เด็กชายแทน (ตอน กรอบสี่เหลี่ยม) - เด็กชายแทน (ตอน กรอบสี่เหลี่ยม) นิยาย เด็กชายแทน (ตอน กรอบสี่เหลี่ยม) : Dek-D.com - Writer

    เด็กชายแทน (ตอน กรอบสี่เหลี่ยม)

    ความรู้สึกนึกคิดในใจของเด็กชายวัย10ขวบ ที่มักจะมีคำถามเกี่ยวกับสังคมอยู่เสมอ

    ผู้เข้าชมรวม

    564

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    564

    ความคิดเห็น


    3

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  31 ธ.ค. 47 / 01:56 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      วันนี้เป็นวันศุกร์  โรงเรียนของแทนเปิดเทอมวันแรก  วันนี้แทนไม่อยากไปโรงเรียนแต่ก็ต้องไปเพราะยายของแทนปลุกแทนแต่เช้า  ยายจับแทนอาบน้ำแต่งตัว  ปะแป้งจนหน้าขาว  แล้วพาขึ้นรถสองแถวไปโรงเรียน
          
      โรงเรียนของแทนเป็นโรงเรียนประถมของรัฐบาล  เป็นโรงเรียนขนาดปานกลาง  มีตึกใหญ่สี่ชั้นอยู่สองสามตึกและตึกเล็กชั้นเดียวหนึ่งตึก  มีต้นไม้เยอะมาก  แทนรู้สึกว่าอากาศที่โรงเรียนดีกว่าอากาศที่บ้าน  ประตูของโรงเรียนมีสองประตู  มีประตูหน้าและประตูหลัง  แทนไม่รู้ว่าประตูไหนเป็นประตูหน้า  และประตูไหนเป็นประตูหลัง  เพราะไม่เห็นว่าโรงเรียนจะมีด้านหน้าด้านหลัง  ตึกของโรงเรียนหันหน้าเข้าหากันเป็นรูปตัวยู  มีกำแพงปูนล้อมรอบ  และประตูทั้งสองก็อยู่ด้านเดียวกัน  ประตูหนึ่งอยู่ทางซ้าย  อีกประตูอยู่ทางขวา   น่าจะเรียกว่าประตูซ้ายประตูขวามากกว่า  
          
      วันนี้แทนได้ขึ้นชั้นป.3  แล้ว  ห้องเรียนแห่งใหม่อยู่ชั้นสองของตึกสอง  ในห้องเรียนยังคงจัดโต๊ะเรียนแบบเดียวกันกับห้องเรียนชั้นป.2  โต๊ะเรียนถูกตั้งเรียงเป็นแถวยาวไว้สามแถว  แถวนึงจะมีโต๊ะตั้งอยู่ติดกันสองตัว  แทนรีบเอากระเป๋าเป้ของตนเองไปวางที่เก้าอี้ที่นั่งด้านหลังสุดริมหน้าต่าง  เพราะถ้านั่งตรงนี้จะได้มองเห็นถนนข้างนอก  เห็นรถสองแถวกับรถยนต์วิ่งไปวิ่งมา  แต่แทนอยากเห็นยายที่ถนนมากกว่า  จะได้ตะโกนบอกให้ยายซื้อขนมมาให้
          
      เคารพธงชาติเสร็จแล้ว  แทนเดินแถวกลับขึ้นมาบนห้องเรียนแห่งใหม่  และนั่งลงตรงที่เดิมตรงที่แทนได้เอากระเป๋าวางไว้  

      ข้างๆแทนมีเพื่อนชื่อจอน์นั่งอยู่  จอน์เป็นเด็กลูกครึ่ง  พ่อของจอน์เป็นฝรั่ง  แทนไม่เคยเห็นพ่อของจอน์  จอน์ก็ไม่เคยเห็นพ่อของตัวเองเหมือนกัน  นักเรียนในห้องส่งเสียงคุยกันอย่างสนุกสนาน  เพื่อนของแทนอีกคนนั่งอยู่ข้างหน้าแทนชื่อเอกหันมาเล่าเรื่องที่ตนเองได้ไปช่วยแม่ขายเกี๋ยวเตี๋ยวตามงานวัดตอนปิดเทอมให้แทนกับจอน์ฟัง  แทนรู้สึกอยากไปขายก๋วยเตี๋ยวบ้าง  และน้อยใจที่ทำไมยายไม่ขายก๋วยเตี๋ยวแทนจะได้ไปช่วยขายและมาเล่าให้เพื่อนฟัง  ระหว่างที่เด็กๆกำลังพูดกันอยู่จากที่เสียงเบาๆจนเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆคุณครูประจำชั้นคนใหม่ก็เดินเข้ามาในห้องเรียนก่อนที่จะใช้ไม้ยาวๆที่ถือมาเคาะกับโต๊ะเสียงดัง  

      “ปังๆๆ!”    นักเรียนทุกคนเงียบกริบทันที  เอกรีบหันหน้ากลับไปด้านหน้า  นักเรียนทุกคนสงบนิ่งก่อนที่จะมีนักเรียนชายคนหนึ่งลุกขึ้นยืนแล้วพูดว่า  “นักเรียนทำความเคารพ”  และนักเรียนทั้งห้องก็ยืนขึ้นพนมมือและพูดว่า “สวัสดีครับ-ค่ะคุณครู”  

      คุณครูคนนี้เป็นผู้หญิงผิวค่อนข้างคล้ำตัดผมหน้าม้า  หน้าตาดุๆเหมือนกำลังหงุดหงิดกับอะไรอยู่  แทนเริ่มรู้สึกกลัวคุณครูคนนี้  คุณครูกล่าวทักทายนักเรียนและแนะนำตัวเองว่าชื่อ “สุดใจ  งามจิต”  คุณครูสุดใจคงกลัวว่าเด็กจะลืมชื่ของตนจึงหันไปเขียนชื่อตนเองบนกระดานดำแล้วบอกให้เด็กจดไว้  

      วันนี้คุณครูสุดใจไม่สอนวิชาใดๆ  เพราะเป็นวันแรกของการเรียน  คุณครูสุดใจเขียนตารางสอนบนกระดานดำให้นักเรียนจดตาม  ครูสุดใจตีเส้นเป็นกรอบสี่เหลี่ยมใหญ่  และมีกรอบสี่เหลี่ยมเล็กๆข้างใน  มีชื่อวิชาอยู่ในกรอบสี่เหลี่ยมเล็กๆเหล่านั้น  แทนพยายามทำตารางสอนของตัวเองให้เหมือนของครูสุดใจตามที่ครูสุดใจสั่ง  แต่แทนลืมเอาไม้บรรทัดมา  ตารางสอนของแทนจึงไม่มีกรอบสี่เหลี่ยมเหล่านั้น  กรอบที่ครูสุดใจสร้างขึ้น  เมื่อครูสุดใจเห็นว่านักเรียนทุกคนหยุดจดตารางสอนแล้วจึงถามว่า

      “ทุกคนจดเสร็จหมดแล้วใช่ไหม?”

      “ครับ-ค่ะ” นักเรียนส่วนใหญ่ตอบรับ  แต่แทนไม่ได้พูดอะไรได้แต่นั่งเฉยๆ  เมื่อครูสุดใจเห็นดังนั้นจึงถามแทนว่า

      “แล้วที่นั่งอยู่ข้างหลังล่ะเสร็จหรือยัง”  แทนไม่พูดอะไรได้แต่พยักหน้ารับอันเป็นความหมายว่าเสร็จแล้ว  ครูสุดใจเดินเข้ามาแล้วมองไปที่สมุดจดของแทน  ก่อนที่สีหน้าของครูสุดใจจะเปลี่ยนไปจากที่ดุอยู่แล้วเป็นดุยิ่งกว่าเดิม
      “ไหนบอกว่าเสร็จแล้วไง”  ครูสุดใจถามอย่างหงุดหงิด

      แทนไม่ตอบ  หน้าอกของแทนเริ่มรู้สึกแน่น  ใบหน้าเริ่มชาอันเป็นผลมาจากความกลัว

      “เธอยังไม่ตีเส้นเลย  แล้วมาโกหกครูว่าทำเสร็จแล้ว  เป็นเด็กเป็นเล็กทำไมหัดโกหกผู้ใหญ่  เอามือมานี่ซิ”  พอครูสุดใจพูดจบก็ใช้ไม้ที่อยู่ในมือตีไปที่มือของแทนหนึ่งที

      “ตีเส้นให้เรียบร้อยซะ  ไม้บรรทัดก็ไม่มีอีก! ใครมีบ้างเอาให้เพื่อนยืมซิ”  ครูสุดใจพูดอย่างหงุดหงิดแล้วก็หยิบไม้ทรรทัดของจอน์มาวางกระแทกตรงหน้าแทนก่อนที่จะเดินกลับไปที่หน้าห้อง

      แทนใช้ไม้บรรทัดตีเส้นไปทีล่ะเส้น  น้ำตาของเด็กน้อยคลอเบ้า  มันมิได้ออกมาจากความเจ็บปวดที่ถูกตีมือ  แต่มันออกมาเพราะจิตใจที่ถูกกระทบกระเทือนอย่างแรงจากคำพูดต่อว่าของผู้มีอำนาจเหนือกว่า  และความที่ไม่เข้าใจว่าเหตุใดเส้นกรอบสี่เหลี่ยมเหล่านี้จึงต้องมีความสำคัญขนาดนี้  ตารางสอนที่ไม่มีตารางสี่เหลี่ยมมันจะทำให้เขาจัดหนังสือมาเรียนไม่ได้หรืออย่างไร

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×