คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : :: Lu-Han Twins ✖✖ INTRO
Lu-Han TWINS
‘INTRO’
ภายในบ้านหลังใหญ่หรือเรียกได้ว่าคฤหาสห์ขนาดย่อมๆ เด็กหนุ่มอายุราวๆสิบแปดปีกำลังเคลิ้มหลับอย่างสบายอารมณ์ ผิวขาวเนียนที่โผล่พ้นออกมาจากผ้าห่มทำให้เมดสาวสองคนที่กำลังจะเข้ามาปลุกถึงกับลอบกลืนน้ำลาย หญิงสาวสองคนหันมองหน้ากันเลิ่กลักแล้วส่งสายตาเป็นเชิงว่า ‘เธอนั่นแหละไปปลุก’ ให้กันอยู่อย่างนั้นจนในที่สุดเมดสาวที่ตัวเล็กกว่าก็เป็นฝ่ายยอมแพ้ ร่างเล็กที่อยู่ในชุดเมดสีน้ำตาลอ่อนค่อยๆเดินไปยังเตียงของคุณหนูประจำบ้านก่อนจะต้องตกใจหงายหลังไปกองอยู่ที่พื้นเมื่ออยู่ๆเด็กหนุ่มบนเตียงก็ลุกขึ้นพรวดพราดจนผ้าห่มที่คลุมตัวอยู่เลิกขึ้นสูง
“แฮร่ !! ฮ่าๆๆๆ”
ใบติดออกหวานแลบลิ้นปริ้นตาให้เมดสาวสองคนที่กำลังขวัญหนีดีฝ่อก่อนจะหัวเราะร่าอย่างชอบใจ เมดสาวที่ยืนอยู่เริ่มตั้งสติได้แล้วจึงมาช่วยพยุงตัวเพื่อนที่นั่งจุ้มปุ๊กอยู่ที่พื้นขึ้นมาแล้วเอ็ดลู่หานเบาๆ
“คุณหานคะ อย่าเล่นอย่างนี้สิคะ พวกเราหัวใจวายกันพอดี”
“ฮะๆ ก็พวกพี่มัวแต่ใช้สายตาแทะโลมผมอยู่ได้ อย่าคิดว่าผมไม่รู้นะ”
“คุณหาน อย่าเอ็ดไปเชียว พวกเราไม่ได้ทำซักหน่อย”
เมดสาวตัวเล็กว่าพลางยกนิ้วชี้ขึ้นแตะริมฝีปาก ถ้าเกิดคนอื่นมาได้ยินเข้ารับรองว่าพวกเธอสองคนต้องโดนย้ายกลับไปทำงานในห้องครัวอีกแน่ๆ กว่าจะได้เลื่อนขั้นมาเป็นเมดตากแอร์เย็นๆบนตึกก็ใช่ว่าจะง่าย ถึงแม้จะแอบแทะโลมคุณหนูของบ้านไปจริงๆก็เถอะนะ
“อะๆ เห็นแก่พวกพี่หรอกนะ”
เด็กหนุ่มพูดปัดๆแล้วลุกขึ้นจากเตียงใหญ่เล่นเอาสองเมดต้องตาแวววาวอีกรอบเมื่อผิวขาวนวลที่ไม่มีอะไรปิดบังท่อนบนมันวิงค์เข้าตาพวกเธอเต็มๆ
“ไปได้แล้วครับ”
“คะ...”
“พวกพี่..ไปปลุกเสี่ยวลู่ได้แล้วคร้าบ!!!”
ลู่หานพูดเสียงดังจนเมดสาวสะดุ้งแล้วหันหลังเดินเร็วๆกลับไปทางประตูแทบไม่ทัน ไม่วายเจ้าตัวยังตะโกนท้ายประโยคเสียงดังแล้ววิ่งไล่ไปจนถึงประตูห้องอีก ร่างโปร่งมองตามสองเมดที่วิ่งเข้าไปห้องข้างๆแล้วกุมท้องหัวเราะกับความสำเร็จของตัวเอง อย่างนี้สิค่อยบันเทิงหน่อย
ตัดมาที่ห้องติดกัน
สาวเมดสองคนยืนพิงประตูก่อนจะตบอกตัวเองเบาๆเพื่อไล่ความเหนื่อย นี่ถ้าคุณหานยังเล่นอย่างนี้ทุกวันพวกเธอคงได้เป็นลมเข้าซักวันแน่ๆ
“อืม .. ”
ดูเหมือนเสียงปิดประตูตอนที่พวกเธอเข้ามารวมถึงเสียงหอบหายใจจะสร้างความรำคาญให้คุณหนูอีกคนของบ้านที่กำลังหลับพริ้มอยู่บนเตียงสีหวานอยู่น้อยๆ ลู่เหลินที่มีใบหน้าเช่นเดียวกันกับลู่หานเป๊ะๆพลิกตัวมาอีกด้านอย่างงัวเงียก่อนที่เปลือกตาสีชมพูอ่อนจะค่อยๆปรือขึ้น ตากลมมองเมดสองคนที่ยืนปั้นยิ้มให้เค้าอยู่ที่ประตูแล้วยกยิ้มบางเบาให้พวกเธอ
“เช้าแล้วเหรอครับ”
“ค่ะคุณเสี่ยวลู่ / คุณเสี่ยวลู่ตื่นเถอะค่ะ เดี๋ยวจะเสร็จช้ากว่าคุณหานเอานะคะ”
“ฮึๆครับๆ”
ลู่เหลินหรือที่หลายๆคนมักเรียกว่า ‘เสี่ยวลู่’ หัวเราะออกมาเบาๆเมื่อสองเมดพูดถึงพี่ชายฝาแฝดของตัวเอง ถ้าเรื่องอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก่อนนั้นเค้าจะไม่ขอแข่งกับพี่หานเด็ดขาด ก็รายนั้นน่ะต่อให้ตื่นช้ากว่าเค้าซักครึ่งชั่วโมงก็ยังเสร็จก่อนเค้าอยู่ดี วันๆตัวจะถูกน้ำบ้างรึเปล่าก็ไม่รู้
“พวกพี่ออกไปก่อนเถอะครับ ผมตื่นแล้วล่ะ” ลู่เหลินว่าก่อนจะเลิกผ้าห่มขึ้นแล้วลุกขึ้นนั่ง มือบางยกขึ้นมาขยี้ตานน้อยๆแล้วหาวหวอดจนเมดสองคนอดจะเอ็นดูในความน่ารักนี้ไม่ได้ “เดี๋ยวผมจะรีบอาบน้ำนะครับ”
“ค่ะ/ค่ะ”
สองเมดค้อมให้คุณหนูเสี่ยวลู่ของพวกเธออย่างนอบน้อมก่อนจะค่อยๆออกจากห้องไปทีละคน ลู่เหลินมองตามพวกเธอจนในที่สุดบานประตูก็ถูกปิดลง ริมฝีปากบางยกยิ้มน้อยๆแล้วเดินไปสูดอากาศที่ระเบียงห้องนอน วันนี้แล้วสินะที่เค้าจะได้กลายเป็นนักเรียนม.ปลายปีสามอย่างเต็มตัวซักที
“เสี่ยวลู่ !!”
“เฮ้ย! พี่หาน !”
ร่างบางถึงกับสะดุ้งแถมยังไปไม่เป็นเมื่ออยู่ๆพี่ชายฝาแฝดดันยืนอยู่ที่ระเบียงห้องข้างๆ แต่เค้าคงไม่อุทานหรอกถ้าหากว่าตอนนี้ไอพี่หานไม่ได้มายืนแปลงฟันอยู่ตรงระเบียง แล้วข้างล่างก็เป็นสวนของคุณแม่อีก คุณลุงคนสวนก็ทำงานอยู่ ไม่อายเค้ามั่งรึไงเนี่ย ?
“ทำอะไรน่ะ! น่าเกลียด” ลู่เหลินว่าก่อนจะเบ้หน้า
“แองอันไอ(แปรงฟันไง)” ลู่หานตอบเสียงดังในมือข้างนึงก็ถือแก้วน้ำสีแดงลายแมนยูไว้ อีกข้างก็แปรงฟันต่อ
“กลับไปแปรงในห้องน้ำสิ!”
“ไอ้เอา อากแององอี้อ่ะ(ไม่เอา อยากแปรงตรงนี้ว่ะ)” ลู่หานว่าก่อนจะยักคิ้วให้น้องชาย
ลู่เหลินส่ายหน้าหน่ายๆให้พี่ชายหัวแดงของตัวเองอย่างไม่สบอารมณ์ นี่โชคดีนะที่เค้าไปกัดสีผมให้ขาวต่างจากพี่หานแล้ว ไม่งั้นถ้าคนอื่นยังมองเค้าสลับกับพี่หานแบบเมื่อก่อนล่ะก็ . . แค่นึกก็อายจนแทบมุดดินหนี เมื่อก่อนตอนเด็กๆพวกเพื่อนๆที่อยู่บ้านใกล้ๆกันหรือแม้แต่ที่โรงเรียนก็ชอบมาถามเค้าบ่อยๆว่าทำไมถึงได้ทำอย่างนั้น ทำไมถึงได้ทำอย่างนี้ เค้าล่ะอายจนไม่รู้จะอายยังไงแล้ว เพราะงั้นถ้าพี่หานทำผมสีไหนเค้าเลยเลือกที่จะเปลี่ยนให้ต่างกันแบบสุดขั้วไปเลยจะดีกว่า . . สบายใจกว่าเยอะ =_=
LUHAN TWINS
ดวงตากลมที่ค่อนข้างบวมเพราะผ่านการร้องไห้มาอย่างหนักค่อยๆเหลือบมองคนมาใหม่ช้าๆอย่างไร้ร่องรอย นานแค่ไหนแล้วนะที่เค้าเอาแต่นั่งแกว่งชิงช้าตัวนี้ไปมาไม่ยอมไปไหน . .
คิม มินซอกมองตามร่างของเพื่อนสนิทที่อยู่ในชุดนักเรียนพร้อมกับเป้เรียบร้อย โอ เซฮุนหย่อนตัวนั่งที่ชิงช้าข้างๆเพื่อนสนิทแล้วใช้ท้าวดันพื้นให้ชิงช้าได้ขยับไปมา
“มึงได้กลับบ้านรึยัง?”
“……”
มีเพียงการส่ายหน้าเบาๆจากมินซอกเท่านั้นที่เป็นคำตอบ เซฮุนพยักหน้าก่อนจะเริ่มพูดต่อ
“แล้วเอาไงต่อวะ วันนี้โรงเรียนเปิดแล้วนะเว่ย ยังเหลือเวลาอีกตั้งเกือบสองชั่วโมง เดี๋ยวกูพามึงไปเปลี่ยนชุดเอง”
“……”
“มินซอก”
โอ เซฮุนถอนหายใจเสียงดังเพื่อระงับอารมณ์ฉุนของตัวเอง เค้าไม่ได้กำลังโกรธมินซอก แต่เค้ากำลังโกรธคนที่ทำให้มินซอกเป็นแบบนี้ต่างหาก
“กูไม่ได้จะอะไรหรอกนะมินซอก แต่มึงเป็นเพื่อนกู..”
เสียงทุ้มที่ค่อยๆเบาลงจนแทบไม่ได้ยินทำให้มินซอกหันมาสนใจคนข้างๆได้บ้าง คนตัวเล็กจ้องเพื่อนที่กำลังจะพูดต่อด้วยแววตาล่องลอยอย่างเดิมเหมือนคนไม่มีอารมณ์ความรู้สึก
“นี่มันก็ปีสุดท้ายแล้วนะเว่ย มึงก็รู้ว่าถ้ามึงมาแฮงค์อยุ่แบบนี้อนาคตข้างหน้าจะเป็นไง ไหนมึงบอกอยากสอบมหาลัยเอซีให้ติดไง มึงมานั่งร้องไห้ตาบวมทั้งวันแล้วไม่ยอมไปเรียนแบบนี้แล้วมึงจะสอบติดเหรอ”
“……”
“ถ้ามึงไม่อยากกลับบ้านมึงก็มาอยู่บ้านกู กูให้มึงอยู่จนจบมอปลายเลยอ่ะ จนกว่ามึงกับกูจะสอบติดมหาลัย แล้วเดี๋ยวเราค่อยย้ายไปอยู่หอแถวมหาลัยด้วยกัน”
“กูไม่รบกวนมึงหรอก”
“กูก็ไม่ได้...”
“กูอยู่ได้ แค่คนข้างบ้านเอง กูไม่ได้อยู่บ้านเดียวกับเค้าซักหน่อย”
มินซอกคลี่ยิ้มบางเบาให้กับเพื่อนสนิทที่กำลังพยายามให้กำลังใจตัวเอง ไม่ใช่ว่าเค้าอยากจะเศร้า ไม่ใช่ว่าเค้าอยากทำให้เพื่อนต้องเป็นห่วง แต่อารมณ์ตอนนี้มันไม่สามารถปั้นหน้ายิ้มกว้างๆแล้วแสร้งอารมณ์ดีได้จริงๆ
“อืม .. แล้วแต่มึงแล้วกัน” เซฮุนว่าก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง มือหนายื่นออกมาตรงหน้าเพื่อนตัวเล็กก่อนจะพูดขึ้นอีกครั้งพร้อมกับยิ้มตาหยีตามเอกลักษณ์ “งั้นกลับบ้าน เดี๋ยวจะได้ไปโรงเรียนพร้อมกัน”
“มึงนั่งรอตรงนี้นะ เดี๋ยวกูไปอาบน้ำแต่งตัวก่อน”
“อื้ม”
เซฮุนพยักหน้ารับก่อนจะเอนหลังพิงกับโซฟาแล้วมองแผ่นหลังเล็กค่อยๆเดินขึ้นบันไดไป ร่างสูงผ่อนลมหายใจบางเบา คิดว่ามินซอกจะไม่ยอมไปโรงเรียนกับเค้าซะแล้ว ยังดีที่ยังไงมินซอกยังไงก็ยังคงเป็นมินซอก คนตัวเล็กยังคงตั้งใจเรียนอยู่วันยันค่ำ
“อ้าว..หมาที่ไหนมานั่งหน้าสลอนอยู่ตรงนี้ล่ะเนี่ย”
น้ำเสียงทุ้มปนแหบที่ดังมาจากทางบันไดเรียกความสนใจจากเซฮุนได้เป็นอย่างดี ฮวาง จื่อเทามองหน้าเซฮุนอย่างกวนๆก่อนจะหันไปมองประตูห้องๆนึงที่ตนเพิ่งจะเดินผ่านมา กลับมาแล้วเหรอ?
“หมาที่อยู่ในปากมึงมั๊ง”
เซฮุนตอกกลับหนุ่มเชื้อสายจีนอย่างไม่ค่อยสะทกสะท้านเพราะออกจะชินกับการถูกจิกกัดจากน้องชายร่วมบ้านของมินซอกซะแล้ว จื่อเทาน่ะเป็นลูกติดของแม่ใหม่มินซอกซึ่งเป็นคนจีนนอกจากนั้นยังเป็นขยะชิ้นใหญ่ที่เค้าอยากกำจัดออกไปจากชีวิตเพื่อนของเค้าซะให้รู้แล้วรู้รอด
“โหๆ งั้นปากมึงก็คงมีหมาพอๆกับกูอ่ะ”
“สัส”
“แล้วนี่ได้ยินว่าพี่กูเลิกกับไอพี่คริสละเหรอ” จื่อเทาว่าก่อนจะทิ้งตัวลงบนโซฟาอีกตัวที่อยู่เยื้องกันกับที่เซฮุนนั่ง ตาคมมองไปยังบานประตูบานเดิมแล้วยกยิ้มมุมปาก “แหม่ .. กูก็รอเสียบอยู่ตั้งนาน” ทว่าน้ำเสียงกลับไม่ได้ยินดีอย่างที่พูดเลยซักนิด
“กูล่ะอยากให้ไอมินวอกมาได้ยิน”
“หรือมึงไม่ดีใจล่ะ แม่งก็รอเสียบอยู่เหมือนกันแหละว๊า”
“มึงเงียบไปเลย ไม่รู้ก็อย่าเสือก!”
ดูเหมือนเควสชั่นยั่วโมโหเซฮุนของจื่อเทาจะสำเร็จไปซะทุกทีจนเค้าเองอดจะสนุกไปด้วยไม่ได้ ที่เซฮุนโมโหก็ไม่ใช่เพราะอะไรหรอก แต่เพราะเค้าไม่เข้าใตต่างหากว่าทำไมคนรอบข้างถึงได้เข้าใจความสัมพันธ์ของเค้ากับเพื่อนสนิทแบบแปลกๆ เค้าไม่ได้คิดอะไรเกินเลยกันมินซอกซักนิด จื่อเทายักไหล่ใส่อีกคนก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วเอามือข้างนึงล้วงกระเป๋ากางเกง ส่วนมืออีกข้างก็ล้วงหยิบแว่นกันแดดสีชาในเป้นักเรียนออกมาใส่ ร่างสูงหัวเราะหึเบาๆในลำคอให้คนที่นั่งอยู่ก่อนจะเดินเฉิดฉายออกไปประหนึ่งอยู่บนแคทวอร์ก
เซฮุนมองตามจื่อเทาหน่ายๆแล้วส่ายหน้าเบาๆ จะว่ามันทำให้เค้าอารมณ์เสียได้นั้นก็จริงแต่ดูเหมือนไอคนนี้จะทำให้เค้านึกขันซะมากกว่า คนบ้าอะไรใส่แว่นกันแดดตั้งแต่ยังไม่แปดโมงด้วยซ้ำ นี่มึงอยู่เกาหลีนะไม่ได้อยู่ไทยแลนด์
ฮวาง จื่อเทาที่อยู่ในชุดนักเรียม.ปลายปีสองพร้อมกับเป้สีแดงฉูดฉาดมีพร็อพเสริมเป็นแว่นกันแดดที่ถูกถอดออกมาเกี่ยวไว้ตรงร่องเสื้อตั้งแต่ออกมาจากบ้าน(ก็ที่ใส่ก็เพราะอยากโชว์หล่อต่อหน้าไอเซฮุนก็เท่านั้น)เดินตัวปลิวมาหยุดอยู่หน้าบ้านที่อยู่ติดกัน ร่างสูงเอนหลังพิงกับรั้วเหล็กแล้วขยับคอไปมาพร้อมหักนิ้วมือทั้งสองข้าง ไม่นานเค้าก็ได้ยินเสียงประตูในบ้านที่เปิดออก จื่อเทาหันตัวไปกลับไปมองแล้วยกยิ้มมุมปากแบบที่ใครเห็นก็อดที่จะกลัวไม่ได้ ทว่ามันกลับใช้ไม่ได้กับผู้ชายคนนี้
“มีอะไร?”
คำถามสั้นๆห้วนๆที่ออกมาจากปากของคริสทำเอาจื่อเทาถึงกับไฟลุกโชน ยังมีหน้ามาถามว่ามีอะไรอีกเหรอ !!
“พี่มีสิทธิ์อะไรมาทิ้งพี่ชายผม?”
ใช่แล้ว จื่อเทากำลังโกรษ โกรษมากด้วย ถึงแม้ว่าตอนอยู่ด้วยกันเค้าจะทำรุ่มร่ามกับมินซอกซะบ่อยๆจนอีกคนเริ่มจะหน่ายแต่ถ้าให้พูดตามความจริงจื่อเทาก็หวงมินซอกมาก แม่ของเค้ามาแต่งงานกับพ่อของมินซอกตั้งแต่เค้าอายุได้แค่แปดเก้าขวบ ตอนนั้นเลยโตมาด้วยกันแบบพี่น้อง แต่พอยิ่งโตความรู้สึกก็กลับเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เปลี่ยนไปโดยไม่รู้เลยว่าไอพี่ชายข้างบ้านที่เล่นด้วยกันมาตั้งแต่เด็กๆอีกคนมันเอาหัวใจของพี่มินซอกของเค้าไปแล้ว
“นี่แกมาเพราะเรื่องแค่นี้เหรอเทา?”
“เรื่องแค่นี้เหรอ? พี่กล้าพูดว่าเรื่องแค่นี้เหรอ? เหอะ!”
“พี่กับมินซอกเราเลิกกันเพราะเราเข้ากันไม่ได้ มันเป็นเรื่องของคนสองคน คนนอกไม่เกี่ยว เข้าใจนะ..”
“แต่พี่ไม่มีสิทธิ์ว่ะ พี่มาทำคนสำคัญของผมเสียใจ พี่จะให้ผมอยู่เฉยๆเหรอวะครับ?”
ดูเหมือนจื่อเทาจะยังกวนประสาทคริสไม่เลิก ชายหนุ่มร่างสูงในชุดนักศึกษาเองก็ดูท่าจะไม่อยากต่อความยาวสาวความยืดอะไรอีก คริสเดินหน่ายๆมาประตูรั้วก่อนจะเอามือค้ำไว้ตรงรั้วแล้วพูดเสียงเรียบ
“แต่เค้าไม่ใช่คนสำคัญของฉันแล้ว”
“ไอเชี่ย!.... โอ๊ย !”
ดูเหมือนคริสจะเก่งกว่าจื่อเทามากในเรื่องการยั่วโมหา ร่างสูงถอยหลังหลบเมื่อจื่อเทาส่งมือมาหมายจะชกใบหน้าหล่อของตัวเองโดยที่ลืมไปว่ายังมีประตูรั้วเหล็กกั้นอยู่ จื่อเทากุมมือตัวเองแล้วร้องโอดโอยจนคริสหลุดหัวเราะ ใจจริงก็ไม่อยากจะพูดแบบนี้หรอกเพราะสำหรับเค้าเองก็สนิทกับมินซอกมาแต่เล็กแต่น้อย แต่ที่พูดไปแบบนั้นก็เพราะอยากให้เรื่องมันจบๆต่างหาก
“ไปโรงเรียนได้แล้วเทา”
ทว่าเสียงเล็กที่ดังเข้ามาในโสตประสาทกลับทำให้เค้าไปไม่เป็น จากที่คิดว่าจะเดินไปขึ้นรถแล้วใช้รีโมตเปิดประตูรั้วขับชิ่งออกไปง่ายๆ ตอนนี้ขายาวกลับแข็งทื่อทำอะไรไม่ถูก ไม่กล้าแม้แต่หันหลังกลับไปมองหน้าแฟนเก่าตัวเองที่พึ่งจะเลิกกันไปหมาดๆ
ร่างเล็กดึงมือจื่อเทามาดูก่อนจะลากข้อมือหนาของอีกคนให้เดินไปข้างหน้าพร้อมตัวเอง โดยมีเซฮุนที่มองไปที่อี้ฟานอย่างโกรษเคือง ถ้าเป็นอารมณ์ปกติตอนนี้เค้าคงเบ้ปากล้อเลียนไอจื่อเทาที่แสร้งงอแงกับมินซอกแต่ตอนนี้มันเปล่าเลย เค้าอยากจะปีนรั้วเข้าไปซัดคนข้างในให้เละเป็นโจ๊กซะมากกว่า
“ทีหลังไม่ต้องไปยุ่งกับเค้าแล้วนะเทา”
มินซอกว่าหน่ายๆระหว่างเดินลงจากรถแท็กซี่ ตั้งแต่เค้าได้ยินคำพูดแบบนั้นออกจากปาก ‘คนเคยรัก’ ก็เล่นเอาจุกจนพูดไม่ออก ถึงแม้ตอนแรกจะพยายามทำเป็นเข้มแข็งแต่ก็นั่นแหละเค้าก็แค่ ‘ทำเป็นเข้มแข็ง’ ทั้งๆที่ข้างในมันถูกไฟร้อนหลอมจนไม่เหลือเค้าของหัวใจดวงน้อยๆอีกแล้ว
“ก็ผมอยากอัดมันแทนพี่นี่นา งือ~”
เซฮุนเบ้ปากมองสองพี่น้องต่างขนาดที่เดินอยู่ข้างหน้าด้วยความรู้สึกหลากอารมณ์ จะว่ายังเห็นใจมินซอกอยู่ก็ใช่แต่พอได้ยินน้ำเสียงดัดจริตของจื่อเทาแล้วเค้าอยากอ้วกซะมากกว่า
“พี่บอกว่าไม่ต้องไปยุ่งกับเค้าแล้วไง”
มินซอกเอ็ดคนเป็นน้องก่อนจะค่อยๆแงะหัวอีกคนออกจากไหล่ตัวเอง สูงจะตายแล้วยังอุตส่าห์เอนลงมาได้อีกนะ
“’งั้นพี่อย่าเพิ่งมีแฟนใหม่นะ ไอหมอนี่ด้วยพี่อย่าเพิ่งยอมมันนะ” จื่อเทาว่าพลางหันไปชี้หน้าเซฮุนจนอีกคนตกใจ มินซอกส่ายหน้าหน่ายๆก่อนจะพูด
“พี่กับเซฮุนเป็นเพื่อนกัน โว๊ะ ไปๆเข้าโรงเรียนได้แล้ว” ว่าพลางมือเล็กก็ปัดๆให้คนเป็นน้องไปให้เข้าไปในโรงเรียนก่อนจะล้วงโทรศัพท์ออกมากดส่งข้อความยิกๆ เซฮุนมองจื่อเทาที่ยืนบู้ปากอย่างหน่ายๆ เค้ากับไอมินซอกมีอะไรให้น่าคิดเหรอ ? ไม่ใช่แค่ไอจื่อเทาหรอกที่เข้าใจผิด คนอื่นๆก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่ นี่ถ้าพวกมันรู้ว่าไอมินซอกเลิกกับแฟนแล้วไอประเด็น ‘เพื่อนกูรักมึงว่ะ’ นี่ได้ฉาวโฉ่ขึ้นมาอีกแน่
“แล้วพวกพี่อ่ะ?” จื่อเทายังตื๊อไม่เลิกทั้งๆที่รู้อยู่แล้วว่ามินซอกกับเซฮุนต้องไปรวมกับเพื่อนที่ร้านกาแฟก่อนเข้าเรียนทุกวันตั้งแต่ช่วงต้นๆม.ปลาย แต่นั่นแหละเค้ายังอยากถามอยู่ดี
“ก็ที่เดิมแหละ เดี๋ยวพี่ค่อยเข้าไปเหลือเวลาอีกตั้งครึ่งชั่วโมง” มินซอกว่าพลางก้มมองนาฬิกาข้อมือ จื่อเทาพยักหน้ารับอย่างหงอยๆแล้วโบกมือพร้อมกับพูดด้วยเสียงชนิดว่าแอ๊บอลังการ
“บ๊ายบายฮ้าบบบ”
ร่างเล็กยิ้มรับแล้วโบกมือให้น้องชายที่ไม่ว่ายังไงก็ยังเด็กในสายตาเค้าเสมอ ถึงแม้ช่วงนี้จะรุ่มร่ามกับเค้าไปหน่อยก็เถอะนะ แต่เค้าเองก็เริ่มจะชินซะแล้ว มาทางด้านเซฮุนที่ยืนอยู่ข้างหลังก็ขมุบขมิบปากล้อเลียนจื่อเทาไม่หยุด ไม่เข้าใจว่าเมื่อไหร่มันจะเลิกแอ๊บต่อหน้ามินซอกซักที ทีตอนอยู่กับคนอื่นนะอยากให้มินซอกได้เห็นนัก เมื่อกี้เพิ่งจะเลิกอคิติกับมันไปแว๊บนึงตอนเห็นมันไปเอาเรื่องไอเหี้ยคริสนะ แต่นั่นแหละแค่แว๊บเดียวจริงๆ
“มึงโอเคนะ”
“อื้ม”
ร่างเล็กพยักหน้าให้เพื่อนตัวสูงพร้อมกับคำตอบรับ เซฮุนพยักหน้ากลับนิ่งๆพลางมองใบหน้าหวานที่กลับมาดูซึมเซาอีกครั้ง เค้าคงต้องให้เวลากับมินซอกอีกซักพักล่ะนะ
เซฮุนแยกกับมินซอกมายังร้านขายชานมไข่มุกซึ่งอยู่ติดกับร้านกาแฟที่มินซอกพึ่งจะเดินเข้าไปเมื่อกี้ เค้าไม่ชอบดื่มกาแฟเลยมักจะแยกมาซื้อชานมก่อนจะไปรวมกับคนอื่นๆ ก็ยังดีที่เจ้าของร้านใจดีไม่ว่าอะไรที่เอาเครื่องดื่มของร้านอื่นเข้าไปโซ้ยในร้านซะทุกเช้า
“รับอะไรดีคะ”
“ชานมช็อกโกแลตครับ/ช็อกโกแลต”
“เอ่อ..”
ดูเหมือนลูกค้าสองคนที่เข้ามาพร้อมกันทำให้พนักงานสาวที่ตอนนี้มีอยู่ที่เคาท์เตอร์ร้านแค่คนเดียวถึงกับไปไม่เป็น ใบหน้าสวยเริ่มหันซ้ายขวา ถ้าเธอให้ลูกค้าอีกคนก่อนแล้วอีกคนก็ต้องไม่พอใจแน่ๆ เมื่อกี้ก็ดันยุ่งๆอยู่ด้วยเลยไม่รู้ว่าใครมาก่อนมาหลัง เอาไงดีล่ะ ??
ลู่เหลินเงยขึ้นมองหน้าพนักสาวงงๆหลังจากนับเงินจากกระเป๋าตังค์เสร็จ เมื่อเริ่มรู้สึกตัวใบหน้าหวานจึงหันไปมองคนข้างๆที่หันมามองตัวเองพอดีเป๊ะก่อนจะยกยิ้มอายๆ
“ขอโทษด้วยนะ นายสั่งก่อนก็ได้”
ลู่เหลินยิ้มค้างให้ชายตรงหน้าอย่างรู้สึกผิดจริงๆเพราะเค้าเองที่เข้ามาหลังแต่รีบร้อนวิ่งมาหวังจะแซงคิวเพราะเมื่อกี้เพื่อนในโรงเรียนพึ่งจะโทรมาเร่งให้เค้ารีบเข้าไปจองที่นั่งใหม่ในห้องให้ ทางด้านเซฮุนที่ดูออกว่าอีกฝ่ายดูรุกรี้รุกรนก็พอจะเข้าใจ ร่างสูงถอยไปข้างหลังให้ร่างบางก่อนแล้วผายมือให้อีกคน
“นายก่อนเลย ฉันไม่รีบ”
“เอ้ามินซอก สายไปนะวันนี้”
“อือ”
ใบหน้าหวานยิ้มแห้งๆให้เพื่อนที่นั่งกันเป็นกลุ่มครอบคลุมพื้นที่โต๊ะในร้านกาแฟไปกว่าสามตัวก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้ว่างๆ
“อเมริกาโน่เย็นของใครครับ?”
เสียงตะโกนที่ยังคงความอ่อนนุ่มทำให้ร่างเล็กสะดุ้งเบาๆ มือบางยกขึ้นเหนือหัวก่อนจะตะโกนตอบ ทว่า
“ของผมครับ!”
กลับมีเสียงของผู้ชายอีกคนดังขึ้นตัดหน้าซะก่อนตั้งแต่เค้าเพิ่งได้เริ่มอ้าปาก มินซอกขมวดคิ้วมุ่น ยิ่งอารมณ์ไม่ดีอยู่แล้วด้วยนะ ! ร่างเล็กลุกขึ้นหวังจะเดินไปที่เคาท์เตอร์โดนไม่สนใจเพื่อนที่พยายามรั้งไว้แม้แต่นิด
“ขอโทษนะแก้วนี้ของฉัน” ว่าพลางดึงแก้วมาจากมือบาริสต้าหนุ่มโดยที่อีกคนกำลังจะคว้าไปพอดี มินซอกเชิดตากลมใส่ลู่หานที่เริ่มจะฉุนขึ้นมาหน่อยๆ
“แก้วนี้ของฉัน นายอย่ามามั่วน่ะ” ลู่หานว่าเสียงดังก่อนจะพยายามยื้อแก้วกลับมาแต่มินซอกก็ยังไม่ยอมอยู่ดี
“นิสัยไม่ดี ใครสั่งใครสอนให้มาแซงคิวคนอื่นฮะ?” ยื้อแก้วกลับมาฝั่งตัวเอง
“ใครกันแน่ฮะที่ควรพูด ฉันเข้ามาตั้งนานแล้ว แล้วก็ไม่เห็นว่านายจะมาที่เคาท์เตอร์เลย” ยื้อกลับมาอีกรอบ
“ก็บอกให้เพื่อนฉันสั่งไว้ให้แล้ว” มินซอกยื้อกลับมาที่ตัวเองแล้วดึงแก้วออกจากมือลู่หานได้สำเร็จ มือบางยกขึ้นแล้วชี้ไปยังโต๊ะที่มีกลุ่มเพื่อนตัวเองนั่งอยู่เป็นกลุ่มใหญ่ “นั่น....”
ตากลมสอดส่องมองหาเพื่อนที่เพิ่งไลน์ไปบอกให้สั่งกาแฟให้ตั้งแต่ยังไม่ตอนอยู่หน้าโรงเรียน มองซ้าย มองขวาหาคนตาโตที่ชื่อโด คยองซูแต่ก็ไม่พบจะมีก็แต่เพื่อนในแกงค์กาแฟคนอื่นๆที่นั่งส่ายหน้าให้เค้า อยู่ๆมินซอกก็เริ่มรู้สึกว่าหน้าตัวเองร้อนผ่าวขึ้นมา อย่าบอกนะว่าคยองซูแม่งยังมาไม่ถึงแล้วก็ยังไม่ได้สั่งกาแฟให้เค้า เฟดเฟ่! คนตัวเล็กลอบกลืนน้ำลายก่อนจะหันกลับไปมองหน้าเด็กหนุ่มผมสีแดงข้างๆอีกครั้งอย่างหวาดๆ
“ไหนล่ะเพื่อนนาย ?”
________________
ความคิดเห็น