ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : เพศสีเทา
  ผู้หญิง ผู้ชาย คุณคิดว่า มีมากกว่านี้ไหม? แน่นอนในสังคมปัจจุบัน เราจะไม่เจอเฉพาะ 2 ลักษณะนี้เท่านั้น เราเจออีกมากมายหลากหลาย ผมคิดว่านับไม่ถ้วน
  ทำไมถึงมีมากมาย? ตอบได้ไม่ยากคับ เพราะสิ่งที่เป็นจินตนาการนั้นมันไม่มีที่สุด ใครจะเป็นอะไรก็ได้ ขึ้นอยู่กับสิ่งที่ชอบในแต่ล่ะคน แต่ถ้าหากจำกัดใจความส่วนของเรื่องวัฒนธรรมทางเพศหล่ะก็ ที่เด่นชัดก็มีอยู่ไม่มาก
  \"กะเทย\" \"ตุ๊ด\" \"เกย์\" \"ทอม\" \"ดี้\" \"เสือใบ\" \"โบ้ท\" คำเหล่านี้ถูกจำกัดความขึ้นโดยมนุษย์เมื่ออยู่ในกรอบทางความคิดเรื่องเพศ หรือพูดง่าย ๆ คือของใหม่ แปลกและไม่ธรรดา
  และสิ่งเหล่านี้ถูกเปิดเผยเป็นวงกว้างมากขึ้น แต่พวกเขาเหล่านี้ส่วนหนึ่งก็ยังคงไม่เข้าใจตนเอง บางส่วนก็สับสนกับการเปลี่ยนแปลงที่แตกต่างจากชาวบ้าน คุณคิดว่าแตกต่างหรือไม่?
  อย่างที่ผมกล่าวไปบทความแรกแล้วว่า เพศผู้ก็ไม่ได้แสดงว่าต้องเป็นผู้ชาย แล้วเพศเมียก็ไม่ได้แสดงว่าต้องเป็นผู้หญิง มันขึ้นอยู่กับเรา
  \"กะเทย\" ส่วนตัวผมเอง ผมก็มีเพื่อนที่เป็นในลักษณะนี้ แน่นอนผมถามเขาว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร เขาบอกไม่รู้แต่รู้สึกถ้าไม่ได้ปลดปล่อยพฤติกรรมนี้ออกมาแล้วอึดอัด
  \"ตุ๊ด\" ผมไม่รู้น่ะว่าใครเป็นคนบัญญัติคำนี้ แล้วจริง ๆ มีที่มาอย่างไร ผมไม่รู้เลย แต่คิดว่าเป็นศัพท์แสลงที่แปลว่า \"กะเทย\"
  คนเหล่านี้จะมีลักษณะก็เหมือนคนเราทั่ว ๆ ไป เพียงแต่จิตของเขาเหล่านั้นมิได้แข่งแกร่งเหมือนคนทั่วไป
  สิ่งหนึ่งที่คนเหล่านี้แตกต่างจากคนทั่วไปคือจิตวิพากษ์ คือ ความคิดเชิงซ้อน ในหนึ่งความคิดจะมีอีกความคิดมาสนับสนุน หรือขัดแย้ง หรือเบี่ยงเบนความคิดเรา
  แล้วสิ่งที่ทำให้คนเหล่านั้นมีจิตที่ไม่แข่งแกร่งพอ คือวัฒนธรรมทางเพศ ด้วยเนื่องเพราะมนุษย์คิดว่า เพศผู้คือชาย เพศเมียคือหญิง
  เมื่อคนเหล่านี้ต้องอยู่ในสังคมวัฒนธรรมเหล่านี้จะกดดันพวกเขา เนื่องเพราะลักษณะการดำรงชีวิตหรือพฤติกรรมคล้ายกับวัฒนธรรมหญิงจนทำให้ตนเองนั้นเกิดความขัดแย้งภายใน ระหว่างเพศและวัฒนธรรมเพศ
  จึงทำให้คนเหล่านี้หลาย ๆ คนคิดว่าตนคือผู้หญิง ทั้งที่จริง วัฒนธรรมหญิงก็มิได้มีนิยามใด ๆ ทั้งสิ้น แต่เป็นโดยจารีตเท่านั้น
  เมื่อคนเหล่านี้รู้ว่าตนไม่ได้อยู่ในเครือข่ายวัฒนธรรมใด ๆ และไม่มีวัฒนธรรมเหล่านี้มารองรับ เลยเกิดความกลัว
  บางส่วนยินยอมแปลงเพศไปเพื่อให้มีการยอมรับมากขึ้น แต่นั้นเป็นแค่การยอมรับใจตนเองเท่านั้น
  \"เกย์\" ผมพอมีความรู้เรื่องนี้จากการเรียนภาษาอังกฤษมาบ้าง ภาษาอังกฤษเดิมทีมาจากเทพนิยายกรีกโบราณ ผมเลยได้รู้เรื่องนิยายเทพเหล่านี้มาบ้าง
  ชาวกรีกเป็นชนที่ยึดถือเทพเจ้าเป็นหลัก(มากกว่าไทย) โดยที่เทพเจ้าของชาวกรีกมีความรักระหว่างเพศเดียวกัน ในภาษาของมนุษย์ก็เรียกกันว่า \"เกย์\"
  ความรักของเทพกรีกนั้น \"เพศชาย\" ก็มอง \"เพศชาย\" ว่าสวย น่ารัก มีเสน่ห์ และอยากที่จะรัก ไม่ใช่เรื่องแปลก กลับกลายเป็นเรื่องที่ใครต่อใครเขาก็ทำกันแบบนั้น
  ต่อมาเกย์ถูกเปิดเผยผ่านศาสนาคริสต์ ไม่แน่ใจว่าเกี่ยวเนื่องกับเทพกรีกหรือเปล่า และเมื่อนั้น \"ชายรักชาย\" หรือเรียกติดปากว่า \"เกย์\" ก็ได้เป็นวัฒนธรรมใหม่
  \"ทอม/ดี้\" ผมไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่ เพราะผมไม่ค่อยได้คลุกคลีในวงการทอม หรือดี้ แต่คิดว่าเป็นเครือข่ายเดียวกับ \"กะเทย\"
  ปัจจัยต่าง ๆ ที่ทำให้เกิดวัฒนธรรมใหม่ ๆ ขึ้น หรือสิ่งแปลก ๆ ขึ้น เนื่องเพราะ สิ่งแวดล้อม ตัวกระตุ้น การฝั่งใจ แล้วก็ความคิดของภพชาติ อย่างที่ผมเขียนไว้ในบทความแรกว่า เด็กที่เกิดมาภายใน 2 ปี เราสามารถกำหนดให้เขาเป็น หญิง หรือชายก็ได้ โดยทำให้มีสิ่งแวดล้อม มีตัวกระตุ้น
 
  ผมเคยไปอบรมเกี่ยวกับธรรมะ(ไม่ใช่พุทธ) มีผู้หญิงคนหนึ่งมาพูดกับกลุ่มฝึกอบรมว่า \"เพศชาย เปรียบเสมือนสีดำ เพศหญิง เปรียบเสมือนสีขาว เมื่อรวมกันก็กลายเป็นสีเทา ธรรมชาติสร้างมนุษย์ให้มีเพศแยกแยะกันอยู่แล้ว การที่มีพฤติกรรมแบบนี้ก็เป็นบาป\" แล้วเขาก็ยกตัวอย่างคุณ ธงธง มกจ๊ก ให้ฟังว่า \"หากเขาเป็นชาย เขาอาจจะตกงาน แต่เขากลายเป็นเพศสีเทาเมื่อไหร่ เขาก็มีงานทำมากมาย\" พูดไปพูดมาผมก็นั่งฟัง สรุปคือสีเทานั้นผิด
  ตอนนั้นในใจผมไม่เข้าใจ มันผิดตรงไหนอ่ะ เลยไปถามอาจารย์ของผม เขาให้คำตอบว่า \"จริง ๆ แล้ว สีเทาเกิดก่อนที่จะมีสีดำ และขาว ไม่ใช่มองว่ามันผิด แต่มองว่ามันมีมานานแล้ว สิ่งที่ควรจะคิดคือยอมรับ\" ผมกลับมาคิดตามหลักชีววิทยา สิ่งมีชีวิตก่อนที่จะระบุอวัยวะสืบพันธุ์ได้นั้น เดิมทีเป็นเพศ \"กะเทย\" คือมี 2 เพศในตัวเดียว เพราะยังไม่สามารถมีวิวัฒนาการได้สมบูรณ์ และเหมาะกับการดำรงเผ่าพันธุ์ แล้วเมื่อพัฒนามาจนปัจจุบัน จึงแยกอย่างชัดเจน ตามหลักวิวัฒนาการ
  คนเหล่านี้ก็เหมือนพวกคุณ เพียงแค่ความคิดแตกต่างจากพวกคุณเท่านั้น จงอย่ามองเขาต่ำต้อย และอย่ามองว่าตนเองสูงส่ง
  มันเป็นมากกว่าสี เป็นมากกว่าธรรมชาติ เป็นมากกว่ากรอบของมนุษย์ และอย่ามองว่านั้นคือ \"สีเทา\"
 
 
 
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น