เด็กหญิงในบ้านลับ
แอนน์ได้ยินเสียงคนเปิดประตูที่ซ่อนอยู่ในตู้หนังสือและเดินตรงมายังบันไดลับ เป็นมิตรหรือศัตรูนะ
วันที่แอนน์นั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นเปิดของขวัญวันเกิด เธอเพิ่งอายุ ๑๓ ปีและไม่ได้คิดถึงเรื่องเลวร้ายเลย ครอบครัวแฟรงก์เป็นชาวยิว อาศัยอยู่ในเมืองอัมสเตอร์ดัม สงครามโลกครั้งที่สองกำลังดำเนินต่อไป และประเทศเยอรมนี ซึ่งเข้ายึดครองประเทศฮอลแลนด์แล้ว กำลังไล่ล่าชาวยิว
แอนน์เก็บหนังสือ เกมตัวต่อ เข็มกลัด และของอีกชิ้นหนึ่งที่ในอนาคตจะทำให้ทั่วโลกรู้ว่าเธอคือใคร นั่นคือสมุดบันทึกสีแดง ของขวัญชิ้นนี้กลายเป็นของรักที่สุดของเธอในทันที
“ฉันจะแกล้งทำเป็นว่าสมุดบันทึกเป็นเพื่อนรักที่ฉันวางใจเล่าความคิดที่เป็นความลับที่สุดให้ฟัง ฉันตั้งชื่อมันว่าคิตตี้” แอนน์เล่าให้พี่มาร์ก็อตฟัง ในวันที่ ๑๒ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๘๕ แอนน์เขียนลงในหน้าแรกของคิตตี้
แอบหนี
ครอบครัวแฟรงก์หนีออกจากประเทศเยอรมนีมาฮอลแลนด์ แต่ตอนนี้สงครามและนาซีตามมาทันแล้ว
“สนุกสนานกับอิสรภาพให้มากที่สุดตลอดเวลาที่ทำได้นะลูก” อ็อตโต พ่อสุดที่รักของแอนน์บอกลูกสาว แล้ววันหนึ่งแอนน์ก็รู้ว่าครอบครัวของเธอกำลังจะหลบซ่อนตัว เช้า ๗.๓๐ น. ของวันที่ ๖ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๘๕ ครอบครัวออกจากบ้าน ทุกคนเดินไปเพราะชาวยิวถูกห้ามขี่จักรยานหรือนั่งรถราง รถเมล์ ในช่วงหลายเดือน พ่อแม่ของแอนน์แอบย้ายของขึ้นไปยังสองชั้นบนของบ้านสวนด้านหลังอาคารที่เป็นที่ตั้งบริษัทของพ่ออ็อตโต
ไม่นาน อีกครอบครัวก็มาหลบซ่อนในบ้านสวนด้วย มีปีเตอร์ ลูกชายอายุ ๑๕ ปี แอนน์อายุ ๑๓ ปีและบรรยายถึงเขาให้คิตตี้ฟังว่า
“เป็นเด็กผู้ชายออกจะน่าเบื่อและขี้อาย เป็นเพื่อนกันก็คงไม่สนุกมากนักหรอก”
ทุกคนกลัวถูกค้นพบและมักเถียงกันบ่อยๆ
“ฉันคิดว่าแย่จังที่ผู้ใหญ่โกรธบ่อยและเถียงกันเรื่องเล็กนิดเดียว ฉันเคยคิดว่ามีแต่เด็กๆ ที่ทะเลาะกันเสียอีก”
แอนน์ได้ยินเรื่องที่นาซีเยอรมันและดัชท์เคาะประตูทุกบ้านและถามว่ามียิวอาศัยอยู่หรือเปล่า เพื่อนของแอนน์หลายคนถูกจับตัวไป “ทั้งหมดก็แค่เพราะเป็นยิว!”
สมุดบันทึกคิตตี้
จูบแรก
แอนน์ค่อยๆ ชอบปีเตอร์ผู้ ‘น่าเบื่อ’ มากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งสองอยู่กันตามลำพังในห้องใต้หลังคา แอนน์เล่าให้คิตตี้ฟังว่า
“ปีเตอร์กับฉันนั่งอยู่ด้วยกันท่ามกลางข้าวของและฝุ่นผง นั่งชิดติดกัน แขนโอบกัน มือเขาจับปอยผมของฉัน นกข้างนอกร้องเพลง ต้นไม้เริ่มผลิใบสีเขียว ดวงอาทิตย์เริ่มลดต่ำ ท้องฟ้าสีฟ้า โอ... มีอะไรมากมายเหลือเกินที่ฉันอยากได้”
คืนหนึ่งมีคนบุกเข้ามาในบ้านสวน มีคนไปแจ้งตำรวจ พวกที่แอบซ่อนอยู่กลัวแทบตายว่าจะมีคนพบตัว
“เราได้ยินแต่เสียงลมหายใจของกันและกัน... หัวใจแปดดวงเต้นระทึก มีเสียงลมส่ายพัดมาจากตู้หนังสือ เราหมดทางแล้ว ฉันกระซิบ มีเสียงของตกลงใส่พื้น เสียงฝีเท้าถอยห่างไป”
สองสามวันต่อมา เกิดเรื่องที่แอนน์ฝันถึงมานาน “เขาจูบฉันที่ผม ตรงแก้มซ้าย ข้างหู ฉันวิ่งลงบันไดไปไม่มองซ้ายมองขวาเลย คิตตี้จ๋า! เธอคิดว่าพ่อกับแม่จะอยากให้ฉันยอมให้เด็กผู้ชายจูบไหม”
มิตรหรือศัตรู
วันที่ ๔ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๘๗ เป็นวันในฤดูร้อนอันสวยงาม เวลาประมาณสิบนาฬิกาถึงสิบนาฬิกาสิบนาที รถคันหนึ่งแล่นมาจอดหน้าบ้าน ชายห้าคนเข้ามาในอาคาร ครู่หนึ่งต่อมา แอนน์ได้ยินเสียงประตูตู้หนังสือเปิดและเสียงฝีเท้าหนักๆ ไต่ขึ้นมาตามบันไดลับ มิตรหรือศัตรูนะ
ชายที่เดินขึ้นบันไดมาถือปืน พวกเขารู้เรื่องหมดแล้ว... คนแปดคนแอบซ่อนอยู่ในบ้านสวนถูกเปิดโปงแล้ว แอนน์และคนอื่นๆ ยืนชูมือขึ้นสูงเมื่อตำรวจเยอรมันออกคำสั่ง
“ส่งเงินและเครื่องเพชรทั้งหมดมา!” ตำรวจไม่สนใจคิตตี้ สมุดบันทึกของแอนน์
ตำรวจไม่เชื่อว่าพวกเขาอาศัยอยู่ในบ้านสวนมานานสองปี อ็อตโตชี้ให้ดูรอยบนผนังที่แสดงให้เห็นว่าแอนน์โตขึ้นแค่ไหน ทุกรอยมีวันที่เขียนกำกับไว้
รถไฟขบวนสุดท้าย
วันที่ ๓ กันยายน พ.ศ. ๒๔๘๗ รถไฟออกจากฮอลแลนด์ เป็นการขนชาวยิวออกจากประเทศเป็นครั้งสุดท้าย และจุดหมายคือค่ายกักกันที่เอาช์วิตซ์-เบอร์เกอโนในโปแลนด์ ผู้อยู่อาศัยในบ้านสวนอยู่ในรถไฟขบวนนี้
ทุกคนนั่งเบียดกันในโบกี้ขนสินค้านานสามวัน เมื่อมาถึง หญิงชายถูกแยกจากกัน สองสามเดือนต่อมา แอนน์และมาร์ก็อตยังถูกแยกจากแม่อีดิธ ทั้งคู่ถูกส่งไปยังค่ายเบอร์เก้น-เบลเซนในเยอรมนี ชีวิตในค่ายเลวร้าย หลายคนถูกรมก๊าซ ยิงทิ้ง หลายคนตายเพราะอดอาหาร แอนน์และมาร์ก็อตถูกโกนหัว เป็นฤดูหนาวและทั้งสองต้องอยู่ในโรงนอนแออัดโดยไม่มีเครื่องทำความอุ่น สองพี่น้องผอมลงเรื่อยๆ และป่วยเป็นโรคไข้รากสาดใหญ่
วันหนึ่งในเดือนมีนาคม พ.ศ. ๒๔๘๘ มาร์ก็อตตาย สองวันต่อมาแอนน์ตาย ไม่ถึงหนึ่งเดือนต่อมา ชาวอังกฤษปลดปล่อยค่ายนี้
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น