สมรภูมิอึด....เขาชนไก่ - สมรภูมิอึด....เขาชนไก่ นิยาย สมรภูมิอึด....เขาชนไก่ : Dek-D.com - Writer

    สมรภูมิอึด....เขาชนไก่

    หนุกดีนะ..........

    ผู้เข้าชมรวม

    1,325

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    1.32K

    ความคิดเห็น


    3

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  นิยายวาย
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  7 ก.พ. 47 / 18:37 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      สมรภูมิอึด….เขาขนไก่

                 ย้อนไปเมื่อผมยังเป็นนักเรียนมัธยมปลายหัวเกรียนอยู่  ช่วงนั้นถ้าใครไม่อยากถูกเกณฑ์ทหาร
                 ก็จะต้องจำทนเรียน ร.ด.  (รักษาดินแดน)  ใครที่เรียนครบสามปีก็ไม่ต้องเกณฑ์ทหาร  การเรียน
                 ก็ต้องไปเรียนกับทหารตามหน่วยต่างๆ  นักศึกษาทุกคนจะได้รับการฝึกแบบทหารที่ทั้งโหดทั้ง
                 เหนื่อย  แต่ถึงจะโหดแค่ไหนก็สู้การที่ต้องไปฝึกที่เขาชนไก่  จังหวัดกาญจนบุรีไม่ได้  ถ้าผู้ใด
                 ไม่ได้ไปรับการฝึกที่นั่นก็จะสอบตกต้องเรียนใหม่  ช่วงที่เรียนปีหนึ่งปีสองยังไม่เท่าไร  เพราะไป
                 ฝึกที่เขาชนไก่แค่สองสามวันเท่านั้น  แต่พอมาถึงปีที่สามนี่สิจะต้องไปเข้าค่ายฝึกตั้งหนึ่งสัปดาห์
                                      ประสบการณ์เมื่อครั้งไปฝึกตอนปีหนึ่งปีสองทำให้ทุกคนรู้ว่าจะต้องไปเจอกับอะไร
                 บ้าง  ไม่ว่าจะเป็นการฝึกที่โหด  อากาศที่ร้อนอบอ้าว  และที่สำคัญคือจำนวนนักเรียนที่มาฝึกมีตั้ง
                 มากมายจากหลายโรงเรียน  ดังนั้นจำนวนห้องน้ำจึงไม่เพียงพอต่อความต้องการ  เมื่อมีคนใช้มากๆ
                 ก็ทำให้ส้วมเต็มจนล้นทะลักออกมาส่งกลิ่นเหม็นอบอวลไปทั่วบริเวณนั้น  ผมและเพื่อนจึงต้องเตรียม
                 การป้องกันเพื่อไม่ให้ต้องไปประสบชะตากรรมกับเรื่องพวกนี้  และวิธีที่จะหลีกเลี่ยงไม่ต้องเข้าส้วม
                 ก็คือไม่ต้องถ่าย  ดังนั้นก่อนหน้าที่จะต้องไปเข้าค่ายหนึ่งวันพวกเราจะกินยา…. (ไม่ขอเอ่ยชื่อยา
                 แต่สรรพคุณแก้ท้องเสียถ่ายไม่หยุดได้ผลชะงัก)  คนละหนึ่งเม็ด  ซึ่งยาชนิดนี้เป็นยาที่แรงมาก
                 รับรองได้ว่าภายในเจ็ดวันน่าจะพอรับมืออยู่
                                      เช้าวันเดินทางผมและไอ้เป๋ง  (ชื่อนี้สมมติขึ้น  เนื่องจากไม่อาจเอ่ยนามได้เพราะ
                 อาจโดนเจ้าของชื่อเตะ)  มาพร้อมกันที่ศูนย์ฝึก ร.ด. สวนเจ้าเชตุ  เพื่อเตรียมขึ้นรถที่ทางทหารได้
                 จัดเตรียมไว้สำหรับพานักศึกษาไปสู่สมรภูมินรกเขาชนไก่  ก่อนที่จะขึ้นรถไอ้เป๋งได้สะกิดแขนผม
                 ถามว่าพกยา….ติดตัวมาด้วยรึเปล่า  มันต้องการกินอีกเม็ดเพื่อความชัวร์
                                      \" มึงจะบ้าเรอะ  เม็ดเดียวก็อยู่แล้วขืนกินอีกเม็ดมึงต้องไปสวนก้นแน่ \"   ผมด่ามัน
                 ในขณะที่มือก็ยื่นยาให้มันไปด้วย
                                      \" เรื่องของกู  กูเป็นคนธาตุอ่อนอยู่แล้วโว้ย \"    มันกลืนยาลงคออย่างรวดเร็ว  แต่
                 ด้วยความรีบร้อนทำให้สำลักน้ำจนน้ำหูน้ำตาไหล
                                      \" เฮ้ย!  เป็นงัยบ้าง  เดี๋ยวก็ยาติดคอตายก่อนที่จะได้ไปฝึกหรอก \"   ผมถามมันด้วย
                 ความเป็นห่วงกลัวว่ามันจะตายซะก่อนแล้วผมจะต้องไปฝึกเพียงลำพัง

                                      ระหว่างที่นั่งอยู่บนรถทุกคนมีแต่ความสนุกสนานพากันร้องรำทำเพลงเสียงดังลั่นรถ
                 ไปหมด  เมื่อรถจอดติดไฟแดงก็พากันส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวทักทายสาวๆบนรถเมล์ที่จอดติดอยู่ข้างๆลืม
                 ความกังวลไปชั่วขณะว่ากำลังจะเดินทางไปเจอะเจออะไรในอีกเจ็ดวันข้างหน้า  เพลงต่างๆถูกนำมา
                 ร้องไม่ว่าจะเป็นเพลงลูกทุ่ง  ลูกกรุง  หรือเพลงเพื่อชีวิต ร้องจนไม่รู้จะร้องเพลงอะไรกันแล้วเสียงจึง
                 ค่อยๆเงียบลงทีละนิดจนกระทั่งไม่มีใครร้องเพลงอีก  แล้วความเงียบก็ปกคลุมไปทั่วทั้งคันรถจนถึง
                 เขาชนไก่  รถค่อยๆแล่นผ่านประตูทางเข้าอย่างช้าๆจนมาถึงลานจอดรถ  ทุกคนพากันแบกเป้ใส่หลัง
                 ลงจากรถด้วยความอ่อนล้าจากการเดินทาง
                                     \" ให้มันว่องไวหน่อย  ขืนช้าอย่างนี้ถูกข้าศึกยิงตายห่า \"   ครูฝึกหน้าตาเหี้ยมโหดตะ
                 โกนสั่งให้พวกเราทุกคนจัดแถวให้เรียบร้อย
                                     \" เหนื่อยกันมั้ย? \"
                                     \" ไม่เหนื่อย \"
                                     \" ดีมาก….ถ้าไม่เหนื่อยเตรียมตัวคลานไปยังที่พัก  ทุกคนหมอบ \"   ครูฝึกออกคำสั่ง
                 ให้พวกเราทุกคนคลานจากลานจอดรถไปยังเต้นท์ที่พักระยะทางเกือบจะกิโลได้  แล้วทางก็เป็นทาง
                 ลูกรังสีแดง  กว่าจะถึงที่พักทั้งตัวของพวกเราก็เปลี่ยนเป็นสีแดงของฝุ่นกันทุกคน
                                     \" ไอ้ห่า….มาถึงก็ต้อนรับได้ประทับใจมาก \"   ไอ้เป๋งบ่นขณะที่ปัดฝุ่นออกจากหน้าด้วย
                 ความหัวเสีย  หลังจากที่ครูฝึกปล่อยให้จัดข้าวของส่วนตัวให้เรียบร้อยก็เรียกรวมพลกันอีกครั้ง
                                     \" ต่อไปจะเป็นการเดินทางไกลระยะทางสิบกิโล  ระหว่างทางจะมีรถพยาบาลขับตาม  
                 หากใครไม่สบายขอให้บอกครูฝึกประจำหน่วย  อย่าฝืนจนเป็นลมตายเดี๋ยวครูฝึกจะเดือดร้อนต้องทำลูก
                 ชดใช้  เมื่อไปถึงที่หมายแล้วพวกเราทุกคนจะทานอาหารเย็นกันที่นั่น \"   หัวหน้าครูฝึกยืนประกาสผ่าน
                 ทางโทรโข่งก่อนที่จะปล่อยให้เริ่มออกเดินทาง
                                     \" สบายกูหละงานนี้เดี๋ยวมึงคอยดู \"   ไอ้เป๋งหันมากระซิบกับผม
                    
                                     พวกเราทุกคนเริ่มออกเดินทาง  โดยที่ทุกคนจะต้องแบกเป้ที่บรรจุหินไว้จนเต็ม  พร้อม
                 กับต้องแบกปืนสมัยสงครามโลกครั้งที่สองที่ด้ามปืนทำจากไม้น้ำหนักประมาณหนึ่งกิโลได้  และทุกคนจะ
                 ต้องแบกปืนนี้ติดตัวไปตลอดไม่ว่าจะทำอะไรที่ไหนแม้แต่จะไปส้วมก็ต้องแบกไปด้วย  หากใครทำปืนหาย
                 จะต้องถูกลงโทษ  ผมและไอ้เป๋งเดินไปได้ประมาณครึ่งทางมันก็เริ่มออกอุบายแกล้งป่วย  มันตะโกนเรียก
                 ครูฝึกบอกว่าเดินไม่ไหวแล้ว  มันอ้างว่าเป็นโรคหัวใจจะเหนื่อยมากไม่ได้เดี๋ยวหัวใจวาย  สีหน้าท่าทางตอน
                 นั้นของมันเหมือนคนใกล้จะตายจริงๆ  จนครูฝึกต้องยอมให้มันขึ้นรถพยาบาลล่วงหน้าไปก่อน  ระหว่างที่มัน
                 เดินไปขึ้นรถยังหันหน้ามายักคิ้วกับผมอีก
                                     ผมใช้เวลาเดินอีกประมาณสองชั่วโมงก็ถึงที่หมาย  เมื่อมาถึงครูฝึกก็จะให้ทุกคนไปเข้า
                 แถวรับอาหาร  หลังจากนั้นจะปล่อยให้พักผ่อนเป็นการสิ้นสุดการฝึกของวันนี้  ผมเริ่มมองหาไอ้เป๋งว่ามันไป
                 พักอยู่ที่ไหน  สักพักก็เห็นมันเดินยิ้มระรื่นเอาอาหารมาให้ผม  มันบอกว่าเมื่อมันนั่งรถพยาบาลมาถึงที่นี่ครู
                 ฝึกก็ให้มันนั่งพักผ่อนช่วยทำงานเบาๆคอยเตรียมอาหารสำหรับพวกที่กำลังจะเดินทางมาถึง  มันเลยถือโอกาส
                 แอบตักพวกเนื้อหมูเนื้อไก่ใส่จานเผื่อไว้สำหรับผมจนล้นจาน
                                     หลังจากวันแรกที่ไอ้เป๋งสามารถหลอกครูฝึกว่าเป็นโรคหัวใจได้สำเร็จ  นับจากนั้นมาไม่ว่าจะ
                 เป็นการฝึกอะไรไอ้เป๋งจะต้องแกล้งทำเป็นว่าป่วยหลีกเลี่ยงการฝึกได้ทุกครั้ง  จนกระทั่งมาถึงคืนสุดท้ายของ
                 การฝึก  ครูฝึกจะแบ่งพวกเราออกเป็นกลุ่มๆแล้วให้ตั้งหัวหน้าขึ้นมาหนึ่งคน  แล้วให้พวกที่เหลือคอยคุ้มกันหัว
                 หน้าไม่ให้ถูกข้าศึกจับตัวได้  หากกลุ่มไหนหัวหน้าถูกข้าศึกจับตัวไปจะโดนลงโทษให้เดินทางไกลในป่าตอน
                 กลางคืน  ส่วนข้าศึกที่ว่าก็คือบรรดาครูฝึกทั้งหลายนั่นแหละที่จะปลอมตัวมา
                                     ไอ้เป๋งอาสาเป็นหัวหน้ากลุ่มเพราะเห็นว่ามีหน้าที่เบาที่สุดไม่ต้องทำอะไรเลยแค่ระวังไม่ให้ถูก
                 จับตัวได้ก็พอ  หลังจากได้หัวหน้ากลุ่มแล้วพวกเราก็วางแผนที่จะป้องกันการโจมตีจากครูฝึก  โดยที่ทุกคน
                 เสนอให้ไอ้เป๋งต้องเปลี่ยนที่นอนเพื่อที่จะได้ไม่ถูกจับ  ทุกคนลงมติกันให้ไอ้เป๋งต้องเข้าไปนอนในป่าที่อยู่
                 ข้างหลังเต้นท์ของพวกเรา  เมื่อสถานการณ์ดูปลอดภัยแล้วจะให้คนไปตามกลับมา  เมื่อตกลงตามแผนการนี้
                 แล้วทุกคนก็แบ่งเวรกันเฝ้าเต้นท์สองคน  พวกที่เหลือให้นอนเอาแรงเพื่อตื่นมาเปลี่ยนเวรกันทุกชั่วโมงจนกว่า
                 จะเช้า  ส่วนไอ้เป๋งก็เข้าไปนอนในป่าตามที่ได้ตกลงกัน
                                      คืนนั้นทั้งคืนไม่มีวี่แววว่าครูฝึกจะลอบมาโจมตีแต่อย่างใด  พวกเราทุกคนจึงวางใจหลับกัน
                 อย่างสบาย  แม้กระทั่งพวกที่เข้าเวรยังหนีเข้ามานอนในเต้นท์เพราะทนอากาศหนาวข้างนอกไมไหว  ทุกคนพา
                 กันลืมไอ้เป๋งกันหมดต่างพากันนอนด้วยความอ่อนเพลียจากการฝึกตลอดหนึ่งสัปดาห์  จนกระทั่งเช้าไอ้เป๋ง
                 จึงเดินออกมาจากป่ามาปลุกพวกเราทุกคน
                                     \" ไอ้ห่า…หลับกันสบายเลยนะปล่อยให้กูโดนยุงกัดไปทั้งตัว  หนาวก็หนาว \"   มันยืนบ่นไป
                 น้ำมูกไหลไป  ตามใบหน้า  แขน  ขา  เป็นรอยยุงกัดไปทั้งตัวเห็นแล้วก็ขำสงสารก็สงสาร  แต่ช่วยไม่ได้มัน
                 ลืมจริงๆนี่หว่าไม่ได้แกล้ง

                                     วันนี้พวกเราจะได้กลับบ้านกันแล้ว  ครูฝึกจึงใจดีไม่มีการฝึกอีกปล่อยให้ทุกคนพักผ่อนตาม
                 สบาย  แล้วสายๆให้เตรียมตัวขึ้นรถกลับกรุงเทพ  ผมและไอ้เป๋งเตรียมตัวเก็บวัมภาระต่างๆ  ระหว่างนี้ผมสังเกตุ
                 เห็นสีหน้าไอ้เป๋งไม่ค่อยดี  หน้ามันซีดๆเหมือนคนป่วย
                                     \" มึงไม่ต้องทำสีหน้าแกล้งป่วยแล้ว  จะกลับบ้านกันอยู่รอมร่อ \"    ผมหันไปกระซิบ
                                     \" กูไม่ได้แกล้งป่วยแต่กูปวดขี้โว้ย \"   ไอ้เป๋งหันหน้ามาทำท่าจะร้องไห้
                                     \" อั้นมาตั้งนานดันมาตกม้าตายวันสุดท้าย \"   พูดเสร็จมันก็วิ่งตรงไปส้วมทันที

                                      หลังจากกลับมาจากเขาชนไก่ผมถ่ายไม่ออกไปอีกสามวัน  ส่วนไอ้เป๋งหลังจากกลับมามันเล่า
                 ให้ผมฟังว่าวันนั้นที่มันวิ่งไปส้วมพอเปิดเข้าไปเท่านั้นแหละไอ้ที่ปวดแทบจะหายเป็นปลิดทิ้ง  มันเลยแอบย่อง
                 ไปบ้านพักครูฝึก  พอมันเห็นชื่อครูฝึกที่ทำโทษให้พวกเราคลานตั้งแต่วันแรกที่มาถึงติดไว้อยู่หน้าบ้าน  มันก็จัด
                 การแอบเข้าไปปลดทุกข์ทันทีเสร็จเรียบร้อยก็รีบวิ่งหนีออกมาโดยไม่ทำความสะอาดสิ่งที่มันปล่อยออกมา  
                 เล่ามาถึงตอนนี้มันก็หัวเราะบอกว่าแก้แค้นสำเร็จแล้ว
                                      ผมฟังที่มันเล่าแล้วพลางนึกถึงใบหน้าครูฝึกว่าจะเป็นอย่างไรเมื่อกลับเข้ามาพบสิ่งที่ไอ้เป๋งทิ้ง
                 ไว้ให้ดูต่างหน้า  ก็คิดดูสิครับไม่ได้ถ่ายมาเจ็ดวันกองจะขนาดไหน  กลิ่นนี่ไม่ต้องพูดถึงเลย
                                      \" ลูกผู้ชายแก้แค้นสิบปีไม่สายนี่แค่เจ็ดวันมันก็แก้แค้นแล้ว…ไอ้เป๋งลูกผู้ชายตัวจริง \"

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×