ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 1: หนังสือเวทมนต์
                                                                    ปริศนาแห่งจันทร์เสี้ยว
                                                                    บทที่ 1 หนังสือเวทมนต์
        นางเจอมินี่เจ้าของบ้านสีฟ้าครามหลังใหญ่ ภาคภูมิใจนักที่จะบอกเจ้านายของเธอว่า  ดอกไม้หลายชนิดที่ปลูกไว้สำหรับงานต่างๆ  ตอนนี้โตเร็วกว่าปกติเป็นสองเท่า ด้วยประดิษฐกรรมใหม่ล้าสุดที่มีชื่อว่า  \"ตื่นมาแล้วต้องตกใจ\" โดยพี่ชายนักประดิษฐ์สุดเพี้ยน (ด็อกเตอร์
ธอธ)  ยัดเยียดเครื่องมือนี้ให้แก่ลูกชายและลูกสาวฝาแฝดของเธอ
        นางเจอมินี่ค่อนข้างมีฐานะดีจากกิจการส่งออกดอกไม้  เธอเป็นหญิงสาววัยกลางคนที่ค่อนข้างผอม ผมหยักศกสีทองยาวระเกะระกะ  ใบหน้าของเธอไม่ได้เรียบเนียน หากแต่มันแตกกร้านเนื่องจากแสงแดดแผดเผา
   
        เธอสวมผ้ากันเปื้อนที่ดูสกปรกผืนเดิมเป็นประจำ ทำใหผู้คนในเมืองพากันมองเธอเช่นตัวตลกที่วิ่งไปเทียวมาส่งดอกไม้ตามสถานที่ต่างๆ ทั้งๆที่ความจริงแล้วเธอเป็นหญิงสาวแสนสวย ซึ่งคำพูดนี้ได้รับประกันจากลูกสาวตัวน้อยของเธอเอง
 
        อเล็กซ์และเฮอร์เมส เจอมินี่ เป็นเด็กที่คนทั่วไปเรียกว่าเด็กแฝด ทั้งคู่เกิดในวันที่ท้องฟ้าแจ่มใสไร้เมฆกลางเดือนมิถุนายน ทำให้ทั้งคู่มีลักษณะนิสัยร่าเริงและอยากรู้อยากเห็นเป็นนิจ แต่ก็ไม่ได้เหมือนกันซะทุกเรื่อง.. นอกจากนั้นทั้งคู่ก็ยังเป็นเด็กฉลาดที่รู้ทันมุขโง่ๆของผู้ใหญ่บางคน จนธอธ
ลุงของเด็กทั้งสองถึงกับออกปากว่าทั้งคู่คงจะเกิดมาพร้อมสารานุกรมเล่มยักษ์ ซึ่งเมื่อเด็กๆได้รับรู่เรื่องนี้ก็ภูมิใจในตัวเองเป็นอย่างมาก
        เมื่ออเล็กซ์และเฮอร์เมสตื่นขึ้นมาในเช้าวันอังคาร ทั้งคู่ไม่รู้สึกอยากลุกจากเตียงไม้โอ้กเลยแม้แต่นิด เนื่องจากอากาศของเช้าวันนี้หม่นหมองและดูเศร้าสร้อยไม่มีแสงแดดเล็ดลอดออกมาจากมุมเมฆนั่นเลย - - - เฮอร์เมสเป็นคนแรกที่ลุกจากเตียง ผมสีทองหยิกลุกฟูขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ชุดนอนลายหมีเท็ดดี้ยับยู่ยี่จากการนอนดิ้นไปดิ้นมา อเล็กซ์ลุกจากเตียงตามมาและเร่งรีบที่จะแต่งตัวให้ทันน้องสาวซึ่งขณะนี้เธออยู่ในชุดกระโปรงระบายสีฟ้าอ่อนพร้อมผ้ากันเปื้อนลายดอกสีขาว กำลังนั่งแปลงผมฟูให้กลับเข้าที่ เด็กชายบ่นเบาๆ เมื่อเห็นผมเรียบแปร้สีทองของเขาชี้ขึ้นมาน่าเกลียด และพยายามเลี่ยงไม่สนใจมันเมื่อน้องสาวหยิบชุดเอี้ยมสีฟ้าอ่อนออกมาให้เขา
 
        เมื่ออเล็กซ์และเฮอร์เมสแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว ทั้งคู่ก็พร้อมที่จะไปรับประทานอาหารเช้าพร้อมกับนางเจอมินี่แม่ผู้แสนน่ารัก - - - นางเจอมินี่กำลังยกอาหารที่ทำเสร็จใหม่ๆมาวางบนโต๊ะไม้มะฮอกกานี้ตัวใหญ่ขณะที่
อเล็กซ์และเฮอร์เมสนั่งลงที่มุมโต๊ะ ทั้งคู่กวาดสายตามองอาหารมื้อเช้าแสนสุขของแม่ซึ่งกำลังส่งกลิ่นหอมฉุยยั่วยวนให้ลิ้มลอง ซุปผักชีฝรั่งกับอบเชย ขนมปังเนื้อเนยกับฟองดูชีส ทั้งหมดล้วนเป็นอาหารสุดโปรดของเด็กๆทั้งนั้น
        อเล็กซ์และเฮอร์เมสเดินออกมาจากบ้านสีฟ้าคราม หลังจากที่รับประทางอาหารมื้อเช้าเสร็จ ทั้งคู่เดินไปยังสวนดอกไม้หลังบ้านและต้องตกตะลึงกับเหล่าดอกไม้ที่บานสู้หน้ากับแสงแดดที่ผลิตออกมาจากเครื่องประดิษฐ์ของด็อกเตอร์ธอธ เนื่องจากวันนี้เป็นวันที่อากาศมืดครึ้มทำให้บ้านตระกูลเจอมินี่สว่างเหมือนวันฟ้าใส และต้องขอบคุณเครื่องประดิษฐ์ \"ตื่นมาแล้วต้องตกใจ!\" ของด็อกเตอร์ธอธ
        \"ลูกคิดว่าไงล่ะ\" นางเจอมินี่ที่เดินตามหลังเด็กๆทั้งสองคนมาถามขึ้น
        \"ยอดเยี่ยมไปเลยค่ะ!\" เด็กสาวตอบอย่างตื่นเต้น 
        \"ก็ดีนะฮะ แต่แม่ไม่คิดว่าคนรับดอกไม้เขาจะไม่แปลกใจเหรอฮะ ดอกลิลลี่กับดอกเชอรี่มาบานในฤดูเดียวกันเนี่ย\" อเล็กซ์ตอบบ้าง
        \"ไว้เรื่องนั้นค่อยคิดทีหลังนะ..วันนี้ลูกคงไม่ต้องรถน้ำแล้วล่ะ เจ้าเครื่องนี่มันทำหน้าที่ของลูกให้เรียบร้อยแล้ว\" นางเจอมินี่มองไปรอบๆตรวจสอบ แปลงของเธอ
        \"ออกไปเล่นกับข้างนอกเถอะ แม่จะเรียกคนมาช่วยเก็บดอกไม้\" เด็กหันขวับตั้งท่าจะรีบออกไป แต่นางเจอมินี่ก็รั้งให้หยุดทัน
        \"เดี๋ยวๆ..\" เธอเดินกลับเข้าบ้านและกลับออกมาพร้อมตะกร้าขนมปัง
        \"ฝากนี่ไปให้ลุงธอธด้วยนะ บอกว่าของคุณสำหรับเครื่องมือนี้\" เธอยื่นตะกร้าให้ลูกสาว \"แล้วอย่ากลับเกินสี่โมงเย็นนะ\" เด็กๆออกจากบ้านตามคำสั่งของแม่และมุ่งหน้าสู่หอคอยของลุงนักประดิษฐ์
        ระหว่างทางที่ไปนั้นเด็กๆทั้งสองจำต้องผ่านบ้านหลายหลัง มันจะมีคนจับเข่านินทาทั้งคู่เสมอ เพราะทั้งคู่เป็นลูกของนางเจอมินี่และเป็นหลายของบุรุษสุดเพี้ยน เด็กๆในหมู่บ้านชอบที่จะตะโกนไล่หลังและว่าพวกเขาอาจจะติดเชื้อเพี้ยนๆมาจากลุง แต่ทั้งคู่ก็จะทำเป็นไม่รู้ไม่สนใจเสมอ เนื่องจากพวกเขาแน่ใจว่าลุงไม่ใช่คนเพี้ยนสติแตกอย่างที่ทุกคนเข้าใจกัน หากแต่เป็นอัจฉริยะมาเกิดต่างหาก
        อเล็กซ์และเฮอร์เมสต้องจำใจฟังบทสนทนาที่กล่าวไปในทางไม่ได้นักของพวกเพื่อนบ้านจอมงี่เง่า ซักถามกันไปมาเรื่องแม่และลุงของทั้งสอง  อเล็กซ์เกือบรั้งตัวเองไม่อยู่แล้วถ้าเฮอร์เมสไม่เข้ามาห้ามและรีบดึงเขาออกไปให้พ้นๆจากหมู่เพื่อนบ้าน เธอยังระลึกเหตุการณ์เมื่อสี่ปีก่อนได้ดี เหตุการณ์ที่อเล็กซ์ยั้งมือไม่อยู่และชกต่อยกับเด็กชายอายุสิบสองที่ตัวใหญ่กว่าเขาหลายเท่า ทำให้นางเจอมินี่กักบริเวณเด็กๆ และขอให้สัญญาว่าจะไม่ทำอะไรโง่ๆ อีก และถ้าวันนี้เกิดประวัติศาสตร์ซ้ำรอยอีกละก็ เธอและอเล็กซ์คงไม่มีทางได้ออกมาป้วนเปี้ยนอีกเป็นแน่
   
        หลังจากที่พ้นฝูงคนมาได้แล้ว ภายหน้าของทั้งสองคือหอคอยสูงประมาณสี่ชั้นได้ เป็นหอคอยที่ดูเก่าแก่เพราะอิฐที่ใช้ก่อสร้างเริ่มผุกร่อน แต่ภายในยังคงแข็งแรงเพราะบันได้วนที่กว้างขวางนั้นเป็นหินแท้ๆ ทั้งคู่เดินขึ้นบันได้สูงสี่ชั้นด้วยความลำบาก เมื่อมาถึงก็พบว่าห้องที่มีหนังสือวางระเกะระกะและเครื่องมือมากมายนั้นไม่มีคนอยู่ แต่มีเสียงดังกุกกักมาจากลูกโลกขนาดใหญ่ที่อยู่เกือบติดเพดานนั้น
        \"สายันต์สวัสดิ์\" ชายแก่หนวดเครายาวเฟิ้มโผล่ออกมาจากลูกโลกและปีนบันไดลิงลงมาจากที่นั้นด้วยขาสั้นป่อมของเขา
        \"อรุณสวัสดิ์ต่างหากละฮะลุง\" อเล็กซ์ชี้แจง
        \"โอ้ ขอโทษทีนะอเล็กซ์ คนแก่ก็หลงลืมเวลาน่ะ แล้วเธอสองคนมาอะไรที่นี่\"
        \"แม่ให้เราเอาขนมปังมาให้ลุงค่ะ\" เฮอร์เมสส่งตะกร้าใส่ขนมปังให้แก่ธอธ
        \"โอ้ ขอบใจมากนะ แหม..ฉันชอบขนมปังฝีมือแม่เธอมากเลย\" ธอธชมพร้อมหยิบขนมปังขึ้นมากัดคำโตด้วยความหิว
        \"แม่ฝากมาบอกด้วยว่าเครื่องมือที่ให้มาใช้ได้ดีมากค่ะ\" เธอยิ้ม
        \"เรื่องนั้นมันแน่นอนอยู่แล้ว จริงสิ!..อยากชมประดิษฐกรรมใหม่ล่าสุด ของลุงไหมล่ะ\" ชายแก่ชี้นิ้วสั้นไปยังลูกโลกสีเงินเพื่อโชว์ให้เด็กๆเห็น
        \"ตามขึ้นมาเลย\" ทั้งคู่จึงตามธอธขึ้นไปยังลูกโลกประหลาด ข้างในลูกโลกไม่มีอะไรพิเศษนอกจากกองหนังสือสกปรกฝุ่นจับ พื้นที่มีตะปูตกอยู่เกลื่อนและหมอนสีขาวที่ตอนนี้มันกลายเป็นสีน้ำตาลไปแล้ว เด็กๆจึงเดาว่าลุงของพวกเขาคงกินนอนอยู่บนนี้มาเป็นเวลานาน
        \"มันยังไม่สมบูรณ์ร๊อก..\" ธอธมองไปรอบๆ
        \"แล้วมันเอาไว้ทำอะไรฮะ\" อเล็กซ์อยากรู้
        \"ตรงผนังเป็นแผนที่โลกด้วย เยี่ยมไปเลยค่ะ\"
        \"ไอ้นี่ เอาไว้พิสูจน์ทฤษฎีทางดาราศาสตร์ เรื่องการหมุนของโลกและดวงดาวเพื่อนบ้านน่ะ\" ธอธตอบอย่างปลื้มปิติ
        \"นี่..ลองมองไปข้างนอกสิ\" เด็กทั้งสองมองผ่านผนังลูกโลกออกไปและเห็นดวงจันทร์บริวารของโลกอยู่ภายนอก
        \"ลุงคิดว่ามันคงใช้งานได้เร็วๆนี้ แค่เพิ่มนี่นิดนั่นหน่อย\" ธอธชี้ไปชี้มาในกองขยะฝุ่นเขลอะและปีนออกจากลูกโลกนี้
        \"อ่อ จริงสิ\" ชายแก่หยุดชะงักก่อนจะพูดต่อว่า \"พระจันทร์ทำไมบางทีถึงเต็มดวงและทำไมบางทีเป็นเสี้ยว คือ..ลุงหมายความว่ากองหนังสือตรงนั้นคงจะบอกพวกเธอได้\" ชายแก่ทำท่าครุ่นคิดและลงบันไดไป \"หวังว่าคงได้เจอเพื่อนฉันนะ ฝากทักทายด้วยล่ะ\" เขาตะโกนเสียงดังและคิดว่าเด็กๆคงจะได้ยิน
        \"ลุงพูดถึงอะไรนะ\" เฮอร์เมสหันมาจ้องหน้าอเล็กซ์หวังว่าจะได้คำตอบดีดีจากพี่ชายเธอ
        \"กองหนังสือ\" เด็กทั้งสองมุ่งตรงไปยังกองหนังสือเก่าที่วางอยู่บนโต๊ะและหยิบหนังสือเล่มบนสุดออกมาปัดฝุ่นออกจนสะอาด แต่ทั้งคู่ก็ต้องละสายตาจากหนังสือที่อยู่ในมือ เพื่อมองกองหนังสือตรงหน้าที่ตอนนี้เริ่มสั่น
คล้ายแผ่นดินไหว จึงทำให้หนังสือตั้งสูงตกลงมาเกลื่อนพื้น มีเพียงเล่มสุดท้ายเท่านั้นที่ยังคงวางอยู่บนโต๊ะ ทั้งคู่จ้องมองหนังสือไม่กระพริบตา หน้าปกของมันเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยวที่มีปีกสีฟ้า ตัวอักษรสีทองตัวใหญ่สะกดได้ความว่า \"ปริศนาแห่งจันทร์เสี้ยว\"
   
        อเล็กซ์แตะที่ขอบหนังสือเบาๆตั้งใจจะเปิดออกอ่าน
        \"เดี๋ยว\" เสียงเฮอร์เมสห้ามปราม \"พี่คิดจะเปิดมันเหรอ คือ...ตอนนี้หนูรู้สึกอากาศมันเย็นๆยังไงก็ไม่รู้\" เด็กสาวมองซ้ายขวาอย่างประหม่า
        \"อย่าปอดไปหน่อยเลยน่า..ก็แค่อ่านเท่านั้น\" พูดจบอเล็กซ์ก็เปิดหนังสือออก และเริ่มอ่านหน้าแรก
        \"ณ ดินแดนดวงจันทร์อันรุ่งโรจน์ งานเลี้ยงรื่นเริงได้ถูกจัดขึ้นอย่างลับๆที่ห้องโถงกลางปราสาท เป็นงานที่จัดเพื่อพบปะสังสรรค์กับเพื่อนเก่าของกษัตริย์ ชายหนุ่มผู้ถูกรับเชิญให้ร่วมงานไม่ค่อยชอบนักกับความเป็นพิธีรีตรองเช่นนี้ จึงเลี่ยงที่จะพบเจอกับผู้คนโดยการขอตัวออกจากสถานที่จัดงาน เขาก้าวผ่านธรณีประตูตั้งใจจะออกเดินเล่นสูดอากาศภายนอกซักนิด และคิดว่าจะไม่กลับมาร่วมงานฉลองจนกว่างานจะสิ้นสุดลง - - - ชายหนุ่มข้ามผ่านทุ่งหญ้าเลี้ยงวัวสีเงินที่เด็กคนหนึ่งตั้งหน้าตั้งตารีดนมวัวเพื่อ จะนำไปผลิตชีส ทะลุผ่านม่านแสงสีรุ้งมุ่งตรงสู่แม่น้ำที่เรียกว่า อะเคอร์น่า .เฮ้ อย่าพึ่งหลับสิ\"
   
        \"ก็ง่วงนี่ หนาวด้วย อีกอย่างหนังสือนี่ก็ หน้าเบื่อ\" เฮอร์เมสบ่น
        \"ไม่ได้ๆ ห้ามหลับนะ ถ้าหนาวนักก็ไปเอาผ้าห่มลุงมาห่มสิ\" อเล็กซ์สั่ง
เด็กสาวจึงเดินไปหยิบผ้าห่มที่มีรอยปะชุนมากมายและเดินกลับมาที่โต๊ะ
        \"หยี..ไม่เอาดีกว่า ผ้านี่สกปรกจะตาย\" เธอบีบจมูกดึงผ้าไปคลุมไหล่พี่ชายแทน
        \"ชายหนุ่มเดินทางมาถึงแม่น้ำและทรุดตัวลงพักเหนื่อยชื่นชมความงดงามของแมกไม้สีเขียว\"
        \"อารมณ์สุนทรีจังนะ\" เด็กสาวฟุบหน้าลงกับโต๊ะ
        \"อย่าขัดจังหวะตอนอ่านสิเฮอร์เมส! - - - เขาจ้องลงไปในแม่น้ำ มือเรียวใหญ่สัมผัสผิวน้ำอย่างไม่ตั้งใจ และทันใดนั่นเองก็เกิดวงแหวนสีเงินปรากฏให้เห็นภาพของเด็กสองคน - - - เด็กชายและเด็กหญิงที่หน้าตาแทบจะถอดออกจากพิมพ์เดียวกัน คนหนึ่งกำลังหมอบอยู่ที่โต๊ะไม้ขนาดเล็กและอีกคนที่มีผ้าขีริ้วผืนใหญ่คลุมร่างกาย - - - นั่นมันพวกเรานี่\" อเล็กซ์ทั้งงงและตกใจ
        \"บ้าเหรอ..เราจะไปอยู่ในหนังสือได้ยังไงกัน\" เฮอร์เมสหลับตาหมอบอยู่ใต้แขน \"อ่านต่อสิอเล็กซ์\" เธอพูดต่อไม่สนใจ
     
      เด็กชายพลิกหน้ากระดาษเพื่อจะอ่านต่อ และแล้วก็ต้องพบความประหลาดที่ไม่สามารถอธิบายได้ 
To Be Con...
                                                                    บทที่ 1 หนังสือเวทมนต์
        นางเจอมินี่เจ้าของบ้านสีฟ้าครามหลังใหญ่ ภาคภูมิใจนักที่จะบอกเจ้านายของเธอว่า  ดอกไม้หลายชนิดที่ปลูกไว้สำหรับงานต่างๆ  ตอนนี้โตเร็วกว่าปกติเป็นสองเท่า ด้วยประดิษฐกรรมใหม่ล้าสุดที่มีชื่อว่า  \"ตื่นมาแล้วต้องตกใจ\" โดยพี่ชายนักประดิษฐ์สุดเพี้ยน (ด็อกเตอร์
ธอธ)  ยัดเยียดเครื่องมือนี้ให้แก่ลูกชายและลูกสาวฝาแฝดของเธอ
        นางเจอมินี่ค่อนข้างมีฐานะดีจากกิจการส่งออกดอกไม้  เธอเป็นหญิงสาววัยกลางคนที่ค่อนข้างผอม ผมหยักศกสีทองยาวระเกะระกะ  ใบหน้าของเธอไม่ได้เรียบเนียน หากแต่มันแตกกร้านเนื่องจากแสงแดดแผดเผา
   
        เธอสวมผ้ากันเปื้อนที่ดูสกปรกผืนเดิมเป็นประจำ ทำใหผู้คนในเมืองพากันมองเธอเช่นตัวตลกที่วิ่งไปเทียวมาส่งดอกไม้ตามสถานที่ต่างๆ ทั้งๆที่ความจริงแล้วเธอเป็นหญิงสาวแสนสวย ซึ่งคำพูดนี้ได้รับประกันจากลูกสาวตัวน้อยของเธอเอง
 
        อเล็กซ์และเฮอร์เมส เจอมินี่ เป็นเด็กที่คนทั่วไปเรียกว่าเด็กแฝด ทั้งคู่เกิดในวันที่ท้องฟ้าแจ่มใสไร้เมฆกลางเดือนมิถุนายน ทำให้ทั้งคู่มีลักษณะนิสัยร่าเริงและอยากรู้อยากเห็นเป็นนิจ แต่ก็ไม่ได้เหมือนกันซะทุกเรื่อง.. นอกจากนั้นทั้งคู่ก็ยังเป็นเด็กฉลาดที่รู้ทันมุขโง่ๆของผู้ใหญ่บางคน จนธอธ
ลุงของเด็กทั้งสองถึงกับออกปากว่าทั้งคู่คงจะเกิดมาพร้อมสารานุกรมเล่มยักษ์ ซึ่งเมื่อเด็กๆได้รับรู่เรื่องนี้ก็ภูมิใจในตัวเองเป็นอย่างมาก
        เมื่ออเล็กซ์และเฮอร์เมสตื่นขึ้นมาในเช้าวันอังคาร ทั้งคู่ไม่รู้สึกอยากลุกจากเตียงไม้โอ้กเลยแม้แต่นิด เนื่องจากอากาศของเช้าวันนี้หม่นหมองและดูเศร้าสร้อยไม่มีแสงแดดเล็ดลอดออกมาจากมุมเมฆนั่นเลย - - - เฮอร์เมสเป็นคนแรกที่ลุกจากเตียง ผมสีทองหยิกลุกฟูขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ชุดนอนลายหมีเท็ดดี้ยับยู่ยี่จากการนอนดิ้นไปดิ้นมา อเล็กซ์ลุกจากเตียงตามมาและเร่งรีบที่จะแต่งตัวให้ทันน้องสาวซึ่งขณะนี้เธออยู่ในชุดกระโปรงระบายสีฟ้าอ่อนพร้อมผ้ากันเปื้อนลายดอกสีขาว กำลังนั่งแปลงผมฟูให้กลับเข้าที่ เด็กชายบ่นเบาๆ เมื่อเห็นผมเรียบแปร้สีทองของเขาชี้ขึ้นมาน่าเกลียด และพยายามเลี่ยงไม่สนใจมันเมื่อน้องสาวหยิบชุดเอี้ยมสีฟ้าอ่อนออกมาให้เขา
 
        เมื่ออเล็กซ์และเฮอร์เมสแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว ทั้งคู่ก็พร้อมที่จะไปรับประทานอาหารเช้าพร้อมกับนางเจอมินี่แม่ผู้แสนน่ารัก - - - นางเจอมินี่กำลังยกอาหารที่ทำเสร็จใหม่ๆมาวางบนโต๊ะไม้มะฮอกกานี้ตัวใหญ่ขณะที่
อเล็กซ์และเฮอร์เมสนั่งลงที่มุมโต๊ะ ทั้งคู่กวาดสายตามองอาหารมื้อเช้าแสนสุขของแม่ซึ่งกำลังส่งกลิ่นหอมฉุยยั่วยวนให้ลิ้มลอง ซุปผักชีฝรั่งกับอบเชย ขนมปังเนื้อเนยกับฟองดูชีส ทั้งหมดล้วนเป็นอาหารสุดโปรดของเด็กๆทั้งนั้น
        อเล็กซ์และเฮอร์เมสเดินออกมาจากบ้านสีฟ้าคราม หลังจากที่รับประทางอาหารมื้อเช้าเสร็จ ทั้งคู่เดินไปยังสวนดอกไม้หลังบ้านและต้องตกตะลึงกับเหล่าดอกไม้ที่บานสู้หน้ากับแสงแดดที่ผลิตออกมาจากเครื่องประดิษฐ์ของด็อกเตอร์ธอธ เนื่องจากวันนี้เป็นวันที่อากาศมืดครึ้มทำให้บ้านตระกูลเจอมินี่สว่างเหมือนวันฟ้าใส และต้องขอบคุณเครื่องประดิษฐ์ \"ตื่นมาแล้วต้องตกใจ!\" ของด็อกเตอร์ธอธ
        \"ลูกคิดว่าไงล่ะ\" นางเจอมินี่ที่เดินตามหลังเด็กๆทั้งสองคนมาถามขึ้น
        \"ยอดเยี่ยมไปเลยค่ะ!\" เด็กสาวตอบอย่างตื่นเต้น 
        \"ก็ดีนะฮะ แต่แม่ไม่คิดว่าคนรับดอกไม้เขาจะไม่แปลกใจเหรอฮะ ดอกลิลลี่กับดอกเชอรี่มาบานในฤดูเดียวกันเนี่ย\" อเล็กซ์ตอบบ้าง
        \"ไว้เรื่องนั้นค่อยคิดทีหลังนะ..วันนี้ลูกคงไม่ต้องรถน้ำแล้วล่ะ เจ้าเครื่องนี่มันทำหน้าที่ของลูกให้เรียบร้อยแล้ว\" นางเจอมินี่มองไปรอบๆตรวจสอบ แปลงของเธอ
        \"ออกไปเล่นกับข้างนอกเถอะ แม่จะเรียกคนมาช่วยเก็บดอกไม้\" เด็กหันขวับตั้งท่าจะรีบออกไป แต่นางเจอมินี่ก็รั้งให้หยุดทัน
        \"เดี๋ยวๆ..\" เธอเดินกลับเข้าบ้านและกลับออกมาพร้อมตะกร้าขนมปัง
        \"ฝากนี่ไปให้ลุงธอธด้วยนะ บอกว่าของคุณสำหรับเครื่องมือนี้\" เธอยื่นตะกร้าให้ลูกสาว \"แล้วอย่ากลับเกินสี่โมงเย็นนะ\" เด็กๆออกจากบ้านตามคำสั่งของแม่และมุ่งหน้าสู่หอคอยของลุงนักประดิษฐ์
        ระหว่างทางที่ไปนั้นเด็กๆทั้งสองจำต้องผ่านบ้านหลายหลัง มันจะมีคนจับเข่านินทาทั้งคู่เสมอ เพราะทั้งคู่เป็นลูกของนางเจอมินี่และเป็นหลายของบุรุษสุดเพี้ยน เด็กๆในหมู่บ้านชอบที่จะตะโกนไล่หลังและว่าพวกเขาอาจจะติดเชื้อเพี้ยนๆมาจากลุง แต่ทั้งคู่ก็จะทำเป็นไม่รู้ไม่สนใจเสมอ เนื่องจากพวกเขาแน่ใจว่าลุงไม่ใช่คนเพี้ยนสติแตกอย่างที่ทุกคนเข้าใจกัน หากแต่เป็นอัจฉริยะมาเกิดต่างหาก
        อเล็กซ์และเฮอร์เมสต้องจำใจฟังบทสนทนาที่กล่าวไปในทางไม่ได้นักของพวกเพื่อนบ้านจอมงี่เง่า ซักถามกันไปมาเรื่องแม่และลุงของทั้งสอง  อเล็กซ์เกือบรั้งตัวเองไม่อยู่แล้วถ้าเฮอร์เมสไม่เข้ามาห้ามและรีบดึงเขาออกไปให้พ้นๆจากหมู่เพื่อนบ้าน เธอยังระลึกเหตุการณ์เมื่อสี่ปีก่อนได้ดี เหตุการณ์ที่อเล็กซ์ยั้งมือไม่อยู่และชกต่อยกับเด็กชายอายุสิบสองที่ตัวใหญ่กว่าเขาหลายเท่า ทำให้นางเจอมินี่กักบริเวณเด็กๆ และขอให้สัญญาว่าจะไม่ทำอะไรโง่ๆ อีก และถ้าวันนี้เกิดประวัติศาสตร์ซ้ำรอยอีกละก็ เธอและอเล็กซ์คงไม่มีทางได้ออกมาป้วนเปี้ยนอีกเป็นแน่
   
        หลังจากที่พ้นฝูงคนมาได้แล้ว ภายหน้าของทั้งสองคือหอคอยสูงประมาณสี่ชั้นได้ เป็นหอคอยที่ดูเก่าแก่เพราะอิฐที่ใช้ก่อสร้างเริ่มผุกร่อน แต่ภายในยังคงแข็งแรงเพราะบันได้วนที่กว้างขวางนั้นเป็นหินแท้ๆ ทั้งคู่เดินขึ้นบันได้สูงสี่ชั้นด้วยความลำบาก เมื่อมาถึงก็พบว่าห้องที่มีหนังสือวางระเกะระกะและเครื่องมือมากมายนั้นไม่มีคนอยู่ แต่มีเสียงดังกุกกักมาจากลูกโลกขนาดใหญ่ที่อยู่เกือบติดเพดานนั้น
        \"สายันต์สวัสดิ์\" ชายแก่หนวดเครายาวเฟิ้มโผล่ออกมาจากลูกโลกและปีนบันไดลิงลงมาจากที่นั้นด้วยขาสั้นป่อมของเขา
        \"อรุณสวัสดิ์ต่างหากละฮะลุง\" อเล็กซ์ชี้แจง
        \"โอ้ ขอโทษทีนะอเล็กซ์ คนแก่ก็หลงลืมเวลาน่ะ แล้วเธอสองคนมาอะไรที่นี่\"
        \"แม่ให้เราเอาขนมปังมาให้ลุงค่ะ\" เฮอร์เมสส่งตะกร้าใส่ขนมปังให้แก่ธอธ
        \"โอ้ ขอบใจมากนะ แหม..ฉันชอบขนมปังฝีมือแม่เธอมากเลย\" ธอธชมพร้อมหยิบขนมปังขึ้นมากัดคำโตด้วยความหิว
        \"แม่ฝากมาบอกด้วยว่าเครื่องมือที่ให้มาใช้ได้ดีมากค่ะ\" เธอยิ้ม
        \"เรื่องนั้นมันแน่นอนอยู่แล้ว จริงสิ!..อยากชมประดิษฐกรรมใหม่ล่าสุด ของลุงไหมล่ะ\" ชายแก่ชี้นิ้วสั้นไปยังลูกโลกสีเงินเพื่อโชว์ให้เด็กๆเห็น
        \"ตามขึ้นมาเลย\" ทั้งคู่จึงตามธอธขึ้นไปยังลูกโลกประหลาด ข้างในลูกโลกไม่มีอะไรพิเศษนอกจากกองหนังสือสกปรกฝุ่นจับ พื้นที่มีตะปูตกอยู่เกลื่อนและหมอนสีขาวที่ตอนนี้มันกลายเป็นสีน้ำตาลไปแล้ว เด็กๆจึงเดาว่าลุงของพวกเขาคงกินนอนอยู่บนนี้มาเป็นเวลานาน
        \"มันยังไม่สมบูรณ์ร๊อก..\" ธอธมองไปรอบๆ
        \"แล้วมันเอาไว้ทำอะไรฮะ\" อเล็กซ์อยากรู้
        \"ตรงผนังเป็นแผนที่โลกด้วย เยี่ยมไปเลยค่ะ\"
        \"ไอ้นี่ เอาไว้พิสูจน์ทฤษฎีทางดาราศาสตร์ เรื่องการหมุนของโลกและดวงดาวเพื่อนบ้านน่ะ\" ธอธตอบอย่างปลื้มปิติ
        \"นี่..ลองมองไปข้างนอกสิ\" เด็กทั้งสองมองผ่านผนังลูกโลกออกไปและเห็นดวงจันทร์บริวารของโลกอยู่ภายนอก
        \"ลุงคิดว่ามันคงใช้งานได้เร็วๆนี้ แค่เพิ่มนี่นิดนั่นหน่อย\" ธอธชี้ไปชี้มาในกองขยะฝุ่นเขลอะและปีนออกจากลูกโลกนี้
        \"อ่อ จริงสิ\" ชายแก่หยุดชะงักก่อนจะพูดต่อว่า \"พระจันทร์ทำไมบางทีถึงเต็มดวงและทำไมบางทีเป็นเสี้ยว คือ..ลุงหมายความว่ากองหนังสือตรงนั้นคงจะบอกพวกเธอได้\" ชายแก่ทำท่าครุ่นคิดและลงบันไดไป \"หวังว่าคงได้เจอเพื่อนฉันนะ ฝากทักทายด้วยล่ะ\" เขาตะโกนเสียงดังและคิดว่าเด็กๆคงจะได้ยิน
        \"ลุงพูดถึงอะไรนะ\" เฮอร์เมสหันมาจ้องหน้าอเล็กซ์หวังว่าจะได้คำตอบดีดีจากพี่ชายเธอ
        \"กองหนังสือ\" เด็กทั้งสองมุ่งตรงไปยังกองหนังสือเก่าที่วางอยู่บนโต๊ะและหยิบหนังสือเล่มบนสุดออกมาปัดฝุ่นออกจนสะอาด แต่ทั้งคู่ก็ต้องละสายตาจากหนังสือที่อยู่ในมือ เพื่อมองกองหนังสือตรงหน้าที่ตอนนี้เริ่มสั่น
คล้ายแผ่นดินไหว จึงทำให้หนังสือตั้งสูงตกลงมาเกลื่อนพื้น มีเพียงเล่มสุดท้ายเท่านั้นที่ยังคงวางอยู่บนโต๊ะ ทั้งคู่จ้องมองหนังสือไม่กระพริบตา หน้าปกของมันเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยวที่มีปีกสีฟ้า ตัวอักษรสีทองตัวใหญ่สะกดได้ความว่า \"ปริศนาแห่งจันทร์เสี้ยว\"
   
        อเล็กซ์แตะที่ขอบหนังสือเบาๆตั้งใจจะเปิดออกอ่าน
        \"เดี๋ยว\" เสียงเฮอร์เมสห้ามปราม \"พี่คิดจะเปิดมันเหรอ คือ...ตอนนี้หนูรู้สึกอากาศมันเย็นๆยังไงก็ไม่รู้\" เด็กสาวมองซ้ายขวาอย่างประหม่า
        \"อย่าปอดไปหน่อยเลยน่า..ก็แค่อ่านเท่านั้น\" พูดจบอเล็กซ์ก็เปิดหนังสือออก และเริ่มอ่านหน้าแรก
        \"ณ ดินแดนดวงจันทร์อันรุ่งโรจน์ งานเลี้ยงรื่นเริงได้ถูกจัดขึ้นอย่างลับๆที่ห้องโถงกลางปราสาท เป็นงานที่จัดเพื่อพบปะสังสรรค์กับเพื่อนเก่าของกษัตริย์ ชายหนุ่มผู้ถูกรับเชิญให้ร่วมงานไม่ค่อยชอบนักกับความเป็นพิธีรีตรองเช่นนี้ จึงเลี่ยงที่จะพบเจอกับผู้คนโดยการขอตัวออกจากสถานที่จัดงาน เขาก้าวผ่านธรณีประตูตั้งใจจะออกเดินเล่นสูดอากาศภายนอกซักนิด และคิดว่าจะไม่กลับมาร่วมงานฉลองจนกว่างานจะสิ้นสุดลง - - - ชายหนุ่มข้ามผ่านทุ่งหญ้าเลี้ยงวัวสีเงินที่เด็กคนหนึ่งตั้งหน้าตั้งตารีดนมวัวเพื่อ จะนำไปผลิตชีส ทะลุผ่านม่านแสงสีรุ้งมุ่งตรงสู่แม่น้ำที่เรียกว่า อะเคอร์น่า .เฮ้ อย่าพึ่งหลับสิ\"
   
        \"ก็ง่วงนี่ หนาวด้วย อีกอย่างหนังสือนี่ก็ หน้าเบื่อ\" เฮอร์เมสบ่น
        \"ไม่ได้ๆ ห้ามหลับนะ ถ้าหนาวนักก็ไปเอาผ้าห่มลุงมาห่มสิ\" อเล็กซ์สั่ง
เด็กสาวจึงเดินไปหยิบผ้าห่มที่มีรอยปะชุนมากมายและเดินกลับมาที่โต๊ะ
        \"หยี..ไม่เอาดีกว่า ผ้านี่สกปรกจะตาย\" เธอบีบจมูกดึงผ้าไปคลุมไหล่พี่ชายแทน
        \"ชายหนุ่มเดินทางมาถึงแม่น้ำและทรุดตัวลงพักเหนื่อยชื่นชมความงดงามของแมกไม้สีเขียว\"
        \"อารมณ์สุนทรีจังนะ\" เด็กสาวฟุบหน้าลงกับโต๊ะ
        \"อย่าขัดจังหวะตอนอ่านสิเฮอร์เมส! - - - เขาจ้องลงไปในแม่น้ำ มือเรียวใหญ่สัมผัสผิวน้ำอย่างไม่ตั้งใจ และทันใดนั่นเองก็เกิดวงแหวนสีเงินปรากฏให้เห็นภาพของเด็กสองคน - - - เด็กชายและเด็กหญิงที่หน้าตาแทบจะถอดออกจากพิมพ์เดียวกัน คนหนึ่งกำลังหมอบอยู่ที่โต๊ะไม้ขนาดเล็กและอีกคนที่มีผ้าขีริ้วผืนใหญ่คลุมร่างกาย - - - นั่นมันพวกเรานี่\" อเล็กซ์ทั้งงงและตกใจ
        \"บ้าเหรอ..เราจะไปอยู่ในหนังสือได้ยังไงกัน\" เฮอร์เมสหลับตาหมอบอยู่ใต้แขน \"อ่านต่อสิอเล็กซ์\" เธอพูดต่อไม่สนใจ
     
      เด็กชายพลิกหน้ากระดาษเพื่อจะอ่านต่อ และแล้วก็ต้องพบความประหลาดที่ไม่สามารถอธิบายได้ 
To Be Con...
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น