[SF Seungyoon x Jinwoo] Happy Birthday Seungyoon - [SF Seungyoon x Jinwoo] Happy Birthday Seungyoon นิยาย [SF Seungyoon x Jinwoo] Happy Birthday Seungyoon : Dek-D.com - Writer

    [SF Seungyoon x Jinwoo] Happy Birthday Seungyoon

    เพราะวันเกิดคือวันที่แสนวิเศษวันหนึ่ง เป็นวันที่อยากอยู่กับคนที่รัก แต่จะเป็นวันที่เลวร้ายถ้าวันนั้นคนที่รักหลงลืมไป [ปล. ฟิคเรื่องนี้อิงเรียลนะคะ ^^]

    ผู้เข้าชมรวม

    563

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    3

    ผู้เข้าชมรวม


    563

    ความคิดเห็น


    3

    คนติดตาม


    9
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  21 ม.ค. 58 / 11:02 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น



    #JINYOON   #YOONWOO







    SQWEEZ
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      “อ้าว ... พี่จินอู หายไปไหนมาอ่ะ ? พอผมเข้ามาในห้องก็ไม่เห็นพี่แล้ว”

      ผมเงยหน้าจากโทรศัพท์มือถือเครื่องบางที่ผมเลือกเพลงในเครื่องฟังไปเรื่อยขึ้นมามองใบหน้าใสของคนอายุมากกว่าที่ตอนนี้เปื้อนรอยยิ้มกว้างอย่างประหลาด ไปอารมณ์ดีมาจากไหนกันนะ คนน่ารักคนนี้เนี้ย

      “พอดีพี่ไปชวนซึงฮุน มินโฮ แล้วก็แทฮยอนไปเที่ยวกับเราพรุ่งนี้อ่า” คำตอบของพี่จินอูแทบทำให้ผมสะอึกออกมา โทรศัพท์มือถือในมือของผมแทบร่วง ยังดีที่ผมประคองมันเอาไว้อยู่ เครื่องมือสื่อสารเครื่องบางจึงไม่ตกลงไปกระแทกพื้นเสียจนเสียหาย “แต่น่าเสียดายนะที่มินโฮกับแทฮยอนไม่ว่างไปเที่ยวกับเรา เลยเหลือแต่ซึงฮุนที่ไปได้”

      “แล้วพี่ไปชวนพี่ซึงฮุนทำไมกันเล่า !”

      ผมตะคอกใส่พี่จินอูพร้อมทั้งปิดเพลงจากโทรศัพท์มือถือลงจนทั้งห้องเงียบกริบ อารมณ์โมโหรุนแรงของผมทำให้ผมเผลอมองพี่จินอูตาเขม่น ลุกขึ้นเดินไปดึงผ้าห่มที่เตียงของผมออกก่อนจะทิ้งตัวนอนลง และไม่ลืมที่จะเอาผ้าห่มคลุมโปงมิดตั้งแต่หัวจรดเท้า

      ยอมรับว่าโมโห ยอมรับว่าเสียใจ ทั้งๆ ที่ผมว่าจะชวนพี่จินอูไปเที่ยวกับผมเพียงแค่สองต่อสองเท่านั้น แต่กลับกลายเป็นว่า พี่จินอูไปลากเอาพี่ซึงฮุนมาด้วย แล้วอย่างนี้ ‘วันเกิด’ ของผมจะไปมีความสุขเหมือนคำอวยพรที่เริ่มหลั่งไหลมาใน SNS ได้ยังไง ?

      ใช่ครับ วันพรุ่งนี้เป็นวันเกิดของผม ผมตั้งใจว่าจะพาพี่ตัวเล็กของผมไปเปิดหูเปิดตาบ้าง หลังจากที่พวกเราลุยงานกันมาตลอดจนแทบจะไม่มีเวลาพักผ่อน และผมหวังว่าวันพรุ่งนี้ผมจะรวบรวมความกล้าเพื่อบอกว่าจริงๆ แล้ว ผมรู้สึกยังไงกับพี่จินอู

      แต่คงไม่ได้แล้วแหละ ในเมื่อพี่จินอูเลือกที่จะพาพี่ซึงฮุนไปด้วย แผนทั้งหมดที่ผมวางไว้ก็คงจะต้องล่ม

      โทรศัพท์มือถือในมือของผมเริ่มสั่นเรื่อยๆ เมื่อเวลาเริ่มแตะเข้าวันใหม่ นิ้วเรียวของผมเปิดเข้าแอปพลิเคชั่นที่มีการแจ้งเตือน ทุกข้อความที่แจ้งเตือนเข้ามาล้วนแต่เป็นข้อความอวยพรวันเกิดผมทั้งนั้น

      เผลอยิ้มออกมาเมื่อผมอ่านแต่ละข้อความแล้วเจอข้อความตลกๆ บ้าง ข้อความซึ้งๆ บ้างจนผมลืมไปเลยว่าห้องที่เคยเปิดไฟสว่างบัดนี้มืดสนิท มีเพียงแต่แสงสว่างจากหน้าจอทัชสกรีนเท่านั้นที่ยังคงสว่าง

      “ฝันดีนะ คังซึงยูน”

      เสียงหวานๆ ดังขึ้นที่ข้างหูของผมแม้จะมีผ้าห่มผืนหนากั้นระหว่างผมกับพี่ชายน่ารัก แต่ผมก็ไม่สนใจแม้แต่จะเปิดผ้าออกมาบอกราตรีสวัสดิ์ ก็คนมันงอนไปแล้วนี่นา งอนครับ ได้ยินไหมพี่จินอูว่าผมงอน !

      ผมเช็คข่าวคราวผ่านโทรศัพท์มือถือไปเรื่อยๆ ก่อนที่มันจะร้องประท้วงว่าแบตเตอร์รี่ใกล้จะหมด เมื่อนั้นผมถึงได้ปัดผ้าห่มที่คลุมตัวผมออก อาศัยแสงสว่างที่พอจะเหลืออยู่ส่องไปตามทางเพื่อจะได้ไม่ต้องไปเตะกับข้าวของในห้องให้เกิดเสียงดังจนใครอีกคนต้องตื่นขึ้นมาโวยวายใส่

      ทันทีที่ผมจัดการชาร์ตแบตเตอร์รี่โทรศัพท์มือถือ ผมก็เดินกลับมาที่เตียงนอนอีกครั้ง เตียงสองเตียงที่อยู่ข้างๆ กัน พี่จินอูนอนเตียงหนึ่ง ส่วนผมนอนอีกเตียงหนึ่ง ร่างเล็กที่นอนห่มผ้าปิดจนถึงปลายจมูกไม่อาจกลบเสียงกรนเบาๆ ที่เล็ดออกมา แสดงว่าพี่จินอูหลับสนิทไปแล้ว

      ผมปัดผมหน้าม้าที่ปรกหน้าผากใสออกอย่างเบามือเพื่อไม่ให้คนที่กำลังหลับพริ้มรู้สึกตัว ก่อนที่ผมจะค่อยๆ โน้มตัวเข้าไปหวังจะจุ๊บเบาๆ ที่หน้าผากเนียนนั้น แต่ก็ต้องชะงักเมื่อคิดได้ว่าผมไม่ควรทำอย่างนั้น

      “หลับฝันดีนะครับ พี่จินอู เจอกันตอนเช้านะครับ” 

      นิ้วเรียวของผมลูบหน้าผากมนนั้นเบาๆ สองสามที ก่อนจะจะต้องผละออกด้วยความเสียดายก่อนทิ้งตัวลงนอนบนที่นอนนิ่มของผม หมุนตัวให้ผ้าห่มพันตัวเป็นตัวหนอนดักแด้ ก่อนที่ผมจะฝังตัวเองเข้าสู่ห้วงนิทรา



      “ซึงฮุน ดูนั้นสิ กระเช้านั้นน่าเล่นมากๆ เลย รถไฟเหาะนั้นก็น่าขึ้น”

      ตอนนี้พี่จินอูลากทั้งผมที่อยู่ทางซ้ายมือและพี่ซึงฮุนที่อยู่ทางขวามือเดินอ้อมไปทั่วทั้งสวนสนุก เดี๋ยวก็แวะไปที่เครื่องเล่นโน้น เดี๋ยวก็แวะไปที่เครื่องเล่นนี้จนผมแทบจะเวียนหัวแล้วจริงๆ

      “จินอู ลากไปลากมาแบบนี้เดี๋ยวก็ไม่ได้เล่นเครื่องเล่นสักชิ้นหรอก เลือกเล่นสักอย่างเถอะ”

      พี่ซึงฮุนหัวเราะร่วนไปกับท่าทางของพี่ใหญ่ตัวเล็กจนตาตีบนั้นปิด โหนกแก้มถูกยกขึ้นด้วยรอยยิ้มกว้างตามสไตล์ของพี่ซึงฮุน ส่วนผมหรอ อย่าว่าแต่จะมีอารมณ์ยิ้มเลยครับ อารมณ์จะเดินก็ไม่มี

      ก็วันนี้วันเกิดผมแท้ๆ อุตส่าห์คิดแผนที่ออกมาเที่ยวกับพี่จินอูสองคน แต่พี่จินอูก็ยังไปลากเอาพี่ซึงฮุนมาอีก แต่ที่น่าน้อยใจกว่านั้นคือ ทั้งพี่จินอูและพี่ซึงฮุนก็ดูเหมือนจะจำวันเกิดผมไม่ได้

      น่าน้อยใจคูณสอง สาม สี่ ห้า !

      “งั้นไปเข้าบ้านผีสิงกันเถอะนะ ซึงฮุน ซึงยูน เข้าบ้านผีสิงกัน”

      “เห้ย ! ไม่เอาด้วยหรอก บ้านผีสิงอะไรนั้นน่ากลัวจะตาย ซึงยูน นายไปเข้าบ้านพี่สิงกับพี่จินอูเถอะ”

      “แต่ซึงฮุน / แต่พี่ซึงฮุน ...”

      “เอาน่า ... เข้าไปทั้งคู่นั้นแหละ ดูแลกันและกันให้ดีล่ะ”

      พี่ซึงฮุนเปลี่ยนมาดันหลังทั้งผมและพี่จินอูให้เข้าไปในบ้านผีสิงที่มีบรรยากาศวังเวงและน่ากลัวจนผมแทบจะคลื่นไส้ ผมเหลือบสายตามองที่ป้ายหน้าบ้านผีสิงแล้วรู้สึกขนลุกขึ้นมาแปลกๆ แต่ก็ต้องก้มลงมองที่ข้อมือของผมเมื่อรับรู้ได้ถึงความอบอุ่นที่ได้รับจากการกอบกุม

      “เข้าไปข้างในกันเถอะซึงยูน” คนตัวเล็กเงยหน้าขึ้นมาสบตากับผมด้วยสายตาหวาน ดวงตากลมโตมองมาที่ผมเป็นประกาย รอยยิ้มน่ารักส่งมาให้ผมจนผมแทบลืมหายใจ “ดูแลฉันด้วยนะ ซึงยูนอา”

      คำพูดหวานที่แทบทำให้หัวใจของผมหยุดเต้น รอยยิ้มสวยที่เปื้อนบนใบหน้าใส ผมเผลอเคลิ้มไปกับความน่ารักสดใสที่ไม่เคยเปลี่ยนไปของพี่จินอู กว่าจะรู้ตัวอีกครั้งก็โดนลากเข้ามาในบ้านผีสิง เครื่องเล่นที่แสนน่ากลัวแม้ว่าจะเป็นเรื่องหลอกเด็กก็ตาม

      “เหวอ !”

      ผมเผลออุทานออกมาลั่นเมื่ออยู่ดีๆ ผีผู้หญิงผมยาวใส่ชุดขาวที่เปื้อนสีแดงคล้ำคล้ายรอยเลือดก็โผล่ออกมาท่ามกลางความมืดมิด มีเพียงแสงไฟสลัวๆ เป็นจุดๆ เท่านั้นที่พอให้มองเห็นทาง

      “คิคิ”

      คนตัวเล็กที่เกาะแขนของผมอยู่หัวเราะคิกคักออกมาเมื่อผมเผลอร้องออกมาด้วยความตกใจ ก็ใช่สิ พี่จินอูเกาะแขนซุกหน้าลงบนแขนของผมตลอดเวลาเลยนี่นา เหมือนอาศัยดวงตาของผมในการมองทาง ไปหมดแล้วความเป็นสุภาพบุรุษของผม ณ จุดๆ นี้ คังซึงยูนอยากร้องไห้เป็นภาษาต่างดาว

      “หัวเราะอะไรพี่จินอู ? ผมมันตลกมากหรือ ...”

      “เหวอ ! แม่จ๋า !”

      “ย๊า !”

      ยังไม่ทันที่ผมจะพูดจบประโยค พี่จินอูก็กรีดร้องออกมาจนลั่นรีบมุดหน้าเข้าที่อกของผม เมื่อผมหันไปที่ต้นเหตุความตกใจกลัวของพี่ชายร่างเล็กก็ต้องเบิกตากว้าง ก็สิ่งที่ผมเห็นเป็นผีจีนที่กระโดดออกมาจากห้องด้านใน ไม่ได้ออกมาตัวเดียวนะครับ ออกมาเป็นสิบ สมควรแล้วที่คนตัวเล็กจะตกใจ ขนาดผมยังตกใจจนเผลอร้องออกมาเลย

      มือผมไวกว่าความคิดเมื่อโอบกอดร่างเล็กที่ตัวสั่นได้ก็รีบพาพี่จินอูออกมาจากบ้านผีสิงเลยโดยไม่ต้องให้ใครสั่ง แสงสว่างจากบรรยากาศด้านนอกพอจะทำให้ผมหายใจเข้าออกได้อย่างโล่งปอด แต่คนตัวเล็กที่อยู่ในอ้อมกอดของผมยังไม่มีทีท่าว่าจะลืมตาขึ้นมาเลย อีกทั้งยังตัวสั่นเทาจากความตกใจ มือเล็กกำเสื้อยืดของผมจนแน่นราวกับเด็กน้อยที่เวลาตื่นกลัวหรือตกใจจะกำเสื้อของผู้ใหญ่จนแน่น

      ผมหลุบตามองกลุ่มผมนุ่มของพี่จินอู กำลังจะยกมือขึ้นลูบหัวเพื่อปลอบเรียกขวัญที่กระเจิดกระเจิงไปของคนตัวเล็กให้กลับมา แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเสียงของมารดังขึ้นมาจากด้านหลัง

      “พี่จินอู !”

      “ซึงฮุน !”

      มือเล็กที่เคยกำแน่นที่เสื้อของผมปล่อยออกอย่างรวดเร็ว ร่างทั้งร่างพุ่งไปโอบกอดที่พี่ซึงฮุนจนแน่น แน่นกว่าที่กอดผมร้อยเท่า ผมสัมผัสได้

      ราวกับโดนพายุของความเจ็บปวดถาโถมเข้าใส่ ราวกับโดนลูกธนูร้อยดอกปักเข้าที่ร่าง ราวกับโดนห่วงโซ่ของความเสียใจบีบรัดก้อนเนื้อที่อยู่อกข้างซ้ายรัดแน่นจนแทบหายใจไม่ออก

      “...”

      พูดอะไรไม่ออก ได้แต่มองพี่จินอูกอดพี่ซึงฮุนแน่น น้ำตาที่เล็ดออกจากดวงตาใสจนแพขนตายาวชื้นนั้นมันทำให้ผมอยากเดินเข้าไปกระชากร่างบางนั้นมาเช็ดให้ แต่แค่แรงก้าวขาก็ยังไม่มีเมื่อพี่ซึงฮุนเป็นคนยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาของพี่ชายร่างเล็กนั้นเอง

      “ขอบใจมากนะซึงยูน ที่ยอมเข้าไปในบ้านผีสิงกับพี่จินอู”

      “ไม่เป็นไรหรอกพี่ ยังไงผมก็ไม่ยอมให้พี่จินอูเข้าไปคนเดียวหรอก” แม้ปากจะพูดออกไปแบบนั้น แต่รู้ไหมว่าผมฝืนมากแค่ไหน “ผมขอไปเข้าห้องน้ำก่อนนะพี่ ดูแลพี่จินอูไปก่อนล่ะ อย่าให้พี่จินอูหลงทางนะ เข้าใจไหม ?”

      ไม่รอฟังคำตอบของพี่ชายหน้าตี๋ ผมก็รีบสาวเท้าออกมาจากจุดๆ นั้น เพราะถ้าขืนอยู่ต่อ มีหวังผมได้แสดงความอ่อนแอต่อหน้าพี่ชายทั้งสองแน่ๆ 

      มีทางเดียวคือต้องเลี่ยงปะทะกับความเจ็บปวดที่กำลังรุกรานเข้ามา

      วันนี้เป็นวันเกิดที่ผมไม่อยากจะจดจำมันเลย ให้ตายสิ !

      มือของผมรองรับน้ำเย็นจากก๊อกน้ำที่ผมเปิด ก่อนที่ผมจะควักมันใส่หน้าหลายๆ ครั้งหวังจะให้มันดับความร้อนจากดวงตา นี่สินะที่เขาเรียกกันว่าอาการอิจฉาตาร้อน แต่ยิ่งดับด้วยน้ำ ระดับความร้อนของดวงตากลับยิ่งมีมากขึ้น ก่อนจะกลั่นออกมาเป็นน้ำตาเม็ดเล็กเมื่อถึงจุดเดือด

      ความอ่อนแอลากผมให้จมลงไปในบ่อน้ำตาแล้ว แม้จะใช้น้ำจากก๊อกดับก็คงไม่อาจห้ามปรามความเสียใจที่ก่อตัวขึ้นในใจของผมได้หรอก

      ภาพของคนตัวเล็กที่ผมแอบรักมาตลอดลอยกลับเข้ามาในความทรงจำ ร่างเล็กที่นอนเคียงข้างผมทุกคืน เราทำงานด้วยกันมาตั้งนานก่อนที่คนอื่นจะเข้ามาร่วมกลุ่ม แต่ผมกลับไม่สำคัญกับพี่เขาเลยใช่ไหม ? ถึงได้คิดถึงคนอื่นก่อนผมเสมอแบบนี้ ?

      ทั้งๆ ที่ผมเห็นพี่เขาสำคัญกว่าทุกคน สำคัญกว่าทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้

      ผมเริ่มเช็ดน้ำตาและเริ่มทำตัวให้เป็นปกติที่สุดเพื่อจะไม่ให้คนอื่นเห็นความเสียใจที่ผลักให้ผมเป็นคนอ่อนแอ ผมเป็นลูกผู้ชาย น้ำตาลูกผู้ชายเป็นสิ่งเดียวที่ไม่ควรให้คนอื่นเห็น

      ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนก้าวเดินออกมาจากห้องน้ำไปที่ซุ้มขายอาหารใกล้ๆ กัน ตอนนี้พี่ซึงฮุนกับพี่จินอูนั่งคอยชะเง้อมองจนรากงอกแล้ว

      “ทำไมไปเข้าห้องน้ำนานจังซึงยูน ? แล้วนี่หน้าทำไมแดงๆ อากาศก็ไม่ได้ร้อนเท่าไรเลยนะซึงยูน” 

      ทันทีที่ผมนั่งลงกับเก้าอี้ที่ว่างอยู่ข้างๆ พี่ซึงฮุน พี่จินอูก็ยิงคำถามใส่ผมทันที

      “ เปล่าหรอกครับ ไม่มีอะไร” ผมตอบเนือยๆ แกมประชดประชัน วันเกิดผมทั้งที ไม่มีใครจำได้จริงๆ หรอ ? ทั้งพี่ซึงฮุนที่นั่งยิ้มกว้างแก้มแทบจะแตกอยู่ข้างๆ ผม ทั้งพี่จินอูที่ยังคงดูสนุกมองและชี้อ้อนว่าอยากเล่นเครื่องเล่นนั้นเครื่องเล่นนี้อยู่ตลอดเวลา “ผมอยากกลับหอแล้ว พี่สองคนจะกลับพร้อมผมไหม ?”

      ผมตัดบทถามพร้อมกับลุกขึ้นยืนรอฟังคำตอบจากพี่ๆ ทั้งสอง

      “จะรีบกลับไปไหนล่ะซึงยูน ? นานๆ ทีเราจะมีเวลาว่างพักผ่อนออกมาเที่ยวกันนะ”

      “นั้นสิซึงยูนอา เรายังเล่นเครื่องเล่นไม่ครบเลยนะ จะรีบกลับไปไหน ?”

      พี่ซึงฮุนสบตาผมผ่านดวงตาเล็กเรียวด้วยความไม่เข้าใจ ในขณะที่พี่จินอูเอียงคอจิ้มคางตัวเองอย่างสงสัย ดวงตากลมโตที่ผมอยากจะสบนานๆ ส่งมาด้วยแววตาไม่เข้าใจ ทั้งๆ ที่ผมเป็นคนชวนพี่จินอูออกมาเที่ยวเอง แต่ผมก็เป็นฝ่ายงอแงอยากกลับก่อนซะงั้น

      “ผมรู้สึกปวดหัวนิดหน่อยน่ะ ตารางงานแน่นมาหลายอาทิตย์ติดกันแล้วครับ ไม่ค่อยมีเวลาพักผ่อนเลย ผมเลยอยากกลับไปพักผ่อนบ้าง”

      ตอบเสียงเนือยๆ พร้อมทั้งยกมือขึ้นนวดขมับเบาๆ ทำท่าทางเหมือนคนปวดหัว แต่จริงๆ แล้วผมไม่ได้ปวดหัวจริงๆ หรอกครับ ผมแค่อยากออกไปจากบรรยากาศน่าอึดอัดแบบนี้

      ผมไม่อยากเห็นรอยยิ้มของคนตัวเล็กเวลานี้ รอยยิ้มที่ทำให้หัวใจของผมบีบรัดแน่นด้วยความเจ็บปวด

      ไม่อยากอยู่รอคำตอบของทั้งสองคนแล้ว ผมหันหลังเดินออกมาจากทั้งสองคนอย่างยากลำบาก แม้ใจของผมจะบอกว่าควรกลับไปได้แล้ว แต่ทำไมสองเท้าของผมกลับก้าวไม่ค่อยออกเหมือนความรู้สึกที่ประท้วงว่าอยากอยู่ข้างๆ พี่ตัวเล็กต่อ

      ใจอยากกลับ แต่เท้าอยากหยุด

      ความรู้สึกที่แสนบอบบางกำลังทำให้ผมคลื่นไส้อยากจะอาเจียนออกมา ความสับสน ความวุ่นวาย ความขัดแย้งมากมายก่อตัวขึ้นจนผมห้ามความอ่อนแอไม่ไหวอีกรอบ กลั่นออกมาเป็นหยดน้ำตาใสอีกครั้งเมื่อตัดสินใจได้ว่า ควรกลับไปที่หอจริงๆ และอย่าหันหลังไปพบเจอกับรอยยิ้มที่แสนมีความสุขของผู้ชายตัวเล็กคนนั้น

      รอยยิ้มที่มีความสุขของพี่จินอู ที่ทำให้ก้อนเนื้อที่เต้นอยู่ตลอดเวลาของผมเจ็บปวดได้ตลอด

      เพราะรอยยิ้มนั้น ไม่ใช่รอยยิ้มที่ส่งมาให้ผม

      แต่เป็นรอยยิ้มที่ส่งให้พี่ซึงฮุน

      แค่นี้ผมก็รู้แล้วว่าที่ผมทำมาตลอดนั้นสูญเปล่า ผมพยายามทำให้พี่จินอูรู้มาตลอดว่าผมรู้สึกยังไงกับพี่จินอู แต่คนที่ผมรู้สึกดีๆ ให้กลับไม่รู้เลยว่าที่ผมทุ่มไปทั้งหมดนั้นสูญเปล่า เวลามีงาน ผมจะยืนอยู่ข้างพี่จินอูเสมอ อยู่สนามบินช่วงที่มีงานอยู่ต่างประเทศ ผมก็มักจะเดินข้างๆ พี่จินอูตลอดเพราะกลัวพี่เขาจะหลงทาง พี่จินอูน่ะ อันดับหนึ่งเรื่องหลงทางเลยครับ เวลาอยู่หอ ผมกับพี่จินอูก็นอนห้องเดียวกัน แม้พี่เขาจะนอนกรนบ้าง แต่ผมก็ไม่เคยประท้วงขอร้องย้ายห้องหรือผลักไสไล่ส่งให้พี่จินอูไปนอนที่อื่นเลยนะครับ

      เพราะแท้ที่จริงแล้ว ผมรักพี่จินอู

      และวันนี้เป็นวันเกิดของผม ผมตั้งใจว่าจะชวนพี่จินอูไปเที่ยวอย่างที่บอกเพื่อบอกความรู้สึกของผมให้พี่จินอูรับรู้ แม้ว่าผลที่ออกมาจะเป็น Yes หรือ No ผมก็จะไม่เสียใจ เพราะอย่างน้อยผมก่อนที่ผมจะสารภาพไป ผมบอกตัวเองว่าผมทำใจไว้แล้ว แต่ที่จินอูทำ ผมไม่ได้ทำใจก่อนเลย ชวนพี่ซึงฮุนมาเที่ยวด้วย ผมว่าผมก็ลำบากใจพอแล้ว ยิ่งมาเห็นพี่ชายที่หน้าตาน่ารักที่อยู่กับผมทุกคืนยิ้มให้พี่ซึงฮุนมากกว่าแบบนี้ ผมก็ยิ่งเสียใจ

      ใช่สิ อยู่กับผมมันทำให้พี่จินอูไม่มีความสุขมากเลยสินะ อึดอัดมากเลยสินะ เวลาอยู่กับคนอื่นเลยรู้สึกดีมากกว่า

      วันเกิดผมปีนี้เป็นวันเกิดที่ทำให้ผมเสียใจและเจ็บปวดมากที่สุดจริงๆ !



      ทันทีที่มาหยุดอยู่ที่หน้าหอพัก ผมก็ยกมือขึ้นเช็ดคราบน้ำตาที่ทำให้ผมรู้สึกหน้าตึงๆ อย่างลวกๆ เพราะผมไม่แน่ใจว่าพี่มินโฮกับแทฮยอนกลับเข้ามากันหรือยัง ? ถ้ากลับเข้ามาแล้วเห็นคราบน้ำตาของผม ทั้งสองคนอาจจะสงสัยก็เป็นได้

      และก็เป็นอย่างที่ผมเข้าใจ หลังจากที่สัญญาณประตูนิรภัยแบบกดรหัสดังขึ้นว่า Open ผมผลักประตูเข้าไปก็เห็นทั้งสองคนอยู่หน้าประตูพร้อมทั้งดึงพลุดึงจนทั้งห้องมีเสียงดัง และกระดาษหลายสีปลิวว่อน

      “สุขสันต์วันเกิด ซึงยูน !”

      ทั้งพี่มินโฮและแทฮยอนตะโกนขึ้นพร้อมกันด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ผมที่ยังคงอึ้งอยู่นิ่งไปราวๆ สามวินาทีค่อยๆ ปล่อยน้ำตาให้เอ่อรอบดวงตาจนภาพที่ผมเห็นเริ่มเลือนรางไปหมด ก่อนที่น้ำตาของผมจะไหลออกมา ขาของผมอยู่ดีๆ ก็อ่อนกำลังลงจนผมทรุดลงกับพื้นห้องเย็นๆ ก้มหน้าคางชิดอกยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาจนแสบไปทั่วทั้งดวงตา

      ยังไงผมก็เป็นคังซึงยูนคนอ่อนแออยู่วันยันค่ำ แม้จะเข้มแข็งเวลาออกงาน แต่ธาตุแท้ของผมยังไงก็คือคนอ่อนแอคนหนึ่งเท่านั้น !

      “เห้ย ๆ ! ร้องไห้ทำไมซึงยูน !”

      พี่มินโฮถลาเข้ามาตบไหล่ผมเบาๆ หวังจะปลอบโยน ไม่ต่างกับแทฮยอนที่เข้ามาโอบกอดรอบคอผมพร้อมทั้งลูบเบาๆ ที่หัวอย่างอบอุ่น

      “ซึงยูน วันนี้วันเกิดนายนะ นายร้องไห้ทำไม ? นายควรจะยิ้มดีใจและมีความสุขไม่ใช่หรอ ?”

      แทฮยอนพูดเสริมแต่ไม่อาจขุดให้บ่อน้ำตาของผมลึกลงไปได้เลย ตรงกันข้าม กลับทำให้บ่อน้ำตาของผมตื้นเขินขึ้นมาอีก เหมือนกับคลื่นสึนามิน้ำตากำลังพัดพาความรู้สึกของผมให้จนกับความอ่อนแอซ้ำซ้อน 

      “ขอโทษนะ ฮึก ... วันนี้ฉัน อยากอยู่คนเดียว”

      เพราะผมกำลังสะอึกสะอื้นอยู่ทำให้คำพูดของผมขาดช่วงไปบ้าง ผมตะกุยตะกายคลานพาร่างตัวเองผ่านโถงใหญ่กลางห้องที่ตอนนี้มีเค้กก้อนโต กระดาษสีเทาที่เขียนตัวหนังสือตัวโตว่า Happy Birthday Kang Seungyoon สีทองเป็นประกายถูกผูกไว้บนเพดานห้อง อีกทั้งอาหารเครื่องดื่ม กล่องของขวัญมากมายจากบรรดาแฟนคลับ และของตกแต่งอีกสารพัดที่เกินกว่าสายตาของผมจะโฟกัสได้

      แต่ผมก็เลือกที่จะพาร่างตัวเองเข้าห้องไปอย่างเงียบๆ โดยทิ้งให้ทั้งพี่มินโฮและแทฮยอนยืนสงสัยอยู่เงียบๆ ที่เดิม

      ผมทิ้งตัวลงนอนแผ่หลาบนเตียงเดียวแต่ก็กว้างพอที่จะยืดแขนออกทั้งสองข้างได้ ตะแครงหันข้างมามองเตียงอีกหลังที่อยู่ข้างๆ กัน ทั้งๆ ที่เป็นเตียงว่าง แต่ก็ชักชวนให้คิดถึงพี่ชายตัวเล็กผู้เป็นเจ้าของเตียง ทุกคืนถ้านอนพร้อมกัน จะได้ยินคำว่าฝันดีหรือราตรีสวัสดิ์เสมอ แต่ถ้าวันไหนพี่จินอูนอนก่อน ผมก็มักจะกระซิบบอกพี่จินอูที่ข้างหูเล็ก ส่วนถ้าผมนอนก่อน อันนี้ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าพี่จินอูจะทำแบบที่ผมทำหรือเปล่า ?

      แค่คิด น้ำตาก็พลอยไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้จริงๆ

      นี่ก็จะสองทุ่มแล้ว ทำไมพี่จินอูยังไม่กลับมา ?

      นี่จะไม่กลับมาฉลองวันเกิดกับผมจริงๆ ใช่ไหม ?

      บ้าจริง ! วันนี้ร้องไห้หลายรอบมากเลยแฮะ เป็นลูกผู้ชายทำไมต้องร้องไห้เพราะเรื่องไร้สาระแบบนี้ด้วยก็ไม่รู้ ร้องไห้จนเหนื่อยมันเป็นแบบนี้เองสินะ เวลาคนที่เขาอกหักกันถึงได้ไม่ทำอะไรเลย เอาแต่นอนซมเป็นคนป่วย ผมก็เพิ่งจะเข้าใจก็วันนี้เอง ...

      เหนื่อยจนผมต้องพาให้จิตวิญญาณเดินเข้าหาที่พึ่งพิงด้วยการพักผ่อน ผมปิดเปลือกตาลงช้าๆ จนภาพในห้องทุกอย่างเลือนรางไป ปล่อยให้ความฝันเข้ามาแทนที่ภาพเตียงอีกหลังที่ว่างอยู่ 

      ก็ดี ... ผมจะได้ลืมความเจ็บปวดไปได้สักระยะหนึ่ง



      ผมเผลอสะดุ้งตื่นขึ้นมาอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงกุกกักจากนอกห้องนอน แต่ก่อนที่ผมจะสนใจนอกห้องนอนนั้น สายตาผมกลับเห็นกล่องของขวัญกล่องใหญ่วางอยู่ที่พื้นห้อง ปลายเตียงของผม ...

      นาฬิกาที่หัวเตียงบอกเวลาสี่ทุ่มครึ่ง นี่ผมนอนนานขนาดนี้เลยหรอ ?

      ผมเลิกสนใจนาฬิกา เลิกสนใจเวล่ำเวลา ลุกขึ้นนั่งมองกล่องของขวัญกล่องใหญ่ที่ยังคงวางอยู่ สายตาเรียวของผมไปเจอการ์ดใบเล็กที่ติดไว้กับกล่องของขวัญ ผมไม่รอช้า เด้งตัวขึ้นพุ่งไปอ่านการ์ดใบนั้นทันที

      สุขสันต์วันเกิดนะคังซึงยูน ขอให้นายมีความสุข ขอโทษนะที่วันนี้เผลอทำให้นายไม่มีความสุขไปทั้งวัน แต่ขอให้นายเปิดกล่องนี้แล้วนายจะพบคำตอบเองว่าฉันทำแบบนั้นไปเพื่ออะไร

      การ์ดใบเล็กที่ยิ่งอ่านผมก็ยิ่งไม่เข้าใจ ผมเลิกสนใจก่อนบรรจงแกะกล่องช้าๆ กล่องใบใหญ่เท่าบ้านขนาดนี้ คนห่อไปหากล่องมาจากไหนกันนะ ? กระดาษห่อของขวัญนี่อีก คนห่อคงลงทุนมากเลยสินะ คงหมดไปสิบกว่าแผ่นได้มั้งเนี้ย ?

      แต่ประเด็นไม่ได้อยู่ที่ขนาดของหรอกครับ ผมแค่อยากรู้ความหมายที่เขียนในการ์ดเท่านั้น ...

      “เหวอ ! พี่จินอู เล่นอะไรเนี้ย ?”

      ผมตกใจจนเผลอถอยหลังคลืดจนหลังแทบจะชนหัวเตียง เมื่อผมเปิดกล่องออกมา พี่ชายตัวเล็กหน้าเด็กตากลมโตใสแป๋วก็กระโดดเด้งตัวออกมา บนหัวนั้นมีที่คาดผมหน้าตาประหลาดที่เขียนชื่อของผมเป็นภาษาเกาหลีและยังมีรูปหัวใจสีชมพูรายล้อมชื่อของผมอีกด้วย

      “กว่าจะตื่นขึ้นมาเปิดกล่องนะซึงยูน ฉันเกือบขาดอากาศหายใจตายไปแล้ว” พี่จินอูทำหน้างอ แต่พอออกมาจากกล่องได้ก็ต้องระบายรอยยิ้มน่ารักให้ผมอีกครั้ง “ชอบไหมซึงยูน ? ฉันยอมลงทุนเป็นของขวัญวันเกิดให้นายเลยนะ”

      “ต้องถามว่าเล่นอะไรมากกว่า ? อยากให้ผมช็อคตายในวันเกิดหรือไง ?” เผลอดุจนคนตัวเล็กปากคว่ำ ทิ้งตัวนั่งลงบนเตียงของเจ้าตัวก่อนก้มหน้างุดเหมือนกำลังจะขอโทษที่เล่นอะไรเป็นเด็กๆ ออกมา แต่พอได้สติ ผมก็ต้องรีบมานั่งข้างๆ ก่อนขยี้หัวของพี่ชายตัวเล็กจนเส้นผมที่เรียงตัวสวยฟูขึ้น “ขอโทษนะ แล้วก็ขอบคุณนะที่ยังไม่ลืมวันเกิดผม แม้วันนี้พี่จะทำท่าเหมือนจะลืมก็ตาม”

      “เปล่าลืมนะ มันเป็นแผน อุ๊ปส์ !”

      คู่สนทนนาของผมเผลอหลุดพูดอะไรบางอย่างออกมา รีบยกมือขึ้นปิดปากก่อนทำตาโตมากกว่าเดิมด้วยความน่ารัก ดวงหน้าหวานเหลือบมองมาที่ผม พอให้ผมแอบจับผิดอะไรได้

      “แผน ? แผนอะไรกันพี่จินอู ?”

      ผมยกมือขึ้นกุมข้อมือเล็ก ดึงให้มือที่ปิดปากออก ก่อนที่เจ้าของริมฝีปากสีชมพูอ่อนนั้นจะยอมเอ่ยปากเล่าความจริงออกมา

      “เมื่อวานที่ฉันหายไปจากห้อง ฉันไปวางแผนจะเซอร์ไพรส์นายกับซึงฮุน มินโฮ และแทฮยอนมา” พี่จินอูเริ่มเล่าเรื่องราวที่ทำให้ผมคิดว่าวันนี้จะเป็นวันเกิดที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตของผม “ฉันบอกว่าวันนี้นายชวนฉันไปเที่ยว เลยชวนซึงฮุนไปด้วยเพื่อจะทำให้นายรู้สึกแย่ที่สุด ส่วนมินโฮและแทฮยอน ฉันขอให้สองคนนั้นไปหาอุปกรณ์สำหรับปาร์ตี้มา โดยที่กำชับว่าทุกอย่าง ห้ามให้นายรู้เด็ดขาด อ่อ ... อีกข้อนึงที่ฉันให้ซึงฮุนไปด้วยเพราะว่าจะได้มีคนพาฉันกลับมาที่หอเมื่อฉันเข้ามาอยู่ในกล่องของขวัญไง”

      เรื่องเล่าของพี่จินอูทำเอาความรู้สึกอึดอัดเสียใจตลอดทั้งวันเริ่มละลายลง ยังไงคนน่ารักก็ยังคงน่ารักไม่มีวันเปลี่ยน

      “พี่จินอู ทำไมพี่น่ารักแบบนี้เนี้ย ?”

      ผมบีบจมูกคนตัวเล็กจนปลายจมูกแดงขึ้นมาคามือผม พี่จินอูโวยวายลั่นก่อนปัดออกด้วยอาการหายใจไม่ออกและเริ่มเจ็บขึ้นมาเบาๆ

      “โอ้ยๆ ! ซึงยูนปล่อย ฉันเจ็บนะ” คนร่างเล็กก้มหน้าหลบสายตาของผมก่อนลูบจมูกปอยๆ เพื่อบรรเทาอาการเจ็บ ก่อนพูดน้ำเสียงแผ่วเบาที่ทำให้ผมยิ้มจนหน้าบวม “บอกว่าฉันน่ารัก แล้วทำไมไม่รักสักทีล่ะ ?”

      น้ำเสียงประชดประชัน แม้จะแผ่วเบาแต่ก็ทำให้ผมได้ยินเต็มสองหูในห้องนอนที่แสนเงียบสงบ ท่าทาง การกระทำ ใบหน้าน่ารัก และน้ำเสียงหวานๆ ของพี่จินอูทำให้ผมอดใจไม่ไหว ถลาตัวเข้าไปโอบกอดคนตัวเล็กเข้ามาอยู่ในอ้อมอกของผม ผมเกยคางบนหัวเล็ก ยกมือขึ้นลูบหัวพี่จินอูเบาๆ ด้วยความรู้สึกที่มากมายในอก

      ความรู้สึกที่ทำให้หัวใจของผมเต้นอย่างรุนแรงมากกว่าปกติ

      ความรู้สึกที่เรียกว่ารัก

      และผมก็เชื่อว่าคนที่ผมกอดอยู่นี้ก็รู้สึกแบบเดียวกันกับผม เมื่อผมรู้สึกได้ว่าหัวใจของคนตัวเล็กก็เต้นแรงไม่แพ้ผมเหมือนกัน

      นั้นเป็นสัญญาณที่ดี ...

      “พี่จินอู ผมรักพี่นะ” ผมผละพี่จินอูออกจากอกช้าๆ อย่างเสียดาย มองใบหน้าแดงก่ำของพี่จินอูที่พยายามหลบกัน แต่ผมก็ยังช้อนปลายคางของพี่จินอูขึ้นมาให้ดวงตากลมโตนั้นสบเข้าที่ดวงตาของผม “รักมาตั้งนานแล้ว รักมาตลอด ผมตั้งใจว่าจะบอกพี่ตั้งแต่ที่สวยสนุกแล้ว แต่พี่ซึงฮุนอยู่ด้วย แผนก็เลยดูล่มไปหมดเลย”

      “เพราะแผนของฉันเหนือกว่าใช่ไหม ?”

      “ไม่ต้องมาทำเป็นพูดดีเลยนะ นี่แหนะๆ”

      ผมจี้เข้าที่เอวของคนตัวเล็ก จนพี่จินอูอดทนกับความจั๊กจี้ไม่ไหว หัวเราะปากกว้างก่อนทิ้งตัวนอนดิ้นอยู่กับเตียงนอน แต่ผมก็ไม่หยุดที่จะจี้หรอกครับ โน้มตัวเข้าไปใกล้พร้อมยังจี้เอวไม่หยุด เนิ่นนานจนผมเพิ่งสังเกตว่าผมอยู่ใกล้คนตัวเล็กมากเกินไป ปลายจมูกของผมกับพี่จินอูสัมผัสกัน รับรู้ถึงลมหายใจอบอุ่น หน้าผากของผมแนบชิดกับหน้าผากของคนที่ผมรักที่สุด สายตากลมโตที่มองมาที่ผมนั้นแทบทำให้หัวใจผมละลายอีกครั้ง ผมหยุดแกล้งพี่จินอูเพื่อมองใบหน้าของคนที่ผมบอกรักไปอีกครั้ง

      “คังซึงยูน ...”

      “ครับ”

      “ฉันก็รักนายเหมือนกันนะ เจ้าหมาน้อย”

      คนตัวเล็กใต้ร่างของผมยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาหยิกที่แก้มป่องๆ ของผมก่อนยิ้มเริงร่า แม้การกระทำน่ารักๆ แบบนี้คนอื่นอาจจะมองว่าธรรมดา แต่ผมคิดว่ามันคือการอ่อยครับ

      ผมเลื่อนตัวไปจุมพิตที่หน้าผากขาวเนียน ไล่ลงมาที่เปลือกตาใสที่หลับลงรับสัมผัสละมุนของริมฝีปากอวบของผม ไล่ลงมาที่ปลายจมูกที่เชิดขึ้น ใจผมหวังจะจุ๊บที่ริมฝีปากบางนั้น แต่ก็ต้องชะงักเมื่อนิ้วมือเรียวของพี่จินอูมาแตะเบาๆ เพื่อหยุดผม

      “ออกไปกินเค้กกับน้องๆ ก่อนไหม ? อีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะหมดวันแล้วนะ”

      ผมจับมือที่แตะริมฝีปากออก ก่อนจะล็อกมือนั้นกับเตียงนอนนุ่มด้วยมือของผม เลื่อนตัวไปกระซิบเสียงแผ่วที่ข้างหูของคนที่ยั่วผมแล้วจะเบรคผมให้หยุดการกระทำทุกอย่าง

      “เค้กน่ะ กินเมื่อไหร่ก็ได้” ผมเว้นช่วงเพื่อให้พี่จินอูสงสัย ก่อนแกล้งแหย่คนตัวเล็กในกำมือ “แต่พอดีหมาน้อยอยากกินลูกกวางก่อนน่ะ ถ้าปล่อยเหยื่อให้หายไป อีกนานกว่าจะไล่จับได้”

      “คังซึงยูนคนบ้า !”

      และผมก็ไม่ปล่อยให้ลูกกวางต้องหนีผมไปจริงๆ ครับ รั้งลูกกวางให้อยู่ภายใต้อ้อมกอดของผม จูบที่เราสองคนมอบให้กันมันอบอุ่นไปถึงหัวใจ ทุกสัมผัสที่เรามอบให้กันมันเป็นเครื่องยืนยันแล้วครับว่าระหว่างผมและพี่จินอูคือความรักจริงๆ ความรักแท้ที่ไม่ว่าใครก็ไม่อาจพรากเราทั้งสองคนไปได้

      วันเกิดปีนี้เป็นวันเกิดที่ดีที่สุดสำหรับผมจริงๆ ครับ

       

      ไม่รู้ 3 คนนั้นกินเค้กไปรึยังเนาะ ^^
      #HappySeungyoonDay

       

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×