไม่รู้จักมักคุ้นอะไรกับแก้วนี่ คุณนนท์เลยไม่รู้ว่าแก้วเป็นยังไง จะมองแก้วเป็นอะไรก็เชิญ ” ฉันพูดจบทำหน้าค้อนใส่แล้วหันหน้าออกไปมองที่อื่นแทน

                    ไม่ช้ารถของคุณชยานนท์ก็แล่นเข้ามาจอดที่รีสอร์ท ฉันลงจากรถแล้วมองไปรอบๆ ซึ่งตอนนี้เวลาประมาณเกือบห้าโมงเย็น บรรยากาศช่วงนั้นดูสบายตากับการใช้หญ้าตกแต่งรีสอร์ทที่มีเอกลักษณ์สวยสะดุดตากับไม้ดอกไม้ประดับและการใช้โทนสีตกแต่งที่เข้ากัน ก่อนหน้านี้ที่พ่อเคยพาฉันมาที่นี่ล่าสุดก็ผ่านไปเป็นเดือนแล้ว จึงเห็นการตกแต่งที่เปลี่ยนไปจากเดิม และนี่คงจะเป็นหนึ่งในไอเดียฝีมือของสถาปนิกคนเก่งอย่างพ่อฉันแน่นอน

                    ฉันคล้องกระเป๋าสะพายไว้ที่ไหล่ข้างซ้ายแล้วเดินตามคุณชยานนท์เข้าไปในรีสอร์ท พนักงานต่างทำความเคารพและต้อนรับเขาที่เป็นบอร์ดใหญ่ของที่นี่

                    บรรยากาศในรีสอร์ทที่ใช้โทนสีอ่อนสลับเทาเนื้อไม้เน้นสไตล์ธรรมชาติเพราะเป็นรีสอร์ทที่ตั้งอยู่ใจกลางป่าเขาที่มีป่าไม้ล้อมรอบ ฉันมองไปรอบๆเห็นเหล่านักท่องเที่ยวเดินเข้าออกตลอดทั้งไทยและต่างชาติ

                    เมื่อมาถึงจุดที่พ่อทำงานอยู่ฉันก็โผเข้าไปทักพ่อเหมือนเคย

                    “ สวัสดีคับพ่อ ยุ่งอยู่หรือเปล่ามีอะไรให้แก้วช่วยมั้ย? ” พ่อเงยหน้าขึ้นจากกระดาษแผนผังขนาดใหญ่ที่กางอยู่บนโต๊ะแล้วหันมาตามเสียงทักทายที่คุ้นหู พ่อคงแปลกใจว่าฉันมาที่นี่ได้ยังไง

                    “ อ้าว แก้ว...! ลูกมาที่นี่ได้ยังไง?

                    “ แก้วมากับคุณนนท์ พอดีเขากำลังจะมาที่นี่เจอแก้วระหว่างทางเลยชวนแก้วมาด้วย ”

                    “ งานเป็นไงบ้างครับพี่มีอะไรที่ต้องแก้ไขหรือเพิ่มเติมอีกหรือเปล่า? ” ขณะที่ฉันกำลังคุยกับพ่ออยู่ ผู้ชายมาดนิ่งคนนี้ก็แทรกเรื่องงานขึ้นในทันที อะไรกันผู้ชายคนนี้ให้พ่อลูกเขาทักทายกันให้จบก่อนก็ไม่ได้ หายใจเข้าออกเป็นงานเลยหรือไง =.=**

                    เกือบสิบนาทีผ่านไป ฉันได้แต่นั่งมองทุกคนทำงาน เริ่มรู้สึกเบื่อๆเลยขออนุญาตพ่อออกไปเดินเล่นดูอะไรเพลินๆดีกว่ามาขลุกอยู่กับคนบ้างาน

                    ผ่านไปเกือบชั่วโมงทุกคนก็ยังงั่วอยู่กับงานร่วมทั้งคุณชยานนท์ด้วย

                    “ ผมว่าที่มุมนี้หน้าจะมีอะไรตกแต่งมากกว่านี้นะครับ พี่ไกรว่าควรจะใช้อะไรถึงจะเข้ากัน? ” คุณชยานนท์หันมาถามพ่อเมื่อยืนพิจารณามองไปที่มุมห้องกว้างที่ยังโล่ง

                    “ รูปภาพ!

    เสียงที่ตอบกลับ ไม่ใช่เสียงของพ่อหรอกนะแต่เป็นเสียงใสๆฉันที่กำลังเดินเข้ามาพอดี

                    “ แต่เราก็ใช้รูปภาพแทบจะทั้งรีสอร์ทแล้วนะลูก ” พ่อพูดกับฉันแบบจริงจัง ฉันกวาดสายตาไปรอบๆก่อนจะหันกลับมาพูดต่อ

                    “ มุมตรงนี้เป็นเหมือนจุดศูนย์กลางเพราะถ้าเกิดเดินมาจากทางนั้นก็จะผ่านตรงนี้ หรือถ้ามาจากทางโน้นก็จะผ่านตรงนี้อีกอยู่ดี งั้นแก้วว่าน่าจะใช่มุมตรงนี้เป็นที่แสดงรูปภาพหรือภาพวาดอะไรพวกนี้ ”

                    “ ถ้าอย่างนั้นแก้วคิดว่าน่าจะใช้รูปชนิดไหนขนาดไหนแบบไหนดี?...แก้วเก่งเรื่องภาพนี่ลองออกไอเดียให้ที่สิ ”

    คุณชยานนท์นิ่งมองเราสองพ่อลูกที่ดูจะเข้าขากันได้ดีคงไม่รู้ละสิท่า ว่าฉันเป็นว่าที่ช่างภาพชื่อดัง งั้นก็รอฟังความคิดเห็นของช่างภาพคนนี้สะ ฉันเดินพิจารณาไปรอบๆแล้วยิ้มๆในตาเป็นประกาย ฉันคิดออกแล้ว!!!

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น