ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Cho\'s Adventure

    ลำดับตอนที่ #2 : ปราสาทฮาล์ว

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 13
      0
      15 ธ.ค. 47



        ปราสาทที่ผมเห็นอยู่ขณะนี้มีลักษณะเป็นปราสาทสีมืดๆสูงประมาณ บ้านคน 5 ชั้นเห็นจะได้ ด้านล่างมีสวนดอกใม้ขนาดใหญ่ซึ่งมีดอกไม้นานาพันธุ์ทั้งที่แปลกๆก็มีและแบบธรรมดาด็มี เช่น ดอกไม้ที่ตรงดอกหน้าเป็นคนสามารถหายใจและกระพริบตาได้ ดอกไม้คล้ายๆกับดอกกุหลาบแต่มันมีสีดำและใหญ่มากกว่าดอกกุหลาบธรรมดาถึง 5 เท่า ดอกหน้าลิง ดอกสิงโตขาว และอีกมากมายบรรยายไม่หมด ถัดจากสวนดอกไม้ประหลาดนั่นแล้ว ยังมีรูปปั้นสิงโต 2 ตัวอยู่ด้านหน้าของประตูปราสาทซึ่งดูเหมือนว่ามันจะมีชีวิต



        “ถึงแล้วล่ะ … คาเมส อาเต้ …” เบนท่องคาถาเปิดประตู



        “ที่โลกนี้เขาเปิดประตูเองไม่เป็นหรอครับ? ถึงได้สวดแต่คาถาอะไรก็ไม่รู้ ผมฟังไม่ออกเลย” ผมถาม



        “นี่เจ้ารู้ไหมว่าโลกนี้เขาเรียกกันว่าโลกแห่งสัตว์อสูรหรือเรียกอีกชื่อก็คือ เกาะเวกัส แต่จริงๆแล้วมันก็ไม่เชิงเกาะหรอกนะ มันก็เป็นเพียงโลกที่ถูกแยกออกมาเหมือนเกาะกลางทะเลเท่านั้นเอง พวกชาวเวกัสดั้งเดิมเป็นพวกครึ่งสัตว์ครึ่งจอมเวทย์ เจ้าอาจจะนึกภาพไม่ออกล่ะซิว่าเป็นอย่างไร แต่อย่างไรก็ตามชาวเวกัสดั้งเดิมนั้นเก่งเรื่องเวทย์มาก อาจจะพูดได้เลยว่าเก่งกว่าพวกจอมเวทย์แท้ๆเสียอีก เพราะอะไรนะหรอ? อันนี้ข้ารู้มาว่ามีเวทย์ลึกลับมากเวทย์หนึ่งที่ชาวเวกัสเท่านั้นที่สามารถเรียนรู้ได้ ซึ่งเวทย์นั้นสามารถครอบคลุมเวทย์ที่แข็งแกร่งที่สุดของจอมเวทย์ได้ ข้าว่าอย่าเพิ่งมาพูดอะไรตอนนี้เลยดีกว่า รีบไปหาท่านฮาล์วก่อนเถอะ เดี๋ยวไว้ว่างๆแล้วข้าจะเล่าให้เจ้าฟังอีก”



        “ครับ ผมจะรอฟัง” ผมพยักหน้าตอบ



        เมื่อเข้าประตูมาได้แล้ว สิ่งแรกที่เห็นคือภาพของชายชราคนหนึ่งถือไม้เท้าสีดำแววตาของเขาดูเป็นประกายมากเมื่อกระทบกับแสงที่อยู่ภายนอก สักพักชายชราคนนั้นก็ได้กระพริบตาและพูดกับเบน



        “ว่าไงเจ้าเบน ได้ตัวเจ้าหนูต่างถิ่นนั่นมาแล้วใช่ไหม?”



        “ขอรับท่านเวนส์ ข้าน้อยขอตัวไปหาท่านฮาล์วก่อนนะขอรับ เดี๋ยวข้าน้อยจะมาเสวนากับท่านด้วย”



        “อย่านานนักล่ะเบน ข้าไม่ชอบรอใครนานๆ”



        “ขอรับ” เบนรับด้วยเสียงที่สุภาพที่สุดทั้งๆที่มันฟังดูแล้วไม่เลย



        เบนพาผมขึ้นมาถึงชั้นสองซึ่งดูอย่างผิวเผินแล้วก็คงจะไม่มีอะไรมากเป็นแค่ทางเดินมืดๆอย่างกับทางเดินในคุกอย่างนั้นล่ะ แต่เมื่อเบนดีดนิ้วหนึ่งที ชั้นสองที่มืดๆมีทางเดินแคบๆ กลับกลายเป็นห้องโถงที่สว่างและใหญ่มากซึ่งมองไปข้างหน้าจะเห็นทางขึ้นไปชั้นสามอยู่ 5 ทาง



        “เบนครับ ทำไมต้องมีทางขึ้นตั้ง 5 ทางล่ะครับ” ผมถาม



        “แล้วเดี๋ยวเจ้าก็จะรู้ แต่ก่อนที่เจ้าจะรู้ข้าว่าเรารีบไปหาท่านฮาล์วก่อนเถอะนะ” เบนตอบอย่างเร่งด่วน และก็พาผมขึ้นบันไดที่ 5 ไป เมื่อขึ้นมาถึงผมก็ได้เจอกับประตูใหญ่ซึ่งดูๆแล้วมันน่าจะเปิดยากน่าดู



        “ถึงแล้วล่ะโช นี่คือห้องพักของท่านฮาล์ว อย่าลืมทำความเคารพท่านล่ะ” เบนเตือนผม



        “ครับ ผมไม่ลืมหรอกครับ” ผมตอบรับ



        แกร๊ก! … ปึง!



        แล้วสักพักประตูที่ว่านั้นก็ผละออกมา ราวกับว่ามันเบายังกับขนนก ดูจากภายนอกแล้วห้องนี้เหมือนจะมีขนาดเล็กมากเมื่อเทียบกับขนาดของปราสาท แต่เมื่อประตูได้เปิดออกมาแล้วทำให้ผมเห็นว่าข้างในนั้นกว้างมากๆ ประดับตกแต่งห้องด้วยไม้สักทั้งห้อง รูปภาพที่แปะอยู่เต็มผนังไปหมด ชั้นวางหนังสือและตู้หนังสือที่อยู่ทางด้านขวามือของผมมีหนังสือมากมาย ผมคิดดูว่าถ้ามันตกลงมามันคงทับผมตายแน่นอนเลย เมื่อมองมาที่กว้างๆ โล่งๆกลางห้องนั้นก็มีโต๊ะทำงานตัวโข่งวางอยู่ มันช่างดูสมกับเป็นห้องทำงานของท่านฮาล์วผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในนอร์ธคลิฟแลนด์นั่นจริงๆ และคนที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะทำงานตัวนั้นคงจะไม่ใช่ใครนอกจากท่านฮาล์วแน่นอน รู้สึกว่าท่านจะต่างจากที่ผมคิดไว้มากเลย เพราะที่ผมเห็นท่านเป็นคนหนุ่มอายุคงประมาณ 20-23 และดูสุขุม ใจเย็นมาก



        “สวัสดีเจ้าหนูโช” ท่านฮาล์วกล่าวทักทายก่อน โดยที่ผมยังไม่ได้ทันตั้งตัว เพราะผมยังคงเหม่อมองห้องที่อลังการและท่านฮาล์วอยู่นั่นเอง



        “อย่าเสียมารยาทสิ โช” เบนสะกิดตัวผมเล็กน้อยเพื่อให้ผมรู้สึกตัว



        “โอ่ ขอโทษครับ สวัสดีครับ ท่านฮาล์ว ห้องท่านใหญ่ดีนะครับ ผมชื่อโชมาจากดาวโลกครับ” พูดเสร็จแล้วโชก็โค้งคำนับหนึ่งที



        “โถ…เด็กน้อย ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้ คนที่จะต้องโค้งคำนับต่อเจ้าคงเป็นข้ามากกว่า เพราะข้าอยากจะให้เจ้าช่วยข้าตามหาของในตำนาน 3 ชิ้นที่หายไป ซึ่งมันเป็นสมบัติของข้าเอง ข้าว่าอย่าเพิ่งพูดเรื่องนี้กันตอนนี้เลยนะ เจ้าไปพักผ่อนก่อนเถอะ ข้าว่าเจ้าคงเหนื่อยมามากแล้วล่ะ ข้าฝากเจ้าหนูด้วยนะ เบน พอถึงพลบค่ำแล้วขึ้นมาหาข้าด้วยล่ะ ข้ามีเรื่องจะคุยด้วย พรุ่งนี้ค่อยเจอกันนะ เจ้าหนูโช” ท่านฮาล์วโบกมือลา



        “ไปกันเถอะ โช” เบนหันมาพูดกับผม



        “ครับผม อยากอาบน้ำแย่แล้วเนี่ยะ” ผมพูดแล้วก็เดินนำหน้าเบนออกไป



        “โช อย่าเดินเรื่อยเปื่อยแบบนั้นสิ เดี๋ยวก็หลงทางหรอกนะ” เบนเตือน



        เราสองคนเดินลงมาชั้นเดิมแล้ว แต่คราวนี้บรรยากาศเปลี่ยนไปมาก ดูราวกับว่ามันเป็นกลางคืน แต่เมื่อสองสามนาทีก่อนก็ยังเป็นตอนกลางวันอยู่เลย ผมสงสัยผมก็เลยถามเบน



        “เบนครับ ทำไมบรรยากาศมันแปลกๆล่ะ ดูน่ากลัวๆยังไงก็ไม่รู้อ่ะ”



        “ไม่ต้องกลัวไปหรอก เพราะที่โลกนี้ยังมีอะไรให้เจ้ากลัวกว่านี้อีกเยอะ”



        ในระหว่างที่ผมกำลังจะหันไปพูดกับเบน ผมเหลือบไปเห็นดวงตาที่แดงระเรื่อที่ทำตัวลับๆล่อๆหลบซ่อนร่างจริงอยู่ในความมืด



        “เบน ผมรู้สึกว่าผมเห็นตัวอะไรอยู่ในหลืบนั้นอ่ะ ตาแดงๆอ่ะ” ผมกระซิบกับเบน



        “ตายล่ะ นิ่งๆไว้นะ มันคือตัว อีเก้น สัตว์อสูรที่ดุร้ายในแถบนี้ มันชอบแอบเข้ามาเรื่อยเลย มันเป็นสัตว์อสูรที่ชอบกินเลือด ข้าว่าโชน่าจะปราบมันได้นะ” เบนส่งยิ้มมาให้ผม



        “อะไรนะครับ ผมหร๋อ ผมทำอะไรไม่เป็นเลยนะ แล้วไหนเบนบอกว่ามันดุร้ายไง แล้วทำไมให้ผมลุยล่ะ” ผมสงสัย



        “แล้วใครบอกว่าเจ้าทำอะไรไม่เป็นล่ะ เจ้ามีพรสวรรค์แต่เจ้าไม่รู้ตัวเท่านั้นแหล่ะ ไอ้เจ้าตัวอีเก้นมันเกลียดแสงสว่าง เจ้าลองใช้จิตนึกถึงดวงตานั่นสิ แล้วพูดว่า ไลท์ ลองสิข้าจะช่วยเจ้าอีกแรงนะ ลุยเลย เจ้าทำได้แน่นอน”



        “ผมจะลองดูนะครับ” พูดเสร็จผมก็หลับตาแล้วนึกถึงดวงตาสีแดงคู่นั้น



        ไลท์



        แสงสว่างวาบรอบตัวผมแล้วมันก็พุ่งใส่ตัวอีเก้นนั่น พลังแสงนั่นเริ่มเผาผลาญสัตว์อสูรตัวนั้นจนไหม้เกรียมไม่มีชิ้นดี



        “เยี่ยมเลยครับ ผมทำได้แล้ว ดีนะที่เบนช่วยผมอีกแรงอ่ะ ไม่งั้นผมทำไม่ได้แน่นอนเลย” ผมดีใจกระโดดโลดเต้นอยู่คนเดียว



        “ใครว่าข้าช่วยล่ะ เจ้าทำของเจ้าเองนะ ถึงมันจะเป็นเพียงเวทย์ขั้นพื้นฐาน แต่เจ้าก็เก่งมากโช ดูท่าทางเจ้าหัวไวดี ฝึกอีกหน่อยเจ้าคงใช้เวทย์ขั้นสูงได้อย่างแน่นอน อืม สมกับที่ท่านฮาล์วเลือกเจ้ามาทำงานสำคัญอย่างนี้ ข้าว่าเราไปที่ห้องกันเถอะ เจ้าจะได้อาบน้ำ นอนซ๊ะที” แล้วเบนก็เดินนำผมไป



        เราสองคนเดินผ่านทางแคบๆที่เดิม สักครู่หนึ่งทางนั้นก็นำเรามาสู่อีกห้องหนึ่งซึ่งดูคร่าวๆแล้ว ดูเหมือนจะเป็นห้องรับแขกซึ่งตกแต่งประดับประดาอย่างสวยงามวิจิตรมาก และรอบๆของห้องก็มีประตูอยู่ประมาณ 10 บาน มีเลขเขียนกำกับไว้ด้วย



        “โช เจ้าอยู่ห้องเลขที่ 5 ไปนะ เพราะเจ้าเป็นแขกของท่านฮาล์วคนที่ 5 แล้ว พรุ่งนี้ท่านฮาล์วอาจจะแนะนำให้เจ้ารู้จักกับบุคคลเหล่านั้น ทำตัวตามสบายนะโช แล้วถ้าได้ยินเสียงกริ่ง นั่นก็คือได้เวลาทานข้าว ให้เจ้าเดินมาที่ห้องโถงนี่ แล้วอีกอย่างอย่าไปเปิดประตูมั่วซั่วล่ะ เพราะเจ้าอาจจะเจออะไรดีๆอีก ระวังตัวให้ดีๆนะ อย่าซนเข้าใจม๊ะ?” เบนกำชับผม “ข้าต้องไปเสวนากับท่านเวนส์ก่อนนะ แล้วพอได้เวลาทานอาหารข้าจะมาหาเจ้า ไปล่ะ” พูดจบเบนก็เดินฉับๆไปอย่างรวดเร็ว



        ผมเปิดประตูเข้าห้องไป และก็ได้พบว่าในห้องมีขนาดใหญ่มาก ใหญ่กว่าห้องโถงที่แล้วอีก ยิ่งกว่าโรงแรมห้าดาวบนโลกเสียอีก โอ้แม่เจ้า อะไรมันจะใหญ่ขนาดนี้เนี่ยะ ผมก็ได้แต่เดินไปเดินมาในห้องนั้นจนเหนื่อย และผมก็อาบน้ำพร้อมกับงีบไปอีกหนึ่งตื่น โดยมีเสียงกริ่งกินข้าวเป็นนาฬิกาปลุกของผม ผมเดินออกมาจากห้องแล้วผมก็ต้องตกใจอีกครั้งเพราะ ห้องโถงที่เป็นห้องรับแขกนั้น ตอนนี้ได้เปลี่ยนเป็นห้องทานข้าวท่ามกลางแสงจันทร์ยามหัวค่ำ สุดจะบรรยายจริงๆ โลกนี้ยังมีอะไรให้ตื่นเต้นกว่านี้อีกแน่นอนเลย ผมก็ได้แต่ยืนอึ้งพึมพำกับตัวเอง



        “เป็นไงบ้างโช ห้องที่ท่านฮาล์วเตรียมไว้ให้ สบายดีม๊ะ? หรือว่าไม่ชอบยังไงก็บอกนะ ข้าจะได้…”



        “ไม่ๆๆ ครับ สบายมากๆเลย ผมชอบ และผมก็ไม่นึกนะครับว่าห้องนี้จะเปลี่ยนเป็นห้องทานข้าวได้ด้วยอ่ะ เจ๋งจัง” ผมชม



        “ทุกสิ่งสามารถเป็นไปได้ในเกาะเวกัส เกาะแห่งสัตว์อสูร ยังมีอีกหลายอย่างที่เจ้าต้องตื่นเต้น เก็บความตื่นเต้นไว้ให้กับสิ่งอื่นๆบ้างนะ ปราสาทนี้ก็เป็นเพียงเศษเสี้ยวของความตื่นเต้นนั้น” เบนแซวผมเล็กๆ “เออ ข้าลืมบอกเจ้าไป พรุ่งนี้ข้าจะพาเจ้าไปเลือกสัตว์อสูรประจำตัวเจ้า”



        “อะ…อะ…อะไร นะครับ” ผมพูดตะกุกตะกัก



        “คนที่นี่ต้องมีสัตว์อสูรประจำตัวทุกคน ไม่เว้นแม้แต่เจ้า เด็กจากดาวโลกเอ๋ย เว้นเสียว่าเจ้าอยากจะได้มันหลายๆตัวอะสิไม่ว่า” เบนแซวผมอีกแล้ว “พรุ่งนี้หลังอาหารมื้อเช้าเราจะไปเลือกสัตว์กัน อย่านอนตื่นสายล่ะ”



        “ครับผม” ผมตอบรับ



        “ทุกคนเชิญที่โต๊ะรับประทานอาหารได้เลยครับ ท่านฮาล์วมาถึงแล้วครับ” เบนพูดกับทุกๆคน



        “สวัสดีตอนหัวค่ำทุกๆคน สบายดีไหม? โช หวังว่าเจ้าจะชอบที่นี่นะ” ท่านฮาล์วหันมาถามโชระหว่างที่เดินไปที่โต๊ะ



        “ครับสบายดี” ผมตอบ



        “ทุกคนเชิญนั่งได้ วันนี้ข้าขอแนะนำสมาชิกใหม่ของหน่วยเรา โช เด็กที่มาจากดาวโลก” ท่านฮาล์วกล่าวกับทุกๆคน



        ผมลุกขึ้นและกล่าวสวัสดีกับทุกๆคน “สวัสดีครับ โชครับ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ”



        “นั่งลงได้ โช คราวนี้ข้าขอแนะนำทุกๆคนให้เจ้ารู้จักนะ คนแรกคือโฟน ลูกชายคนเดียวของตระกูลนักรบมืดที่ใหญ่ที่สุดในนอร์ธคลิฟแลนด์เป็นญาตของข้าเองล่ะ” ผมดูแล้วโฟนคนนี้อาจจะเป็นคนที่หยิ่งนิดหน่อย แต่ดูสุขุม และอาจจะเก่งกาจอย่างมากเสียด้วย “คนที่สองคือเจเจ จอมเวทย์และนักดาบที่แข็งแกร่งและมีเสน่ห์ที่สุดในเวสต์คลิฟแลนด์” ดูจากภายนอกแล้วเจเจดูจะร่าเริงตลอดเวลาแต่ในแววตาของเขามีความมุ่งมั่นอย่างมาก ดูๆไปก็มีเสน่ห์มากอย่างที่เค้าร่ำลือกันจริงๆ “คนที่สามคือหยาง นินจาผู้มีชื่อเสียงและโด่งดังมากในยุคนี้” หยางดูเป็นคนขรึมๆและดูจะระแวงตลอดเวลา อาจจะเป็นเพราะเค้าคือนินจาด้วยมั๊ง “คนที่สี่คือโซเฟีย นักเวทย์ขาวซึ่งเหลือเพียงหนึ่งเดียวในโลกของเวกัส เธอเก่งมากนะ” ผมคิดว่าเธอเหมาะกับการเป็นนักเวทย์ขาวเสียจริง เพราะเธอช่างมีกริยาที่โอบอ้อม นิ่มนวลจริงๆ “ข้าว่าข้าพูดมากเกินไปแล้วล่ะ กินกันเถอะ ข้าหิวจะแย่อยู่แล้ว เชิญๆๆ”



        เมื่อกินข้าวเสร็จผมก็มานั่งนึกว่าชีวิตแบบนี้ล่ะที่ผมต้องการ และผมก็จะนอนหลับอย่างสบายใจเพราะว่าพรุ่งนี้ผมต้องไปเลือกสัตว์อสูร มันต้องดูดีแน่นอนเลยอ่ะ ผมนอนคิดอยู่คนเดียว

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×