ฮ่องกงเปิด “ดิสนีย์แลนด์”  ไทยแลนด์จะเปิด “คาสิโน”
เช้าวันที่ 12 กันยายน ที่เพิ่งผ่านมานี้  สวนสนุก “ดิสนีย์แลนด์”  ดินแดนแห่งจินตนาการ ที่เด็กๆ ชาวฮ่องกงรอคอย ก็ได้ทำพิธีเปิดอันยิ่งใหญ่อลังการอย่างเป็นทางการไปแล้วสดๆ ร้อนๆ  และเป็นที่คาดหวังของรัฐบาลฮ่องกงและอีกหลายมลรัฐของจีนแผ่นดินใหญ่ว่าการเปิดสวนสนุกดังกล่าว จะทำรายได้มหาศาลให้แก่ประเทศฮ่องกง และช่วยส่งเสริมด้านการท่องเที่ยวในละแวก อันเป็นผลพลอยได้แก่ดินแดนใกล้เคียงอีกด้วย
ไทยแลนด์ของเราก็ไม่น้อยหน้า  มีแนวโน้มเปิดบ่อนเสรี อ้างเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเช่นกัน  รัฐบาลทักษิณพยายามผลักดันเรื่องเปิดคาสิโนถูกกฏหมายมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปีที่แล้ว และมีแนวโน้มจะอนุมัติหลังทำประชาพิจารณ์ในอีกไม่ช้าไม่นานนี้
มีอะไรบ้างเล่าที่รัฐบาลทักษิณทำไม่ได้ ก็แม้แต่หวยใต้ดินยังรวบรัดตัดตอนขึ้นมายืนสง่าผ่าเผยบนดินไปเป็นที่เรียบร้อย บ่อนเสรีก็เช่นกัน ยังไม่ทำประชาพิจารณ์ก็เห็นคำตอบชัดเจนอยู่แล้ว แต่คำถามคือ บ่อนเสรี ให้ผลดี กว่าผลเสียจริงหรือ
ในกระแสทุนนิยมอันแรงกล้าในปัจจุบันนี้ การหลีกเลี่ยงเปิดบ่อนเสรีเห็นจะเป็นไปได้ยาก ธุรกิจไม่อาจชี้ชัดว่าเป็นสีดำหรือสีขาว แต่กลายเป็นธุรกิจสีเทาไปเสียหมดสิ้น 
รัฐบาลอ้างว่าเปิดบ่อนเสรีช่วยเรื่องการท่องเที่ยว เพราะทุกวันนี้เงินไทยไหลออกไปยังบ่อนในประเทศใกล้เคียงเป็นจำนวนมาก บ่อนเสรีนอกจากจะสร้างงานในไทยแล้ว รายได้ส่วนหนึ่งจะตกอยู่กับท้องถิ่นและนำไปใช้แก้ปัญหาสังคม เช่น บ่อนเถื่อนที่แก้ไขไม่ได้ และการรับส่วย การทุจริตของนักการเมืองและตำรวจ
แล้วปัญหาอื่นๆที่กำลังจะตามมาอีกเป็นทวีคูณเล่า....
เห็นได้ชัดว่ารัฐบาลเห็นแก่กำไรทางเศรษฐกิจแต่ไม่เคยสนใจมิติทางสังคมและวัฒนธรรมซึ่งเป็นเรื่องอันละเอียดอ่อนในสังคมไทย  เมืองไทยเป็นเมืองพุทธ  หลักธรรมคำสั่งสอนก็ชัดเจนในศาสนาอยู่แล้วว่าการพนันเป็นสิ่งไม่ดีควรหลีกเลี่ยง หวยบนดินเป็นเรื่องถูกกฎหมาย หากบ่อนเสรีเป็นเรื่องถูกกฎหมาย อีกหน่อยโสเภณีก็เป็นเรื่องถูกกฎหมาย จากสมญานาม “เมืองไทยเมืองพุทธ” อาจกลายเป็น “เมืองไทยอบายมุข” ในอีกไม่ช้า
การบัญญัติกฎหมายยึดหลักธรรมและความถูกต้องเป็นพื้นฐาน การทำให้อบายมุขเป็นสิ่งถูกกฎหมายย่อมเท่ากับรับรองว่าอบายมุขเป็นสิ่งดีงามและถูกต้อง  การเปิดบ่อนเสรีเป็นสิ่งที่น่าละอาย และหมิ่นเหม่ ล่อแหลมต่อความรู้สึกนึกคิดและพื้นฐานทางศีลธรรมของเยาวชนไทย เยาวชนที่เติบโตมาพร้อมกับการรับรู้ว่าอบายมุขเป็นสิ่งถูกกฎหมาย  การเล่นหวย การเข้าบ่อน และอีกไม่นานอาจรวมถึงการเที่ยวโสเภณี เป็นสิ่งที่ใครๆก็ทำได้อย่างสง่าผ่าเผย เป็นสิ่งถูกต้อง ไม่ผิดกฎหมาย และไม่ใช่เรื่องน่าละอายแต่อย่างใด  เช่นนี้ไม่ถือเป็นการมอมเมาเยาวชนหรือ
ในสังคมไทยที่เป็นสังคมรักความสบาย จะมีคนเป็นจำนวนมากหวังรวยทางลัดจากสิ่งที่ขึ้นชื่อว่าถูกกฎหมายนี้ หวังเอาเงินต่อเงินโดยที่วันๆไม่คิดทำมาหากินวิธีอื่น แม้เงินจะไม่ไหลออกนอกประเทศ แต่เงินของคนไทยจำนวนมากจะจมอยู่ในบ่อน หมดไปกับการพนัน แล้วเช่นนี้ประเทศชาติจะเจริญและพัฒนาไปได้อย่างไร
กฎหมายกับศีลธรรมควรเป็นสิ่งเดียวกัน หากแยกหลักธรรม ความถูกต้อง ออกจากกฎหมายดังนี้แล้ว กฎหมายจะมีอำนาจในการปกครองคนหมู่มากให้ตั้งอยู่ในความถูกต้องได้อย่างไร  ดังพระบรมราโชวาทที่พระราชทานเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2522 ความว่า  “...การรักษาความยุติธรรมในแผ่นดิน ไม่ควรจะถือเพียงแค่ขอบเขตของกฎหมาย จำเป็นต้องขยายออกไป ให้ถึงศีลธรรมจรรยา ตลอดจนเหตุและผลตามความเป็นจริงด้วย”
หากรัฐบาลต้องการจะส่งเสริมด้านการท่องเที่ยว เมืองไทยยังมีสิ่งที่น่าสนใจอีกมาก เช่น ส่งเสริมธุรกิจสปาและการนวดแผนไทยที่เป็นที่นิยมแพร่หลายในปัจจุบัน หรืออาหารไทยที่ขึ้นชื่อลือชาไปทั่วโลก หรือแม้แต่ เรื่องการบริการ เพราะคนไทยขึ้นชื่อเรื่องน้ำใจไมตรีที่ต้อนรับชาวต่างชาติด้วยรอยยิ้มอันอบอุ่นเสมอมา  แม้การเปิดบ่อนเสรีอาจส่งเสริมการท่องเที่ยวได้จริง แต่หากรัฐบาลไม่ห่วงชื่อเสียง (หรือชื่อเสีย) ของประเทศไทย ก็ขอให้ห่วงผลกระทบที่มีต่ออนาคตของชาติ  สังคมไทยและเยาวชนไทยด้วยเถิด
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น