ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Journey of the dragon

    ลำดับตอนที่ #2 : การปรากฎกายของเจ้าโอเมก้า

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 80
      0
      26 มิ.ย. 46

         เคนค่อย ๆ ตื่นขึ้นเพราะเสียงเด็กที่มาวิ่งเล่นบริเวณใต้ต้นไม้ เมื่อเด็ก ๆ เห็นเขาตื่นก็วิ่งเข้าไปหา เด็ก ๆ ที่เข้าไปหานั้นก็ขอให้เขาเล่าเรื่องการเดินทางช่วงที่เขากำลังเดินทางให้ฟัง เคนก็ยินดีที่จะเล่าให้เด็ก ๆ ฟัง ขณะที่เคนกำลังเล่าเรื่องต่าง ๆ ให้เด็กฟังนั้นก็มีผู้หญิงคนนึงเดินเข้ามา

    “ท่านเคน ท่านโอตะต้องการพบ”เธอพูด แล้วเคนก็ลุกขึ้นยืนแล้วเดินตามผู้หญิงคนนั้นไป เธอพาเขาไปที่ลานหมู่บ้าน เคนเห็นโอตะกำลังพูดอะไรบางอย่างให้ชาวบ้านฟัง มีชาวบ้านหลายร้อยคนกำลังนั่งฟังอยู่ แล้วโอตะก็เห็นเคนเขาก็ทัก “เคนมานี่” แล้วเคนก็ค่อย ๆ เดินเข้าไป แล้วโอตะจึงพูดต่อ สิ่งที่โอตะพูดคือเรื่องราวการสู้รบที่ค่ายอาชาย่า ทำให้เขานึกขึ้นมาได้ว่าระหว่างทางที่เดินกลับนั้นโอตะได้บอกให้เขามาเล่าเรื่องการสู้รบ และเพื่อเป็นการแนะนำสมาชิกใหม่ของเผ่ามังกรด้วย

    แล้วโอตะก็เรียกเคนมานั่งข้าง ๆ แล้วเขาก็ให้เคนเล่าเหตุการณ์การสู้รบให้ชาวบ้านฟัง พวกชาวบ้านนั่งฟังอย่างตั้งใจ เมื่อเคนเล่าจบชาวบ้านหลายคนก็เริ่มวิจารณ์ไปต่าง ๆ นา ๆ แล้วโอตะก็ตะโกนบอกให้ชาวบ้านเงียบ แล้วพูดต่อไปว่า “พวกเราเมื่อท่านเคนมาอยู่หมู่บ้านนี้ก็เป็นการดีของเราที่จะมีนักรบที่เก่งกาจมาช่วย แต่เขายังไม่มีบ้านอยู่ข้าก็ขอให้พวกท่านช่วยกันสร้างบ้านให้ท่านเคนทีจะได้ไหม” ชาวบ้านก็ตอบตกลงทันที แต่ก็มีชาวบ้านคนหนึ่งลุกขึ้นมาแย้ง “ผมไม่สามารถยอมได้”

    โอตะก็มองไปที่เขาแล้วพูดออกไปว่า “มีปัญหาอะไรอีกละเชน”

    “ผมไม่ไว้ใจมัน”เชนตอบ “อะไรทำให้แกไม่ไว้ใจเขา”โอตะถามแล้วชี้นิ้วไปที่เคน

    “ผมยังไม่ไว้ใจมันก็แล้วกัน”แล้วเชนก็เดินจากไป

        เมื่อเหตุการณ์สงบชาวบ้านจึงแยกย้ายไปนำวัสดุและอุปกรณ์ในการสร้างบ้านมาแล้วก็เริ่มสร้าง ใช้เวลา 2 วันในการสร้างจึงเสร็จ เมื่อเคนเห็นบ้านที่สร้างเสร็จเขาดีใจมากที่ชาวบ้านทุกคนช่วยกันสร้าง เขาไปขอบคุณชาวบ้านที่มาช่วยกันสร้างแล้วชาวบ้านก็แยกย้ายกันกลับบ้าน แล้วเคนก็เดินเข้าไปในบ้าน มันเป็นบ้านที่หน้าอยู่มากแล้วเคนก็ค่อย ๆ เอนตัวนอนแล้วเขาก็หลับไป

        เขาตื่นอีกทีเมื่อโอตะมาเรียก “เร็วเคนมันหลุดออกมาอีกแล้ว”

    “อารายหลุดออกมา”เคนพูดขณะงัวเงีย แล้วโอตะก็ฉุดเคนให้ยืนขึ้นแล้วก็ลากเคนออกมาจากบ้าน

    แล้วก็เรียกทหารออกมาประชุม เคนก็เดินโซเซตามโอตะไป พอโอตะเริ่มพูดเคนก็เริ่มสัปงก

    “ตอนนี้เจ้าโอเมก้ามันหลุดออกมาอาละวาดอีกครั้ง แต่ครั้งนี้อาจเป็นครั้งสุดท้ายของมันที่จะได้อาละวาด หลายครั้งที่เราปล่อยให้มันหนีเข้าไปป่าดำไปได้ แต่ครั้งนี้เราจะไม่ปล่อยให้มันหนีอีกแล้ว ให้ทุกคนฆ่ามันให้ได้” แล้วโอตะก็สั่งให้ทหารทั้งหมดเดินทัพออกไปจากประตูเมือง แล้วโอตะไม่ลืมที่จะปลุกเคนแล้วให้เขาขึ้นม้านำทัพออกไปพร้อมกัน

        กองทัพครั้งนี้ใหญ่กว่ากองทัพที่นำไปช่วยอาชาย่าเสียอีกทำให้เคนนึกปอด ๆ ในใจแล้วว่าต้องเจอสัตว์ประหลาดตัวใหญ่แน่    แล้วสักพักเคนก็ได้ยินเสียงสัตว์ตัวหนึ่งคำราม เสียงคำรามของมันน่ากลัวอย่างบอกไม่ถูก เมื่อกองทหารเดินมาพ้นป่าเคนก็ไม่อาจเชื่อสิ่งที่ตัวเองเห็น เจ้าโอเมก้าตัวมันใหญ่มากตัวใหญ่กว่าช้างห้าเชือกมารวมกัน ลักษณะตัวมันคล้ายเสือมากแต่ผิวหนัวจากเคนที่เห็นมันเป็นเหล็ก หน้ามันไม่เหมือนเสือแต่เหมือนหน้าสัตว์ประหลาดอะไรบางอย่าง เมื่อโอตะเห็นมันก็เริ่มสั่งทหารให้เริ่มทำงาน ทหารหลายคนก็เริ่มหยิบธนูออกมาแล้วก็รอคำสั่งโอตะ เจ้าโอมาก้าเมื่อเห็นคนก็เริ่มวิ่งเข้ามาหา การวิ่งของมันแต่ละครั้งทำให้พื้นดินสั่นไหว จนเคนตกจากม้า เมื่อมันเข้ามาในระยะการยิงโอตะก็สั่งทหารธนูทุกคนเริ่มยิง ถึงแม้มันจะไม่ระคายผิวของเจ้าโอเมก้าสักเท่าไรแต่ก็ทำให้มันชะงักได้ แล้วมันก็เริ่มวิ่งต่อกองทหารก็เริ่มแตกออกแล้วโอตะก็สั่งให้ทหารธนูขึ้นไปบนเขาลูกใกล้ ๆ แล้วก็สั่งให้ทหารหอกบุก แล้วเคนก็ถามไปว่า “ทหารหอกจะหยุดมันได้หรอ”

    “ทหารหอกเป็นตัวถ่วงเวลาให้ทหารธนูเตรียมพร้อม” โอตะพูดอย่างรวดเร็ว

    “เตรียมพร้อมสำหรับอะไร”เคนถาม “เตรียมการยิงหัวธนูระเบิด”โอตะตอบ

    “คนในเผ่าเราเป็นคนทำมันขึ้นมา”โอตะตอบ แล้วก็ควบม้าไปพร้อมทหารที่วิ่งไป แล้วเคนก็ขึ้นม้าแล้วแล้วควบตามไป ทหารหอกพยายามใช้หอกฟันบริเวณลำตัวของเจ้าโอเมก้า แต่ดูท่ามันไม่รู้สึกสักเท่าไรนัก เจ้าโอเมก้าไล่กระทืบทหารที่พยายามฟันมันทำให้ทหารส่วนมากได้รับบาดเจ็บ แล้วโอตะก็ชักดาบออกมาแล้ววิ่งเข้าไปหาเจ้าโอเมก้า แล้วเข้าก็วิ่งไปฟันมันคราวนี้มันทำท่าเหมือนจะบาดเจ็บแล้ว มันก็ค่อย ๆ หันมามองโอตะแล้วก็เริ่มวิ่งไล่ตามโอตะ เคนก็เห็นเจ้าโอเมก้าวิ่งไล่ตามโอตะอยู่จึงกระโดดเข้าไปขวางหน้าเจ้าโอเมก้า แต่เหมือนเข้าจะคำนวณแรงของมันผิดไปมากมันกระแทกเขากระเด็นไปติดภูเขาลูกที่อยู่ใกล้ ๆ เมื่อทหารธนูพร้อมแล้วก็จุดไฟให้สัญญาณแก่โอตะ เมื่อโอตะเห็นสัญญาณก็ล่อเจ้าโอเมก้าไปทางภูเขาลูกที่ทหารธนูรออยู่ เมื่อเจ้าโอเมก้าเห็นโอตะวิ่งไปอีกทางหนึ่งมันก็เริ่มวิ่งตามไป ทหารธนูทุกคนก็เริ่มเล็งไปที่เจ้าโอเมก้า เมื่อโอตะเห็นว่าเจ้าโอเมก้ามาอยู่ในระยะเขาก็ตะโกนว่า “ยิงได้”     

        แล้วลูกธนูหลายร้อยดอกก็พุ่งแหวกอากาศ ไปสู่ตัวเจ้าโอเมก้าแล้วก็มีเสียงระเบิดดังตามมาหลายครั้งแล้วก็มีควันมาปกคลุมเป็นอาณาบริเวณกว้าง แล้วโอตะก็ลงจากหลังม้าเขาไม่ลืมที่จะสั่งให้ทหารทุกคนเตรียมพร้อม พอควันจางหายหมดทุกคนก็เห็นเจ้าโอเมก้านอนแน่นิ่งอยู่ที่พื้น ทหารหลายคนก็เริ่มตะโกนร้องด้วยความดีใจ แล้วโอตะก็สั่งทหารเข้าไปตรวจดูแล้วตัวเขาก็สั่งให้ทหารอีกกลุ่มหนึ่งไปตามหาเคน ทหารกลุ่มที่เข้าไปดูเจ้าโอเมก้าเดินเข้าไปหามันด้วยความระมัดระวัง เมื่อพวกเขาเข้ามาอยู่ใกล้ ๆมันก็เห็นตามลำตัวมันไม่มีบาดแผลเลย แล้วมันก็ค่อย ๆลุกขึ้นยืนแล้วก็เริ่มคำรามอีกครั้ง พวกทหารที่เข้าไปดูนั้นก็โดนกรงเล็บเจ้าโอเมก้าตะปบเข้าไปทำให้ทหารพวกนั้นเสียชีวิตหมดหมด เมื่อโอตะเห็นดังนั้นเข้าก็สั่งให้ทหารธนูเริ่มยิงระลอกที่สอง แต่มันดูเหมือนจะรู้ขณะที่ธนูพุ่งมานั้นมันก็กระโดดขึ้นฟ้าเพื่อหลบลูกธนูเหล่านั้น เมื่อมันตกลงมายังพื้นจากน้ำหนักตัวมันทำให้แผ่นดินไหวอย่างรุนแรง ทหารธนูหลายคนตกลงมาจากเขา แล้วมันก็เริ่มอาละวาดอีกครั้งมันไล่ตะคลุบเหล่าทหารผู้โชคร้าย ทำให้ทหารหลายนายต้องเสียชีวิตไป แล้วโอตะก็ควบม้าไปหาเจ้าโอเมก้า มันวิ่งเข้ามาตะปบโอตะ แต่โอตะหลบได้แต่ม้าของเขาก็ตัวขาดสองท่อน แล้วเขาก็สั่งให้ทหารหอกบุกพร้อมกับสั่งให้ทหารธนูขึ้นลำเตรียมพร้อม เหล่าทหารหอกก็เริ่มเข้าไปสู้ประชิดตัวเจ้าโอเมก้าอีกครั้งทั้ง ๆ ที่รู้ว่าไม่มีประโยชน์

        ขณะที่พวกทหารและโอตะกำลังต่อสู้อยู่นั้น เคนซึ่งสลบไปได้นึกถึงคำพูดคนแก่คนหนึ่งซึ่งเขาเจอขณะกำลังจะเดินทางมาหุบเขามังกร

    “ที่หุบเขามังกรมีอสูรกายตนหนึ่งมันรูปร่างคล้ายเสือตัวใหญ่กว่าช้างห้าตัวหน้าเหมือนปีศาจจากนรกที่ไม่สามารถมีใครปราบมันได้”ชายแก่พูด

    “นี่ลุงมันมีจริงหรอไอ้สัตว์ประหลาดตัวนี้”เคนถามด้วยความสงสัย

    “ถ้าเจ้าไม่เชื่อก็แล้วแต่เจ้า”ชายแก่พูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ

    “ลุง...ข้าขอโทษ เออ แล้วจะปราบไอ้ตัวนี้ยังไง”เคนถามด้วยความอยากรู้

    แล้วชายแก่ก็หยิบหนังสือเก่า ๆ เล่มหนึ่งออกมาจากย่ามของแก แล้วก็เปิดหนังสือออกแล้วก็ยื่นมาให้เคนดู เมื่อเคนหยิบมาดู เคนอ่านไม่ออกเพราะตัวหนังสือเขาไม่เคยเห็นมาก่อน และหนังสือนี่นก็เก่ามาก

    “ลุงผมอ่านไม่ออกอะ ลุงช่วยอ่านให้ฟังหน่อยสิ”เคนขอร้อง

    “เจ้านี่โง่จังเลยนะ”ชายแก่พูดออกมา

    “เอาน่าลุงอ่านให้ผมฟังหน่อย”เคนอ้อน

    “ก็ได้”แล้วชายแก่ก็เริ่มอ่านให้เคนฟังเกี่ยวกับตำนาน

        “เจ้าโอเมก้ามาจากไหนไม่มีใครรู้แต่สิ่งที่รู้คือมันมาอยู่ก่อนชนเผ่ามักกรจะเกิด ทุกครั้งที่มันมาจะได้ยินเสียงคำรามที่หน้ากลัวและแผ่นดินจะสั่นสะเทือน ในสมัยที่พวกเราชาวเผ่ามังกรอาศัยอยู่อย่างสงบสุขนั้นเจ้าโอเมก้ามักจะมารังควาญเราอยู่เสมอเป็นเวลาหนึ่งเดือนแล้วมันก็จะหายไปหลายเดีอน มันจะมาเพื่อจุดประสงค์เดียวคือทำลาย ชาวบ้านของเผ่ามังกรหลายคนได้รวบรวมกำลังเพื่อจะฆ่าเจ้าโอเมก้าแต่ก็ไม่มีใครสามารถฆ่ามันได้ มันทำลายหมู่บ้านในละแวกนี้วอดวายทำให้เมืองเกือบกลายเป็นเมืองร้าง แต่แล้ววันหนึ่งก็มีชายคนเดินหนึ่งทางเข้ามาในหมู่บ้านพร้อมดาบในตำนาน เมื่อเขาเห็นสภาพเมืองพวกเราเขาก็ได้อาสาจะปราบเจ้าโอเมก้าด้วยตัวเขาเอง แล้วชาวบ้านก็พาเขาไปที่อยู่ของเจ้าโอเมก้าที่อยู่ในหุบเขาแห่งความตาย เขาได้สั่งให้ชาวบ้านรอที่หน้าหุบเขา พวกชาวบ้านที่ไปส่งก็จึงไปรอหน้าภูเขาแห่งความตาย พวกชาวบ้านได้ยินเสียงการต่อสู้ของการต่อสู้ระหว่างผู้กล้าคนหนึ่งกับสัตว์ประหลาดตัวใหญ่ตัวหนึ่งเป็นเวลา 7 วัน 7 คืน แล้วทุกอย่างก็กับเขาสู่ ความเงียบ”

    แล้วชายแก่ก็หยุดเล่าไปสักพักก่อนเล่าต่อว่า“แล้วพวกชาวบ้านที่ไปรอก็รวบรวมความกล้าแล้วเดินเข้าไปในหุบเขาแห่งความตายสิ่งที่พวกเข้าเห็นก็คือสภาพเจ้าโอเมก้าถูกดินฝังกลบอยู่ก่อนที่ผู้กล้าจะท่องคาถาอะไรสักอย่างแล้วปักดาบลงไปบนดินที่ฝังมัน แล้วเจ้าโอเมก้าก็นอนสงบนิ่ง” แล้วชาแก่ก็หยิบกระบอกใส่น้ำมาดื่นแล้วเริ่มเล่าต่อว่า “พวกชาวบ้านก็วิ่งไปหาผู้กล้าคนนั้น ผู้กล้าคนนั้นบอกว่าเจ้าโอเมก้าจะนอนสงบอยู่ตรงนี้จนกว่าจะมีคนดึงดาบเล่มนี้ขึ้นแล้วมันจะอาละวาดอีกครั้ง แล้วคราวนี้จะมีคนมาฆ่ามัน แล้วผู้กล้าคนนั้นก็จากไป จากวันนั้นถึงวันนี้ก็เป็นเวลาหลายร้อยปีแล้วที่เราอยู่อย่างสงบสุข” แล้วชายแก่ก็ค่อย ๆ หันมามองเคน

    “เป็นไงบ้างละสำหรับตำนาน”ชายแก่ถาม

    “ก็สนุกดี”เคนตอบ

    “แล้วต้องใช้อะไรฆ่ามันละทีนี้”เคนถาม

    “ใช้ . . .” แล้วทหารที่โอตะสั่งให้มาตามหาเคนก็ปลุกเคนขึ้นมา เคนก็ค่อย ๆ ลุกขึ้นมา แล้วเขาก็เอามือกุมหัวแล้วเริ่มถามถึงทางที่จะไปหุบเขาแห่งความตาย พวกทหารที่มาตามเขาถึงกับตกใจเมื่อเคนบอกว่าจะเดินทางไปหุบเขาแห่งความตาย พวกนั้นพยายามห้ามเคนไม่ให้ไปแต่เคนก็บอกกับพวกนั้นว่านี่เป็นทางเดียวที่จะเอาชนะเจ้าโอเมก้า พวกทหารปรึกษากันสักพักก่อนจะจำใจนำทางเคนไปสู่หุบเขาแห่งความตาย

        ทางด้านโอตะก็ยังต้องต่อสู้กับเจ้าโอเมก้าอย่างไม่ลดละ “ยิง”โอตะตะโกนสั่งทหารธนูต่อไปเรื่อย ๆ แต่ก็ไม่สามารถหยุดเจ้าโอเมก้าได้เลย มันกลับทำให้เจ้าโอเมก้าคลั่งอีกมันเริ่มไล่ฆ่าทหารของโอตะตายยังกับใบไม้ร่วง เมื่อเห็นดังนั้นโอตะก็สั่งทหารให้ถอยออกมาแล้วเขาก็กระโจนเข้าไปหาเจ้าโอเมก้า โอเมก้าก็กระโดดไล่งับโอตะ โอตะก็ใช้ดาบกันไว้แล้วเจ้าโอเมก้าก็กระแทกโอตะกระเด็นไป แล้วเจ้าโอเมก้าก็กระโจนเข้าใส่โอตะอย่างบ้าคลั่งโอตะเห็นดังนั้นก็กระโดดหลบทำให้เจ้าโอเมก้าพุ่งชนภูเขาเข้าเต็ม ๆ แล้วโอตะก็เริ่มประสานมือแล้วก็ท่องอะไรก่อนเอามือไปแตะที่พื้นก่อนจะมีแสงเปล่งออกมาจากมือของโอตะแล้วสัตว์บางอย่างก็ออกมาจากแสงมันคือมังกร แล้วโอตะก็ขึ้นไปยืนบนมังกรแล้วก็เริ่มสั่งมังกร “ฮามุ ลุยเลย” แล้วมังกรก็พุ่งเข้าใส่เจ้าโอเมก้า เป็นการต่อสู้ที่ดุเดือดมาก เจ้าโอเมก้าก็เริ่มใช้กรงเล็บแล้วอยู่ ๆ กรงเล็บเจ้าโอเมก้าก็มีแสงออกมา แล้วโอตะก็ร้องเตือนทุกคนในที่นั้นว่า “ระวังกรงเล็บมันนะกรงเล็บนั่นตัดได้ทุกอย่าง” แล้วโอตะก็กระโดดลงจากหัวมังกร โดยแยกกันโจมตีเจ้าโอเมก้า มังกรก็เริ่มบินไปบนฟ้าก็จะอ้าปากปล่อยลำแสงออกมา ลำแสงที่ออกมานั้นโดนเจ้าโอเมก้าเต็ม ๆ แต่มันไม่เป็นไรโอตะจึงกระโดดเอาดาบไปฟาดหัวเจ้าโอเมก้า แล้วมังกรก็พุ่งเข้ามาจับเจ้าโอเมก้าแล้วฟาดลงกับพื้น เจ้าโอเมก้าร้องด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะตะปบฮามุทไปเฉี่ยว ๆ แต่ก็เป็นบาดแผลลึก แล้วโอเมก้าก็กระโดดกัดคอฮามุทก่อนฮามุทจะร่วงลงพื้น โอตะก็เริ่มประสานมืออีกครั้งแล้วเขาก็กระโดดไปอยู่เหนือหัวเจ้าโอเมก้า “คาถาลูกไฟนรก”แล้วก็มีลูกไฟพุ่งออกมาจากมือโอตะเขาไปกระแทกหัวเจ้าโอเมก้า “ฮามุทตอนนี้แหละบินขึ้นแล้วปล่อยลูกไฟ”โอตะตะโกน แล้วมังกรก็เริ่มบินขึ้นไปบนฟ้าก่อนจะพ่นลูกไฟออกมาแต่เจ้าโอเมก้าก็กระโดดหลบได้ โอตะก็เริ่มพุ่งเข้าใส่เจ้าโอเมก้าอีกครั้ง

        ทางด้านเคนก็เดินตามทางไปหุบเขาแห่งความตาย ระยะทางลำบากมากต้องปีนเขาหลายสิบลูก ต้องเดินผ่านแม่น้ำหลายสาย ต้องเดินผ่านป่าหลายครั้งแต่เคนกับทหารที่นำก็ไม่ย่อท้อ ระหว่างทางเคนได้เห็นโครงกระดูกมากมาย

    เคนจึงถามพวกทหาร “นี่เป็นโครงกระดูกใครอะ”

    “เป็นโครงกระดูกของคนที่พยายามจะไปหุบเขาแห่งความตาย”ทหารคนหนึ่งตอบ

    “แล้วอีกนานไหมกว่าจะถึงหุบเขาแห่งความตาย”เคนถาม

    “อีกไม่นานหรอกท่าน”ทหารคนหนึ่งตอบ

        แล้วสักพักพวกที่นำทางเคนมาหยุดเดินแล้วชี้ให้เคนดูหุบเขาแห่งความตาย สิ่งที่เคนเห็นคือ กลุ่มภูเขาไฟที่มีลาวาไหลออกมาตลอดเวลา แล้วเคนก็ถามว่า “พวกเจ้ารู้ทางที่จะเข้าไปใจกลางหุบเขาหรือเปล่า” ทหารหลายคนส่ายหน้าแต่ก็มีทหารคนหนึ่งพยักหน้า “ข้ารู้”

    “เจ้าพาเราเข้าไปได้ไหม”เคนถาม

    “ได้สิ ข้าจะพาท่านเข้าไป”เขาตอบ แล้วเคนก็สั่งให้ทหารที่ตามมาที่เหลือกลับไปแล้วเขากับทหารคนหนึ่งก็มุ่งหน้าไปสู่หุบเขาแห่งความตาย

        ระหว่างทางเคนก็ถามชื่อทหารคนนั้น “เจ้าชื่ออะไรนะ” “ผมหรอ”ทหารคนนั้นมองหน้าเคนแล้วชี้หน้าตัวเอง “ก็เจ้านั่นแหละ”เคนย้ำ “นามุ”เขาตอบ แล้วทั้งคู่ก็เดินไปโดยไม่พูดด้วยกันอีกเลย ทั้งสองปีนผ่านภูเขาสูงด้วยความทุลักทุเล

    เมื่อขึ้นมาแล้วนามุก็เอ่ยขึ้นมาว่า “ท่านเคน ทำไมท่านอยากมาหุบเขาแห่งความตายนี้ละ”

    “ที่นี่มีวิธีที่จะกำจัดเจ้าโอเมก้าได้”เคนตอบ

    “จริงหรือท่าน”นามุพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

    แล้วทั้งสองก็เริ่มเดินต่อไป จนกระทั่งมาหยุดที่ภูเขาไฟลูกหนึ่งที่พ่นลาวาออกมาตลอดเวลา แล้วนามุก็พูดขึ้นมาว่า “เราต้องปีนผ่านภูเขาลูกนี้ไปไม่งั้นเราไปไม่ถึงใจกลางของหุบเขาแน่”

    “งั้นหรอ”เคนพึมพำ

    แล้วเคนก็มองไปที่ภูเขาไฟลูกนั้น แล้วถามนามุว่า “แล้วพวกเจ้าผ่านภูเขาไฟลูกนี้ไปได้อย่างไร”

    “พวกเราไม่มีใครมาหุบเขาลูกนี้เป็นเวลานานมากแล้ว เพราะชาวบ้านรวมทั้งทหารของเราต่างหวาดกลัวภูเขาลูกนี้มาก”นามุตอบด้วยน้ำเสียงท้อแท้

    “ทำไมถึงกลัวไอ้ภูเขาลูกนี้นัก”เคนถาม

    “เพราะเมื่อก่อนมันเป็นที่อยู่ของเผ่าที่น่ากลัวมากเผ่าหนึ่ง”นามุตอบ

    “แล้วตอนนี้เผ่านั้นหายไปไหนแล้วละ”เคนถาม

    “เมื่อเจ้าผู้ครองหุบเขาต้องการให้ชาวบ้านอยู่กันอย่างสงบสุขจึงรวบรวมกองกำลังแล้วเข้าตีภูเขานี้”นามุตอบ



    “มันต้องมีทาง ไปได้แน่นามุ”เคนพูด

    แล้วเคนก็สังเกตอะไรบ้างอย่างเขาเห็นอะไรบางอย่างบินบนฟ้า แล้วเคนก็ชี้ให้นามุดู

    “นั่นอะไรนะ”เคนถาม

    “นั่นคือวิหกเพลิง หรือนกฟีนิกซ์ที่พวกเราเรียกกัน”นามุตอบ

    “ตามตำนานแล้วคนที่จับนกฟีนิกซ์ได้ มันจะยอมให้ขึ้นไปบนตัวมันและยอมเชื่อฟังคำสั่งคนที่จับได้ทุกอย่าง แล้วมันยังมีความสามารถพิเศษที่จะสามารถปลุกชีวิตคนตายขึ้นมาได้”นามุพูดตามตำนานที่เขาเคยได้ยิน

    “งั้นก็พอมีทางแล้วแหละ”เคนพูด

    “ท่านคงไม่คิดที่จะจับนกตัวนั้นนะ”นามุพุโกลางหันมามองเคน

    “ใช่ฉันจะลองจับมันดู”เคนพูดด้วยน้ำเสียงแน่วแน่

        แล้วเคนก็บอกแผนที่จะจับนกฟีนิกซ์ให้นามุฟัง นามุก็รับฟังแล้วก็พยายามแย้งหลายครั้งแต่เคนก็ไม่ฟัง ทำให้นามุก็ได้แต่รับฟังแล้วปฏิบัติตาม แล้วเคนก็ให้นามุพุ่งหอกไปที่นกฟีนิกซ์ แต่เคนก็คำนวณอะไรบางอย่างผิดไปตัวของนกฟีนิกซ์เป็นไฟทำให้หอกนั้นละลายไปก่อนจะไปโดนตัวนกเสียอีก “นามุเจ้ามีวิชาอะไรติดตัวหรือเปล่า”เคนถาม

    “ข้านะพอมี”นามุตอบ

    “เจ้ามีวิชาอะไร”เคนถาม

    “วิชาเรียกฟ้าผ่านะท่าน ทำไมหรอ”นามุตอบ

    “เจ้าใช้วิชาฟ้าผ่า ใส่มันแล้วที่เหลือข้าจะจัดการเอง”เคนตอบ

    “แล้วทำไมไม่ใช่วิชาของท่านเองละ”นามุถามกลับ

    “ข้าใช้วิชาไม่เป็น”เคนพูดด้วยความหน้าด้าน

        นามุก็หัวเราะออกมา ทำให้เคนอายเล็กน้อยก่อนนามุจะทำตาม นามุเริ่มประสานมือแล้วเริ่มท่องคาถาอะไรบางอย่างแล้วก็มีสายฟ้าผ่าลงมาโดนนกฟีนิกซ์ ทำให้มันค่อย ๆ ร่วงลงมา

    “นี่หรอนกในตำนานไม่เห็นจะเท่าไรเลย”เคนตะโกน

    แล้วเจ้านกฟีนิกซ์ก็ค่อย ๆ ตั้งตัวได้ก่อนจะพุ่งมาหาเคน แล้วเคนก็ค่อย ๆ ชักดาบของเขาออกมาก่อนจะรับการพุ่งชนของเจ้านกฟีนิกซ์ การพุ่งชนของเจ้านกฟีนิกซ์นั้นทำให้รับรู้ถึงความร้อนรอบตัวของนกฟีนิกซ์ นามุจะวิ่งเข้าไปช่วยเคนแต่เคนก็ห้ามไว้

    “อย่าเข้ามามันร้อนมาก”เคนตะโกนห้ามนามุ

    แล้วเคนก็ใช้ดาบกระแทกมันออกไปก่อนจะวิ่งเข้าไปฟันที่หัวของมัน แต่มันสามารถหลบได้ก่อนจะใช้ปีกสะบัดมาโดนเคน การสะบัดปีกของมันทำให้เคนโดยไฟจากปีกมัน แต่เคนก็ไม่ย่อท้อเคนก็รวบรวมกำลังพุ่งเข้าฟันเจ้านกฟีนิกซ์ต่อคราวนี้มันเริ่มพ่นไฟออกมาจากปากของมัน เคนกระโดดหลบได้ก่อนจะฟันที่ปีกเจ้านกฟีนิกซ์คราวนี้มันเริ่มรู้สึกเจ็บบ้างแล้วก่อนจะตีปีกบินขึ้นไปบนฟ้า บินวนไปวนมาสักพักก่อนที่จะพุ่งเข้าใส่เคน เจ้านกฟีนิกซ์พุ่งด้วยความเร็วสูงจนเคนไม่สามารถมองเห็น ทำให้เคนโดนมันชนบริเวณแขนซ้าย

    “อ๊าคคคคคคคคคค”เคนร้องด้วยความเจ็บปวด

    ก่อนที่มันจะบินขึ้นไปบนฟ้าก็มีฟ้าผ่ามาโดนมันอีกครั้ง แล้วเคนก็หันไปมองนามุที่กำลังยืนยิ้มอยู่ข้างหลัง แล้วเคนก็กระโดดฟันเจ้านกฟีนิกซ์มันร้องด้วยความเจ็บปวด แล้วเริ่มบินขึ้นฟ้าอีกครั้ง

    ก่อนจะพุ่งด้วยความเร็วสูงอีกครั้ง แต่คราวนี้เคนเริ่มมองออกเคนสามารถหลบการโจมตีของมันได้ก่อนจะฟันสวนไป ทำให้เจ้านกฟีนิกซ์เริ่มบินเซ ๆ ก่อนจะร่วงลงพื้น แล้วเคนก็วิ่งพยายามจะเอาดาบไปฟันมัน แต่เจ้านกฟีนิกซ์หันหัวมาแล้วเริ่มพ่นเปลวไฟร้อน ๆ ออกจากปากของมัน

        นามุพยายามวิ่งเข้าไปช่วยเคนแต่เขาไม่สามารถฝ่าเปลวไฟร้อน ๆ ของเจ้านกฟีนิกซ์เข้าไปได้ แล้วนามุก็เห็นแสงสีทองในเปลวไฟ แสงสีทองนั้นเปล่งออกมาจากร่างของเคน แล้วแสงสีทองก็ค่อย ๆ ไปรวมที่ดาบของเคนก่อนที่เคนจะฟันมันออกไป ก็มีลำแสงสีทองพุ่งออกมาจากดาบผ่านเปลวไฟของนกฟีนิกซ์  ไปโดนเจ้านกฟีนิกซ์อย่างจัง หลังจากนั้นเจ้านกฟีนิกซ์จะค่อย ๆ ล้มลงแล้วแล้วเคนก็ค่อย ๆ เดินไปหาเจ้านกฟีนิกซ์แล้วค่อย ๆ ลูบหัวมัน แล้วเจ้านกฟีนิกซ์ก็ตื่นขึ้นมาแล้วหมอบราบเหมือนกับมันยอมแพ้เคน แล้วนามุก็ค่อย ๆ เดินมาหาเคน

    “ท่านนี่แน่จริง ๆ”นามุพูดด้วยความยินดี

    แล้วเคนกับนามุก็ขึ้นไปบนหลังของเจ้านกฟีนิกซ์ แล้วมันก็เริ่มทะยานบินออกไปบนฟ้า แล้วมันก็ค่อย ๆ บินเข้าไปสู่ใจกลางของหุบเขาแห่งความตาย ตอนนี้เขาและนามุสามารถนั่งบนหลังของนกฟีนิกซ์โดยไม่รู้สึกร้อนแต่อย่างใด เจ้านกฟีนิกซ์บนสักพักก็มาถึงใจกลางหุบเขาแห่งความตายโดยไม่รู้ว่ามีใครมารอทั้งสองอยู่

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×