ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Neptuner

    ลำดับตอนที่ #2 : ดาวสีชมพูกับผู้หญิงลึกลับ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 13
      0
      3 มิ.ย. 46

        ยังไม่ทันที่พวกเราจะได้พูดอะไร ก็โดนแย่งคำถามแรกไปต่อหน้าต่อตา ท่าทางเขาน่าจะเป็นผู้ชายนะ ชายคนนั้นพกพาอาวุธมาอย่างเต็มพิกัด เรียกได้ว่าถ้าเราขัดขืนเมื่อไหร่นั้น เราคงจะเป็นเศษขยะอวกาศแน่นอน

        “ผม พิงค์46 ตำรวจอวกาศประจำดาวพิงค์ พวกท่านเป็นใคร? มาจากดาวดวงไหน? โปรดกรุณาระบุตำแหน่งของดวงดาวท่านด้วย” ตำรวจชุดดำพูดอย่างสุภาพ

        “พวกเรามาจากดาวโลกครับ” ผมและบอลตอบพร้อมกัน

        “ดาวโลกหร๋อ?” ตำรวจคนนั้นทำหน้างง “ถ้าอย่างนั้น กระผมขอเวลาพวกท่านไปให้ปากคำที่ดาวของเราด้วยครับ เพราะตอนนี้เราได้รายงานเรื่องวัตถุประหลาดและบุคคลลึกลับมากมายเหลือเกิน หวังว่าท่านจะพอมีเวลานะครับ อืม และอีกอย่างผมขอยึดยานของพวกคุณไว้ตรวจสอบอาวุธด้วยนะครับ ตามผมมา” ตำรวจชุดดำพูดอย่าสุภาพอีกครั้ง

        ผมและบอลอึ้งเรื่องยานอวกาศที่คุณตำรวจพูดถึงสักพักหนึ่ง

        “เราไม่มียานอวกาศนะครับ คุณตำรวจ” ผมกับบอลพูดพร้อมกัน

        “แล้วที่พวกท่านนั่งอยู่นั่นเขาเรียกว่าอะไรครับ?” ตำรวจคนนั้นย้อน

        แล้วผมกับบอลก็หันมากระซิบกัน

        “นี่เรานั่งอยู่ในยานเหรอ?” ผมถามบอล

        “ไม่รู้สิ แต่ตำรวจเขาเห็นอะ” บอลยังอึ้งๆอยู่



        : ณ ดาวพิงค์



        เมื่อผมและบอลได้เข้ามาในชั้นบรรยากาศของดาวพิงค์ สิ่งแรกที่ผมเห็นเลยก็คือ สีชมพู สมกับชื่อดาวจริงๆ ทุกๆอย่างแทบจะเรียกได้เลยว่า สีชมพูหมดเลย มันทำให้ผู้คนที่ใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ดูเด่นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด อย่างเช่น ตอนนี้เราอยู่สูงจากพื้นดินมาก แต่เราสามารถเห็นรถที่วิ่งไปมาบนถนนสีชมพูได้อย่างชัดเจน คุณตำรวจพาเราลงมาต่ำลงเรื่อยๆ จนถึงตึกแปลกตึกหนึ่ง ซึ่งที่บอกว่าแปลกนี่ไม่ใช่ว่าสร้างแปลกหรอกนะครับ แต่แค่มันเป็นตึกสีดำนั่นเอง มันเลยดูเด่นที่สุดในระแวกนั้น พอผมเห็นสีดำของตึกเลยนึกโล่งใจขึ้นมาหน่อย เพราะผมรู้สึกเอียนกับสีชมพูนี้เหลือเกิน อีกอย่างสีชมพูก็ไม่ใช่สีที่ผมปรารถนาสักเท่าไหร่หรอก!



        “ฉันรู้สึกอยากจะอ้วกกับสีชมพูหลายเฉดสีนี่จริงๆ” บอลบ่น

        “ฉันก็ไม่ชอบพอๆกับนายนั่นแหล่ะ” ผมบ่นบ้าง

        “นายว่าพวกเราจะโดนอะไรบ้างเนี่ยะ?”

        “ฉันก็ไม่รู้นะ แต่ท่าทางจะไม่ใช่อะไรที่เลวร้ายนักหรอก ว่าไหม?”

        “ฉันก็ขอให้มันเป็นอย่างนั้นล่ะนะ สาธุ!”



        ผมและบอลกำลังมองตรงไปที่ตึกสีดำนั้น จู่ๆเจ้าหน้าที่ตำรวจประมาณ 10 นายได้ขึ้นมาที่ดาดฟ้ามารอรับพวกเรา (พวกเราคิดอย่างนั้นนะ) แต่ทันใดนั้นตำรวจพวกที่มายืนอยู่ก็เล็งปืนมาที่พวกเรา (…”ตายล่ะสิ!”…) พวกเราเห็นพวกเขาขยับปากแต่ไม่รู้ว่าเขาพูดอะไร แต่รู้อย่างเดียวว่าลำแสงเลเซอร์สีขาวประมาณ 10 เส้นได้พุ่งตรงมาที่พวกเรา 2 คนแล้ว



        วาบ! วาบ! วาบ! วาบ! … วาบ!



        ดูเหมือนเวลาจะหยุดหมุน พวกเราสองคนลอยคว้างอยู่กลางอากาศที่รอบตัวมีแต่สีขาวเต็มไปหมด พวกเราขยับตัวไม่ได้ ไม่รู้ว่าที่นี่คือที่ไหน ไม่รู้ว่าเวลานี้เวลาอะไร – แล้วสีขาวที่อยู่รอบๆตัวเราก็จางหายไป พวกเราจึงเริ่มเห็นว่าที่นี่คือห้องทดลองอะไรสักอย่าง รอบๆผนังมีเมนคอมพิวเตอร์ประมาณสิบกว่าเครื่อง มีอุปกรณ์การทดลองทางวิทยาศาสตร์มากมาย มีตู้ยารูปทรงแปลกประหลาด แปลกที่ไม่มีหมอหรือพยาบาลสักกะคน แต่ที่สำคัญตอนนี้ผมและบอลได้นอนอยู่ที่เตียงซึ่งมีพันธนาการแน่นหนา เราหลุดไปไหนไม่ได้อีกแล้ว นี่หรือคือการให้ปากคำ? ช่างสุภาพเสียจริง – ต่อมาห้องทดลองนี่ก็หายไปอีกที เหลือแต่ทุ่งสีชมพูที่ว่างเปล่า



        “นี่มันอะไรกันนี่?” ผมบ่นในใจ “เรานึกว่าเราจะได้มาผจญภัยที่สนุกสนาน แต่ไม่เลย ตรงกันข้าม ฉันอยากกลับบ้านจัง”

        แล้วสภาพทุ่งสีชมพูก็จางหายไปอีกกลับกลายเป็นบ้านของผมเอง

        “…เออ…” ผมงง “แล้วทำไม? พอเวลานึกถึงบ้าน บ้านก็โผล่มาอย่างนั้นล่ะ นี่พวกเขากำลังทำอะไรกับเรานี่?”



        แล้วผมก็ได้ยินเสียงผู้คนพูดคุยกันประมาณ 2-3 คนดูท่าทางพวกเขาเคร่งเครียดกันมาก แล้วดูเหมือนว่าเสียงนั้นจะดังเข้ามาใกล้ทุกที … ทุกที



        “ผมว่าเด็ก 2 คนนี้ต้องมีอะไรดีๆซ่อนอยู่แน่นอนครับท่านดอกเตอร์”

        “ใช่ครับท่าน เราค้นพบดีเอ็นเอประหลาด ซึ่งตอนนี้เราไม่สามารถรู้ได้ว่าดีเอ็นเอแบบนี้คืออะไร มาจากไหน”

        แล้วครู่หนึ่งก็มีคนวิ่งมาฟังเสียงแล้วท่าทางเขาเร่งรีบอย่างมาก

        “เราพบแล้วครับท่านดอกเตอร์ ดีเอ็นเอแบบนั้นเป็นดีเอ็นเอแบบพิเศษที่คนยุคก่อนประวัติศาสตร์ของดาวพิงค์เราเคยมีครับ แล้วยังเป็นดีเอ็นเอที่มีพลังแฝงการทำลายล้างอยู่สูงมากครับ แต่ยังไงทางเราก็ยังไม่ได้สรุปว่านั่นคือพลังอะไรและสามารถใช้อย่างไรได้บ้าง”

        “อืม ขอให้ท่านทดลองกันต่อไป ดาวพิงค์ของเราคงต้องหวังพึ่งเด็กที่มาจากดาวโลก 2 คนนี่จริงๆแล้วล่ะ เพื่อความอยู่รอดของดาวเราต่อไป”

        “ไว้ใจผมได้เลยครับท่าน” เสียงชายเหนื่อยหอบคนนั้นตอบ



        แล้วบทสนทนาก็เงียบหายไปเฉยๆ เหลือแต่ความเงียบงันราวกับว่าผมอยู่คนเดียวในตึกแห่งนี้ ไม่มีเสียงคนพูด ไม่มีแม้แต่เสียงคนเดิน



        วาบ!



        คราวนี้ผมกลับมาอยู่ที่ห้องทดลองเดิม - อยู่ห้องที่มีคอมพิวเตอร์เต็มไปหมด แต่คราวนี้ผมมองเห็นบอลนอนอยู่ข้างๆผม ตอนนี้ผมสามารถเห็นรอบๆตัวผมได้ชัดเจนขึ้นแล้ว ผมเห็นพยาบาลสาวคนหนึ่งแล้วพยาบาลสาวคนนั้นก็ได้มองมาที่ผมและพูด



        “ตื่นแล้วเหรอคะคุณ?” พยาบาลคนนั้นถาม “อย่าเพิ่งพยายามขยับตัวนะคะ เพราะว่าตอนนี้บาดแผลของคุณยังไม่หายดี”

        “นี่พวกคุณทำอะไรกับพวกผมอะ ปล่อยผมเดี๋ยวนี้นะ” ผมโมโห

        “ดิฉันก็กำลังจะบอกให้คุณรู้อยู่นี่ไงคะ นี่คือห้องพยาบาลทดลอง เป็นห้องพยาบาลและห้องทดลองอยู่รวมกัน เมื่อตอนที่พวกคุณเข้ามาพวกคุณโดนจู่โจมจากผู้ก่อการร้ายนอกโลก ทำให้พวกคุณได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก พวกเราจึงพาพวกคุณมาที่นี่ไงคะ ซึ่งเป็นห้องพยาบาลที่ทันสมัยที่สุดในดาวนี้และอยู่ที่เดียวที่ตึกบัญชาการตำรวจแห่งนี้ไงคะ” พยาบาลสาวคนนั้นอธิบาย

        “ผมไม่เชื่อคุณหรอก คุณจะเอาตัวพวกผมไปทำการทดลองใช่ไหม?”

        “คุณเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่าคะ? ที่นี่ไม่มีการทดลองกับผู้มาเยือนหรอกคะ” พยาบาลสาวตอบอย่างสุภาพ

        “แต่ทำไมผมได้ยินเสียง… อ้า…” อยู่ดีๆผมก็หมดสติไป



        ภาพการทดลองประหลาดๆเกี่ยวกับตัวของผมวาบเข้ามาในหัวอยู่บ่อยๆ มันเป็นการทดลองที่เดาไม่ออกว่ามันเป็นการทดลองคนหรือสัตว์กันแน่? แต่ที่รู้อยู่ตอนนี้คือพวกเขา(มัน)กำลังทำอยู่บนตัวผม พวกเขาทำกับผมเหมือนผมไม่มีความรู้สึกแล้วในตอนนี้ ผมลืมตาขึ้นทั้งๆที่ลืมไม่ค่อยจะขึ้น – หมอคนหนึ่งพยายามกรีดมีดลงบนไหล่ผมช้าๆ พร้อมทั้งพยาบาลอีกคนหนึ่งเย็บแผลที่ขาของผมอยู่ – ความรู้สึกแทบจะตายมันเป็นอย่างนี้นี่เอง เหมือนชีวิตของผมแทบจะขาดรอนๆ เหมือนหัวใจของผมจะหยุดเต้น เหมือนร่างกายของผมกำลังจะแตกเป็นเสี่ยงๆ ผมกำลังจะตายใช่ไหม? ผมตั้งคำถามกับตัวเองซึ่งไม่มีคำตอบ



        ฟ้าว!



        ร่างของหญิงชุดรัดรูปสีน้ำเงินเหาะผ่านไปอย่ารวดเร็ว ผมของเธอปลิวสยายตามแรงลม เธอดูว่องไวมากในสายตาของผม เธอหันมามองผมอยู่ครู่หนึ่ง ผมเหลือกตาซ้ายทีขวาที (“ทำไมหมอกับพยาบาลสองคนนั่นไม่เห็นเธอล่ะ”) แล้วหญิงชุดน้ำเงินคนนั้นก็สั่งให้ผมอ้าปาก ผมอ้าปากอย่างว่าง่ายแล้วเธอก็โยนแคปซูลสีฟ้าเข้าปากผมพอดี แทบจะทันทีที่ผมปิดปากผมก็หมดแรงไปในทันที

        ตื่นมาอีกทีผมได้นอนอยู่ที่โซฟาสีชมพูนุ่มๆ มีแก้วน้ำทรงสูงที่ข้างในใส่น้ำสีชมพูอยู่เต็มเปี่ยม ผมยังอยู่ในดาวพิงค์แน่นอนเลย แต่เอ๊ะ! ทำไมร่างกายผมไม่มีบาดแผลสักนิดเลยล่ะ ไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน ขณะที่ผมกำลังสำรวจร่างกายอยู่นั่นเอง ผมก็เหลือบไปเห็นบอลนอนอยู่ที่โซฟาถัดไป ผมลุกไปปลุกมัน



        “บอล บอล ตื่นได้แล้ว” ทันใดนั้นบอลก็สะดุ้งโหยงขึ้นมา

        “อย่าทำฉันเลยนะ ฉันกลัวแล้ว ปล่อยฉันไปเถอะนะ ขอร้อง…” บอลเพ้อ

        “นี่ๆ นายไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย ฉันก็อยู่ตรงนี้”

        “ฮือๆ พวกเราถูกทำการทดลองเหรอเจ? พวกเราจะเป็นอะไรไหมอะ? ฉันไม่เอาแล้วนะ ฉันอยากกลับบ้าน” บอลพูดไปร้องไห้ไป



        “ตายล่ะ เรื่องจริงหรือนี่? พวกเราถูกเอาตัวไปทำการทดลอง แล้วเราจะทำยังไงกันดีล่ะ แล้วไหนจะเรื่องผู้หญิงคนนั้นอีก ยาที่เธอให้กินคือยาอะไรกันแน่ แล้วทำไมเรามาอยู่ตรงนี้” ผมคิดคำถามที่สับสนและหาคำตอบไม่ได้อยู่คนเดียว นี่มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆแล้ว ผมจะทำยังไงกับตัวเองและเพื่อนผมดี

        “เสร็จแน่เลย เจเอ๋ย!”
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×