[EXO] Nobody Knows Everything {BAEKDO}
ถ้าไม่มีใครรู้ก็คงจะดีนะ ว่าเราเลิกกันแล้ว.. เพราะถ้ามีคนรู้ มันก็เหมือนกับเราเลิกกันแล้วจริงๆ...
ผู้เข้าชมรวม
1,073
ผู้เข้าชมเดือนนี้
3
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
아무도 모르면 좋겠어 우리가 헤어진 걸
ถ้าไม่มีใครรู้ก็คงจะดีนะ ว่าเราเลิกกันแล้ว
누가 알면 그땐 정말 우리 헤어지는거 같아서
เพราะถ้ามีคนรู้ มันก็เหมือนกับเราเลิกกันแล้วจริงๆ
แบคฮยอนลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่มาหยุดอยู่กลางห้อง ห้องนอนดูกว้างกว่าเดิมนิดหน่อยจากสัปดาห์ที่แล้วก่อนที่เขาจะออกไปทำงานที่ต่างประเทศ
แสงแดดยามเย็นลอดผ่านช่องว่างระหว่างผ้าม่านสีเข้มกับหน้าต่างทำให้ห้องสว่างพอจะมองเห็นข้าวของต่างๆภายในห้อง แบคฮยอนวางเสื้อแขนยาวไว้ที่โซฟาอย่างลวกๆ จากนั้นก็ทิ้งร่างลงที่เตียงด้วยความเหนื่อยอ่อนจากการนั่งเครื่องบินเป็นเวลานาน
แบคฮยอนไม่ได้หลับตา สอดสายตาไปรอบๆห้องที่ดูโล่งๆ ก่อนสายตาจะไปหยุดอยู่ที่กล่องเก็บของที่วางอยู่ข้างๆตู้เสื้อผ้า ทั้งๆที่มันไม่ได้มีอะไรผิดปกติ แต่เขากลับจ้องมันแบบไม่วางตา สุดท้ายก็ตัดสินใจแซะตัวเองลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินไปที่กล่องเก็บของ
บนฝากล่องมีฝุ่นเกาะอยู่นิดหน่อยบ่งบอกมาไม่ไดจับต้องมันมานานแล้ว แบคฮยอนใช้มือข้างที่ถนัดปัดฝุ่นออกอย่างเบามือ จากนั้นก็เปิดฝาออก
ภายในกล่องมีของที่ไม่ได้ใช้แล้วหลายอย่าง กล้องเก่าๆที่เคยใช้สมัยยังเป็นนักศึกษา นานมากแล้วที่ไม่ได้เอาออกมาดู แล้วแบคฮยอนก็มองเห็นรูปโพลาลอยด์สีซีดใบหนึ่งวางอยู่ข้างใต้สุด
เขาหยิบมันขึ้นมาดู ในรูปมีผู้ชายสองคน คนทางด้านซ้ายไม่ได้มองกล้องแต่หันไปมองผู้ชายอีกคนในรูปพร้อมทั้งส่งยิ้มอย่างมีความหมายไปให้ แต่คนที่โดนจ้องเหมือนจะไม่รู้สึกตัว เพราะกำลังจดจ่ออยู่กับเลนส์กล้อง
เขาหัวเราะออกมาเล็กน้อยเมื่อนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ในอดีต
“คยองซูมาถ่ายรูปกันเถอะ ฉันซื้อกล้องตัวใหม่มา”
บยอน แบคฮยอน หยิบกล้องโพลาลอยด์รุ่นเก่าที่เพิ่งถอยมาใหม่เมื่อวันก่อนขึ้นมาโชว์ คนถูกเรียกละสายตาจากกองงานตรงหน้ามามองเล็กน้อยแล้วก็หันไปสนใจกับงานเช่นเดิม
“ไว้วันอื่นได้ไหม ฉันยุ่งอยู่นะ”
“ไม่เอาน่า รูปเดียวก็ได้ นะนะนะ” แบคฮยอนเดินมานั่งลงที่เก้าอี้ว่างข้างๆ แล้วเขย่าแขนอีกฝ่ายอย่างออดอ้อน คนตัวเล็กกว่าทำหน้าไม่พอใจแต่ก็ยอมเลิกสนใจงานตรงหน้าแล้วมาถ่ายรูปด้วยกัน
“อะไรกันแบค ทำไมไม่มองกล้องเล่า! ไม่ถ่ายใหม่แล้วนะ” คนตัวเล็กส่งเสียงหงุดหงิด
“เอารูปนี้แหละ ดีแล้ว น่ารักดีออก คยองซูไปทำงานเถอะ” แบคฮยอนยิ้มให้กับท่าทางเด็กๆของอีกฝ่าย ปล่อยให้อีกฝ่ายทำงานไปแล้วตัวเองก็หันมาสนใจกล้องตัวใหม่ของตัวเองเงียบๆ
니가 다시 돌아와도 어색하지 않도록
ตอนกลับมาเธอจะได้ไม่รู้สึกกระอักกระอ่วน
니가 잠시 비운 자리는 아무도 모르게 할꺼야
จะได้ไม่มีใครรู้ว่าเธอจากฉันไปได้สักพักแล้ว
แบคฮยอนจมอยู่ในความคิดของตัวเองนานขนาดไหนก็ไม่รู้ รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ได้ยินเสียงประตูห้องถูกเปิดออก เขาละสายตาจากรูปไปมองที่มาของเสียง
คนตัวเล็กคนเดียวกับที่อยู่ในรูปที่เขาถืออยู่เดินเข้ามาในห้องพร้อมกับสีหน้าหงุดหงิดตามแบบฉบับที่เจ้าตัวชอบทำ เขาแสดงสีหน้าตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นแบคฮยอนนั่งอยู่ที่พื้นข้างตู้เสื้อผ้า ก่อนจะพยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติ
“กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ห..เอ่อ สักพักแล้ว พอดีงานเสร็จก่อนกำหนด”
แบคฮยอนซ่อนรูปโพลาลอยด์ไว้ใต้ขาอย่างเนียนๆ แต่ดูเหมือนจะไม่ทันเสียแล้ว เพราะอีกฝ่ายจ้องมาที่กล่องเก็บของเก่าที่เปิดฝาค้างไว้อยู่ที่ข้างตู้เสื้อผ้า
ได้แต่ส่งยิ้มแหยๆไปให้อีกคนที่ยังยืนอยู่กลางห้อง คนตัวเล็กปรายตามองเล็กน้อย ทำเป็นไม่สนใจแล้วเดินมาที่ตู้เสื้อผ้าอยู่ข้างๆเขา เปิดประตูตู้เสื้อผ้าออกแล้วเริ่มค้นหาอะไรบางอย่าง
“หาอะไรอยู่”
“ผ้าพันคอ” คนตัวเล็กตอบทั้งๆที่ไม่ได้หันหน้ามามองเขาด้วยซ้ำไป
แบคฮยอนลอบถอนหายใจแล้วพยักหน้า “วันนี้ไปนอนบ้านไอ้ชานนะ มันเรียกไปช่วยงาน”
คนฟังขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้าเบาๆ แต่ก็ยังจดจ่อกับการหาผ้าพันคออย่างเดิม เขายิ้มแล้วเดินเข้าห้องน้ำไปเพื่ออาบน้ำเตรียมตัวจะออกไปหาเพื่อนที่ยกมาเป็นข้ออ้าง
.
.
.
계속 이렇게 아무도 모르게 조금만 더 견디면
ถ้ายังไม่มีใครรู้อยู่แบบนี้ ถ้าอดทนต่อไปอีกนิด
거짓말이 될 지도 모르잖아 우리가 헤어졌다는게
เรื่องที่เราเลิกกัน ก็อาจจะกลายเป็นแค่เรื่องโกหก
“ไงมึง..มาทำอะไรค่ำๆมืดๆ ว่าแต่กลับมาจากอังกฤษตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย” ชานยอลเปิดประตูบ้านออกมาหน้าตามึนๆ สภาพดูก็รู้ว่ามันเพิ่งตื่น
“ขอนอนด้วยดิ”
“ทำไมวะ โดนแฟนไล่ออกจากบ้านเรอะ” คำพูดคำจาเรียกเท้าแบคฮยอนสุดๆ แบคฮยอนค้อนใส่คนตัวสูงที่ยอมเปิดประตูให้เขาเข้าบ้านไป
“เออๆ ประมาณนั้นแหละ มึงอย่าถามมากได้ไหมวะ”
แบคฮยอนทำท่าหงุดหงิดกลบเกลือนแล้วรีบเดินเข้าไปในบ้าน โดยที่ไม่ได้สังเกตสีหน้าของเพื่อนตัวสูงแม้แต่น้อย
“น่าสงสารว่ะ แล้วมึงกลับจากอังกฤษวันไหนเนี่ย” แบคฮยอนมองหน้าชานยอลเล็กน้อยแล้วหยิบกล่องเล็กๆในกระเป๋าเป้แล้วโยนให้อีกฝ่าย
“กระเป๋าเงิน? สิ้นคิดว่ะ”
“เออ”
แบคฮยอนไม่สนใจคำด่าของมัน ล้มตัวลงนอนบนโซฟา แต่ก็ไม่ลืมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดส่งข้อความหาคนตัวเล็กที่เพิ่งเจอกันก่อนหน้านี้ทันที
‘ฝันดีนะ :D’
เขาไม่รอให้อีกฝ่ายตอบกลับหรืออะไรทั้งสิ้น โยนโทรศัพท์ไปที่โต๊ะหน้าโซฟาแล้วหลับตานอนไม่สนใจเจ้าของห้องที่ยืนงงอยู่แม้แต้น้อย
“มึงนี่! ไม่เกรงใจเจ้าของบ้านบ้างเลยนะ” ชานยอลโยนผ้าห่มผืนบางใส่หน้าคนที่หลับไม่สนใจอะไรสักอย่าง ไม่มีแม้แต่แรงจะตื่นขึ้นมาด่าเขาด้วยซ้ำ
ปาร์ค ชานยอล กับ คิม จุนมยอน เดินมาถึงหน้าคอนโดที่คุ้นเคยเป็นอย่างดี คอนโดของเพื่อนในกลุ่มเขาอย่างแบคฮยอนคนหน้าหวาน พวกเขากะจะมาชวนเพื่อนตัวดีออกไปแฮงค์เอาท์กันข้างนอก
ชานยอลเอือมมือไปกำลังจะเคาะประตูแต่ก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงดังมาจากข้างใน
“ไอ้นั่นมันเป็นใคร ทำไมต้องออกไปกับมันดึกๆดื่นๆ” เสียงตะโกนจากคนที่ทั้งคู่รู้จักดี“ไอ้นั่นมันเป็นใคร ทำไมต้องออกไปกับมันดึกๆดื่นๆ” เสียงตะโกนจากคนที่ทั้งคู่รู้จักดี
“เพื่อน! เพื่อนที่ทำงานไง แค่ออกไปเที่ยวกับเพื่อน ผิดตรงไหน” เสียงใครอีกคนที่อยู่ในห้องด้วยกันตะโกนมาเสียงดังไม่แพ้กัน
“อ๋อ เพื่อน! เชื่อตายล่ะ เพื่อนกันเค้าต้องจูบกันด้วยหรือไง!!”
“มันเจ็บนะแบค!”
“โธ่เว้ย! จะไปไหนก็ไป จะไปกับไอ้จงอินจงดำที่ไหนก็ไป แล้วอย่ากลับมาให้เห็นหน้าอีก!!” และก็ตามมาด้วยเสียงปาข้าวของมากมายดังไม่ขาดสาย
ชานยอลกำลังจะเปิดประตูอย่างถือวิสาสะเพื่อที่จะเข้าไปห้ามการทะเลาะของทั้งสองคน แต่ยังไม่ทันจะทำอะไรประตูก็ถูกเปิดออกจากข้างใน คนตัวเล็กที่วิ่งออกมามีน้ำตานองหน้า สีหน้าตกใจเล็กน้อยก่อนจะรีบเดินเลี่ยงไปตามทางเดิน
ทั้งชานยอลและจุนมยอนไม่มีใครพูดอะไรออกมา พอจะเข้าใจสถานการณ์แล้ว ตอนนี้เพื่อนพวกเขาที่อยู่ข้างในคงต้องการจะอยู่คนเดียวมากกว่าจึงไม่ได้โผล่หน้าเข้าไปรบกวนแต่อย่างใด
나만 모르는건가봐 다 아는 얘기인가봐
เหมือนมีแค่ฉันที่ไม่รู้ แต่ทุกคนดูเหมือนจะรู้กันหมด
친구들이 모르는척 해주는게 날 더 힘들게 해
การที่เพื่อนๆช่วยแกล้งทำเป็นไม่รู้ ก็เลยทำให้ฉันยิ่งแย่ลงไปอีก
“ตื่นเว้ย!!! ไอ้เตี้ย! ตื่น!!!”
“ไอ้ห่- เสียงดังหาพ่-ง” แบคฮยอนโยนผ้าห่มไปทางไหนก็ไม่รู้ ไม่ได้ลืมตาขึ้นมามอง หยิบหมอนใบที่หนุนอยู่มาปิดหูเพื่อกันเสียงเคาะไหชามจานที่ชานยอลมันกำลังทำ
“ตื่นได้แล้วไอ้เตี้ย! นอนกินบ้านกินเมืองไปถึงไหน!”
“ขอห้านาที”
“แฟนมึงโทรมาตามแล้วเว้ย!”
ทันทีที่แบคฮยอนได้ยินประโยคนี้ก็รีบแซะตัวเองออกจากโซฟาแทบจะทันที จนชานยอลต้องหัวเราะออกมาเสียงดังพลางเอามือกุมท้องเมื่อเห็นปฏิกิริยาแบบนี้
“กูล้อเล่น” ชานยอลพูดทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก่อนรีบหายตัวเข้าไปในห้องครัวอย่างรวดเร็ว
แบคฮยอนได้แต่ทำท่าทางกระฟัดกระเฟียดใส่อีกฝ่าย โยนหมอนที่เคยใช้หนุนไปทางห้องครัวแต่ก็ไม่ช่วยอะไร ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู ไม่มีรายการแจ้งเตือนข้อความเข้าหรือโปรแกรมแชทอะไรทั้งนั้น เขาถอนหายใจออกมาเสียงดังแล้วลุกขึ้นไปอาบน้ำทันที
.
.
.
니가 나 아닌 사람과 걸어가는 모습을
ตัวเธอตอนเดินไปกับใครคนอื่นที่ไม่ใช่ฉัน
전엔 본적 없는 니 웃음을 내 친구들도 봤나봐
มีรอยยิ้มที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน เพื่อนๆของฉันคงจะเห็นกันหมดแล้วล่ะ
แบคฮยอนเดินเข้ามาในร้านประจำที่เพื่อนตัวดีทั้งสองชอบพามาบ่อยๆ หน้าตาบูดบึ้งเพราะมีแพลนจะออกไปถ่ายรูปนอกเมืองแต่ก็โดนเพื่อนล็อคตัวไว้เสียก่อน
“มึงๆๆๆ! เมื่อกี๊กูเห- อั่ก” ทันทีที่แบคฮยอนนั่งลงชานยออลก็รีบบอกอะไรบางอย่าง แต่ก็โดนจุนมยอนคนที่เตี้ยกว่าแบคฮยอนฟาดเข้าให้ที่กลางหลัง
“เห็นอะไรวะ” แบคฮยอนขมวดคิ้วแน่นเมื่อเสียงเพลงดังกระแทกหูเหลือเกิน
“เห็น..เห็น...อะไรดีล่ะ.. เห็นผู้หญิงคนหนึ่ง สวยมากกกกกกกกก” จุนมยอนพูดติดอ่างอย่างมีพิรุธ จนแบคฮยอนต้องเหล่ตามอง
“อะไรของพวกมึง! ไร้สาระว่ะ” แบคฮยอนจ้องหน้าเพื่อนทั้งสองอย่างจับผิด
“กูเห็นคยองซูเดินมากับไอ้จง- เอ้ย เพื่อนน่ะ เข้ามาก่อนหน้ามึงนิดเดียว” ในที่สุดชานยอลก็ทนสายตากดดันไม่ไหว ยอมพูดออกมาพร้อมทั้งโดนจุนมยอนฟาดเข้าที่หลังอีกครั้ง
“งั้นหรอ..”
หลังจากเพื่อนบอกก็มองไปรอบๆร้าน สายตาก็มองไปเห็นผู้ชายสองคนนั่งอยู่ด้วยกัน ท่าทางสนิทสนมกันดี คนตัวเล็กกว่าเป็นคนที่แบคฮยอนรู้จักเป็นอย่างดีส่วนอีกคนรู้จักแค่ชื่อเสียงเรียงนาม ไม่เคยคุยกันแต่อย่างใด ทั้งคู่ท่าทางจะไม่ใช่แค่เพื่อนหรือเพื่อนร่วมงานอย่างที่คนตัวเล็กที่นั่งอยู่ที่นั่นเคยบอกไว้อย่างแน่นอน
แบคฮยอนถอนหายใจออกมาเสียงดัง พยายามหันมาสนใจมุกตลกที่สองเกลอพยายามงัดมาเล่นเพื่อให้เขาผ่อนคลาย เขายิ้มเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้ทำอะไรไปมากกว่านั้น ปล่อยตัวไปตามเสียงเพลงที่ดังกระแทกหู
.
.
.
한 걸음만 더 가도 난 널 다 잃을까봐 다 끝나버릴까봐
ถึงจะเดินต่อไปอีกแค่ก้าวเดียว ฉันก็กลัวว่าจะต้องเสียงเธอไป กลัวว่ามันจะจบลงจริงๆ
어쩌면 다 끝나서 모르는 사람이 되버린걸까
ถ้าเกิดทุกอย่างต้องจบ เราก็จะกลายเป็นแค่คนแปลกหน้ากันใช่มั้ย
“พี่แบค! เหนื่อยแล้ว พักก่อนไม่ได้หรอ” เด็กหนุ่มหน้าตาดีงอแงพร้อมทั้งทิ้งตัวลงไปนั่งบนก่อนหินก้อนใหญ่ที่บังเอิญอยู่ใกล้ๆ คนที่เดินนำได้แต่ถอนหายใจแต่ก็ยอมหยุดเดิน
“ก็บอกแล้วว่าไม่ต้องมาด้วย”
แบคฮยอนยกกล้องขึ้นมาถ่ายรอบๆระหว่างรอให้อีกคนนั่งพักให้หายเหนื่อย
“เสร็จงานนี้ผมลาออกจากการเป็นผู้ช่วยพี่จริงๆด้วย!” เด็กหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
แบคฮยอนเลิกคิ้ว “เหตุผล?”
“ให้ผมเป็นแฟนพี่แทนเถอะนะ แบบนั้นผมเต็มใจไปขึ้นป่าลงเขากับพี่ตลอดเลยนะ” พูดพร้อมกับทำตาเป็นประกายอย่างมีความหวัง
“เซฮุน” แบคฮยอนปรามอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงเข้มๆ พร้อมทั้งส่งสายตาดุๆไปให้ “นายจะพูดอีกกี่รอบฉันก็ยังจะตอบเหมือนเดิมนั่นแหละ”
เจ้าของชื่อส่งเสียงฮึดฮัดเมื่อโดนขัดใจ ยกมือขึ้นกอดอกทำท่าทางเป็นเด็กๆ “แต่ตอนนี้มันไม่เหมือนเดิมแล้วนี่”
“ยังไง”
“ก็พี่เลิกกับพี่คยองซูละ-” เซฮุนรีบยกมือขึ้นปิดปากเมื่อรู้ตัวว่าตัวเองเผลอพูดอะไรไม่ดีออกไป ทำเอาแบคฮยอนชะงักไปเล็กน้อย
“..ใครบอก” แบคฮยอนพูดเสียงเรียบๆ
“ใครๆก็รู้ทั้งนั้น”
“พี่กับคยองซูยังไม่ได้เลิกกันหรอกนะ ..แค่ทะเลาะกันแค่นั้น”
“ไม่จริง! พี่เลิกโกหกสักที!” เซฮุนขึ้นเสียงพร้อมกับใบหน้าที่แสดงอารมณ์โกรธจัด
“พี่ไม่ได้โกหก!” แบคฮยอนสวนกลับแทบจะทันที “และไม่ว่ายังไง เรื่องของเราก็ไม่มีทางเป็นไปได้! เข้าใจมั้ย!”
“ไม่! พี่โกหก! ถึงพี่จะโกหกคนอื่นได้ว่าพวกพี่ยังไม่เลิกกัน แต่ยังไงพี่ก็โกหกตัวเองไม่ได้อยู่ดีนั่นแหละ”
“เก็บของได้แล้ว เราจะลงเขากันแล้ว งานวันนี้ยกเลิก” แบคฮยอนเดินนำกลับไปทางที่เพิ่งขึ้นมา
“ส่วนเรื่องลาออกก็ไปติดต่อกับทางบริษัทเอาเองนะ พี่คงอนุญาตให้ออกเองไม่ได้”
หลังจากลงเขาแบคฮยอนขับรถมาส่งเซฮุนที่บริษัทแล้วตรงกลับคอนโดทันที ระหว่างทางเขากับผู้ช่วยที่กำลังจะเป็นอดีตผู้ช่วยไม่ได้พูดอะไรกันเลยตลอดทาง
คอนโดเงียบสนิท แบคฮยอนมองไปรอบๆก็ได้แต่ถอนหายใจ ในใจก็คิดถึงเรื่องที่เขากับคยองซูทะเลาะกันเมื่อครึ่งเดือนก่อน ทั้งที่ไม่ได้บอกใครแท้ๆ แต่ทุกคนกลับทำเหมือนรู้ดีทุกอย่าง ทั้งชานยอลกับจุนมยอน ไหนจะเซฮุนอีก
วันนั้นทะเลาะกันแรงก็จริง แต่ไม่มีใครบอกเลิกใครไม่ใช่หรอ แล้วอย่างนั้นจะถือว่าเลิกกันได้ยังไงล่ะ? จริงไหม? -แบคฮยอนคิดอย่างนี้เสมอ
.
.
.
니가 돌아온다면 니가 돌아와준다면
ถ้าเธอกลับมา แค่เธอกลับมา
전부 제자리로 돌아갈 것 같은데
เธอก็กลับมาอยู่ที่ตำแหน่งเดิมได้แล้ว
니가 돌아온다면 니가 돌아와준다면
ถ้าเธอกลับมา แค่เธอกลับมา
다 아는 거짓말도 끝낼꺼야 니가 돌아와준다면
เรื่องโกหกที่ทุกคนรู้ก็จะได้จบลงสักที ขอแค่เธอกลับมา
เช้าวันเสาร์วนมาอีกครั้ง เป็นครั้งแรกที่แบคฮยอนตื่นขึ้นมาก่อนเสียงนาฬิกาปลุกดัง ราวกับว่ามีลางอะไรสักอย่างบังคับให้ตื่น
แบคฮยอนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเช็คด้วยสีหน้าง่วงงุน พอเห็นแจ้งเตือนว่ามีข้อความเข้าก็ตื่นอย่างเต็มตา ยิ่งพอให้ชื่อคนส่งมาก็รีบเปิดเข้าไปดูอย่างรวดเร็ว
‘เที่ยงนี้ออกมาหาที่ร้านแมนดี้หน่อยได้ไหม’
แบคฮยอนอ่านข้อความเสร็จก็รีบพิมพ์ตอบกลับไปทันที ปากนี่ฉีกยิ้มแทบจะถึงหู
‘ได้เลย แล้วเจอกัน :D’
ก่อนจะผิวปากเดินตัวปลิวเข้าไปอาบน้ำ เพื่อเตรียมตัวจะไปพบกับคยองซูตอนเที่ยง โชคดีที่วันนี้ไม่มีงานที่ไหน แต่ถึงมีเขาก็จะยอมโดดงานไปหาคยองซูอยู่ดี
ร้านแมนดี้คือร้านกาแฟเล็กๆที่อยู่ใกล้ๆที่ทำงานของคยองซู เมื่อก่อนเขากับคยองซูมาที่นี่กันบ่อยๆ และเลือกที่ประจำคือโต๊ะในสุดติดริมหน้าต่าง
แบคฮยอนยืนอยู่หน้าร้านแล้วก้มมองดูนาฬิกาข้อมือ เขามาถึงก่อนเวลานัดนิดหน่อย ในร้านคนยังไม่ค่อยเยอะ โต๊ะประจำเลยยังว่างอยู่ แบคฮยอนรีบตรงไปนั่งที่โต๊ะทันที
เขาสั่งมอคค่าไปและสั่งลาเต้ของโปรดของอีกฝ่ายด้วยความเคยชิน นั่งเท้าคางรออีกฝ่ายมาอย่างใจจดใจจ่อ ภายในใจเต้นกำลังลิงโลดด้วยความดีใจเพราะคิดว่าคนตัวเล็กคงจะมาขอคืนดีแน่ๆ
“ขอโทษทีนะ รอนานหรือเปล่า”
“ไม่ ไม่เลย” น้ำเสียงแบคฮยอนสั่นด้วยความตื่นเต้น “นั่งสิ ฉันสั่งเครื่องดื่มให้แล้ว อยากสั่งอะไรเพิ่มหรือเปล่า” มันสั่นขึ้นเรื่อยๆจนแบคฮยอนอยากจะตบปากตัวเองแรงๆ
คยองซูส่ายหน้า พร้อมกับที่พนักงานเดินมาเสิร์ฟเครื่องดื่ม
“ลาเต้ ของโปรดนายใช่มั้ย”
“อืม..แต่ช่วงนี้หมอสั่งให้งดน่ะ ควบคุมน้ำตาล” คยองซูดันแก้วกาแฟออกทำเอาคนที่มองอยู่หน้าเสีย
“เอ่อ.. แล้วเรื่องที่เรียกฉันออกมา..”
“ก็..” คยองซูลากเสียงยาว แบคฮยอนแทบจะนั่งไม่ติดเก้าอี้ หัวใจเต้นแรงแทบจะหลุดเอามาข้างนอก
“ฉันได้ยินเรื่องที่นายบอกคนอื่นว่าเรายังไม่เลิกกันน่ะ”
“ทุกคนรู้กันหมดแล้วว่าสถานะของพวกเราคืออะไร”
“เรื่องของเรามันจบแล้ว ยอมรับเถอะแบคฮยอน”
“เรื่องที่ฉันจะพูดมีเท่านี้แหละ ขอบคุณจริงๆที่สละเวลามา ฉันต้องไปแล้ว โชคดีนะ” คยองซูพูดจบก็ลุกออกจากร้านไปทันที
คยองซูออกไปนานแล้ว แต่แบคฮยอนยังคงนั่งอยู่ที่เดิม น้ำตาไหลตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่ได้สนใจ พยายามคลำหาเสียงที่หายไปตั้งแต่ประโยคที่คยองซูพูดมันออกมาก็ยังไม่เจอ
ไม่มีคำพูดอะไรหลุดออกไปรั้งอีกฝ่ายไว้ หัวใจที่เคยเต้นเต้นราวกับจะหลุดออกมานอกอก บัดนี้แบคฮยอนไม่รู้สึกถึงการมีอยู่ของมันด้วยซ้ำ สายตายังคงจับจ้องไปที่เก้าอี้ว่างที่คยองซูนั่งเมื่อหลายนาทีที่ผ่านมาไม่ละไปไหน แม้มันจะเลือนรางเต็มที
.
.
.
แบคฮยอนไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าพาตัวเองกลับมาคอนโดได้อย่างไร รู้ตัวอีกทีก็ตอนทิ้งตัวลงบนเตียง น้ำตาที่เคยไหลตอนนี้แห้งไปแล้ว แต่ความรู้สึกยังคงอัดแน่น คำพูดของอีกฝ่ายยังคงตามหลอกหลอนอยู่ไม่ห่าง
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นแต่แบคฮยอนก็ยังไม่ได้สนใจ ปล่อยให้มันดังไปได้สักพักห็ตัดสินใจคว้ามันมากดรับเพื่อตัดรำคาญ
“...”
(แบคฮยอน! อยู่ป่ะวะ)
“..เออ”
(เป็นไรวะ นอนอยู่หรอ)
“เออ”
(เออช่างแม่ง เย็นนี้เจอกันร้านเดิมนะเว้ย แต่อย่าลืมขออนุญาตแฟนก่อนออกมาด้วย ฮั่นแน่! วันนี้กูเห็นอยู่ด้วยกันนะเว้ย คืนดีกันแล้วสินะ! ดีๆๆ จะได้ไม่ลำบากพวกกูอีก” ชานยอลพูดจบก็ขำแล้วก็ตัดสายไปเฉยๆ ยังไม่ทันจะได้ปฏิเสธหรือตอบรับอะไรทั้งสิ้น
แบคฮยอนทิ้งโทรศัพท์ข้างตัวแล้วถอนหายใจออกมาเสียงดังราวกับว่าโลกทั้งโลกพังทลายลงมาต่อหน้าต่อตา
아무도 모르면 좋겠어 우리가 헤어진 걸
ถ้าไม่มีใครรู้ก็คงจะดีนะ ว่าเราเลิกกันแล้ว
누가 알면 그땐 정말 우리 헤어지는거 같아서
เพราะถ้ามีคนรู้ มันก็เหมือนกับเราเลิกกันแล้วจริงๆ
END.
TALK ;
จบแล้วววววววววววววววววววว
สวัสดีปิดเทอมค่ะ เพิ่งได้กลับมาบ้าน รู้สึกถึงความขี้เกียจเพิ่งขึ้นเท่าตัว ...
เรื่องนี้เป็นยังไงบ้างคะ แปลกๆสินะคะ เค้าก็ว่ามันแปลก orz
ฟิคนี้เกิดเพราะนั่งฟังเพลงของจองกีโกทั้งวัน แล้วก็ตู้ม กลายมาเป็นฟิคเรื่องนี้ด้วยประการฉะนี้แล
เพลงเพราะดีใช่มั้ยคะ 5555555555555555555
พอละ เลิกบ่น เจอกันเรื่องหน้าค่ะ
ขอให้ทีความสุขในการอ่าน ลาก่อยบาน o/
ขอบคุณที่หลงเข้ามาอ่านค่ะ
wizine.
ผลงานอื่นๆ ของ wizine. ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ wizine.
ความคิดเห็น