ผู้หญิงของผม - ผู้หญิงของผม นิยาย ผู้หญิงของผม : Dek-D.com - Writer

    ผู้หญิงของผม

    ชะตาชีวิตที่ผกผันทำให้เขาเข้าใจในความเป็นไปของชีวิตมากขึ้น แต่กว่าจะถึงวันนั้นเขาต้องแลกกับสิ่งต่างๆ มากมายในชีวิตของเขา แม้แต่ความตายของคนที่เขารักก็ตาม

    ผู้เข้าชมรวม

    158

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    5

    ผู้เข้าชมรวม


    158

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  รักดราม่า
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  5 ก.ย. 48 / 21:59 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      ลมเหมันต์พัดมาพาใจหวน    ให้รัญจวนคนึงจิตคิดฝันหา
                      มองดูดาวพราวกระพริบระยิบตา    คล้ายบอกลาว่าจะไปจากไกลกัน
                      คิมหันต์พ้นวสันต์ผ่านเนิ่นนานมา    ลูกโศกาคิดถึงแม่ได้แต่ฝัน
                      แม่จากลูกไปลับดับชีวัน                    ชั่วนิรันดร์ไม่อาจฟื้นคืนหวนมา


                      กลอน ๒ บทนี้เมื่อผมได้อ่านก็รู้สึกเศร้าใจทุกครั้ง  มันทำให้ผมนึกถึงผู้หญิง ๒ คนที่ทำเพื่อผมมาตลอดชีวิต  คนแรกก็คือแม่บังเกิดเกล้าของผม  และคนที่สองก็คือพี่ดาว พี่สาวของผมผู้ที่แต่งกลอนบทนี้ขึ้นมา  ครอบครัวของผมมีด้วยกัน ๓ คน  คือ  แม่  พี่ดาว  และผม  ส่วนพ่อของผมตายตั้งแต่ผมยังจำความไม่ได้  ในความทรงจำของผมจึงมีเพียงผู้หญิง ๒ คนนี้เท่านั้นที่รักและจริงใจต่อผม  แต่กว่าผมจะรู้มันก็สายเกินไป…


                      เย็นของวันหนึ่งเมื่อ ๑๕ ปีก่อน  วันนั้นเป็นวันเกิดของผม  ผมจำได้ไม่ถนัดว่าไปความคิดที่ว่าในวันเกิดต้องมีเค้กมาจากไหน  รู้แต่เพียงว่าหากไม่มีเค้กก็แสดงว่าไม่ใช่วันเกิด  แต่วันนี้กลับไม่มี  แม่ทำกับข้าวเพียง ๒-๓ อย่าง  ที่สุดแสนจะธรรมดา  ผมร้องไห้งอแงบอกให้แม่ไปซื้อเค้กมาให้  ในครั้งแรกแม่ไม่ยอมไปซื้อให้โดยอ้างว่าไม่มีเงิน  ผมไม่ฟังเหตุผลและร้องไห้เสียงดังขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดแม่ก็ยอมไปซื้อเค้กให้ผม  ผมกับพี่ดาวรอแม่อยู่นาน  ผมรู้สึกกระวนกระวายใจอย่างบอกไม่ถูก  จนในที่สุดป้าณีคนข้างบ้านก็วิ่งมาหาพี่ดาวและพูดอะไรสัก ๒-๓ คำ  ไม่ทันที่ป้าณีจะพูดจบพี่ดาวก็ร้องไห้โฮออกมาอย่างไม่มีสาเหตุ  ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นจนกระทั่งไปถึงโรงพยาบาลและพบว่าแม่ของผมตายแล้ว  คนในเหตุการณ์เล่าให้ผมกับพี่ดาวฟังว่าแม่ถือเงินอยู่ในมืออยู่ดีๆ แต่จู่ๆ ลมก็พัดทำให้เงินหลุดมือ  แม่วิ่งตามเงินนั้นไปทันใดนั้นเองรถกระบะสีดำทมึนที่เปรียบดั่งมัจจุราชก็มาพรากชีวิตแม่ของผมไป  ผมไม่รู้จะทำอย่างไรดี  ได้แต่เพียงร้องไห้กับพี่ดาวสองคน  เมื่อพี่ดาวตั้งสติได้จึงบอกกับผมว่า “เมฆ  ไม่ต้องเสียใจนะพี่จะดูแลและส่งเสียให้เมฆได้เรียนจนจบไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม” แววตาของพี่ดาวเปล่งประกายที่เต็มไปด้วยความเศร้าดั่งดวงดาวที่ทอแสงสลัวในคืนเดือนมืด  เราสองคนจะทำอย่างไรได้เล่าในเมื่อกาลเวลายังคงพรากดวงดาวให้ไกลห่างดวงอาทิตย์  ไม่มีวันที่ดวงดาวจะทอแสงแห่งความรักไปถึงดวงอาทิตย์  มันทำได้แค่เพียงกระพริบตาเพื่อเป็นสัญญาณบอกกับดวงอาทิตย์ว่ามันยังคงจะจงรักภักดี  ทำหน้าที่ส่องแสงสว่างแทนดวงอาทิตย์ในยามเหนื่อยล้าหรืออ่อนแรง  รอจนกว่าดวงอาทิตย์จะเข้มแข็งพอและพร้อมที่จะต่อสู้กับรุ่งอรุณของวันใหม่ที่ไม่มีดวงดาว  ผมและพี่ดาวก็เช่นเดียวกัน  เราสองคนจะระลึกถึงแม่เสมอนะครับ…



                      พี่ดาวเรียนจบแค่เพียง ม.๓  เพราะต้องออกมาหางานทำ  ส่วนตัวผมก็สอบเข้าโรงเรียนประจำจังหวัดได้  พี่ดาวต้องลำบากเป็นอย่างมากเนื่องจากมีการศึกษาน้อยทำให้ต้องทำงานหนัก  แต่อย่างไรก็ตามพี่ดาวก็ไม่เคยย่อท้อ  ไม่เคยแม้แต่จะบ่นให้ผมฟังว่าเหนื่อย  แต่ด้วยความขยันขันแข็งของพี่ดาวทำให้เธอได้เลื่อนขั้นจากพนักงานรับโทรศัพท์เป็นพนักงานบัญชีด้วยว่าเธอมีความสามารถในเรื่องนี้อยู่เป็นทุนเดิม  เมื่อเลิกงานพี่ดาวจะออกไปขายของที่ตลาดใกล้บ้าน  พี่ดาวเป็นแม่ค้าที่ดีไม่เคยเอาเปรียบลูกค้าทำให้ขายดีเป็นเทน้ำเทท่ามากกว่าแม่ค้าคนอื่นๆ…



                      กาลเวลาผ่านไปราวใบไม้ร่วง  แสงสีทองส่องสว่างสลับกับแสงนวลกระจ่างอย่างไม่รู้จักเบื่อหน่าย  วันนี้ผมตื่นเช้าเป็นพิเศษ  ที่จริงแล้วผมแทบไม่ได้นอนด้วยซ้ำพี่ดาวก็เช่นกัน  เราทั้งสองคนตื่นเต้นเป็นอย่างมากกับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น  เนื่องจากวันนี้เป็นวันประกาศผลเอนทรานซ์ของผม  ผมหวังไว้มากกับการสอบครั้งนี้เพราะนี้เป็นหนทางหนึ่งที่จะทำให้ผมประสบความสำเร็จ  และก็เป็นไปอย่างที่ผมคาดหมาย  ผมสอบติดที่คณะวารสารศาสตร์ฯ ที่มหาวิทยาลัยของรัฐแห่งหนึ่ง  ผมร้องตะโกนด้วยความยินดีจนคนหันมามองกันหมด  พี่ดาวก็เช่นกัน  เราโผเข้ากอดกันอย่างไม่อายสายตาของใคร  ผมไม่ได้เห็นรอยยิ้มและดวงตาที่เป็นประกายดุจดาวพระศุกร์ที่ส่องแสงระยิบระยับอยู่บนท้องฟ้ามานานแสนนานนับตั้งแต่แม่ของผมจากไป

                      “เมฆ  พี่ดีใจด้วยนะ  วันนี้อยากกินอะไรล่ะเดี๋ยวพี่พาไปฉลอง”
                      “หูฉลามน้ำแดงได้มั้ยฮะ  น่าจะอร่อยนะ  หึหึ” ผมพูดประชด
          “ฝันไปเถอะ  ไปกินที่ร้านเฮียเส็งมั้ยของกินที่นั่นอร่อยดีนะ”
          “ก็ได้ฮะ  นานๆ พี่ดาวจะพาไปเลี้ยงทั้งทีต้องรีบตกลง”
                      “พูดอย่างนี้มันน่าเลี้ยงเนี่ย”
                      “น่าเลี้ยงสิ  น้องชายน่ารักขนาดนี้ไม่เลี้ยงได้ไงล่ะ”

                      พี่ดาวพาผมไปฉลองที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง  เป็นร้านอาหารไทยที่มีลูกค้าประจำพอสมควร  ร้านนี้เป็นร้านที่พี่ดาวรู้จักเจ้าของร้านเป็นอย่างดี  ทางร้านจึงลดราคาให้เป็นพิเศษ  พี่ดาวเป็นคนตระหนี่ถี่เหนียว  จะจับจ่ายใช้สอยแต่ละครั้งก็คิดแล้วคิดอีก  ทั้งนี้ก็เพื่อที่จะได้มีเงินเหลือพอที่จะส่งเสียให้ผมได้เรียน  เงินจำนวนไม่น้อยที่พี่ดาวต้องจ่ายเป็นค่าหน่วยกิตให้ผม  พี่ดาวไม่ได้พูดอะไรกับผมมากมายเพียงแต่บอกให้ผมตั้งใจเรียนให้มากๆ เพราะว่าการศึกษาเป็นสิ่งเดียวที่พี่ดาวจะหยิบยื่นให้กับผมได้…



                      วันแรกในรั้วมหาวิทยาลัย  เป็นวันที่ผมใฝ่ฝันมาตลอดชีวิต  ผมได้ทำกิจกรรมและได้รู้จักเพื่อนใหม่หลายคนและหนึ่งในนั้นก็นัท  นัทเป็นผู้หญิงที่เพียบพร้อมทุกอย่าง  เธอเรียนเก่ง  อัธยาศัยดี  หน้าตาดี  และที่สำคัญนัทเป็นผู้หญิงที่ผมรู้สึกดีด้วย  ถูกต้องผมเริ่มมีความรักและนี่ก็คือรักครั้งแรกของผม  ผมใช้เวลาจีบเธออยู่นาน  และในที่สุดเธอก็เลือกผม  ใครๆ ก็บอกว่าผมเป็นผู้ชายที่โชคดีที่สุด  แต่พี่ดาวกลับไม่คิดเช่นนั้น

                    “พี่ว่ามันยังไม่ถึงเวลานะเมฆ  ไว้เรียนจบก่อนแล้วค่อยมีแฟนไม่ดีกว่าเหรอ” พี่ดาวพูดด้วยสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก
                    “ผมไม่เห็นว่ามันเป็นเรื่องเสียหายเลยนะ  พี่คิดมากไปหรือเปล่า”
                    “พี่กลัวว่าการเรียนของเราจะเสียน่ะสิ  อีกอย่างพี่คิดว่าเมฆยังพร้อมที่ดูแลใครหรอกนะ  เชื่อพี่สิ” พี่ดาวบอกเหตุผล
                    “พี่ดาวอย่ากลัวไปเลย  ผมแยกแยะออกนะ  ว่าอะไรเป็นอะไร” ผมเริ่มโมโห
                    “งั้นก็ตามใจแล้วกัน  แล้วอย่าหาว่าพี่ไม่เตือนนะ” พี่ดาวพูดแล้วเดินขึ้นห้องไป


                    ในปีแรกเกรดของผมอยู่ในเกณฑ์ที่ดี  ทำให้ผมรู้สึกว่าพี่ดาวคงหวงเลยไม่อยากให้ผมไปรักคนอื่นมากกว่าการเป็นห่วงอย่างที่กล่าวอ้าง  ผมได้ทำความรู้จักกับครอบครัวของนัท  ซึ่งครอบครัวของนัทให้ความสนิทสนมกับผมเป็นอย่างดี  ทำให้ความรักของเราไปกันได้ด้วยดีตลอดมา…



                    ปีสองของการรักและการเรียน  ผมและนัทไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยขึ้น  ทั้งดูหนัง  ฟังเพลง  และมีบางครั้งที่เราไปเที่ยวต่างจังหวัดด้วยกัน  การเรียนของผมเริ่มแย่ลงทั้งนี้ก็เพราะว่าผมไม่ค่อยมีเวลาในการทบทวนบทเรียนสักเท่าไหร่  และที่แย่ไปกว่านั้นก็คือนัทสามารถสอบชิงทุนไปเรียนต่อต่างประเทศเป็นระยะเวลา ๑ ปีเต็ม  ในตอนนั้นผมรู้สึกแย่มากไม่เป็นอันกินอันนอน  ในตอนนั้นหากฟ้าถล่มดินทลายผมคงจะไม่รู้สึกอะไร  ผมคิดไปต่างๆ นานาว่าจะเกิดอะไรขึ้นในเวลา ๑ ปีที่เราต้องแยกจากกัน  นัทจะเปลี่ยนไปไหม  นัทจะเจอใครที่ดีกว่าผมหรือเปล่า  หรือแม้กระทั่งผมจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้หรือไม่ถ้าไม่มีเธอ  ผมรู้ว่าพี่ดาวก็วิตกกังวลกับเรื่องนี้ไม่ใช่น้อย  เพราะพี่ดาวเป็นผู้หญิงที่เข้าใจผมที่สุดเราอยู่ด้วยกัน ๒ คนมานาน  เพียงสบตาพี่ดาวก็รู้ความรู้สึกที่อยู่ภายในใจของผมทั้งหมด  คะแนนของผมปีนี้ออกมาไม่ดีนักมีหลายวิชาที่ต้องซ่อม  ผมรู้ว่าพี่ดาวเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นแต่จะทำอย่างไรได้เล่าในเมื่อผมก็เสียใจเหมือนกัน  ตอนนั้นผมรู้สึกสับสนมากทำให้ผมพูดแรงๆ กับพี่ดาวไปมากพอสมควร

                    “ไม่เป็นไรหรอกเมฆ” พี่ดาวพูดหลังจากดูผลสอบของผม
                    “เรื่องอะไรเหรอ” ผมถามทั้งๆ ที่พอจะรู้คำตอบ
                    “ทุกเรื่องที่เกิดขึ้น” พี่ดาวพูดด้วยอาการเย็นชา
                    “ไม่เป็นไรแต่ทำท่าไร้วิญญาณอย่างนี้เนี่ยนะ”
                    “ไม่เป็นไรจริงๆ  พี่รู้ว่าเมฆก็เสียใจกับเรื่องนี้ไม่น้อย  พี่เชื่อว่าเมฆสามารถหาทางออกให้กับเรื่องนี้ได้”
                    “แน่ใจนะว่าไม่เป็นไร  ไม่ต้องมาฝืนหรอกน่าจะด่าก็ด่ามาเหอะ” ผมเริ่มรำคาญกับอาการที่ดูเหมือนไร้วิญญาณของพี่ดาว
                    “เมฆเป็นน้องชายของพี่นะ  พี่จะไปพูดแรงๆ อย่างนั้นได้ยังไง  เมฆก็ตั้งใจเรียนให้คะแนนมันดีขึ้นก็แล้ว”
                    “ไม่ต้องมาสั่งหรอก  ผมรู้ว่าควรจะทำอะไร”
                    “ไม่เห็นจะต้องอารมณ์เสียมากมายถึงขนาดนี้เลยนี่นา”
                    “แล้วพี่จะมาเซ้าซี้ผมทำไมล่ะ”
                    “ก็พี่อยากให้เมฆประสบความสำเร็จ  มีอนาคตที่ดีไม่ต้องลำบากเหมือนกับพี่ไง”
                    “แล้วถ้าผมได้ประสบความสำเร็จจริงๆ แล้วพี่จะทำไม  จะให้อะไรผมเหรอ”
                    “อะไรก็ได้ที่เมฆต้องการ  พี่ให้เมฆได้ทุกอย่าง”
                    “ทุกอย่างเลยเหรอ”
                    “ใช่  ทุกอย่าง”
                    “แล้วชีวิตของพี่ล่ะ  ให้ผมได้หรือเปล่า” ผมตอบเพื่อตัดความรำคาญ

                   พี่ดาวไม่ได้พูดอะไรกลับมา  เธอเดินออกจากห้องไปอย่างเงียบๆ…



                  ใบไม้ร่วงอย่างช้าๆ ราวกับนาฬิกาที่คอยนับเวลาย้อนหลังแห่งการรอคอยของผม  ใบไม้ร่วงปลิวลอยไปตามกระแสลมเช่นเดียวกันกับหัวใจของผมที่ล่องลอยไปตามกระแสความรักที่มีอยู่เต็มเปี่ยม  อีกไม่กี่ชั่วโมงผมก็จะได้พบกับนัท

                  “สวัสดีนัท  ยินดีต้อนรับสู่เมืองไทยนะ” ผมทักทายนัท
                  “อืม…สวัสดี” นัทพูดกับผมแต่น้อย
                  “เป็นยังไงบ้าง  เรียนที่โน่นเหนื่อยมั้ย”
                  “ก็ไม่เท่าไหร่หรอก” นัทตอบ  แต่สายตามองไปทางอื่น
                  “วันนี้ไปดูหนังกันนะ  มีหนังน่าดูหลายเรื่องเหมือนกัน”
                  “ขอโทษนะเมฆ  นัทคิดว่าเมฆคงจะเข้าใจ”
                  “ทำไมถึงพูดอย่างนั้นล่ะ” ผมไม่เข้าใจในสิ่งที่นัทพูด
                  “ไม่มีอะไรหรอก  ไม่นานเมฆก็คงจะเข้าใจ” ไม่ทันสิ้นเสียงของนัท รถเบนซ์ป้ายแดงก็มาจอบข้างๆ นัท  ผู้ชายที่อยู่ในรถเปิดกระจกแล้วพูดว่า
                  “ไปกันหรือยังจ๊ะ  ที่รัก”
                  “ค่ะ  นัทเสร็จธุระแล้ว” นัทขึ้นรถคันนั้นไปปล่อยให้ผมยืนอยู่เพียงลำพัง
                  “ที่รัก…นี่มันอะไรกันเนี่ย” ผมสับสนกับสิ่งที่เกิดขึ้น

                  ผมมารู้ตอนหลังว่าผู้ชายคนนั้นคือแฟนใหม่ของนัท  ทั้งสองพบกันที่ต่างประเทศ  ผู้ชายคนนั้นชื่อพีท  เป็นลูกนักการเมืองที่มีชื่อเสียง  จะว่าไปแล้วเขาเหมาะสมกับนัททุกอย่าง  ผมไม่มีทางใดเลยที่จะไปเทียบเขาได้…



                  หลังจากผ่านเหตุการณ์นี้ไปไม่นานผมก็ต้องกระวนกระวายใจอีกครั้ง  เนื่องจากพี่ดาวไม่สบายอย่างหนักจนถึงขั้นเข้าโรงพยาบาล  หมอวินิจฉัยโรคของพี่ดาวแล้วบอกว่าพี่ดาวเป็นมะเร็งในกระเพาะอาหาร  โดยบอกว่าอาการเริ่มต้นของพี่ดาวเกิดจากการที่พี่ดาวเป็นโรคกระเพาะเรื้อรัง  ในระยะแรกพี่ดาวยังมาหาหมอเป็นประจำ  แต่หลังจากที่ผมเข้ามหาวิทยาลัยพี่ดาวต้องทำงานหนักขึ้นจนไม่มีเวลามาหาหมอ  จนในที่สุดก็ไม่มีแม้แต่เวลาที่จะอยู่กับผม

                  “พอมีทางที่จะช่วยพี่ดาวมั้ยครับ”
                  “คงยากนะครับ  ถ้าจะให้หายแต่ถ้าเป็นการรั้งให้เธออยู่ได้นานขึ้นก็คงพอจะทำได้”
                  “แล้วพี่ดาวจะอยู่กับผมได้นานแค่ไหนครับ” น้ำในตาของผมเหมือนจะกลั้นไม่อยู่
                  “คงอยู่ได้ไม่เกิน ๑ ปีหรอกครับ  ต้องแล้วแต่กำลังใจด้วย  ถ้าผู้ป่วยมีกำลังใจดีแน่ไม่แน่อาจจะอยู่กับเราได้อีกหลายปีนะครับ” หมอให้คำแนะนำ
                  “ครับ  ผมจะดูแลพี่ดาวให้ดีที่สุด”



                  ผมพาพี่ดาวกลับมาพักฟื้นที่บ้าน  คอยดูแลพี่ดาวเป็นอย่างดี โดยทำตามคำแนะนำของหมออย่างเคร่งครัด

                  “ไปเรียนเถอะเมฆ  พี่ดูแลตัวเองได้”
                  “ไม่ต้องกลัวหรอกน่ายังไงผมก็ไปเรียนอยู่แล้ว”
                  “ไปเถอะ  พี่ไม่ตายง่ายๆ หรอก  ยังไงพี่ก็จะรอจนกว่าเมฆจะเรียนจบและได้ให้ในสิ่งที่เมฆต้องการเสียก่อน”  พี่ดาวพูดเพื่อให้ผมสบายใจ  ตอนนั้นผมไม่ทันได้คิดว่าสิ่งที่ผมบอกพี่ดาวว่าผมต้องการนั่นก็คือ’ชีวิตของพี่ดาว’  ที่ผมประชดเธอไป…



                  กาลเวลาที่ล่วงเลยไป  ทำให้ผมมีเวลาพอที่จะคิดอะไรมากขึ้น  ชีวิตของคนจะมีความหมายก็ต่อเมื่อได้ทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นและไม่ลืมที่สร้างความสุขให้กับตนเอง  ซึ่งหากเป็นอย่างนั้นแล้วคุณก็มีค่าพอที่โลกจะรองรับคุณเอาไว้  อาจกล่าวได้ว่าชีวิตที่ไร้ความหมายก็คือชีวิตที่ว่างเปล่ามีแต่ความทุกข์ที่ตนเองสร้างขึ้น  ซึ่งจะไม่มีคุณค่าพอที่โลกจะแบกรับคุณเอาไว้  แต่ทำไมพี่ดาวคนที่ความหมายต่อชีวิตผมจึงไม่อาจได้รับสิทธิ์นั้น  สิทธิ์ที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป  ทำไมโลกถึงให้โอกาสผม  ให้โอกาสที่จะแก้ตัวใหม่  หรือว่าโลกต้องการให้ผมได้รับรู้ความเจ็บปวดนั้น  ความเจ็บปวดที่ต้องสูญเสียคนที่ผมรักไปด้วยการกระทำของผมเอง…



                   น่าแปลกที่ความสุขมักผ่านไปอย่างรวดเร็วและน้อยครั้งที่เราจะจดจำได้  แต่ความทุกข์มันช่างผ่านไปอย่างเชื่องช้าเหมือนกับให้เวลาให้เราได้คิดและรู้รสชาติที่แท้จริงของมัน  ความทุกข์เป็นสิ่งที่เราไม่พึงปรารถนาแต่กลับจดจำมันได้อย่างดีเยี่ยม  เหมือนเป็นการเตือนตัวเองให้ระลึกอยู่เสมอว่ากว่าเราจะผ่านความทุกข์มาได้นั้นยากลำบากเพียงใด  แล้วเมื่อไหร่เล่าความทุกข์ผมจึงจะหมดสิ้นลงเสียที  เมื่อไหร่กัน…



                   วันนี้เป็นวันที่ผมจะรับปริญญาผมและพี่ดาวตื่นเต้นมาก  พี่ดาวตื่นขึ้นแต่เช้าเพื่อที่จะแต่งตัวไปงานรับปริญญาของผม  พี่ดาวอาการไม่สู้ดีนัก  แต่ก็ดูสดใสผิดไปจากวันที่ผ่านๆ มา

                  “พี่ดีใจด้วยนะเมฆ  ในที่สุดน้องของพี่ก็ทำได้”
                  “ผมต้องขอบคุณพี่มากกว่าฮะ  ที่ให้กำลังใจผมเสมอมา”
                  “พี่ขอให้เมฆประสบความสำเร็จในชีวิตการงานและครอบครัวนะ  พี่เชื่อว่าเมฆคิดเป็นว่าอะไรเหมาะสมหรือไม่เหมาะสมกับเมฆ” พี่ดาวพูดเหมือนจะสั่งเสีย
                  “ครับพี่ดาว”
                  “ไปกันเถอะนะ  เดี๋ยวรถจะติด”



                 ที่มหาวิทยาลัยคนเยอะมากๆ  เนื่องจากในวันนี้มีการรับปริญญาหลายคณะ  ขณะถ่ายรูปใจของผมก็เป็นกังวลอยู่ไม่น้อยด้วยว่าอากาศที่มีอยู่น้อยเต็มทีอาจจะทำให้พี่ดาวเป็นลมได้  ไม่ทันจะสิ้นความคิดของผมพี่ดาวก็เป็นลมลงไปจริงๆ เพื่อนของผม ๒-๓ คน  อุ้มพี่ดาวขึ้นรถแล้วพาไปส่งโรงพยาบาล…



                 หมอตรวจร่างกายของพี่ดาวอย่างละเอียด  ในใจของผมร้อนรุ่มดั่งไฟกัลป์  แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรผมทำได้แต่เพียงภาวนาไม่ให้พี่ดาวเป็นอะไร  ไม่นานนักหมอก็ออกมาบอกกับผมว่า

                 “อาการของผู้ป่วยแย่ลงมากนะครับ  หมอไม่คิดด้วยซ้ำว่าผู้ป่วยจะอยู่ได้นานถึงขนาดนี้  เธอเป็นคนที่อดทนมากครับ”
                 “ไม่ทางอีกแล้วเหรอครับ” ผมถามทั้งๆ ที่พอจะรู้คำตอบ
                 “ไม่มีแล้วครับ  เราคงต้องรอเพียงปาฏิหาริย์  ขอตัวก่อนนะครับ” หมอบอกผมแล้วเดินจากไป  เสื้อกาวน์ของหมอพริ้วไปตามลมประดุจมือที่กำลังโบกเพื่อเป็นการบอกลา
                 “คงถึงเวลาแล้วสินะ  ที่เราจะต้องยอมรับความจริง” ผมรำพึงกับตนเอง



                 ห้องสีขาวที่ฉาบด้วยวอลเปเปอร์ลายดอกไม้สีอ่อนที่ช่วยทำให้รู้สึกสบาย  แต่หารู้ไม่ว่าภายในห้องนั้นเต็มไปด้วยความขมขื่นและปวดร้าวที่มากมายเสียจนไม่อาจกลั้นน้ำตาของคนที่อยู่ภายในห้องนั้นไว้ได้

                 “คงถึงเวลาแล้วสินะที่พี่ต้องไป” เสียงเล็กๆ ของพี่ดาวดังขึ้นท่ามกลางความเงียบระหว่างเราสองคน
                 “พี่กำลังจะมอบสิ่งที่เมฆต้องการให้เมฆแล้วนะ  ต่อไปนี้พี่คงไม่ได้อยู่ดูแลและพร่ำสอนเมฆเหมือนแต่ก่อนแล้วนะ”
                 “สิ่งที่ผมต้องการ…” ผมไม่ค่อยจะเข้าใจนักในสิ่งที่พี่ดาวพูด
                 “จำไม่ได้เหรอ  ก็ชีวิตของพี่ไงที่เมฆขอ”
                 “ฮะ…อะไรนะ!!!  ผมแค่ประชดเฉยๆ นะครับ  ผมไม่ได้ตั้งใจ  ผมขอโทษนะพี่ดาว” ผมตกใจกับคำตอบของพี่ดาวเป็นอย่างมาก
                 “พี่ดาว  ผมไม่เคยต้องการชีวิตของพี่เลยนะ  ผมต้องการให้พี่อยู่กับผม  เป็นพี่สาวที่แสนดีของผมตลอดไปนะครับ”
                 “พี่รู้  แต่เราก็ไม่อาจฝืนโชคชะตาได้หรอก  ทุกอย่างได้ถูกลิขิตเอาไว้แล้ว” พี่ดาวพูดอย่างราบเรียบเหมือนปลงตกกับชีวิต
                 “แต่…” ผมไม่ทันได้พูด  พี่ดาวก็พูดแทรกขึ้นมา
                 “อีกไม่นานดวงดาวก็จะได้พบกับดวงอาทิตย์  พี่ก็คงจะได้พบกับแม่  กาลเวลาพรากเราได้เพียงกายแต่ใจยังคงเชื่อมกันที่จุดๆ หนึ่งที่เราเรียกว่ารัก  หากเมฆมีปัญหาพี่ก็อยากให้เมฆระลึกถึงพี่และแม่เสมอ  เหมือนอย่างก้อนเมฆที่อิสระสามารถล่องลอยผ่านกาลเวลาไม่ว่าจะเป็นกลางวันหรือกลางคืน  พี่อยากให้เมฆอยู่อย่างมีศักดิ์ศรีเหมือนก้อนเมฆที่อยู่บนท้องฟ้า  แม้ว่าจะตกลงมากลายเป็นฝนแต่ยังตะเกียกตะกายกลับไปเป็นก้อนเมฆที่อยู่ที่สูงดังเดิม  จำคำของพี่ไว้ให้ดีนะ”
                 “ครับพี่ดาว  พี่ไม่ต้องเป็นห่วงผมนะ  หลับให้สบายเถอะครับ” ผมพูดพลางจับมือของพี่ดาวเอาไว้เหมือนจะรั้งไม่ให้พี่ดาวไป  แต่แล้วแรงของผมก็ไม่อาจจะสู้พลังแห่งความตายได้  พี่ดาวจากผมไปในนาทีต่อมา  น้ำตาของผมไหลพรากออกมาไม่หยุด…



                 ผมไม่ใช่คนที่อ่อนแอ  นานมากแล้วที่ผมร้องไห้  ครั้งสุดท้ายก็คงจะเป็นตอนที่แม่จากไป  ทั้งนี้ก็คงเป็นเพราะว่าผมเข้มแข็งขึ้น  แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ผมเข้าใจแล้วว่าน้ำตาไม่ได้แสดงถึงความอ่อนแอแต่เป็นการแสดงถึงความเสียใจที่ไม่อาจพูดออกมาได้  เพราะผู้ชายที่เข้มแข็งผ่านอุปสรรคต่างๆ มากมายอย่างผมก็ร้องไห้เป็นเหมือนกัน



                 สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นตราบาปที่ใหญ่หลวงในชีวิตของผม  ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นแม้จะไม่ใช่เพราะผมแต่ก็มีสาเหตุมาจากผมทั้งสิ้น  ทุกวันนี้ผมได้มีโอกาสทำประโยชน์เพื่อสังคมอย่างที่หวังไว้  ผมรู้สึกว่าชีวิตของผมมีคุณค่ามากขึ้น  ยินดีที่ได้มีชีวิตอยู่ต่อไปอยู่ด้วยความสุขและความหวัง  ผมมองโลกในแง่ดีขึ้น  มองในมุมที่ไม่เคยมอง  คิดในสิ่งที่ไม่เคยคิด  ทั้งนี้ก็เพราะผมได้รับการถ่ายทอดสิ่งต่างๆ เหล่านี้มาจากพี่ดาวพี่สาวที่แสนดีของผม  ทุกๆ ก้าวที่ผมเดินจะมีแม่และพี่ดาวอยู่ในความรู้สึกนึกคิดของผมเสมอ…



                 “…หากไม่มีเธอวันนั้น  ฉันก็คงไม่มีวันนี้  สิ่งที่ฉันเป็น..สิ่งที่ฉันมีตรงนี้  ฉันรู้ดีว่าฉันได้จากใคร  ทั้งหัวใจคนคนนี้  ถึงแม้มันพอจะมีความหมาย  อยากบอกเธอด้วยคำจริงจัง  บอกด้วยความจริงใจ  ว่านับจากนาทีนี้ตลอดไป  ฉันจะรักเธอ…”

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×