เรื่องนี้ผมเขียนมาก่อนเรื่องBlue Operationเสียอีกนะครับเป็นแนวรักเรื่องเดียวที่มีในคอมผม(555...หัวเราะไรฟะ)
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
วันหนึ่งในตอนเช้าประมาณ 7.30 นาฬิกาได้
วันที่ต้นฤดูหนาวมาถึง
ผมเพิ่งได้เข้าโรงเรียนมัธยมปลายได้เพียง1เทอม
ขณะที่ผมกำลังขี่จักรยานคันโปรดที่ซื้อมาด้วยเงินตัวเอง(รึเปล่า) ซึ่งเงินที่ได้ก็มาจากที่ช่วยพ่อทำงานซะมากกว่า
มันก็ไม่ต่างอะไรจากขอเงินพ่อธรรมดาๆนี่เองแต่ที่ต่างคือต้องแลกด้วยแรงกายแรงใจที่มี
ก็เท่านั้น
พ่อผมสอนเสมอว่า “เราต้องรู้จักใช้แรงกายและความคิดต่างๆเพื่อที่จะแลกเอาความสุขสบายของเรามาไม่ใช่จะให้พ่อหรือแม่หามาถวายอย่างเดียว
อาจจะไม่ได้ทำงานก็ใช้วิธีช่วยงานพ่อแม่แทน
ก็จะให้ค่าตอบแทนมาบ้าง
แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะช่วยพ่อแม่ด้วยความหวังในทางธุระกิจเท่านั้น
”
“กริ๊งๆๆ”เสียงกระดิ่งของจักรยานคันหนึ่งทำให้ผมหันไปหา
“หลีกหน่อยหลีกหน่อย!!
ว้ายยยย!!”
โครม!!
“อ๊ะ!!
ขอโทษครับขอโทษ”ผมรีบลุกขึ้นปล่อยจักรยานให้นอนหงายเค้งเก้งอยู่หยั่งงั้น
“โธ่!!ปองนี่ซุ่มซ่ามจัง
”ผู้หญิงหน้าตาน่ารักคนที่ขับชนกับผมกล่าว
“เอ๊ะ!!
อ๊ะ!!
มิกิเหรอ”เธอชื่อมิกิลูกครึ่งไทยญี่ปุ่นผมยาวปกบ่า(แต่ถูกรวบไว้)
นั้นอาจเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เธอน่ารัก
“ไม่เป็นไรใช่เปล่า” ::ถ้ารู้ว่าขึ้นม.ปลายแล้วน่ารักขนาดนี้ตีสนิทตั้งแต่ม.ต้นดีกว่า::
“ไม่เป็นไรหรอกย่ะ
”เธอพูดท่าทางประชดเล็กน้อย
“ทำเป็นพูด
เธอมาชนชั้นนะ”
“ทำไงได้ล่ะบอกให้หลบนี่นา
ว่าแต่นายจำชั้นไม่ได้เหรอเมื่อกี้นี้เห็นยืนอึ้งไปเลยพูดเพราะด้วยล่ะขำจริงๆเลย
ฮ่าๆๆ”
“กะ
ก็
จริงสิผมยาวแล้วนี่นา” ::ยัยบ้าเอ๊ยว่าชั้นได้::
“อืม
สวยป่ะ”ผมฉุดเธอขึ้นมาแล้วเธอก็หมุนตัวให้เห็นช่างเป็นสิ่งที่สวยงามจริงแท้
“ป่ะ
ขับไปด้วยกันนะปอง”เธอเอ่ยชวนผม
“อ๊ะ
ก็ด้าย” ::โอ้ว้าว
โอกาสดีที่จะสนิทแฮะ::
“เธออยู่ รร.Aใช่ป่าวชั้นอยู่ รร.B น่ะ”เธอถาม
“อืม
ใช่ๆ”
“ปิงปองนี่ไม่เปลี่ยนเลยนะหน้าตาน่ะ
เปลี่ยนแต่สีกางเกงที่เป็นสีดำเท่านั้นนะ
เจอแว๊บแรกก็จำได้เลยล่ะนะ
”ผมได้ยินที่เธอพูดแต่ผมสนใจเธอมากกว่าที่เปลี่ยนไปได้ถึงเพียงนี้(คงเพราะความสวยของเธอล่ะมั้ง)
“เหรอ
อืม
นะ
.เธอก็เปลี่ยนไปจากม.ต้นมากเลยนะ”
“ก็แน่ล่ะ
เป็นเด็กม.ปลายแล้วนี่นา
”
หลังจากนั้นเราก็ขี่กันไปถึงทางแยกระหว่างสองโรงเรียนของผมและเธอเราก็เลยต้องแยกกันตรงนั้น
และหลังจากวันนั้น
ผมก็พยายามไป รร.ให้เช้ากว่าทุกวัน(ปรกติ2โมงตรงพอดี)เพื่อที่จะได้ขี่จักรยานไปโรงเรียนพร้อมเธอ
แต่ก็อย่างว่าแหละนะ
มันก็แล้วแต่ดวงว่าจะมาถูกวันรึปล่าวเพราะมันก็ไม่เจอเธอบ้างเหมือนกัน
แล้วในแต่ล่ะวันที่เราได้เจอกันผมก็เริ่มด้วย “หวัดดี
สบายดีป่ะ” แล้วเธอก็จะตอบผมว่า “หวัดดีจ้ะ
บายดี” ด้วยท่าทางเป็นกันเองและยิ้มแย้มแจ่มใสอยู่ทุกๆวัน
แล้วเมื่อทักทายกันเสร็จแล้วพวกเราก็จะเริ่มสทนาในเรื่องไร้สาระต่างๆนานาให้กันฟัง
“ถึงแม้จะได้คุยกับเธอเพียงแค่ไม่กี่นาทีแต่ก็เป็นช่วงเวลาที่มีความสุขสดชื่นในแต่ล่ะวัน”
อยู่มาวันนึง
“ว้า
วันนี้มาไม่ทันเฟ้ย
เฮ้อ
ไปคนเดียวก็ด้าย
”ผมเสียดายนิดๆที่ไม่ได้เห็นเธอ
“ปอง!!
ปอง!!
ทางนี้จ้ะทางนี้”เสียงนี้ดังมาจากอีกฝั่งนึงของสะพานซึ่งเป็นเสียงที่ผมคุ้นเคยอยู่ทุกวัน
“เป็นไรเหรอ
”ผมรีบปั่นจักรยานมาอย่างรวดเร็วและถามด้วยความเป็นห่วง
“ก็
โซ่มันตกน่ะ”
“ใหนดูซิ
เฮ๊ย”ตอนนั้นผมก็ตกใจที่เห็นโซ่พันกันยุ่งไปหมด
“แบบนี้คงต้องซ่อมนานหน่อยนะ
ร้านแถวนี้ก็ไม่มีซะด้วย”หลังจากที่ผมพูดจบก็งมนั่งทำไปกว่าครึ่งชั่วโมงจนสำเร็จ
“โหย
ยุ่งเป็นบ้าเลย”
“อ่ะเช็ดซะ
”เธอยื่นกระดาษทิชชู่มาให้ตอนแรกก็นึกดีใจนึกว่าจะเป็นผ้าเช็ดหน้า
“อืม”ผมบรรเลงเช็ดโดยไม่ยั้งเพราะมือเลอะมาก
แต่ผมก็ต้องสะอึกเมื่อ
มือน้อยๆและบางเบาของเธอจับผ้าเช็ดของของเธอเช็ดเบาๆที่หน้าผากผม
“หยิบเอาซิย่ะ
ชั้นไม่เช็ดให้ตลอดนะ
แล้วซักมาคืนด้วยล่ะ”
“อะ
อืม”::แหง่ว
::
“แต่ก็ขอบใจนะ
”เธอเหลียวมองนาฬิกาแล้ว “ว๊าย!!
ไม่ทันเข้าแถวแล้ว”
“อืม
ใช่ไม่ทัน”
“ปองเคยโดดป่าวอ่ะ”เธอถามหน้าตาเฉย
“ไม่อ่ะมิกิล่ะ”
“ไม่เคยเหมือนกัน
เราไปที่ริมแม่น้ำดีมั้ย”เธอถามอีกแล้ว
แต่ก็น่าจะดีนะเพื่อจะฟรุ๊คขึ้นมา
“อะ
เอ่อ
ไปสิป่ะ”
“อืม”แล้วเธอกับผมก็ขึ้นนั่งบนรถจักรยานแล้วปั่นไปด้วยกัน
ลมเย็นๆของบรรยากาศฤดูหนาวค่อยๆโชยมา
สายน้ำไหลเป็นทางดูเป็นลายสวยงามนัก
ทุ่งหญ้าเขียวขจีสบายตายิ่ง
นกที่ทำรังอยู่บนต้นไม้ส่งเสียงออกมาอย่างไพเราะ
.จักรยาน2คันจอดอยู่ข้างๆกันใต้ต้นไม้ที่นกเหล่านั้นทำรังหนุ่มสาวคู่หนึ่งนักคุยกันอยู่ใกล้ๆ
“จ๊อก * ~ * ”เสียงท้องผมร้องโอดโอยด้วยความหิวเพราะรีบจนไม่ได้กินข้าวเช้ามาประกอบกับใกล้จะถึงเวลาพักเที่ยงในโรงเรียนพอดี
“ฮิฮิ
”เสียงน่ารักๆของเธอหัวเราะยิ่งทำให้น่าหลงใหล
“ชั้นทำข้าวกล่องมานะนายจะกินป่ะ”
“อ่ะ
เอ่อ
ไม่
”
“อ้าว”เธอทำหน้าตาผิดหวังเล็กน้อย
“ไม่ขอผ่าน” แล้วเธอก็พูดว่า “หึหึ
นายนี่มัน
อ่ะเอาไป
แต่กินด้วยกันนะ”
ผมเปิดออกมา “ว้า~นึกว่าผัดกระเพา
ข้าวผัดเหรอเนี่ย”
“ไม่ชอบเหรอ”
“ชอบสิ
แต่ที่เราชอบที่สุดคือผัดกระเพาอ่ะ”ผมพูดก่อนที่จะตักข้าวเข้าปาก
“งั้นเหรอ
” แล้วเธอก็ตักทานบ้าง
เวลาผ่านไป10นาที
“คาบบ่ายแล้วไปกันเถอะ”ผมชวนเธอกลับ
“อืม”
แล้วหลังจากนั้นวันต่อมาเราก็ไปโรงเรียนตามปรกติซึ่งก็เริ่มด้วยประโยคเดิม
แล้วก็ตามมาด้วยเรื่องไร้สาระแล้วก็แยกกันไปในโรงเรียนของตัวเอง
จนผ่านไปหนึ่งเดือน
ช่วงเย็นในวันแรกของเดือนธันวาคม
“ไม่ห้ายเธอไปต้องเสียอะไรแค่ใหน
เอ๊ะนั้นมิกินี่นา”ผมร้องเพลงมาตามทางและเห็นเธอยืนคุยอยู่กับชายหนุ่มคนหนึ่ง
“อ้าวปอง!!
มานี่สิ”เธอเรียกผมขณะที่ผมกำลังจะขับหนีไปพอดี
เพราะด้วยความกลัว
กลัวว่านั้นคือคนที่เธอรัก
“อ๊ะ
หวัดดีครับ”ผมทักทายชายหนุ่มคนนั้น
“นี่ปองเพื่อนหนูค่ะ
นี่พี่อเนกประธานชุมนุมชั้นน่ะ”::เฮ้อดีไปที่เป็นแค่รุ่นพี่::ผมคิดในใจ
“งั้นพี่ไปก่อนนะแล้วลองเก็บไปคิดดูนะ
”ไอ้พี่ประธานกล่าวก่อนที่จะเดินจากไป
“เรื่องที่ว่าน่ะ
”ผมกล่าวเศร้าๆเล็กน้อยเพราะรู้อยู่แก่ใจว่าคงเป็นเรื่องขอคบแน่ๆ
“ใช่
เค้าเป็นคนดีนะนายคิดว่าชั้นควรทำไงดี”
“อ๊ะ
เอ่อ
ไม่รู้สิแล้วแต่เธอสิ”มาถามผมเฉยเลย
งือๆอยากจะร้องแต่ร้องไม่ออก
“ลองคบดีมั้ยนะ”เสียงพึมพำของเธอผมพอจะได้ยินบ้างและตอนนั้นผมก็เดาความรู้สึกของเธอไม่ออกเลยจริงๆ
หลังจากวันนั้นผมก็ไม่เจอเธออีกเลยแต่ก็รู้ว่าเธอคงขึ้นรถเมไปกับรุ่นพี่
ไม่สิ
แฟนของเธอคนนั้นแน่ๆ
เวลาผ่านไป
ผมก็ยังไม่ลืมเธอ
เพียงแต่รู้สึกว่าตัวเองโง่ที่ไม่บอกเธอก่อน
และแล้ว
วันนี้
วันสิ้นปีหรือวันปีใหม่นั้นแหละ
พวกผมกับเพื่อนจัดกิจกรรมที่โรงเรียนตอนเช้าแล้วก็ฉลองสังสรรค์กันอย่างสนุกสนาน
จนถึงเวลากลางคืนพวกเราไปที่วัดด้วยกันเพื่อที่จะนับถอยหลังปีใหม่
และเดินเลือกซื้อของในงานวัดนั้น
จนใกล้ถึงเวลา
“เอาล่ะนั่งดูพุอยู่ตรงนี้แหละเดี๋ยวก็นับแล้ว”เพื่อนผมคนหนี่งพูดขึ้น
“เอ๊ะ
”ผมหันไปเจอหนุ่มสาวคู่หนึ่งที่ผมพอคุ้นเคย
เค้านั่งกอดไหล่กันอยู่ข้างริมน้ำ
“โธ่!!เว้ยย!!”ผมตะโกนออกมาพร้อมกับที่พุจุดพอดีทำให้เสียงผมเป็นแค่เสียงแมงหวี่ธรรมดา
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
หลายวันต่อมา
“เฮ้อ
เหมือนขาดอะไรมานานแล้วนะ”ผมพึมพำกับตัวเองอย่างเซ็งขณะที่ขี่จักรยานไปโรงเรียน
“ไงปอง!!”เสียงนี้ที่คุ้ยเคย
“มิกิ
มาไงเนี่ย”ผมพูดอย่างตื่นเต้นที่ๆได้เห็นเธอ
“ป่ะไปส่งชั้นหน่อยสิ”เพราะเธอไม่ได้ขี่จักรยานมานี่เอง
“อืมขึ้นเลยเจ๊”
“ช้านยังไม่แก่พอที่จะเรียกเจ๊ย่ะ”เธอขึ้นจักรยานแล้วทุบหลังผมหนึ่งปั๊ก
และวันต่อมาต่อมาและต่อมาผมก็ต้องไปส่งเธอเรื่อยๆ
“แล้ว
เอ่อ
โทษนะแต่สงสัยอ่ะ
”ผมถามอย่างกลัวๆนิดนิดว่าจะกระทบกระเทือนจิตใจเธอรึปล่าว
“อะไรเหรอถามมาสิ”
“เอ่อ
จักรยานเธอล่ะ”เอาจนได้เปลี่ยนคำถามหน้าตาเฉย
“อ้อ
พี่ชั้นเอาไปน่ะ”
“พี่เคนน่ะเหรอ
อยากให้เค้าสอนกีต้าให้จัง”ผมกับพี่ของเธอสนิทกันมากถึงขนาดเล่นหัวเล่นหางกันได้(หมายถึงพี่แกเล่นหัวผมนะผมมิกล้าเล่นเค้าหรอก)
“อืมใช่พี่เคนเอาไป
แล้วเดี๋ยวชั้นจะบอกพี่ให้นะว่าปองอยากให้พี่สอนให้”
“ดีเลย”
วันต่อมา
“ไงปองโทษทีนะที่มาช้าน่ะ
เอ๊ะเป็นไรเหรอ”
“อ๊ะ!!
เอ่อโซ่ตกน่ะ
เจ๊ไปก่อนเลยนะ”
“ไม่อ่ะจะไปพร้อมปอง
”เธอกล่าว
“อืม
แล้วแต่”::โอ้พระเจ้าแผนโซ่ตกผมสำเร็จ Thank you::
เวลาผ่านไป
“อ๊ะ!!สายแล้วไม่ทันแล้ว”เธอมองดูนาฬิกาของเธอก่อนจะพูดขึ้น
“อ้าว
โทษนะ
ทีทำให้เสียเวลา”
“ไม่เป็นไรหรอก
ไปริมแม่น้ำกันป่ะ”เธอถามก่อนที่ผมจะถามคำถามเดียวกันกับเธอซะอีก
“อ๊ะ!!
อืม”หลังจากนั้นเราก็ไปที่ริมแม่น้ำ
ณ ริมแม่น้ำอันสวยงาม
“เอ่อ
แล้วรุ่นพี่คนนั้นล่ะ”ผมกลั้นใจถามออกไปด้วยความกลัว...เธอเงียบไปครู่นึงก่อนที่จะตอบผมว่า
“นึกว่าปองจะไม่ถามซะแล้ว
เราเลิกกันแล้วล่ะ”เธอซึมลงไปอย่างเห็นได้ชัด...แล้ว...มือน้อยๆของเธอกุมใบหน้าไว้...น้ำตาหยดเล็กๆหลายหยดกระทบกับพื้นหญ้า...เมื่อผมเห็นดังนั้นก็เดือดขึ้นมาทันที
“ไอ้สัดเอ๊ย!!”ผมลุกขึ้นและเดินไปที่จักรยาน
ตอนนั้นผมรู้สึกว่าจะควบคุมตัวเองไม่ค่อยอยู่คิดอย่างเดียวคือลุกขึ้นไปอัดไอ้นั้นให้หมอบคาตีน
“อย่า!!”เสียงห้ามและมือน้อยๆที่จับแขนผมไว้ทำให้ผมมีสติขึ้นมาอีกครั้ง
“...ฮึ...ฮึกๆ...ช่างเค้าเถอะ
ฮึกๆ”เธอพูดไปสะอื้นไป...จนเธอปล่อยโฮออกมาใหญ่...ผมคิดได้อย่างเดียวคือต้องปลอบเธอให้ได้...เพราะผมผิดเองที่ไปถามเธอแบบนั้น
“อืม
ปองจะไม่ไปและปองจะขออยู่ตรงนี้เคียงข้างมิกิไปตลอด”ผมสวมกอดเธอไว้แน่นเช่นเดียวกันกับที่เธอกอดผมไว้แน่น
ครู่ต่อมา
“ดีขึ้นแล้วนะ”ผมถามเธอด้วยความเป็นห่วง...
“อื้ม”เธอตอบรับอย่างยิ้มแย้มทำให้ผมดีใจไปด้วยที่เค้าทำใจ(น่าจะ)ได้...
“อ๋อย~หิวแย้วอ่ะ”
“อ๊ะ
เรามีข้าวกล่องนะกินด้วยกันนะปอง”เธอหยิบกล่องข้าวขึ้นมาและผมค่อยๆเปิดออกผมคิดว่าคงเป็นข้าวผัดแน่ๆ
“อ๊ะ!!ผัดกระเพา
ว้าวน่ากินจัง”
“ปองบอกว่าชอบนี่”
“แค่กๆๆ”ผมแกล้งทำเป็นไอ
“เชอะ
ทำเป็น
จะให้เอารองเท้าออกจากปากให้มั้ย
อุส่าทำมาให้”
“อ๊ะ
จ้ะๆๆ
ง้ำๆ”ผมตักกินอย่างอร่อยแต่ด้วยความอยากกวนเธอเล่น
“อ๊อก!!
อ๊า!!
”ผมทำท่าทุรทุรานจับคอตัวเองและลงไปนอนกับพื้นอย่างสมจริงสมจัง
“ปอง!!เป็นไรน่ะ”เธอเข้ามาใกล้ๆผมใกล้มากด้วยทันใดนั้นผมก็กอดเธอลงมาใกล้ๆ
“เข้ามาใกล้มากไปแล้วเจ๊
จุ๊~”เฟิร์สคิสบังเกิดขึ้นในขณะนั้น
“ตาบ้าเอ๊ย
รู้มั้ยว่าจูบแรกนะขนาดพี่อเนกก็ไม่กล้าทำขนาดนี้เลย”เธอไม่ได้แค่พูดแต่ทุบอกผมไปด้วย
(หน้าแดงก่ำเลย)
“ก็ดีแล้ว
จะได้จำเราไว้ตลอดไปว่าคนคนนี้ที่ขโมยเอาเฟิร์สคิสเธอไป”
“นี่แน่ะๆ”เธอทุบอกผมทำให้มีโอกาสทำซึ้งผมจับมือเธอไปวางที่หน้าอกด้านซ้ายของผม
“ใจของเราหมดทั้งดวงอยู่ที่เธอแล้วนะ
”
“อ๊ะ
อืม
ชั้นจะรับไว้
แต่
ค่อยเป็นค่อยไปนะ”เธอพูดแล้วหน้าแดงอย่างเห็นได้ชัด
นี่อาจไม่ใช่รักแรกของผมและเธอ
แต่ผมก็รู้สึกว่าคนคนนี้
มิกิคนนี้คือคนที่ผมอยากจะดูแลเค้าอย่างจริงใจและจริงจัง
และทำให้ผมนึกถึงคำที่พ่อเคยบอกว่า “ความรักของแต่ล่ะคนไม่เหมือนกันแล้วแต่ใครจะคิดแต่ความรักของพ่อที่มีต่อแม่แกคือการที่ได้ดูแลแม่ของแกและได้เห็นแม่แกมีความสุขที่ได้อยู่กับพ่อ”เหมือนดังเช่นผมกับมิกิในเวลานี้
หลังจากนั้นพวกเราก็จบ ม.6และตอนนี้เธอกับผมก็สอบติดมหาลัยเดียวกันแต่ถึงจะคนละคณะแต่ผมก็มีเวลาได้ดูแลเธอมากกว่าตอน ม.4 หลายเท่านัก
END...
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น