ทำอย่างไร คนเราถึงจะเลิกเล่นเกมส์ที่มีแต่แพ้แบบนี้ - ทำอย่างไร คนเราถึงจะเลิกเล่นเกมส์ที่มีแต่แพ้แบบนี้ นิยาย ทำอย่างไร คนเราถึงจะเลิกเล่นเกมส์ที่มีแต่แพ้แบบนี้ : Dek-D.com - Writer

    ทำอย่างไร คนเราถึงจะเลิกเล่นเกมส์ที่มีแต่แพ้แบบนี้

    ผู้เข้าชมรวม

    523

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    523

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  6 พ.ค. 52 / 00:00 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      ผมเป็นคนหนึ่งล่ะที่เล่นเทนนิสโดยการปักหลักอยู่ที่เส้นฐานหลังสุดของสนามเสมอ
      และหวดลูกสุดแรงเกิด แต่มันกลับเป็นวิธีที่ทำให้ผมแพ้ทุกทีซิน่า
      วันหนึ่งน้องชายผมจึงได้เสนอให้ผมลองยืนเล่นในตำแหน่งใกล้ตาข่ายมากขึ้น
      และออกแรงท่าทางแข็งขันกว่าที่เคย.
      แน่นอนล่ะ ผมปฏิเสธ เพราะว่าผมเล่นใกล้ตาข่ายไม่เก่งเลย
      "โธ่ พี่ก็" น้องผมพูด "ไม่มีอะไรเสียแล้วน่า
      รู้ไหม...สิ่งที่สำคัญที่สุดในเกมกีฬาก็คือเลิกเล่นเกมที่มีแต่แพ้ซะ
      ถึงพี่จะไม่เก่งการตีใกล้ตาข่าย...แต่การตีไกลตาข่ายของพี่ก็แพ้ไม่เป็นท่า ทุกที
      พี่จะเล่นแบบเดิมซ้ำๆ อยู่ทำไม่เล่า"

      ช่างเป็นคำแนะนำที่เต็มไปด้วยเหตุผลเสียนี่กระไร
      ผมจึงได้ลองเปลี่ยนวิธีการเล่นใหม่ น่าแปลกที่ฝีมือผมพัฒนาขึ้น
      เกมระหว่างผมกับน้องก็ตื่นเต้นและสนุกสนานขึ้นกว่าเดิมอีกอักโข
      เมื่อผมมองย้อนกลับไปในหน้าที่การงานของตัวเอง ผมเพิ่งได้คิดว่า
      "การรู้จักเลิกเล่นเกมที่มีแต่แพ้" ไม่ได้ไว้ใช้แค่ในเกมกีฬาแล้วล่ะ
      หากในชีวิตประจำวันก็สำคัญไม่น้อย

      หลายครั้งที่คนไข้พากันมาหาผมเพราะเกิดจากปัญหาที่พวกเค้าทำตัวเองทั้งนั้น
      เช่น รู้สึกหัวใจผิดปกติ จากการกินอาหารแบบใดแบบหนึ่ง
      เมื่อรู้ตัวแล้วว่าการกินแบบนั้นทำให้รู้สึกไม่สบาย แต่ก็ยังคงกินต่อไป
      จากการวินิจฉัยของผม ผมขอเรียกพฤติกรรมแบบนี้ว่า "เป็นเกมที่มีแต่แพ้"
      พวกเราทุกคนต่างก็กำลังเล่นเกมที่มีแต่แพ้นี้ทั้งนั้น
      ไม่ว่าจะเป็นจากการกินอาหารที่ไม่ถูกสุขลักษณะ... การอดนอน...
      การทำงานติดต่อกันเป็นเวลานานโดยไม่พัก...หรือการออกกำลังที่ไม่เพียงพอ

      ....การไม่รู้จักบริหารเวลา...ก็เป็นเกมส์ชนิดหนึ่ง ที่เห็นๆ
      อยู่ว่ามีแต่แพ้ เช่น การผลัดวันประกันพรุ่ง แล้วต้องมาเร่งๆ งาน
      เพื่อให้ทันการประชุมที่กำลังจะมีขึ้นในอีกไม่กี่นาที
      หรือในทางกลับกัน การทำงานมากเกินไปจนเวลาในแต่ละวันไม่เคยพอเพียง
      ก็เป็นการทำงานที่ก่อให้เกิดความเครียดทั้งนั้น
      น่าแปลกที่ผู้คนต่างก็แบกรับเอาพฤติกรรมแบบนี้ไว้กับตัวทั้งนั้น


      ผมขอแบ่งประเภทผู้คนที่กำลังเป็นผู้แพ้เป็น : ..
      - พวกสมบูรณ์แบบ (ทำงานทุกอย่างอย่างพิถีพิถัน)
      - พวกบ้างาน (คือคนจำพวกอยู่เพื่องานแล้วก็มานั่งสงสัยว่าเอ..
      ชีวิตส่วนตัวฉันหายไปไหนเนี่ย)
      - คนที่มีบุกคลิกภาพแบบเอาหน้า (ก้าวร้าว ชอบการแข่งขัน และความรวดเร็ว)
      - นักประชาสงเคราะห์ (คอยแต่ดูแล สนใจเรื่องของคนอื่น จนละเลยตัวเองไป)
      -
      นักบุญผู้ที่ไม่เคยปฏิเสธใครรู้จักแต่การประนีประนอมเพื่อหลีกเลี่ยงที่จะปะทะกับ
      ครๆ)


      ทำอย่างไร คนเราถึงจะเลิกเล่นเกมส์ที่มีแต่แพ้แบบนี้

      ผมมีเคล็ดลับ 5 ประการมาให้ ดังนี้


      1. ตั้งข้อจำกัด...
      อย่าให้การงานของคุณเข้ามาก้าวก่ายชีวิตส่วนตัวของคุณถึงที่บ้าน
      รู้จักห้ามใจตัวเอง
      ขีดเส้นแบ่งเวลางานและชีวิตส่วนตัวออกจากกันอย่างชัดเจน
      (หากคุณเป็นพวกบ้างาน จงปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด)

      2. รู้จักการหยุดพัก...
      หลายคนคิดว่าพวกเค้ายังคงสามารถผลิตงานดีๆ ออกมาได้
      โดยการทำงานหามรุ่งหามค่ำ ไม่ต้องพัก ผิดซะแล้วล่ะ!
      จากการวิจัย คนเราจะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
      จากการทำงานทุก 2 ชั่วโมงและหยุดพักสัก 20 นาที
      มิใช่จากการทำงานติดๆ กันหลายชั่วโมงจนร่างกายเริ่มล้า
      (สังเกตจากการที่คนเราหาว, เสียสมาธิ, และเริ่มทำงานผิดๆ ถูกๆ )
      แล้วกระตุ้นร่างกายขึ้นมาใหม่ด้วยกาแฟ การพักผ่อนที่ดีโดยการงีบหลับ,
      ลุกขึ้นเดิน, สวดมนต์, เหม่อลอย, พูดคุยกับเพื่อนร่วมงาน,ฟังเพลง,
      หรือทำงานที่ใช้สมาธิน้อยจะทำให้คนเรามีประสิทธิภาพในการทำงานมากขึ้น

      3. รู้จักให้เวลากับตัวเอง....
      การให้เวลากับตัวเองเพื่อพักผ่อน
      หรือทำในสิ่งที่เราอยากจะทำไม่ใช่สิ่งที่ผิด
      หรือเห็นแก่ตัว คนเรามักจะอ้างว่าไม่มีเวลา
      หากนั่นก็เป็นเพราะว่าตัวเองไม่เคยให้เวลากับตัวเองต่างหาก


      4. การจัดสรรเงิน...
      ชีวิตที่มีหนี้สินก็ถือว่าเป็นเกมส์ที่พ่ายแพ้อย่างหนึ่ง
      จงเปลี่ยนความคิดในการใช้เงินเถอะ
      ถามตัวเองว่าสิ่งที่จำเป็นต่อการดำเนินชีวิตเพียงพอหรือยัง
      อนุญาตให้ฟุ่มเฟือยได้ในบางครั้ง แต่เราก็ต้องมีสติที่จะบอกตัวเองว่า
      "พอแล้วล่ะ"


      5. รู้จักตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง...
      คนที่ทุ่มเทอุทิศให้กับงาน
      จนกระทั่งนำเอาลักษณะที่ทำงานติดตัวกลับบ้านไปด้วย
      ไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องเลย "งานคือสิ่งที่คุณทำไม่ใช่สิ่งที่คุณเป็น"
      อย่าเอาลักษณะที่ทำงานมาปะปนกับตัวตนของตัวเอง
      ความเครียดเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
      หากหลายครั้งความเครียดเหล่านั้นกลับเกิดจากตัวมนุษย์ที่ก่อขึ้นมาเอง
      เราเพียงแค่หยุดพฤติกรรมที่เห็นๆ อยู่ว่าทำให้เราแย่...เราแพ้นี่ซะ
      แล้วเลือกทางปฏิบัติใหม่


      ........ ก็มันไม่มีอะไรต้องเสียนี่........
      ที่มา : มดดำ
      เจ้าของบทความ : ไม่ทราบชื่อ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×