ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : step 2
“เฮ้ย!! เอก จะเอาผ้านี่ไปติดตรงไหนวะ”เสียงของนายต้อมเรียกเอกนรีอยู่อีกทางหนึ่ง
“ก็เอาไปติดที่ป้ายตรงนั้น แล้วก็เอาป้ายขึ้นไปไว้ด้านบนเลย”
“เอกป้ายยังไม่เสร็จเลย”เสียงยัยบีมรายงาน
“โว้ยยย แล้วใครเห็นไอ้เซฟบ้างเนี่ยย เช้านี้”เอกนรีบ่นเมื่อนายเซฟคนเขียนป้ายกีฬาสีมาสายอีกแล้ว
“เดี๋ยวฉันโทรตามเอง”ยัยบีมว่าแล้วก็ทำท่ากดโทรศัพท์มือถือ
“ไม่ต้องบีม ฉันโทรเอง”แล้วก็ใช้โทรศัพท์ของตัวเองกดหานายเซฟ
“เสียงไรหว่า เฮ้ย!! โทรศัพท์ ใครโทรมาฟะนี่ คนยิ่งรีบๆอยู่”เสียงนายเซนต์บ่นอุบ เมื่อรู้สึกตัวว่ามีคนโทรเข้าโทรศัพท์ของนายเซฟที่เค้าเพิ่งจะยืมมาเมื่อเช้า
“ฮัลโหล”นายเซนต์รับโทรศัพท์พร้อมกับวิ่งเข้ามาในโรงเรียน
“ญาติตายรึไงห๊า!!”เสียงของเอกนรีกระแทกไปตามสาย จนนายเซฟตัวปลอมต้องเอาหูออกห่างโทรศัพท์
“งานกีฬาสีน่ะ มันไม่ได้จัดกันปีหน้านะ ถึงได้มาทำก็ได้ ไม่มาทำก็ได้ มาช้าก็ได้ มาสายก็ได้ งานมันรีบ เข้าใจป่ะมันรีบ”ร่ายมาเป็นชุดขนาดนี้คงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากไอ้คุณเอก
“กำลังขับรถอยู่”นายเซนต์โกหกคิดจะแกล้งทั้งที่กำลังเดินเข้ามาหาจากด้านหลัง
“ขับรถภาษาบรรพบุรุษนายรึไงห๊า!!มันถึงได้ช้าอย่างนี้น่ะ!!”เอกนรีแว้ดให้อีก
“งั้นเธอก็มาขับเองสิ”นายเซนต์ยื่นหน้ามากระซิบข้างหู จนเอกนรีสะดุ้ง หมัดหนักๆสวนเข้าให้ แต่คราวนี้นายเซนต์หลบได้ ยิ่งทำให้เอกนรีหน้าแดงเพราะความโกรธ ทั้งสองคนประจันหน้ากันอย่างจะมีเรื่อง เพื่อนๆทุกคนจับรังสีสงครามได้จึงรีบถอยออกห่างอยากรวดเร็ว
“เอ่อ เอก จะให้เอาดอกไม้นี่ไปไว้ที่ไหน ”ยายบีมรีบขัดขึ้น ทำให้คนอื่นๆที่มองอยู่โดยเฉพาะนายต้อมรีบทำตามบ้าง
“เซฟๆ นายว่าไอ้ตัวมังกรนี่จะใช้สีอะไรนะ”นายต้อมพูดขึ้นมา ได้ผลทั้ง 2 คนแยกย้ายกันไปทำงานตามหน้าที่อย่างช่วยไม่ได้
“เป็นไงบ้างพี่ วันนี้อ่ะ”นายเซฟเดินเข้ามานั่งดูทีวีข้างๆนายเซนต์พร้อมกับเลย์ถุงใหญ่
“ก็ดี”นายเซนต์บอกไปแบบไม่ได้แคร์อะไร แต่ในใจกำลังคิดถึงเรื่องวันนี้ ยัยแสบนั่นเวลาหน้าแดงก็น่ารักเป็นบ้าเลยว่ะ คิดแล้วก็ยิ้มออกมาคนเดียว
“ฮั่นแน่!! ก็ดี จริงๆอ่ะ แล้วทำไมยิ้มคนเดียวได้นี่”นายเซฟล้อเมื่อเห็นพี่ชายฝาแฝดนั่งยิ้มให้กับทีวี
“ป่าว..ฉันแค่เห็นว่าโฆษณานี้มันตลกดี”นายเซนต์แก้ตัวเก้อๆ ทั้งที่ไม่ได้ดูหรอกไอ้ทีวีนี่อ่ะ มัวแต่คิดถึงเรื่องอื่นมากกว่า
“โฆษณาชุดชั้นในผู้หญิงนี่นะพี่ ตลก!!!”นายเซฟอุทานออกมาเรียกสติที่ล่องลอยไปไกลของนายเซนต์ให้กลับมาจ้องที่ทีวีอีกครั้ง แล้วก็เป็นอย่างนั้นๆจริงๆเมื่อหน้าจอทีวีมีนางแบบสาวกำลังอวดชุดชั้นในตัวสวยอยู่ในจอ ทำเอานายเซนต์หน้าแดงแล้วก็รีบลุกเดินหนีขึ้นไปบนบ้าน
“เอ .มันชักยังไงๆ อยู่นา ..”นายเซฟล้อเสียงดัง ยังไม่ทันที่นายเซนต์จะโต้กลับไป เสียงแม่ก็ดังขึ้นมาซะก่อน
“เซฟ หนูเจี๊ยบโทรมาแน่ะ”นายเซฟรีบวิ่งปรู๊ดไปรับโทรศัพท์จากแม่พร้อมกับเสียงจ๊ะจ๋าไปตามสาย ทิ้งให้นายเซนต์เดินขึ้นบันไดอย่างช้าๆ พร้อมกับความคิดสับสนมากมายที่เกิดขึ้นกับตนเอง
-----******------
“ทางนี้เลย ก้อง เอาวางตรงนี้เลย”เอกนรีออกคำสั่งให้ก้องรุ่นน้องยกของเข้ามาวางไว้
“อืม ขอบคุณนะ”เอกนรีกล่าวขอบคุณแล้วก็เปิดลังกระดาษ ค้นวัสดุอุปกรณ์ต่างๆออกมา พร้อมเรียกให้ อ้อม มาตรวจเช็ค
“เอกๆ”เสียงเรียกมาอีกทางหนึ่งเรียกให้เอกนรีที่กำลังดู อ้อมตรวจของอยู่ หันไป
“พี่จ๊อบให้ไปดูที่อาคารหน่อยว่าจะให้ทาสีอะไร”เอกนรีผละจากอ้อมแล้วก็เดินตามยัยบีมไป โดยไม่รู้ว่ามีใครเดินตามมาอีกคน
“อืม สีฟ้าก็แล้วกัน”เมื่อเอกนรีพิจารณาดูอะไรต่างๆแล้วก็ตกลงให้ พี่จ๊อบ ลงมือทาสีฟ้า
“แต่ผมว่าสีเหลืองดีกว่านะ”มีเสียงแทรกขึ้นมาก่อนที่แปรงทาสีที่จุ่มสีฟ้าแล้วกำลังจะละเลงลงไปชะงักกึก พร้อมกับเอกนรีที่หันหลังมาเผชิญหน้ากับคนที่เสนอแนวคิดใหม่ที่ขัดกับตนเอง รังสีสงครามแผ่ฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ ทุกคนต่างถอยห่างเมื่อจับรังสีนี้ได้อย่างชัดเจน
“นายกล้าดียังไงห๊า!!!”เอกนรีแว้ดใส่หน้าคนที่มาทีหลัง เมื่อเห็นหน้าคนที่อยู่ข้างหลัง มันยิ่งทำให้ระเบิดอารมณ์ได้ไม่ยาก
“ผมจะออกความคิดเห็นอะไรซักอย่างนี่ต้องใช้ความกล้ามากขนาดนั้นเลยเหรอ”นายเซฟตัวปลอมถามหน้าตากวนๆ ทำเอาเอกนรีโกรธจนหน้าแดง
“นายไม่มีสิทธิ์ออกความคิดเห็นเพราะฉันเป็นประธาน”เอกนรีตอบด้วยน้ำเสียงมีอำนาจ
“ประธานที่เอาแต่ใจตนเอง โดยที่ไม่สนใจความคิดเห็นของคนอื่นเนี่ยนะ”เสียงของทั้งสองเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ
“พูดอย่างนี้อยากมีเรื่องหรือไง”เอกนรีถามพลางดึงแขนเสื้อขึ้น ทั้งที่ประโยคที่นายเซนต์พูดมาทิ่มลงใจดังปึก!
“เอาเดะ”นายเซนต์เริ่มจะเอาบ้าง
“จะเอายังไงว่ามา ตอนไหน ที่ไหนมาเกี่ยงทั้งนั้น หรือจะเอาตอนนี้ก็ได้ ฉันให้นายเลือกก่อน”เอกนรีพูดอย่างเป็นต่อเพราะตัวเองมั่นใจว่าไม่แพ้ ‘นายบ้านี่’เด็ดขาด
“งั้นวันนี้ .ที่ห้องพยาบาล”นายเซนต์บอกสีหน้ากวนเบื้องล่างยิ้มอย่างมีเลศนัย
“ได้”เอกนรีตอบกลับมาทั้งที่ยังเอะใจอยู่ว่าทำไมต้องเป็นที่ห้องพยาบาล แต่ก็ตอบรับไปก่อนเพราะกลัวเสียฟอร์ม
“ตัวต่อตัว”นายเซฟพูดเสียงยานคาง พลางหรี่ตามองเอกนรี
“ได้”เอกนรีตอบอย่างมั่นใจ เพราะเธอถนัดสู้แบบตัวต่อตัวอยู่แล้ว
“เสื้อผ้าไม่เกี่ยวนะ”นายเซนต์พูดยิ้มๆ
“ด้ เฮ้ย!!”เอกนรีกำลังจะตอบรับก็ต้องสะดุ้งเฮือก ปล่อยหมัดขวาไปก่อน แต่นายเซนต์หลบได้อย่างหวุดหวิด หน้าของเอกนรีขึ้นสี มองนายเซนต์ตาขวาง เมื่อเข้าใจความหมายของนายเซนต์ว่าทำไมต้องเป็นห้องพยาบาล
“ตกลงนะ”นายเซนต์พูดอย่างทะเล้น
“ไม่!! ฉันไม่ขอรับคำท้านี้”เอกนรีแว้ดใส่แล้วเดินหนี โดยมีนายเซนต์หัวเราะไล่หลังมาแล้วก็เดินออกไปอีกทางเมื่อนายโยเรียกให้เข้าไปช่วยงาน
“อ้าว ไปซะแล้ว ตกลงจะให้ทาสีอะไรกันแน่”ยัยบีมมองตามงงๆ แล้วก็มองหน้าพี่จ๊อบที่ยืนอยู่ข้างๆที่ทำหน้างงเหมือนกัน
-------*******-------
“เฮ้ย!! ไอ้อ๊อฟ เอ็งว่าไม๊วะ หมู่นี้รู้สึก ไอ้คุณเอกกะไอ้เซฟมันจะกัดกันบ่อยเหลือเกินว่ะ”นายอ๊อฟหนึ่งเพื่อนซี้ของนายเซฟเอ่ยขึ้นกับนายโยที่นั่งคนกระป๋องสีอยู่ข้างๆ ขณะที่มือก็กำลังทาสีแผ่นป้ายไม้อยู่
“เออ! ข้าก็ว่างั้นว่ะ ยิ่งช่วงนี้นะ ไอ้เซฟมันไม่ยอมพูดกับข้าหรือเอ็งเลยว่ะ มัวแต่เอาหน้ากวนตีนหวิดโดนบาทาของมันไปให้ไอ้คุณเอกฉะทุกที”นายโยตั้งข้อสงสัยบ้าง
“หรือว่าไอ้เซฟมันจะจีบไอ้คุณเอกฟะ”นายโยตั้งข้อสงสัยอีก
“เฮ้ย!! แค่คิดก็ขนลุกแล้วว่ะ ผู้หญิงอย่างไอ้คุณเอกเนี่ยนะ ซัดผู้ชาย 5 คนเดี้ยงรวดเดียว ภายใน 40 วินาที” นายอ๊อฟพูดโดยไม่มองหน้านายโยที่ตอนนี้เกินน้ำลายลงอึกใหญ่ใช้มือสะกิดนายอ๊อฟเบาๆ
“ใครวะจะเอาไปทำพันธุ์”
“ฉันก็ไม่ได้ขอให้ใครเอาฉันไปทำพันธุ์นี่”เสียงใสๆดังมาจากด้านหลังทำเอานายอ๊อฟสะดุ้งหันไปยิ้มเจื่อนๆให้กับคนที่กำลังพูดถึงเมื่อกี๊
“เออ คือ ฉันพูดเล่นน่ะ”นายอ๊อฟบอกออกมาเบาๆ สายตาก็เหล่มองเท้าสวยของเอกนรีนิ่งจะได้หาลู่ทางหลบเท้านี้ได้ ถ้าเผื่อว่ามันกำลังคิดจะทิ้งรอยไว้บนหน้าหล่อ(น้อย)ๆของเขา ดูเหมือนนายโยจะรู้ตัวด้วยเช่นกันก้มลงมองเท้าของเอกนรีนิ่งระวังตัว แต่ผิดคาดเมื่อเท้าสวยๆนั้นหันหลังเดินกลับไปพร้อมกับคำพูดที่ทิ้งไว้
“ทำงานไป อย่าอู้!!”ทำเอาทั้งสองหนุ่มมองหน้ากันอึ้ง
“นึกว่าจะไม่รอดซะแล้ว”นายโยบอกพลางเช็ดเหงื่อที่ซึมออกมา เมื่อเอกนรีเดินออกไปไกลแล้ว
“ทำไมเอ็งไม่บอกข้าวะ”นายอ๊อฟเริ่มจะใส่เพื่อนตัวดี
“บอกไม่ทันว่ะ”นายโยบอกหน้ายิ้มเจื่อนๆ นายอ๊อฟก็ส่ายหน้าให้กับเพื่อนอย่างหมดอาลัยตายอยาก แล้วก็มองเอกนรีนิ่ง
“แปลกว่ะ”นายอ๊อฟอุทานออกมา
“แปลกไงวะ”นายโยถามมองเอกนรีตามเพื่อน
“ก็แปลกที่เราไม่โดนบาทาไอ้คุณเอกไง ทุกทีโดนไปแล้ว”นายอ๊อฟบอก
“อืม หรือว่าไอ้คุณเอกเป็นวันนั้นของเดือนวะ”นายโยตั้งขอสงสัยอีก
“คงงั้นว่ะ ทำงานเหอะ”นายอ๊อฟบอกพร้อมกับก้มหน้าก้มตาทำงานต่อ แต่ว่านายโยยังไม่เลิกมอง
“เฮ้ย!! คิดถึงบาทาไอ้คุณเอกหรือไง เดี๋ยวมันก็ได้ฝากให้ไปนอนกอดคืนนี้หรอก ถ้าเอ็งยังไม่ทำงาน ”นายอ๊อฟบอกเพื่อน ทำเอานายโยสะดุ้งแล้วก็ก้มลงมองกระป๋องสีที่คนอยู่นานแล้ว
-------**********--------
“ซัดผู้ชาย 5 คนเดี้ยงแล้วทำไม!!”เอกนรีตะโกนอยู่บนดาดฟ้าของอาคารเรียน
“ใครไม่เอาทำพันธุ์ก็ช่างปะไร ไม่ได้ง้อใครซักหน่อย”เอกนรีตะโกนอย่างฉุนเฉียวยังคิดถึงคำพูดของเพื่อนชายสองคนที่นินทาเธอเมื่อกี๊ พวกนั้นคงไม่คิดว่าเธอได้ยินตั้งแต่ประโยคแรกที่พวกนั้นพูดกันแล้ว
‘จีบ’ งั้นเหรอ นายบ้านั่น น่ะเหรอ จีบเรา
“ไอ้บ้าเอ๊ย!!”เอกนรีตะโกนพร้อมกับเตะกำแพงอย่างจัง แต่ผลออกมาก็คือ เธอเองที่ล้มลงไปก้นจ้ำเบ้าอยู่บนพื้น
“โอ๊ย!!”อุทานออกมาดังๆ แล้วตามมาด้วยเสียงหัวเราะของใครคนหนึ่ง
“ฮิฮิ ไม่มีใครเอาไปทำพันธุ์ก็ไม่น่าจะทำร้ายตัวเองขนาดนั้นเลยนี่”เสียงคุ้นๆดังแว่วมา พร้อมกับร่างสูงที่เดินเข้ามาช้าๆ
“นายเซฟ!!!”เอกนรีมองหน้าหล่อๆของนายเซนต์ที่อยู่ในคราบของในเซฟตาเขียว มองมาดกวนๆนั้นอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ
“นะ นายมาทำอะไรที่นี่”เอกนรีพูดติดขัดนิดหน่อยความฉุนเฉียวหายไปเมื่อคิดว่านายเซนต์ได้ยินเรื่องที่ตัวเองตะโกนออกไป ที่จริงนายเซนต์ได้ยินเรื่องตั้งแต่ที่นายอ๊อฟกับนายโยพูดกันแล้ว เลยตามเอกนรีขึ้นมาบนดาดฟ้า ถึงจะไม่ค่อยเป็นผู้หญิงเท่าไหร่แต่ก็คิดมากเหมือนกันนี่นา กลัวไม่มีใครมาขอแต่งงาน นายเซนต์คิดแล้วก็ยิ้มออกมา ทำเอาเอกนรีที่นั่งก้นจ้ำเบ้าอยู่ หน้าแดงขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
“ฉันแค่มาตามผู้หญิงที่ไม่ค่อยเป็นผู้หญิงบางคนขึ้นมาบนนี้เพราะกลัวว่าจะคิดสั้นน่ะ”นายเซฟตัวปลอมพูดยิ้มๆพร้อมกับยื่นมือให้เอกนรีจับ แต่เอกนรีกลับปัดมือนั้นออกไป แล้วก็ลุกขึ้นเอง แต่ก็ต้องเซเมื่อเท้าที่ฝากรอยเท้าให้กับกำแพงเกิดเจ็บขึ้นมา จนนายเซนต์ต้องรีบเข้ามาพยุง ทำเอาเอกนรีหน้าแดงเข้าไปอีก เมื่อนายเซนต์เห็นเอกนรีหน้าแดง ก็ไม่กล้าสบตาเพราะกลัวว่าเอกนรีจะเห็นว่าตอนนี้หน้าของเขาก็แดงไม่แพ้เธอเลย
“ฉันจะพยุงเธอลงไป”นายเซนต์บอก บังคับเสียงไม่ให้สั่นทั้งที่ยังเขินอยู่
“ไม่ต้อง!!”เอกนรีพูดขึ้นพร้อมกับสะบัดตัวออกห่าง
“ฉะ ฉันไปเองได้”พูดแล้วก็เดินจากไปอย่างรวดเร็วทั้งที่ขายังเจ็บอยู่แต่ก็ฝืนเดินไปให้พ้นจากตรงนั้น นายบ้านั่นจะได้ยินไม๊น๊าาา อย่าเต้นดังสิใจ เบาๆหน่อย คิดในใจแล้วก็กำเสื้อตรงหน้าอกตัวเองแน่น โดยที่ไม่รู้หรอกว่าใจของนายเซฟตัวปลอมมันเดินตามเธอมาด้วย
--------*******----------
“โอ๊ย!!! เบาๆหน่อยสิเกตุ”เอกนรีอุทานขึ้นเมื่อให้เพื่อนสาวพันผ้าพันแผลที่ข้อเท้าให้
“ก็เบาแล้วนี่ไง แล้วไปเดินยังไงล่ะนี่”เกตุบ่นบ้าง
“ก็เดินสองขานี่แหละ”เอกนรีตอบสีหน้าทะเล้นแต่หน้าขึ้นสีเข้ม เกตุก็ไม่ได้คิดอะไรมากเพราะรู้นิสัยเพื่อนดีว่าไม่ยอมบอกความจริงแน่ คั้นเท่าไหร่ก็ไม่ยอมบอกหรอก เอกนรีกลัวเพื่อนจะเป็นห่วง เกตุส่ายหน้าให้กับความปากแข็งของเพื่อนคนนี้ซะจริงๆ ยังไม่ทันที่จะถามอะไรต่อ ก็มีเสียงหนึ่งดังมาแต่ไกลพร้อมกับร่างบางที่วิ่งตรงรี่เข้ามาหา
“พี่เอกคะ พี่เอก พี่จอยให้มาถามว่าจะให้เอาดอกไม้พลาสติกสีแดงนี่ติดที่ไหนคะ”น้องกิ๊ฟรุ่นน้องวิ่งหน้าตั้งเข้ามาถามพลางหอบ
“อืม ..งั้นเดี๋ยวพี่ไปด้วยดีกว่านะ”พูดแล้วก็ดึงกางเกงยีนสีซีดลงปิดผ้าพันแผลแล้วก็เดินตามรุ่นน้องไป โดยมีเกตุมองตามหลังแล้วก็ส่ายหน้า ก้มลงเก็บอุปกรณ์
---****-----------
“ตรงนี้เหรอเอก”จอยถามขึ้นเมื่อปีนบันไดขึ้นไปติดดอกไม้พลาสติกสีแดงบนบอร์ดหน้าอาคาร
“เหยิบซ้ายหน่อย”เอกนรีบอกพลางชี้มือ
“อย่างงี้เหรอ”จอยขยับซ้ายตาม
“ยัง เหยิบอีกหน่อย”เอกนรีบอกอีก จอยก็เขยิบตาม แต่ตำแหน่งก็ยังไม่ถูกใจเอกนรีซักที
“จอย เดี๋ยวเอกติดเองดีกว่านะ จอยลงมาเถอะ”เอกนรีบอก จอยก็ลงบันไดมาอย่างช้าๆแล้วเปลี่ยนให้เอกนรีขึ้นไปติดแทน
“เอาล่ะ เสร็จแล้ว”เอกนรีพูดพร้อมกลับกอดอกมองฝีมือตัวเองอย่างชื่นชมแล้วก็ก้าวลงบันไดมาแต่เหตุการณ์ไม่คิดฝันก็เกินเมื่อขาข้างที่เจ็บของเอกนรีทำพิษ ร่างบางเกิดเสียหลักตกลงมาจากบันไดดัง พลั่ก!!
“เอกๆๆ ใครก็ได้มาช่วยที”เสียงสารพัดเสียงปนกันไปหมดจนไม่รู้ว่าเสียงใครเป็นเสียงใคร
“เอกๆๆ”เสียงสุดท้ายที่ผ่านเข้าโสตประสาทเป็นเสียงที่คุ้นหู ‘นายบ้านั่น’ แล้วสติสัมปชัญญะก็ขาดหายไป
“ก็เอาไปติดที่ป้ายตรงนั้น แล้วก็เอาป้ายขึ้นไปไว้ด้านบนเลย”
“เอกป้ายยังไม่เสร็จเลย”เสียงยัยบีมรายงาน
“โว้ยยย แล้วใครเห็นไอ้เซฟบ้างเนี่ยย เช้านี้”เอกนรีบ่นเมื่อนายเซฟคนเขียนป้ายกีฬาสีมาสายอีกแล้ว
“เดี๋ยวฉันโทรตามเอง”ยัยบีมว่าแล้วก็ทำท่ากดโทรศัพท์มือถือ
“ไม่ต้องบีม ฉันโทรเอง”แล้วก็ใช้โทรศัพท์ของตัวเองกดหานายเซฟ
“เสียงไรหว่า เฮ้ย!! โทรศัพท์ ใครโทรมาฟะนี่ คนยิ่งรีบๆอยู่”เสียงนายเซนต์บ่นอุบ เมื่อรู้สึกตัวว่ามีคนโทรเข้าโทรศัพท์ของนายเซฟที่เค้าเพิ่งจะยืมมาเมื่อเช้า
“ฮัลโหล”นายเซนต์รับโทรศัพท์พร้อมกับวิ่งเข้ามาในโรงเรียน
“ญาติตายรึไงห๊า!!”เสียงของเอกนรีกระแทกไปตามสาย จนนายเซฟตัวปลอมต้องเอาหูออกห่างโทรศัพท์
“งานกีฬาสีน่ะ มันไม่ได้จัดกันปีหน้านะ ถึงได้มาทำก็ได้ ไม่มาทำก็ได้ มาช้าก็ได้ มาสายก็ได้ งานมันรีบ เข้าใจป่ะมันรีบ”ร่ายมาเป็นชุดขนาดนี้คงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากไอ้คุณเอก
“กำลังขับรถอยู่”นายเซนต์โกหกคิดจะแกล้งทั้งที่กำลังเดินเข้ามาหาจากด้านหลัง
“ขับรถภาษาบรรพบุรุษนายรึไงห๊า!!มันถึงได้ช้าอย่างนี้น่ะ!!”เอกนรีแว้ดให้อีก
“งั้นเธอก็มาขับเองสิ”นายเซนต์ยื่นหน้ามากระซิบข้างหู จนเอกนรีสะดุ้ง หมัดหนักๆสวนเข้าให้ แต่คราวนี้นายเซนต์หลบได้ ยิ่งทำให้เอกนรีหน้าแดงเพราะความโกรธ ทั้งสองคนประจันหน้ากันอย่างจะมีเรื่อง เพื่อนๆทุกคนจับรังสีสงครามได้จึงรีบถอยออกห่างอยากรวดเร็ว
“เอ่อ เอก จะให้เอาดอกไม้นี่ไปไว้ที่ไหน ”ยายบีมรีบขัดขึ้น ทำให้คนอื่นๆที่มองอยู่โดยเฉพาะนายต้อมรีบทำตามบ้าง
“เซฟๆ นายว่าไอ้ตัวมังกรนี่จะใช้สีอะไรนะ”นายต้อมพูดขึ้นมา ได้ผลทั้ง 2 คนแยกย้ายกันไปทำงานตามหน้าที่อย่างช่วยไม่ได้
“เป็นไงบ้างพี่ วันนี้อ่ะ”นายเซฟเดินเข้ามานั่งดูทีวีข้างๆนายเซนต์พร้อมกับเลย์ถุงใหญ่
“ก็ดี”นายเซนต์บอกไปแบบไม่ได้แคร์อะไร แต่ในใจกำลังคิดถึงเรื่องวันนี้ ยัยแสบนั่นเวลาหน้าแดงก็น่ารักเป็นบ้าเลยว่ะ คิดแล้วก็ยิ้มออกมาคนเดียว
“ฮั่นแน่!! ก็ดี จริงๆอ่ะ แล้วทำไมยิ้มคนเดียวได้นี่”นายเซฟล้อเมื่อเห็นพี่ชายฝาแฝดนั่งยิ้มให้กับทีวี
“ป่าว..ฉันแค่เห็นว่าโฆษณานี้มันตลกดี”นายเซนต์แก้ตัวเก้อๆ ทั้งที่ไม่ได้ดูหรอกไอ้ทีวีนี่อ่ะ มัวแต่คิดถึงเรื่องอื่นมากกว่า
“โฆษณาชุดชั้นในผู้หญิงนี่นะพี่ ตลก!!!”นายเซฟอุทานออกมาเรียกสติที่ล่องลอยไปไกลของนายเซนต์ให้กลับมาจ้องที่ทีวีอีกครั้ง แล้วก็เป็นอย่างนั้นๆจริงๆเมื่อหน้าจอทีวีมีนางแบบสาวกำลังอวดชุดชั้นในตัวสวยอยู่ในจอ ทำเอานายเซนต์หน้าแดงแล้วก็รีบลุกเดินหนีขึ้นไปบนบ้าน
“เอ .มันชักยังไงๆ อยู่นา ..”นายเซฟล้อเสียงดัง ยังไม่ทันที่นายเซนต์จะโต้กลับไป เสียงแม่ก็ดังขึ้นมาซะก่อน
“เซฟ หนูเจี๊ยบโทรมาแน่ะ”นายเซฟรีบวิ่งปรู๊ดไปรับโทรศัพท์จากแม่พร้อมกับเสียงจ๊ะจ๋าไปตามสาย ทิ้งให้นายเซนต์เดินขึ้นบันไดอย่างช้าๆ พร้อมกับความคิดสับสนมากมายที่เกิดขึ้นกับตนเอง
-----******------
“ทางนี้เลย ก้อง เอาวางตรงนี้เลย”เอกนรีออกคำสั่งให้ก้องรุ่นน้องยกของเข้ามาวางไว้
“อืม ขอบคุณนะ”เอกนรีกล่าวขอบคุณแล้วก็เปิดลังกระดาษ ค้นวัสดุอุปกรณ์ต่างๆออกมา พร้อมเรียกให้ อ้อม มาตรวจเช็ค
“เอกๆ”เสียงเรียกมาอีกทางหนึ่งเรียกให้เอกนรีที่กำลังดู อ้อมตรวจของอยู่ หันไป
“พี่จ๊อบให้ไปดูที่อาคารหน่อยว่าจะให้ทาสีอะไร”เอกนรีผละจากอ้อมแล้วก็เดินตามยัยบีมไป โดยไม่รู้ว่ามีใครเดินตามมาอีกคน
“อืม สีฟ้าก็แล้วกัน”เมื่อเอกนรีพิจารณาดูอะไรต่างๆแล้วก็ตกลงให้ พี่จ๊อบ ลงมือทาสีฟ้า
“แต่ผมว่าสีเหลืองดีกว่านะ”มีเสียงแทรกขึ้นมาก่อนที่แปรงทาสีที่จุ่มสีฟ้าแล้วกำลังจะละเลงลงไปชะงักกึก พร้อมกับเอกนรีที่หันหลังมาเผชิญหน้ากับคนที่เสนอแนวคิดใหม่ที่ขัดกับตนเอง รังสีสงครามแผ่ฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ ทุกคนต่างถอยห่างเมื่อจับรังสีนี้ได้อย่างชัดเจน
“นายกล้าดียังไงห๊า!!!”เอกนรีแว้ดใส่หน้าคนที่มาทีหลัง เมื่อเห็นหน้าคนที่อยู่ข้างหลัง มันยิ่งทำให้ระเบิดอารมณ์ได้ไม่ยาก
“ผมจะออกความคิดเห็นอะไรซักอย่างนี่ต้องใช้ความกล้ามากขนาดนั้นเลยเหรอ”นายเซฟตัวปลอมถามหน้าตากวนๆ ทำเอาเอกนรีโกรธจนหน้าแดง
“นายไม่มีสิทธิ์ออกความคิดเห็นเพราะฉันเป็นประธาน”เอกนรีตอบด้วยน้ำเสียงมีอำนาจ
“ประธานที่เอาแต่ใจตนเอง โดยที่ไม่สนใจความคิดเห็นของคนอื่นเนี่ยนะ”เสียงของทั้งสองเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ
“พูดอย่างนี้อยากมีเรื่องหรือไง”เอกนรีถามพลางดึงแขนเสื้อขึ้น ทั้งที่ประโยคที่นายเซนต์พูดมาทิ่มลงใจดังปึก!
“เอาเดะ”นายเซนต์เริ่มจะเอาบ้าง
“จะเอายังไงว่ามา ตอนไหน ที่ไหนมาเกี่ยงทั้งนั้น หรือจะเอาตอนนี้ก็ได้ ฉันให้นายเลือกก่อน”เอกนรีพูดอย่างเป็นต่อเพราะตัวเองมั่นใจว่าไม่แพ้ ‘นายบ้านี่’เด็ดขาด
“งั้นวันนี้ .ที่ห้องพยาบาล”นายเซนต์บอกสีหน้ากวนเบื้องล่างยิ้มอย่างมีเลศนัย
“ได้”เอกนรีตอบกลับมาทั้งที่ยังเอะใจอยู่ว่าทำไมต้องเป็นที่ห้องพยาบาล แต่ก็ตอบรับไปก่อนเพราะกลัวเสียฟอร์ม
“ตัวต่อตัว”นายเซฟพูดเสียงยานคาง พลางหรี่ตามองเอกนรี
“ได้”เอกนรีตอบอย่างมั่นใจ เพราะเธอถนัดสู้แบบตัวต่อตัวอยู่แล้ว
“เสื้อผ้าไม่เกี่ยวนะ”นายเซนต์พูดยิ้มๆ
“ด้ เฮ้ย!!”เอกนรีกำลังจะตอบรับก็ต้องสะดุ้งเฮือก ปล่อยหมัดขวาไปก่อน แต่นายเซนต์หลบได้อย่างหวุดหวิด หน้าของเอกนรีขึ้นสี มองนายเซนต์ตาขวาง เมื่อเข้าใจความหมายของนายเซนต์ว่าทำไมต้องเป็นห้องพยาบาล
“ตกลงนะ”นายเซนต์พูดอย่างทะเล้น
“ไม่!! ฉันไม่ขอรับคำท้านี้”เอกนรีแว้ดใส่แล้วเดินหนี โดยมีนายเซนต์หัวเราะไล่หลังมาแล้วก็เดินออกไปอีกทางเมื่อนายโยเรียกให้เข้าไปช่วยงาน
“อ้าว ไปซะแล้ว ตกลงจะให้ทาสีอะไรกันแน่”ยัยบีมมองตามงงๆ แล้วก็มองหน้าพี่จ๊อบที่ยืนอยู่ข้างๆที่ทำหน้างงเหมือนกัน
-------*******-------
“เฮ้ย!! ไอ้อ๊อฟ เอ็งว่าไม๊วะ หมู่นี้รู้สึก ไอ้คุณเอกกะไอ้เซฟมันจะกัดกันบ่อยเหลือเกินว่ะ”นายอ๊อฟหนึ่งเพื่อนซี้ของนายเซฟเอ่ยขึ้นกับนายโยที่นั่งคนกระป๋องสีอยู่ข้างๆ ขณะที่มือก็กำลังทาสีแผ่นป้ายไม้อยู่
“เออ! ข้าก็ว่างั้นว่ะ ยิ่งช่วงนี้นะ ไอ้เซฟมันไม่ยอมพูดกับข้าหรือเอ็งเลยว่ะ มัวแต่เอาหน้ากวนตีนหวิดโดนบาทาของมันไปให้ไอ้คุณเอกฉะทุกที”นายโยตั้งข้อสงสัยบ้าง
“หรือว่าไอ้เซฟมันจะจีบไอ้คุณเอกฟะ”นายโยตั้งข้อสงสัยอีก
“เฮ้ย!! แค่คิดก็ขนลุกแล้วว่ะ ผู้หญิงอย่างไอ้คุณเอกเนี่ยนะ ซัดผู้ชาย 5 คนเดี้ยงรวดเดียว ภายใน 40 วินาที” นายอ๊อฟพูดโดยไม่มองหน้านายโยที่ตอนนี้เกินน้ำลายลงอึกใหญ่ใช้มือสะกิดนายอ๊อฟเบาๆ
“ใครวะจะเอาไปทำพันธุ์”
“ฉันก็ไม่ได้ขอให้ใครเอาฉันไปทำพันธุ์นี่”เสียงใสๆดังมาจากด้านหลังทำเอานายอ๊อฟสะดุ้งหันไปยิ้มเจื่อนๆให้กับคนที่กำลังพูดถึงเมื่อกี๊
“เออ คือ ฉันพูดเล่นน่ะ”นายอ๊อฟบอกออกมาเบาๆ สายตาก็เหล่มองเท้าสวยของเอกนรีนิ่งจะได้หาลู่ทางหลบเท้านี้ได้ ถ้าเผื่อว่ามันกำลังคิดจะทิ้งรอยไว้บนหน้าหล่อ(น้อย)ๆของเขา ดูเหมือนนายโยจะรู้ตัวด้วยเช่นกันก้มลงมองเท้าของเอกนรีนิ่งระวังตัว แต่ผิดคาดเมื่อเท้าสวยๆนั้นหันหลังเดินกลับไปพร้อมกับคำพูดที่ทิ้งไว้
“ทำงานไป อย่าอู้!!”ทำเอาทั้งสองหนุ่มมองหน้ากันอึ้ง
“นึกว่าจะไม่รอดซะแล้ว”นายโยบอกพลางเช็ดเหงื่อที่ซึมออกมา เมื่อเอกนรีเดินออกไปไกลแล้ว
“ทำไมเอ็งไม่บอกข้าวะ”นายอ๊อฟเริ่มจะใส่เพื่อนตัวดี
“บอกไม่ทันว่ะ”นายโยบอกหน้ายิ้มเจื่อนๆ นายอ๊อฟก็ส่ายหน้าให้กับเพื่อนอย่างหมดอาลัยตายอยาก แล้วก็มองเอกนรีนิ่ง
“แปลกว่ะ”นายอ๊อฟอุทานออกมา
“แปลกไงวะ”นายโยถามมองเอกนรีตามเพื่อน
“ก็แปลกที่เราไม่โดนบาทาไอ้คุณเอกไง ทุกทีโดนไปแล้ว”นายอ๊อฟบอก
“อืม หรือว่าไอ้คุณเอกเป็นวันนั้นของเดือนวะ”นายโยตั้งขอสงสัยอีก
“คงงั้นว่ะ ทำงานเหอะ”นายอ๊อฟบอกพร้อมกับก้มหน้าก้มตาทำงานต่อ แต่ว่านายโยยังไม่เลิกมอง
“เฮ้ย!! คิดถึงบาทาไอ้คุณเอกหรือไง เดี๋ยวมันก็ได้ฝากให้ไปนอนกอดคืนนี้หรอก ถ้าเอ็งยังไม่ทำงาน ”นายอ๊อฟบอกเพื่อน ทำเอานายโยสะดุ้งแล้วก็ก้มลงมองกระป๋องสีที่คนอยู่นานแล้ว
-------**********--------
“ซัดผู้ชาย 5 คนเดี้ยงแล้วทำไม!!”เอกนรีตะโกนอยู่บนดาดฟ้าของอาคารเรียน
“ใครไม่เอาทำพันธุ์ก็ช่างปะไร ไม่ได้ง้อใครซักหน่อย”เอกนรีตะโกนอย่างฉุนเฉียวยังคิดถึงคำพูดของเพื่อนชายสองคนที่นินทาเธอเมื่อกี๊ พวกนั้นคงไม่คิดว่าเธอได้ยินตั้งแต่ประโยคแรกที่พวกนั้นพูดกันแล้ว
‘จีบ’ งั้นเหรอ นายบ้านั่น น่ะเหรอ จีบเรา
“ไอ้บ้าเอ๊ย!!”เอกนรีตะโกนพร้อมกับเตะกำแพงอย่างจัง แต่ผลออกมาก็คือ เธอเองที่ล้มลงไปก้นจ้ำเบ้าอยู่บนพื้น
“โอ๊ย!!”อุทานออกมาดังๆ แล้วตามมาด้วยเสียงหัวเราะของใครคนหนึ่ง
“ฮิฮิ ไม่มีใครเอาไปทำพันธุ์ก็ไม่น่าจะทำร้ายตัวเองขนาดนั้นเลยนี่”เสียงคุ้นๆดังแว่วมา พร้อมกับร่างสูงที่เดินเข้ามาช้าๆ
“นายเซฟ!!!”เอกนรีมองหน้าหล่อๆของนายเซนต์ที่อยู่ในคราบของในเซฟตาเขียว มองมาดกวนๆนั้นอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ
“นะ นายมาทำอะไรที่นี่”เอกนรีพูดติดขัดนิดหน่อยความฉุนเฉียวหายไปเมื่อคิดว่านายเซนต์ได้ยินเรื่องที่ตัวเองตะโกนออกไป ที่จริงนายเซนต์ได้ยินเรื่องตั้งแต่ที่นายอ๊อฟกับนายโยพูดกันแล้ว เลยตามเอกนรีขึ้นมาบนดาดฟ้า ถึงจะไม่ค่อยเป็นผู้หญิงเท่าไหร่แต่ก็คิดมากเหมือนกันนี่นา กลัวไม่มีใครมาขอแต่งงาน นายเซนต์คิดแล้วก็ยิ้มออกมา ทำเอาเอกนรีที่นั่งก้นจ้ำเบ้าอยู่ หน้าแดงขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
“ฉันแค่มาตามผู้หญิงที่ไม่ค่อยเป็นผู้หญิงบางคนขึ้นมาบนนี้เพราะกลัวว่าจะคิดสั้นน่ะ”นายเซฟตัวปลอมพูดยิ้มๆพร้อมกับยื่นมือให้เอกนรีจับ แต่เอกนรีกลับปัดมือนั้นออกไป แล้วก็ลุกขึ้นเอง แต่ก็ต้องเซเมื่อเท้าที่ฝากรอยเท้าให้กับกำแพงเกิดเจ็บขึ้นมา จนนายเซนต์ต้องรีบเข้ามาพยุง ทำเอาเอกนรีหน้าแดงเข้าไปอีก เมื่อนายเซนต์เห็นเอกนรีหน้าแดง ก็ไม่กล้าสบตาเพราะกลัวว่าเอกนรีจะเห็นว่าตอนนี้หน้าของเขาก็แดงไม่แพ้เธอเลย
“ฉันจะพยุงเธอลงไป”นายเซนต์บอก บังคับเสียงไม่ให้สั่นทั้งที่ยังเขินอยู่
“ไม่ต้อง!!”เอกนรีพูดขึ้นพร้อมกับสะบัดตัวออกห่าง
“ฉะ ฉันไปเองได้”พูดแล้วก็เดินจากไปอย่างรวดเร็วทั้งที่ขายังเจ็บอยู่แต่ก็ฝืนเดินไปให้พ้นจากตรงนั้น นายบ้านั่นจะได้ยินไม๊น๊าาา อย่าเต้นดังสิใจ เบาๆหน่อย คิดในใจแล้วก็กำเสื้อตรงหน้าอกตัวเองแน่น โดยที่ไม่รู้หรอกว่าใจของนายเซฟตัวปลอมมันเดินตามเธอมาด้วย
--------*******----------
“โอ๊ย!!! เบาๆหน่อยสิเกตุ”เอกนรีอุทานขึ้นเมื่อให้เพื่อนสาวพันผ้าพันแผลที่ข้อเท้าให้
“ก็เบาแล้วนี่ไง แล้วไปเดินยังไงล่ะนี่”เกตุบ่นบ้าง
“ก็เดินสองขานี่แหละ”เอกนรีตอบสีหน้าทะเล้นแต่หน้าขึ้นสีเข้ม เกตุก็ไม่ได้คิดอะไรมากเพราะรู้นิสัยเพื่อนดีว่าไม่ยอมบอกความจริงแน่ คั้นเท่าไหร่ก็ไม่ยอมบอกหรอก เอกนรีกลัวเพื่อนจะเป็นห่วง เกตุส่ายหน้าให้กับความปากแข็งของเพื่อนคนนี้ซะจริงๆ ยังไม่ทันที่จะถามอะไรต่อ ก็มีเสียงหนึ่งดังมาแต่ไกลพร้อมกับร่างบางที่วิ่งตรงรี่เข้ามาหา
“พี่เอกคะ พี่เอก พี่จอยให้มาถามว่าจะให้เอาดอกไม้พลาสติกสีแดงนี่ติดที่ไหนคะ”น้องกิ๊ฟรุ่นน้องวิ่งหน้าตั้งเข้ามาถามพลางหอบ
“อืม ..งั้นเดี๋ยวพี่ไปด้วยดีกว่านะ”พูดแล้วก็ดึงกางเกงยีนสีซีดลงปิดผ้าพันแผลแล้วก็เดินตามรุ่นน้องไป โดยมีเกตุมองตามหลังแล้วก็ส่ายหน้า ก้มลงเก็บอุปกรณ์
---****-----------
“ตรงนี้เหรอเอก”จอยถามขึ้นเมื่อปีนบันไดขึ้นไปติดดอกไม้พลาสติกสีแดงบนบอร์ดหน้าอาคาร
“เหยิบซ้ายหน่อย”เอกนรีบอกพลางชี้มือ
“อย่างงี้เหรอ”จอยขยับซ้ายตาม
“ยัง เหยิบอีกหน่อย”เอกนรีบอกอีก จอยก็เขยิบตาม แต่ตำแหน่งก็ยังไม่ถูกใจเอกนรีซักที
“จอย เดี๋ยวเอกติดเองดีกว่านะ จอยลงมาเถอะ”เอกนรีบอก จอยก็ลงบันไดมาอย่างช้าๆแล้วเปลี่ยนให้เอกนรีขึ้นไปติดแทน
“เอาล่ะ เสร็จแล้ว”เอกนรีพูดพร้อมกลับกอดอกมองฝีมือตัวเองอย่างชื่นชมแล้วก็ก้าวลงบันไดมาแต่เหตุการณ์ไม่คิดฝันก็เกินเมื่อขาข้างที่เจ็บของเอกนรีทำพิษ ร่างบางเกิดเสียหลักตกลงมาจากบันไดดัง พลั่ก!!
“เอกๆๆ ใครก็ได้มาช่วยที”เสียงสารพัดเสียงปนกันไปหมดจนไม่รู้ว่าเสียงใครเป็นเสียงใคร
“เอกๆๆ”เสียงสุดท้ายที่ผ่านเข้าโสตประสาทเป็นเสียงที่คุ้นหู ‘นายบ้านั่น’ แล้วสติสัมปชัญญะก็ขาดหายไป
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น