[SF - SKYDRAGON] My Baddest Female - [SF - SKYDRAGON] My Baddest Female นิยาย [SF - SKYDRAGON] My Baddest Female : Dek-D.com - Writer

    [SF - SKYDRAGON] My Baddest Female

    แชริน ยัยผู้หญิงตัวร้ายที่พร้อมจะขย้ำหัวใจเขา จียง ชายหนุ่มตัวเล็กที่พร้อมจะอยู่ในกำมือยัยตัวแสบ ก่อเกิดเป็นรักร้าย ที่กว่าจะลงเอยได้ ก็แทบเหนื่อยเหมือนกัน ^^

    ผู้เข้าชมรวม

    1,149

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    1.14K

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    10
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  21 ม.ค. 57 / 20:08 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      “พี่ยองเบนะพี่ยองเบ เย็นจนขนาดนี้ทำไมยังไม่มารับอีก คอยดูนะ ถ้ามาถึงเมื่อไหร่ จะจับเอาริลัคคุมะตัวโปรดโยนใส่หัวให้หัวแตกเลยคอยดูสิ !

       

               สายตาเล็กแลดูเรียวคมเพราะผลจากการกรีดอายไลเนอร์ให้ดูโฉบเฉี่ยวดุดันและกลมโตขึ้นปรายตาดูนาฬิกาอยู่ตลอดเวลาทุกๆ นาที ปากบางที่เคลือบด้วยลิปสติกสีเจ็บบ่นกระปอดกระแปด มือไม้ที่ถือถุงต่างๆ จากการช็อปปิ้งเริ่มทำให้หญิงสาวรู้สึกเกะกะ สองเท้ากระทืบกับพื้นปูซีเมนต์ด้วยความไม่พอใจ

       

            สิบนาทีต่อมา รถยนต์ลัมโบร์กีนีสีขาวคันสวยดูหรูหราไฮโซก็พุ่งเข้ามาจอดข้างๆ กับหญิงสาวที่ดูท่าทางอารมณ์ไม่ดี แม้รถจะดูสวยแค่ไหน แต่หญิงสาวกลับไม่สนใจมัน เพราะตอนนี้ ความโกรธในตัวของเธอพุ่งขึ้นจนถึงที่สุด และดูท่าทางเธอจะไม่ยอมจบง่ายๆ

       

       

             สาวน้อยกระทืบเท้าที่สวมรองเท้าส้นสูงโดยไม่สนใจว่ารองเท้าคู่งามราคาแพงของเธอจะเสียหาย

       

                   “ออกมาคุยกันให้รู้เรื่องเดี๋ยวนี้เลยนะ ! ฉันบอกให้ออกมา !

       

                  หญิงสาวทิ้งถุงกระดาษลงข้างตัวก่อนมือเล็กจะเคาะกระจกรถคันหรูโดยไม่สนใจว่ารถคันนี้จะราคาเท่าไหร่ เพราะตอนนี้เธอสนใจแต่คนขับรถที่ไร้มารยาทที่อยู่ภายในรถเท่านั้น

       

                   คนขับรถหรูแต่เกือบเอาชีวิตของ “แชริน” มาทิ้งไว้ข้างถนนอย่างนี้ คนอย่างหมวยแชรินรับไม่ได้ !

       

           ทันทีที่ประตูรถถูกเปิดออก ก็ปรากฏร่างของชายหนุ่มร่างเล็กที่มือขวาของเขาจับโทรศัพท์แนบหูอยู่

       

                  “อ่อ อืม ฉันคิดว่าฉันเจอน้องสาวนายแล้ว คนที่ตาตีบๆ กรีดอายไลเนอร์หนาๆ แต่งตัวแปลกๆ รองเท้าสูงเกือบถึงท้องฟ้านี่ใช่ป่ะ ? อ่า อืม โอเค เดี๋ยวฉันไปส่งให้ถึงบ้านเลย นายก็รีบๆ กลับบ้านแล้วกันดูท่าทางน้องสาวนายอยากจะกินเลือดกินเนื้อฉันเต็มที่แล้ว อืม บาย” เขากดปุ่มวางสายบนจอทัชสกรีนของโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ล่าสุด ก่อนยัดเจ้าเครื่องมือสื่อสารราคาแพงนั้นลงกระเป๋า หลังจากนั้นเขาก็ก้มลงหยิบถุงกระดาษของแชรินไม่พูดไม่จา “ขึ้นรถ”

       

                 “ขะ ขะ ขึ้นรถอะไรของนาย ฉันไม่รู้จักนาย ปล่อยของของฉันลงเดี๋ยวนี้นะ” แชรินตะโกนสั่งอย่างบ้าคลั่ง สองมือของเธอปัดป่ายไปที่มือหนาของผู้ชายคนนั้นจนข้าวของหล่นกระจายเต็มพื้น “ฉันจะไม่ไปไหน จนกว่านายจะรับผิดชอบที่นายขับรถไปคุยโทรศัพท์ไปจนเกือบจะขับรถหลายสิบล้านของนายมาชนฉัน !

       

                     “จะให้ผมรับผิดชอบยังไง ก็ในเมื่อมันยังไม่ชน”

       

                 “ไม่รู้แหละ ถ้านายไม่รับผิดชอบ ฉันจะฟ้องพี่ยองเบ พี่ชายของฉันให้มาลากนายเข้าคุกเข้าตารางให้หัวโตเลย !

       

                     แชรินเปิดกระเป๋าถือของตัวเองก่อนจะควานหาโทรศัพท์มือถือที่ราคาแพงไม่แพ้กันกับโทรศัพท์ของชายหนุ่มนิรนามหัวสีบอร์นทองจนออกเหลืองที่อยู่ตรงหน้าเธอ พอชายหนุ่มได้ยินคำว่าพี่ชาย เขาก็หัวเราะจนลั่นออกมาเสียงดังขัดกับหน้าตาหล่อเหลาน่ารัก

       

                      “ขอโทษนะครับ พอดีผมเพิ่งจะวางสายจากพี่ชายของคุณ” ไม่พูดเปล่า เขายังหยิบโทรศัพท์ออกมาเพื่อเปิดสายที่เพิ่งติดต่อกันล่าสุดให้แชรินดู

       

                    “นายมีเบอร์โทรศัพท์พี่ยองเบได้ไง หรือว่านายเป็นพวกโรคจิต พวกสิบแปดมงกุฎที่แอบอ้างว่ามีเบอร์โทรศัพท์ของญาติเหยื่อแล้วจับตัวไปเรียกค่าไถ่ นายนี่มันเลวร้ายที่สุด !

       

                     “ก่อนจะมาว่าว่าผมเป็นพวกสิบแปดมงกุฎ ลองโทรไปถามพี่ชายคุณก่อนเลยสิ จะได้รู้กันไปเลยว่าผมเป็นพวกโจรแอบอ้างหรือเปล่า”

       

                      ชายหนุ่มส่งสายตาเจ้าเล่ห์ให้แชริน แชรินชี้หน้าคาดโทษไว้ก่อนจะเดินเลี่ยงออกไปต่อสายหาพี่ชายที่ชื่อยองเบ

       

                      ปลายสายส่งเสียงตู๊ด ตู๊ด สองถึงสามครั้ง ก่อนที่คนที่แชรินต้องการจะคุยด้วยจะรับสายเธอ

       

                      (ว่าไงแชริน)

                     

                      “พี่ยองเบ ทำไมพี่ไม่มารับแชริน ?”

       

                      (อ้าว ... พี่ให้จียงเพื่อนพี่ไปรับแทนแล้วไง เมื่อกี้พี่ก็คุยกับมัน มันบอกว่ามันเจอน้องแล้ว น้องไม่เจอจียงหรอ ?)

       

                      แชรินปรายตามอง “จียง” ผู้ชายร่างเล็กพอๆ กับพี่ชายของเธอเอง เห็นคนที่อายุมากกว่าคนนั้นทำหน้าตากวนประสาทใส่ เธอแลบลิ้นให้หนึ่งทีก่อนจะหันมาสนใจกับการคุยโมรศัพท์กับพี่ชายต่อ

       

                      “แล้วทำไมพี่ไม่มารับเองล่ะ ? ให้อิตาจี เอ่ย ! พี่จียงเพื่อนพี่อะไรนี่มารับทำไม ? พี่ยองเบบอกเองไม่ใช่หรอว่าจะมารับแชรินด้วยตัวเอง ?”

       

                   (พี่ขอโทษ พอดีพี่มีงานด่วนเข้ามาน่ะ นี่ก็ใกล้เสร็จแล้ว ยังไงก็ไปกับพี่จียงเขาก่อน แค่ครั้งเดียวเองนะ เจอกันที่บ้านนะแชริน)

       

                      “เดี๋ยวๆ พี่ยองเบ แล้วแชรินจะไว้ใจเพื่อนพี่คนนี้ได้กี่เปอร์เซ็นอ่า ?”

       

                     (ไว้ใจได้สองพันเปอร์เซ็นเลย แต่ถ้ามันทำอะไรแชรินน้องสาวสุดแสบของพี่คนนี้ พี่ก็ไม่เอามันไว้เหมือนกันนะ แชรินอ่า ... โอเค เจอกันที่บ้านนะ ซารางเฮ)

       

                      ปลายสายพูดจบก็ตัดสายไปเลยแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ปล่อยให้แชรินถอนหายใจเบาๆ ก่อนเดินก้มหน้าตรงมาหาจียงเพื่อนรักของพี่ชายตัวเองอย่างปรงๆ

       

                      แต่เรื่องนี้ แชรินไม่ยอมจำนนหรอก ...

       

                     “ฉันจะเชื่อใจนายได้ไหมเนี้ยว่านายไม่ได้มาโกหกหลอกลวงผู้หญิงอย่างแชรินคนนี้” หญิงสาวร่างเล็กก้าวเข้ามาอย่างกล้าๆ กลัวๆ แต่สองมือของเธอก็คว้าเอาถุงข้าวของขึ้นมาก่อนจะเปิดประตูรถคันหรู “ไปกันได้ยัง ฉันเหนื่อย อยากพักผ่อน”

       

                      จียงไม่พูดอะไร ทำได้เพียงยิ้มที่มุมปากอย่างมีเลศนัย ก่อนจะเดินฉับๆ ขึ้นมาบนรถก่อนจัดการสตาร์ทรถขับออกไป

       

       

                      รถยนต์คันหรูสีขาวสะอาดตาจอดสนิทที่หน้าบ้านหลังใหญ่สไตล์โรมัน แชรินตัวแสบก็จัดการรวบข้าวของของตัวเองให้กระชับมือก่อนใช้มืออีกข้างที่ว่างอยู่เปิดประตูรถพุ่งตัวออกไปแทบจะทันที

       

                      “เฮ้ ! ยัยตัวร้าย ไม่คิดจะขอบคุณที่ผมสละเวลาอันมีค่ามาส่งส่งเลยหรือไง ?”

       

                      จียงตะโกนไล่หลังหญิงสาวร่างเพียวจากในรถเรียกความสนใจของแชรินให้หันมา หวังว่าจะได้ยินคำว่าขอบคุณจากปากของน้องสาวตัวแสบของเพื่อนรักของตัวเอง

       

                    จียงได้แต่คิดในใจเบาๆ ว่าแชรินกับยองเบช่างแตกต่างกันไปหมด แม้จะเป็นพี่น้องที่รักใคร่กลมเกลียวกันแค่ไหนก็ตาม เพราะยองเบเป็นเพื่อนรักของเขา เขารู้จักยองเบดีว่ายองเบเป็นคนที่อ่อนโยนมากแค่ไหน ไม่ว่าจะเป็นต่อหน้าหรือลับหลัง ยองเบก็คือคนดีเสมอตนเสมอปลาย และเพราะนิสัยที่อ่อนโยนของยองเบที่ทำให้จียงประทับใจในตัวยองเบ แต่กับแชริน น้องสาวคนเดียวของยองเบ จียงคิดว่ามันต่างกันสุดขั้วราวฟ้ากับเหว เพราะแชรินทั้งแสบ ทั้งซ่า ทั้งห้าว เลวร้าย และไม่ยอมคน

       

                      มันน่าจับมาดัดนิสัยซะให้เข็ด !

       

                      “ฉันขอให้นายมารับฉันหรือไง ? ถ้าอยากได้คำขอบคุณนัก ไปทวงเอากับพี่ยองเบ พี่ชายของฉันโน่น”

       

                      พูดจบ แชรินก็ปิดประตูรถหรูลงอย่างรุนแรงจนเจ้าของรถที่นั่งอยู่ภายในแทบแด้ดิ้น ก่อนจะรีบเปิดประตูรถฝั่งตัวเองออกเพื่อต่อว่าผู้ที่เคยโดยสารรถของเขา

       

                      “นี่ ! ปิดประตูให้มันเบาๆ หน่อยไม่ได้เลยหรือไง ? ถ้ารถผมมันพังขึ้นมา เธอจะรับผิดชอบไหวไหม ?”

       

                      “รถของนาย ถ้ามันพังขึ้นมาจริงๆ นายก็เอาไปซ่อมเองสิ”

       

                      “แต่เธอเป็นคนทำ เธอก็ต้องรับผิดชอบในสิ่งเธอทำสิ !

       

                      “งั้นหรอ ?” แชรินปรายตามองจียงอย่างดุดัน “ถ้ามันพังขึ้นมาจริงๆ ก็ไปทวงเอากับพี่ยองเบก็แล้วกันนะนายตัวเล็ก ฉันไปล่ะ”

       

                      แชรินหันหลังให้จียง เพื่อเปิดประตูรั้วสูงเสียดฟ้าเพื่อเข้าบ้านหลังสวย

       

                      “ยัยผู้หญิงนิสัยไม่ดี !

       

                      คำสบถของจียงทำเอาหูของแชรินหันเป็นเรดาห์ ดวงหน้าเท่ห์มีเสน่ห์ของแชรินหันมองเจ้าของเสียงลอบด่าทอของจียงอย่างใจเย็น

       

                      “นิสัยไม่ดีงั้นหรอ ?” แชรินปรายสายตาดุดันมองจียง แต่ดูท่าทางผู้ชายร่างเล็กหัวดื้อหัวแข็งจะไม่เกรงกลัวอำนาจมืดของแชรินเลยสักนิด “นายคงไม่รู้สินะว่านั้นน่ะคือฉายาของฉัน ยัยผู้หญิงนิสัยเสีย ยัยผู้หญิงนิสัยไม่ดี ยัยผู้หญิงหัวแข็ง สารพัดนั้นน่ะ มันคือตัวตนที่แท้จริงของฉัน !

       

                      แชรินยกยิ้มที่มุมปากแบบนางมารร้ายก่อนจะเลิกใส่ใจจียง หอบหิ้วถุงข้าวของมากมายที่เธออุตส่าห์ไปเหมามาจากห้างสรรพสินค้า ปล่อยให้จียง คนที่เสียเปรียบทุกอย่างมองตามหลังเธอเข้าบ้านจนหายลับไป

       

                      “ตัวตนของเธองั้นหรอแชริน ? คอยดูนะ จียงคนนี้แหละจะเป็นคนจัดการแม่เสือตัวร้ายอย่างเธอให้กลายเป็นลูกแมวตัวเชื่องในอ้อมแขนของนายมังกรคนนี้ให้ได้ จำไว้นะแชรินอ่า”

       

       

                      เสียงริงโทนโทรศัพท์มือถือของยองเบดังขึ้นกลางดึก คนร่างกำยำที่นอนหลับใหลฝันดีบ่นอุบทั้งๆ ที่ตาชั้นเดียวของชายหนุ่มยังไม่เปิด มือหนาคว้าเอาโทรศัพท์มือถือที่เคยวางนิ่งอยู่บนโต๊ะเล็กข้างเตียงตอนนี้ทั้งสั่นทั้งส่งเสียงร้องลั่นมากดเลื่อนหน้าจอทรัชสกรีนก่อนยกมือแนบหู โดยไม่สนใจว่าปลายสายคนที่โทรมารบกวนเขากลางดึกจะเป็นใคร

       

                      “โทรมาทำไมดึกๆ ดื่นๆ ครับ คุณน่ะไม่หลับไม่นอนหรือไง ?”

       

                      ยองเบแอบเหวี่ยงใส่คู่สนทนาที่เขาไม่ต้องการผ่านเครื่องมือสื่อสารของเขาเอง นาทีนี้ยองเบแทบอยากจะขว้างโทรศัพท์ของเขาไปให้พ้นๆ เพราะข่มอาการง่วงไม่ไหว

       

                      (ไม่น่าเชื่อนะว่าคนอ่อนโยนอย่างนายก็มีมุมแอบโหดเหมือนกัน) เสียงจียงแว่วเข้ามาในโสตประสาทของยองเบปลุกให้คนตัวล่ำตื่นขึ้นมาอย่างเต็มตา ก่อนจะขยับยันตัวเองให้ลุกขึ้นนั่ง แผ่นหลังแข็งแกร่งพิงไปหัวเตียง ก่อนตั้งสติเพื่อฟังเพื่อนรักของเขาพูดต่อ (พรุ่งนี้ฉันขออนุญาตนายพาแชรินไปดินเนอร์น่ะยองเบ)

       

                      ยองเบแทบจะสำลักน้ำลายตัวเอง ดวงตาเล็กเบิกกว้าง คำขอร้องของจียงมีอิทธิกับความง่วงของยองเบได้เป็นอย่างดี ตอนนี้ยองเบคงจะไม่รู้จักกับความง่วงนอนไปเลยชั่วขณะ

       

                      “นายจะชวนแชริน แล้วนายโทรหาฉันทำไมเล่า ? ตอนเช้านายก็โทรไปถามแชรินเองสิ”

       

                      (ไม่ได้ๆ นายไม่รู้หรอว่าแชรินไม่ค่อยชอบฉันน่ะ ขืนฉันโทรไปชวน นอกจากฉันจะโดนปฏิเสธแล้ว อาจจะโดนแม่เสือสาวนั้นขู่คำรามพ่นคำด่าใส่ก็เป็นได้นะ)

       

                      ยองเบเผลอหัวเราออกมาเสียงดังจนจียงต้องรีบจิปากให้ยองเบหยุดหัวเราะ

       

                      “แล้วนายจะให้ฉันทำยังไงล่ะ ?”

       

                      (ไม่เห็นจะยากเลย นายก็แค่คิดแผนให้แชรินยอมออกมาหาฉัน แค่นั้นเอง มันคงไม่ยากเกินไปสำหรับนายใช่ไหมยองเบ ?)

       

                      “ก็ได้ๆ ฉันจะลองดูแล้วกัน ถ้าได้เรื่องยังไง ฉันจะส่งข้อความบอกนายแล้วกัน” ยองเบลอบหาวขึ้นมาปากกว้าง “ฉันนอนต่อได้ยังจียง ? ฉันง่วงอีกรอบแล้วเนี้ย นี่มันเพิ่งจะตีสามเอง นายก็ควรนอนได้แล้วนะ”

       

                      (ก็ได้ๆ ฝันดีนะเพื่อน อย่าง่วงอย่าละเมอจนลืมว่าจะต้องไปเกลี่ยกล่อมให้แชรินมาดินเนอร์กับฉันน่ะ)

       

                      “โอเคๆ ฝันดีเช่นกันเพื่อน”

                     

                      ยองเบวางโทรศัพท์มือถือลงที่เดิม ก่อนที่ร่างเล็กๆ แต่แอบล่ำของเขาจะมุดลงในผ้าห่ม เปลือกตาของเขาค่อยๆ ปิดลงก่อนจะเดินทางเข้าสู่ห้วงนิทรา

       

       

      หลังจากที่ยองเบเกลี่ยกล่อมให้แชรินยอมไปกินข้าวกับจียงโดยอ้างว่าจะให้แชรินไปกินข้าวกับลูกค้าแทน กว่าที่แชรินจะยอมก็เกือบทำให้แชรินรู้เจตนาที่แท้จริงของเขา ยองเบก็จัดการส่งข้อความนัดหมายสถานที่และเวลาไปทางผู้ที่คิดแผนการบ้าๆ นี้

       

      “มาเลยแม่สาวน้อย มาติดกับดักพี่ชายซะดีๆ” จียงนั่งรอแชรินที่ร้านอาหารหรูที่ไม่ค่อยมีคนพลุกพล่านนัก เผื่อแชรินตัวร้ายนั้นจะโวยวายจนลั่นร้าน เขาจะได้ไม่อับอายคนเยอะแยะมากมาย

       

      ทันทีที่เสียงสะท้อนของรองเท้าส้นสูงดังลั่นไปทั่วร้านอาหาร จียงแอบเหลียวไปมองผู้มาใหม่เพื่อให้แน่ใจว่าเป็นเป้าหมายของเขาจริงๆ เมื่อจียงเห็นว่าเสียงรองเท้าส้นสูงที่ดังกระทบพื้นนี่เป็นของผู้หญิงที่ชื่อแชรินจริงๆ จียงก็เอื้อมมือหยิบแว่นกันแดดเรียบๆ มาสวม

       

      แชรินสวมเสื้อสำดำสนิท กางเกงหนังดำสะท้อนกับแสงไฟวิบวับ สวมทับด้วยเสื้อคลุมลวดลายแปลกตาเลือบด้วยเส้นไหมสีทอง รองเท้าคัชชูส้นสูงที่ส่งเสียงน่ารำคาญเสมอเวลาก้าวเดิน เครื่องประดับที่เธอประโคมใส่ไม่หยั่งไม่ว่าจะเป็นสร้อย แหวน นาฬิกา ราวกับว่ามีกี่ชิ้น เธอก็เล่นใส่มาทั้งหมด สายตาคมที่ปิดทับด้วยแว่นตากันแดดสีดำสนิทสอดส่องหาว่าที่ลูกค้าของพี่ชาย แต่ไม่ว่าจะยังไงก็ไม่มีโต๊ะไหนที่จะเข้าข่ายเป็นนักธุรกิจรุ่นใหญ่เลย

       

      โต๊ะนั้นก็เด็กวัยรุ่นที่มาเป็นกลุ่มใหญ่ เหมือนกับว่ากำลังฉลองอะไรกันสักอย่าง

       

      อีกโต๊ะหนึ่ง ก็เป็นครอบครัวพ่อ แม่ ลูก ดูน่ารักและอบอุ่น

       

      ส่วนอีกโต๊ะ เอ่อ ... ผู้ชาย น่าจะแก่กว่าเธอแค่ไม่กี่ปี เสื้อสีเหลืองสด กางเกงยีนส์ขาดๆ เหมือนกางเกงกรรมกรก่อสร้าง แม้จะหันหลังให้แต่ก็เห็นขาแว่นตาที่ปิดตาอยู่ แถมยังนั่งคนเดียวอีกต่างหาก

       

      แชรินพยายามมองผู้ชายคนนั้นอีกครั้ง ก่อนค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้ๆ ยิ่งเข้าไปใกล้มากเท่าไหร่ก็ยิ่งรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาผู้ชายรุ่นพี่คนนี้ เหมือนกับว่าเคยเจอเขาที่ไหนสักแห่ง

       

      “คุณหรือเปล่าที่เป็นลูกค้าของพี่ยองเบ ?”

       

      ทันทีที่แชรินก้าวเข้ามาใกล้ เธอก็เอ่ยปากถามผู้ชายคนนั้นทันที

       

      “ไม่ใช่ครับ” จียงตอบพร้อมทั้งหันมามองหญิงสาวคู่กัด “แต่เป็นเพื่อนรักของยองเบครับ”

       

      จียงยกมือถอดแว่นกันแดดสีดำออก ก่อนส่งสายตาเจ้าเล่ห์และรอยยิ้มกวนประสาทให้กับแชริน แชรินถึงขั้นตัวสั่นระริกไปทั้งตัวก่อนชี้นิ้วไปที่หน้าของคู่อริเก่า

       

      “นายอีกแล้วหรอ ?”

       

      “ทำไม ? ผมทำไม ?”

       

      ยิ่งแชรินโมโหมากเท่าไหร่ จียงก็ยิ่งสนุกกับการยียวนกวนประสาทแม่เสือสาวที่พร้อมจะปะทุเป็นภูเขาไฟได้ทุกเวลา

       

                      “นายคิดแผนสกปรกๆ นี่หลอกให้ฉันออกมาเจอนายใช่ไหม ?” แชรินโมโหจนหน้าขึ้นสี นิ้วเรียวของเธอชี้ไปที่หน้าของคนอายุมากกว่าด้วยความไม่กลัวเกรง ยิ่งเวลาที่เธอโมโหอย่างนี้ ต่อให้แก่แค่ไหนเด็กเพียงใดเธอก็ไม่ไว้หน้าทั้งนั้น “คนอย่างนาย ฉันน่าจะฉีกเอาเลือดเอาเนื้อไปละลายทะเลเป็นอาหารปลาซะตั้งแต่เมื่อวานก็ดี”

       

                      “ก็เอาสิ ... ถ้าเธอทำอย่างนั้นนะ ผมก็จะเอาคืนเธอเหมือนกัน” จียงขยับเข้ามาใกล้สาวน้อยที่ยืนด่าเขาฉอดๆ แชรินทำได้แค่ถอยหนี ก่อนที่แผ่นหลังบางของเธอจะชนเข้ากับเสาของร้าน “เคยได้ยินตำราตบจูบไหมจ๊ะสาวน้อย ? ถ้าเธออยากลอง เธอก็จัดการทำร้ายร่างกายกันได้เลยตามสบาย แต่ถ้าเธอตบ ผมจูบ”

       

                      จียงส่งรอยยิ้มกวนประสาทแชริน ใบหน้าที่ก่อกวนจิตใจของแชริน รอยยิ้มที่ยั่วยวนให้มือเล็กตบปาบเข้าที่หน้าขาวใสของจียง มีหรอที่คนอย่างแชรินจะอดทนต่อไปได้

       

                      เพี๊ยะ !

       

                      ใบหน้าใสของจียงหันไปตามแรงกระแทก แก้มขาวใสราวกับแก้มของเด็กปรากฏรอยแดงเป็นรอยมือจางๆ จียงยกมือขึ้นลูบใบหน้าที่ตอนนี้เริ่มเกิดอาการเจ็บปวดขึ้นมาเบาๆ ก่อนยกยิ้มที่มุมปาก

       

                      ในเมื่อเธอกล้าทำ ผมก็กล้าที่จะสนอง

       

                      “ถ้านายไม่ยั่วโมโหฉัน ฉันก็คงไม่ต้องทำอะไรรุนแรงอย่างนี้หรอก จำไว้ด้วย” แชรินหันหลังว่าจะเดินกลับออกไปนอกร้าน แต่ก็เปลี่ยนใจหันกลับมามองหน้าผู้ชายร่างเล็กแต่อายุมากกว่าคนนั้น “แล้วก็ช่วยจำไว้ด้วยนะว่าฉากตบจูบ มันมีแค่ในละครทีวีหลังข่าวเท่านั้นแหละ”

       

                      แชรินยิ้มที่มุมปากให้บ้าง ก่อนจะหันหลังเตรียมตัวเดินกลับไป จียงไหวตัวเร็วกว่า คว้าข้อมือเธอกลับมาได้ก่อน แชรินที่โดนคว้าข้อมือไว้หันหน้ากลับมาเตรียมตัวจะสะบัดข้อมือให้ออกจากมือของคนใจร้าย แต่ก็ต้องหยุดชะงักไปซะก่อน

       

                      ริมฝีปากบางสีธรรมชาติประกบเข้าที่ริมฝีปากสวยที่แต่งแต้มด้วยลิปสติกสีแสบเนื้อบางเบา หญิงสาวที่ถูกจู่โจมเบิกนัยน์ตากว้าง ชั่ววูบเดียวที่ดูเหมือนสติของเธอจะขาดผึ่งไป ก่อนที่จะรวบรวมสติได้ยกมือเรียวขึ้นมาผลักร่างของชายหนุ่มออก แล้วจัดการตบเข้าไปที่หน้าใสนั้นอีกครั้ง

       

                      “นายมันฉวยโอกาส ทุเรศที่สุด !

       

                      แชรินสบถด่าจียงอีกครั้งก่อนจะหันหลังวิ่งออกไปจากร้าน จียงยิ้มอย่างพอใจกับผลงานการเปลี่ยนลูกเสือแสนโหดให้ลูกแมวแสนเชื่องในขั้นแรก

       

                      “จำไว้นะแม่สาวน้อย เธอจะเป็นลูกแมวในกำมือของฉันตลอดไป”

       

       

                      “ไอ้บ้าเอ่ย ! อย่าให้ฉันเจอนายอีกนะ ฉันจะฉีกร่างนายให้เป็นชิ้นๆ เลย คอยดูสิ !” แชรินยัดเสื้อผ้าที่เธอรวบออกมาจากตู้เสื้อผ้าลงกระเป๋าเดินทางใบเล็ก ปากของเธอบ่นอุบอยู่ตลอดเวลา หนี ต้องหนีไปให้พ้นๆ จากคนใจร้ายที่ทำร้ายย่ำยีร่างกายและหัวใจของเธอได้ขนาดนี้ “ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยมีใครกล้าทำอย่างนี้กับฉันเลยนะ นายกล้าดียังไงมาทำกับฉันอย่างนี้ นายควอนจียง !

       

                      “แชริน นั้นน้องกำลังทำอะไร เก็บเสื้อผ้าจะไปไหน ?”

       

                      ยองเบที่เดินตามแชรินขึ้นมาบนห้องเงียบๆ ก็ต้องตกใจที่เห็นน้องสาวของเขาเก็บเสื้อผ้าร้อนลนจนอดสงสัยไม่ได้

       

                      “แชรินขอไปอยู่กับพี่บมที่อเมริกาสักพักได้ไหมพี่ยองเบ ?” แชรินรูดซิบปิดกระเป๋าอย่างรีบร้อนจนซิปแทบปริแตก “แชรินขอร้องนะพี่ อย่าบอกใครด้วยว่าแชรินจะไปอยู่ที่ไหนกับใคร โดยเฉพาะกับนายจียงเพื่อนรักของพี่คนนั้น”

       

                      สายตาของแชรินส่งไปหายองเบสื่อความหมายว่าขอร้องออกมาจากใจจริง ดวงตาที่ฝืนกลั้นน้ำตาจนแดงกล่ำเห็นได้ชัด แต่ด้วยความรักน้อง ยองเบก็ไม่กล้าขัด ทำได้เพียงหลีกทางให้แชรินลากกระเป๋าเดินทางออกไปจากห้อง

       

                      “แชริน พาสสปอร์ตกับวีซ่าล่ะ ? เธอเตรียมไปแล้วใช่ไหม ?”

       

                      “ไม่ต้องห่วงหรอกพี่ยองเบ แชรินเตรียมทุกอย่างไว้แล้ว ถ้าถึงอเมริกาแล้ว น้องจะส่งข่าวมาหาพี่แล้วกันนะ”

       

                     

                      หลายวันแล้วที่แชรินหายไปจากชีวิตของจียง จียงที่เริ่มอยู่ไม่เป็นสุขรีบจัดการต่อสายไปหายองเบทันที เพราะนอกจากแชรินจะหายไปแล้ว ยองเบก็หายไปเหมือนกัน

       

                      (ว่าไงจียง)

       

                      เสียงปลายสายตอบรับทันทีที่มีการเชื่อมต่อ

                     

                      “ยองเบ แชรินล่ะ ? แชรินอยู่ที่บ้านไหม ?”

       

                      (นายจะถามหาแชรินทำไม ?)

       

                      “ทะ ทำไมนายถามฉันเสียงแข็งอย่างนั้นล่ะ ? มีอะไรหรือเปล่ายองเบ ?” จียงแอบได้ยินเสียงถอนหายใจเบาๆ ของยองเบดังเล็ดลอดเข้ามาตามสัญญาณโทรศัพท์ “มีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่ายองเบ ? ทำไมนายถึงได้ถอนหายใจบ่อยนักล่ะ ?”

       

                      (เมื่อหลายวันก่อนก่อนที่แชรินจะหนีไปอเมริกา นายทำอะไรให้แชรินโกรธหรือไม่สบายใจหรือเปล่า ?)

       

                      “อะไรนะ ? อเมริกา ?”

       

                      จียงตะโกนลั่นเมื่อได้ยินชื่อประเทศที่อยู่ไกลแสนไกล หัวใจเต้นรุนแรงเหมือนจะกระเด็นออกมานอกอก แค่ได้ยินว่าแชรินหนีไปอเมริกา จียงก็แทบยืนไม่ไหว ตาร้อนๆ หลอมน้ำตาให้ซึมไหลออกมาจากดวงตาใส

       

                      (จียง นาย นายเป็นอะไรไป จียง !)

       

                      ยองเบเป็นห่วงเพื่อนรักไม่ได้ที่อยู่ดีๆ ก็เงียบไป ได้แต่ถามซ้ำๆ หวังว่าจียงจะยังคงอยู่ในสายโทรศัพท์

       

                      “ฉะ ฉะ ฉันไม่เป็นอะไร”

       

                      (น้ำเสียงนายเปลี่ยนไปนะจียง นายกำลังร้องไห้ใช่ไหม ? นายเป็นอะไรน่ะจียง ปกตินายเป็นคนที่เข้มแข็งมากกว่านี้นะจียง จียงคนที่แสบๆ กวนๆ หายไปไหน ? ทำไมวันนี้นายถึงได้อ่อนแอร้องไห้ออกมาได้ล่ะ ?)

       

                      “ฉะ ฉะ ฉันคิดว่า ...” จียงเงียบไปก่อนจะรวบรวมความกล้าพูดความจริงบางอย่างออกไป “ฉันคิดว่าฉันชอบแชริน”

       

                      ใช่แล้ว ผมคิดว่าผมชอบแชรินคนที่แสบๆ นิสัยไม่ดีคนนั้น คนที่ผมเคยคิดว่าผมจะเปลี่ยนแปลงเสือสาวตัวร้ายนั้นให้กลายเป็นลูกแมวตัวเชื่องได้ แต่ผมกลับคิดผิด กลายเป็นผมซะเองที่กลายเป็นลูกแมวในกำมือของแชริน และตอนนี้ แชรินกำลังบีบขยี้ผมให้ตายคามือ เมื่ออยู่ดีๆ เธอก็หนีผมไปอเมริกา พอผมรู้ว่าเธอไปอเมริกา ผมก็รู้สึกหดหู่ไปหมด ทำอะไรก็มือไม้สั่นไปหมด น้ำตาเจ้ากรรมก็ไหลไม่หยุดสักที ผมอยากจะสบถด่าตัวเองที่ทำอะไรไม่คิดจนต้องทำให้ตัวเองเจ็บทีหลังแบบนี้

       

                      (อะไรนะ นายเนี้ยนะจะชอบยัยน้องสาวตัวแสบของฉัน ? แชรินไม่ใช่สเป๊กนายไม่ใช่หรอ ?)

       

                      “มันก็ใช่ แต่ฉันก็ยังไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่” จียงลังเล “ฉันคิดว่าฉันคงต้องไปตามหาเธอเพื่อให้ฉันรู้ใจตัวเองให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยดีกว่า”

       

                      (จะไปตามหาแชริน แล้วรู้หรอว่าแชรินอยู่ส่วนไหนของอเมริกา ?)

       

                      “อันนี้มันก็อยู่ที่นายแล้วแหละ ว่าจะบอกฉันหรือเปล่า”

       

       

                      อเมริกา

                     

                      ตั้งแต่ที่แชรินมาที่อเมริกา เธอก็เอาแต่นั่งซึมเศร้า จนบางครั้งปาร์คบม พี่สาวอีกคนของเธออดเป็นห่วงไม่ได้ เพราะปกติแล้วแชรินจะเป็นเด็กที่อารมณ์ดีจนถูกเรียกว่ายัยแสบ ก๋ากั่นเหมือนทอมบอย เถียงเอาเป็นเอาตายเหมือนกับตัวเองเป็นพี่ซะเอง แต่สำหรับรอบนี้ ยัยแชรินน้องสาวตัวแสบกลับนิ่งเงียบเหมือนกับคิดอะไรอยู่ตลอดเวลา

       

                      “แชรินอ่า เธอเงียบเกินไปแล้วนะ” ปาร์คบมทนเห็นแชรินเป็นอย่างนี้ไม่ได้เลยจัดการเข้ามาถามเด็กแสบตรงๆ “เธอเป็นอะไรหรือเปล่า ตั้งแต่เธอมาหาฉัน ฉันยังไม่เห็นรอยยิ้มของเธอเลยนะ เธอมีเรื่องอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า บอกฉันได้นะ”

       

                      “ป่าวหรอกพี่บมมี่ แชรินไม่ได้เป็นอะไร” แชรินตอบเสียงแผ่วเบา มือเรียวของเธอกดโทรศัพท์ไปเรื่อยๆ แล้วอยู่ดีๆ ก็มีอีเมลล์จากพี่ชายที่เกาหลีส่งมากะทันหัน แชรินไม่รอช้ารีบเปิดดูอย่างรวดเร็ว “อะไรกันเนี้ย บ้าไปหมดแล้ว พี่ยองเบจะบอกนายนั้นทำไมว่าแชรินอยู่ที่นี่ พี่ยองเบคอยดูนะ กลับไปเกาหลี แชรินเอาริลัคคุมะโยนใส่หน้าพี่แน่”

       

      “แชริน เธอหมายถึงอะไรยองเบบอกว่าใครจะมาหาเธอหรอ ?”

       

      ปาร์คบมที่สังเกตท่าทีโมโหของแชรินเริ่มสงสัย จนต้องเอ่ยปากถาม

       

      “ป่าวหรอกพี่บม”

       

      แชรินปฏิเสธ แต่ความสงสัยของปาร์คบมยังไม่หยุด เธอคว้าเอาโทรศัพท์ที่อยู่ในมือของแชรินมาอย่างรวดเร็ว จนแชรินต้องโวยวายออกมาเสียงดัง

       

      “พี่บม เอาโทรศัพท์ของแชรินคืนมานะ !” แชรินทำทีว่าจะเข้าไปแย่งแต่ปาร์คบมไวกว่าปีแสง วิ่งเข้าห้องน้ำที่อยู่ใกล้ๆ เพื่ออ่านข้อความในโทรศัพท์มือถือของแชรินอย่างรวดเร็ว แชรินก็ดูท่าทางจะไม่ยอมแพ้ วิ่งตามไปเคาะประตูห้องน้ำหวังจะให้ประตูพังเข้าไป “พี่บม เปิดประตูเดี๋ยวนี้นะ !

       

      “แชรินน้องรัก ควอนจียงกำลังจะไปหาน้องที่อเมริกา ยังไงฝากน้องดูแลมันด้วยแล้วกัน รักและคิดถึงน้องเสมอ” ปาร์คบมอ่านข้อความอย่างถือวิสาสะ ควอนจียงนี่ใครหว่า ? “แชรินนี่ ควอนจียงนี่ใครกันหรอจ๊ะ ?”

       

      ปาร์คบมตะโกนถามแชรินออกมาจากห้องน้ำเสียงก้อง

       

      “ไม่ใช่สักหน่อย พี่บมออกมาเดี๋ยวนี้นะ !

       

      แชรินปฏิเสธเสียงแข็ง แต่ปาร์คบมจับจุดของน้องสาวตัวแสบได้ก็รู้ชัดเจนเลยว่าน้องสาวของตัวเองนั้นกำลังปฏิเสธกับหัวใจของตัวเองด้วยเหมือนกัน เธอรู้ดีว่าน้องสาวของเธอคนนี้กำลังคิดอะไรอยู่ เธอรู้ดีว่าตอนนี้แชรินรู้สึกอย่างไร เธอจึงจัดการปลดล็อคความรู้สึกของน้องสาวตัวเองซะเลย

       

      ปาร์คบมเงียบไปครู่ใหญ่ๆ ปล่อยให้น้องสาวตัวแสบเหวี่ยงเสียงดังอยู่หน้าห้องน้ำคนเดียว

       

      “เธอนี่เสียงดังไม่เปลี่ยนจริงๆ นะ เหวี่ยงได้ทุกที่ทุกเวลาจริงๆ”

       

      หลังจากที่ปาร์คบมเปิดประตูห้องน้ำออกมา แชรินก็จัดการแย่งโทรศัพท์มือถือของตัวเองมาเปิดดูว่ามีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นหรือเปล่า

       

      “พี่บม ทำไมพี่ทำอย่างนี้อ่า ส่งข้อความกลับไปหาพี่ยองเบแบบนี้ได้ไง ? อะไรกันเนี้ย ! แชรินจะดูแลควอนจียงเป็นอย่างดี พี่บม พี่บ้าไปแล้วหรอ ? พี่ไม่รู้จักนายตัวร้ายนี่ แล้วพี่จะมาตอบข้อความกลับพี่ยองเบแบบนี้ได้ยังไง ?”

       

      “นายตัวร้าย ? เธอกับควอนจียงเป็นแฟนกันหรือไง ?”

       

      เจอคำถามจี้ใจดำแบบนี้ แชรินก็อธิบายไม่ถูกเหมือนกัน

       

      “มะ มะ ไม่ใช่สักหน่อย พี่บมเอาอะไรมาพูด”

       

      แชรินหลบสายตาปาร์คบม เดินหันหลังหนีปาร์คบมไปเสียดื้อๆ

       

      “นั้นไง พูดติดอ่าง ไม่ใช่แฟน ถ้างั้นน้องสาวของพี่คนนี้ก็ต้องแอบชอบเขาแล้วแหละ” ปาร์คบมเดินตามแชรินมาเรื่อยๆ พอเข้าใกล้ตัวแชรินได้ ปาร์คบมก็ยกมือขึ้นกุมไหล่มนของน้องสาวร่างบาง “อย่าวิ่งหนีหัวใจตัวเองอีกเลยนะ แชริน ตอนนี้เธออาจจะยังไม่รู้ความรู้สึกของตัวเอง แต่ยังไงก็หนีมันไม่พ้นหรอกนะ”

       

      “แต่ว่า ...”

       

      “เธอยังกลัวอะไรอยู่อีกหรอ ? แชริน ?”

       

      “กลัว ... กลัวว่าเขาจะไม่ได้รู้สึกแบบเดียวกันกับเราน่ะสิ พี่บม”

       

      พูดจบ ปาร์คบมก็ดึงแชรินเข้ามากอด แชรินผู้เก่งกาจหายไปไหนแล้วนะ แชรินคนเดิมที่เป็นเด็กกะโปโล เถียงคนจนชนะมานับไม่ถ้วน แสบซ่าเป็นทอมบอยตอนนี้กลับกลายเป็นเด็กผู้หญิงที่ไม่เข้าใจความรักซะแล้ว น้องสาวคนนี้ของเธอโตขึ้นแล้วจริงๆ

       

      “เด็กน้อย ... ถ้าเขาไม่ได้รู้สึกแบบเดียวกันกับเธอ เขาก็คงจะไม่มาตามหาเธอไกลถึงอเมริกาหรอก” พี่สาวกับน้องสาวผละออกจากกัน ปาร์คบมยกมือเรียวขึ้นลูบกลุ่มผมสวยของแชรินเบาๆ “คนที่ไม่เคยรู้ถึงความรู้สึกของตัวเอง ย่อมไม่มีวันที่จะรู้ถึงความรู้สึกของคนอื่นเหมือนกันนะ แชริน”

       

      “หมายความว่ายังไงอ่า ?”

       

      “หมายความตามที่พูดนั้นแหละจ๊ะ เด็กน้อย”

       

      ถึงปาร์คบมจะพูดอย่างนั้น แต่ยังไงแชรินก็ไม่เข้าใจอยู่ดี

       

      ปิ๊งป่อง !

       

      เสียงกริ่งหน้าบ้านดังขึ้น ทำให้เด็กสาวทั้งสองหันไปที่หน้าประตูบ้านอย่างสนใจ ปกติแล้วถ้าเป็นเพื่อนของปาร์คบมมาหา ก็จะต้องมีการโทรศัพท์นัดหมายกันก่อนนี่นา แต่นี่คงเป็นแขก แต่แขกที่อเมริกาก็ไม่ได้มีมากมายนี่นา

       

      “เดี๋ยวพี่ไปดูเองนะว่าใครมา”

       

      ปาร์คบมเดินไปเปิดประตูให้กับผู้มาเยือน เมื่อเห็นว่าเป็นคนแปลกหน้าภายใต้กรอบแว่นตากันแดดสีชา และดูท่าทางจะไม่ใช่คนอเมริกัน ปาร์คบมเลยถามเป็นภาษาเกาหลีออกไป

       

      “มาหาใครคะ ?”

       

      “ผมมาหาแชริน อีแชรินน่ะครับ ไม่ทราบว่าแชรินอยู่ไหม ?”

       

      ชายผู้มาเยือนถอดแว่นกันแดดออก เขายิ้มให้เจ้าของบ้านก่อนสายตาคู่สวยของเขาจะลอบมองเข้าไปในตัวบ้าน

       

      “นายคือควอนจียง ใช่ไหม ?”

       

      “คุณรู้จักผม ?”

       

      “ก็เพิ่งรู้เมื่อกี้แหละจ๊ะ” ปาร์คบมส่งรอยยิ้มสวยให้จียงบ้าง “อ้อ ... มาหาแชรินใช่มั้ย ? งั้นรอแปบนึงนะ เดี๋ยวพี่ไปตามมาให้ นั่งรอที่สวนข้างบ้านก่อนก็ได้นะ”

       

       

      ปึง !

       

      “โอ้ย !

       

      “ไอ้บ้าเอ่ย ! นายกล้าดียังไงถึงได้หลอกถามที่อยู่ฉันกับพี่ยองเบแล้วตามฉันมาที่นี่เนี้ย นายมันสมควรโดนลูกๆ ของฉันทำหัวแตกจริงๆ”

       

      แชรินโยนตุ๊กตาเจ้าหมีตัวสีน้ำตาลที่มีชื่อว่าริลัคคุมะที่เธอขนมาทั้งลังใส่หัวจียงไม่หยั่ง จียงทำได้เพียงหลบตุ๊กตาพวกนั้นก่อนจะพุ่งเข้ามาหาแชรินเพื่อขัดขวางไม่ให้แชรินทำร้ายร่างกายเขาอีก

       

      จียงจัดการรวบข้อมือของคนแสบก่อนจะจัดการกอดรวบตัวคนตัวบางเข้ามาไว้ในอ้อมแขน ตุ๊กตาหล่นกระจายเต็มพื้นหญ้าสีเขียวสด สายตาเรียวของจียงสบเข้าที่สายตาเล็กภายใต้อายไลเนอร์คมกริบ ก่อนที่คนจอมเหวี่ยงจะหยุดโวยวายได้

       

      “ตอนที่เธอไม่วีนไม่เหวี่ยง เธอก็น่ารักดีเหมือนกันนะ”

       

      จียงแอบยิ้มเล็กๆ ให้แชริน ไม่ใช่การยิ้มกวนประสาท ไม่ใช่การยิ้มแบบยียวน ไม่ใช่การยิ้มแบบมีเลศนัยเหมือนทุกครั้ง แต่คราวนี้เป็นรอยยิ้มจากความจริงใจที่เขาส่งมันให้กับเธอ

       

      ผู้หญิงที่อยู่ภายใต้อ้อมอกของจียงหน้าแดงขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด แต่พอดึงสติที่หลุดลอยไปได้ เธอกับผลักจียงออกให้ห่างจากตัวเธอ

       

      “ฉะ ฉะ ฉันไม่ตกหลุมพรางนายง่ายๆ ควอนจียง นายกำลังแกล้งฉันใช่ไหม นายอยากให้ฉันแพ้นายใช่ไหม ? บอกให้รู้ไว้เลยนะว่าฉันไม่มีวันหลงคารมนายหรอก”

       

      แม้ปากจะพูดไปอย่างนั้น แต่คำพูดที่พูดออกไปเพื่อหวังจะเสียดสีจียง มันกลับมาทำลายหัวใจของคนพูดเสียเอง

       

      แชริน เธอกำลังเริ่มรู้ความรู้สึกของตัวเองแล้ว ว่าแท้จริงแล้ว เธอชอบควอนจียง !

       

      “แชริน ผมพูดความจริงนะ  เธอน่ารักมากจริงๆ พระเจ้า ! ทำยังไงเธอถึงจะเชื่อผมเนี้ย !” จียงสบถออกมาอย่างรุนแรง ความรู้สึกของเขาตอนนี้กำลังปะทุออกมาราวกับภูเขาไฟที่กำลังจะระเบิดออกมา “แชริน เธอฟังให้ดีๆ นะ ผมชอบอีแชรินคนนี้ เธอได้ยินไหมว่าผมชอบเธอ !

       

      คนที่ได้ยินคำสารภาพหน้าแดงอย่างเห็นได้ชัด ไม่คิดว่าผู้ชายตัวเล็กที่อยู่ตรงหน้าเธอก็มีความรู้สึกเดียวกัน ความรู้สึกที่แชรินพยายามจะไม่เข้าใจ แต่ตอนนี้เธอเข้าใจมันแล้วว่าแท้ที่จริงแล้ว เธอกับจียง มีความรู้สึกเดียวกัน

       

      ความรู้สึกที่เรียกว่ารัก !

       

      “ตะ แต่นายบอกเสมอนี่ว่าฉันมันเป็นผู้หญิงที่นิสัยไม่ดี”

       

      “เพราะนิสัยไม่ดีของเธอไงที่ทำให้ชอบ เอ่ย ! รักเธอ”

       

      จียงเปลี่ยนคำพูดทันที เพราะดูท่าทางของแชรินแล้ว เธอก็คงรู้สึกเหมือนกันกับเขา เพราะถ้าแชรินไม่รู้สึกแบบเดียวกัน เธอคงพุ่งตรงมาทำร้ายร่างกายของเขาแล้ว

       

      “นายแน่ใจนะ กับคำพูดและความรู้สึกของนาย”

       

      “แน่ใจสิ ไม่งั้นฉันจะมาตามหาหัวใจของฉันที่นี่หรอ ?”

       

      จียงปล่อยมุขเสี่ยวให้แชรินก่อนจะเข้าไปคว้าตัวแชรินหวังจะกอด แต่ถูกแชรินห้ามไว้

       

      “นายจะมากอดฉันสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้นะ ! ฉันยังไม่ตอบรับคำบอกรักของนายเลย”

       

      จียงอยากจะทรุดลงไปนอนดิ้นเหมือนเด็กๆ เรียวปากสวยที่เคยยิ้มแย้มหุบลงทันที แชรินอ่า ... พูดอย่างนี้เธอจะปฏิเสธกันใช่ไหม ?

       

      “แชริน เธอกำลังทรมานหัวใจควอนจียงคนหล่อคนนี้หรอ ?”

       

      “แหวะ ! อย่างนายหล่อตายแหละ” แชรินกอดอกก่อนแสะหน้าไปทางอื่น จียงทำหน้างอเหมือนเด็กน้อยที่โดนขัดใจ แชรินสงสารจียงเหลือบมองอาการใกล้ขาดใจของจียงก็อดไม่ได้ ขำออกมาอย่างบ้าคลั่งกันเลยทีเดียว “ถึงนายจะหล่อหรือไม่หล่อ มันไม่สำคัญแล้วแหละ ฉันรักนายนะนายตัวเล็ก”

       

      จียงยิ้มกว้างเห็นฟันขาว จนแชรินอดยิ้มตามไม่ได้ มือปลาหมึกของจียงคว้าตัวคนตรงหน้ามากอด กอดด้วยความรักและความจริงใจที่มีให้กับอีแชริน ผู้หญิงตัวร้ายที่ตอนนี้กลายเป็นแม่เสือที่โหดร้ายคำรามให้หัวใจของจียง และจียงก็พร้อมจะเป็นลูกแมวแสนเชื่องในอุ้งมือแชรินแล้วเหมือนกัน

       

      “ฉันรักเธอนะ ยัยนิสัยไม่ดี ยัยตัวร้ายของฉัน”
       

      ...

      กรีดร้องงงงงงงงงงง


      ในที่สุดฟิคสั้นก็เสร็จอีก 1 เรื่อง

      ที่จริงสัญญากับเด็ก ๆ ไว้ว่า 3-4 วัน ฟิคนี้จะคลอด

      ไป ๆ มา ๆ กลายเป็น 1 อาทิตย์ 555555555

      ตอนนี้ก็เกิดอาการมึน ๆ งง ๆ เบา ๆ กับฟิค 555555555

      ยังไงก็ติชมได้นะ ฟิคเรื่องนี้แปลกยังไง ไม่สนุกยังไงก็เมนท์บอกได้เลย

      หรือไปติทางทวิตเตอร์ก็ได้นะคะที่ @Pear_BJ21

      เจอกันใหม่ฟิคเรื่องต่อไปจ้า ^^

       

       

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×