12 รัก - 12 รัก นิยาย 12 รัก : Dek-D.com - Writer

    12 รัก

    โดย says

    ไม่มีอะไรแค่เรื่องของคน ที่เกี่ยวข้องกัน แบบแปลก ๆ แค่อยากจะเล่าให้ฟัง

    ผู้เข้าชมรวม

    336

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    3

    ผู้เข้าชมรวม


    336

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  รักอื่น ๆ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  15 ธ.ค. 46 / 22:31 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      1
          ‘ฮัลโลขอสายปิงฮะ’
          ‘สักครู่นะจ้ะ…….ไอ้ปิงโทรศัพท์เฟ้ย’
          “ใครโทรมาหรอ พี่เปรียว”
          “ไม่รู้ เว้ย ฉันไม่ใช่เลขาหน้าห้องแกนะพ่อน้องบัง    เกิดเกล้า   แต่พี่ว่าเสียงหล่อดีนา”
          “หรอ    ฮัลโล   อ๋อไอ้มิวเองหรอ………….”
          นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้ยินเสียงของเขาหรืออาจจะหลายครั้งแล้ว  หากฉันเองไม่เคยจะใส่ใจสักเท่าไรนัก คงเป็นเพราะตอนนี้ว่าง  ว่างจากการใส่ใจคนที่ไม่ใส่ใจเรา  มาใส่ใจคนที่ใส่ใจและห่วงใยเรามากกว่าละมั้ง
          “พี่เปรียว  พักนี้ปิงไม่ค่อยเห็นพี่กิงมาบ้านเราเลย  เป็นอะไรหรือเปล่า”
          ทุกครั้งที่ฉันได้ยินชื่อนี้หัวใจของฉัน  ทำไมกันมันเจ็บอย่างนี้นะ
          “พี่เปรียว ๆ ได้ยินที่ปิงพูดไหม”
          “ปิง ที่โรงเรียนเป็นไงบ้าง”
          “พี่เปรียวอย่าเฉไฉสิ  มีปัญหาอะไรหรือเปล่า น้องคนนี้ให้คำปรึกษาได้นา”
          “หึ ๆ ๆ  แกจะไปรู้อะไร ไอ้เด็กอมมือ”
          “อ้าวไหงพูดงี้อ่ะ”
          “ไป ไป อาบน้ำนอนได้แล้วไป   แกไม่ไปฉันไปเองก็ได้วะ”
          “เฮ้ย ไปไหนเล่า  ยังคุยไม่รู้เรื่องเลย”
          มันเป็นปัญหาของฉันนี่คะ  ฉันไม่อยากให้เขามากลุ้มใจกับเรื่องไม่เป็นเรื่องของฉัน  อีกอย่างเขาเองห่างกับฉันตั้ง 8 ปี จะไปรู้อะไรไอ้เรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ นี่ แล้วฉันก็ไม่อยากให้เค้ารู้เรื่องผู้ชายเลว ๆ แบบนี้ด้วย
                  …..
          “แม่ฮะวันนี้ปิงพาเพื่อนมาด้วยฮะ  มิวนี่แม่เรา”
          “สวัสดีครับ”
          “สวัสดีจ้ะ  เดี๋ยวอยู่ทานข้าวด้วยกันก่อนนะ”
          “ครับ   ขอบคุณครับ”
          “อ้าว พ่อน้องตัวดีกลับมาแล้วหรอ”
                      “แปลกแฮะ สงสัยวันนี้ฝนจะตกใหญ่ พี่เปรียวอยู่บ้าน”
                     “เอ๊ะ ไอ้น้องคนนี้มาถึงก็กัดเชียว”
                    “อ้อ…มิวนี่พี่เรา”
                     “สวัสดีครับ”
                     “สวัสดีจ้ะ  ต้าย ตาย ดูเรียบร้อย สงบเสงี่ยมกว่าไอ้ปิงแยะเลยแฮะ”
                    “งั้นเดี๋ยวปิงขอตัวขึ้นไปบนห้องก่อนนะฮะแม่”
                     “จ้ะตามสบาย  ปิงมีขนมอยู่ในตู้เย็น  หยิบขึ้นไปกินสิลูก”
                     “ครับ แม่”
      เพิ่งรู้นะว่าน้องเรามีเพื่อนหน้าตาดีขนาดนี้  เอ๊ะเราคิดอะไรเนี่ย  อู้หูห่างกันตั้ง 8 ปี พาไปออกเดท เขาต้องหาว่าเลี้ยงต้อย แน่ ๆ ไร้สาระจริง ๆ เรานี้ ฟุ้งซ่านใหญ่แล้ว
                      …….
      “พี่เปรียว ๆ โทรศัพท์”
      “ของแกไม่ใช่หรอเห็นคุยอยู่  ใครวะ”
      “เหอะน่า คุยไปเถอะเดี๋ยวก็รู้เอง”
      “ฮัลโล  ใครคะ”
      “เอ่อ  สวัสดีครับ  ผมมิวครับ”
      “อ้อ น้องมิว มีอะไรหรอจ้ะ  ไอ้ปิงมันไปทำอะไรหรอ”
      “เปล่าครับ  คือผมอยากจะปรึกษาพี่เปรียวเรื่องเรียนนิดหน่อยครับ”
      “ได้สิ  ว่ามาเลยจ้ะ”
      หลังจากนั้น หลายครั้งเขาก็โทรมาคุยกับฉัน  ในเรื่องต่าง ๆ จนบางทีฉันอดที่จะแปลกใจไม่ได้  เขาอาจจะต้องการผู้ใหญ่ที่ให้คำปรึกษากับเขาได้ทุกเรื่องหล่ะมั้ง  มิวเป็นเด็กน่ารักและเข้าใจตัวฉันได้ดีทีเดียว เขาในบางมุมดูเป็นผู้ใหญ่มากกว่าฉันเสียอีกด้วย บางทีฉันก็อดคิดไม่ได้ว่าเขาหรือเปล่านะที่จะมาเติมส่วนที่ขาดหายไปของฉัน
      “พี่เปรียว  มิวเป็นไงบ้าง”
      “ก็ดีนี่  เรียบร้อยดี”
      “แค่นี้หรอจ้ะ พี่สาว”
      “ทำไม  จะให้แค่ไหนกัน”
      “นั่นแน่พูดแค่นี้ทำไมต้องหน้าแดงด้วยหล่ะ”
      “ไอ้เด็กบ้าอย่าแก่แดดนักนะ เดี๋ยวจะโดนไม่ใช่น้อย”
      ปิง นะ ปิง รู้ดีไปเสียทุกอย่าง  เฮ้อ…ให้ทำไงหล่ะคะ  แต่ฉันยอมรับนะคะว่าฉันคงจะหลงรักพ่อมิวเข้าให้แล้วแหล่ะ  แต่ฉันยังอดนึกถึงผลที่จะตามมาไม่ออกเท่านั้นเอง  ก็คงได้แต่รอแหล่ะค่ะ
      “พี่เปรียวครับ พี่เปรียวรังเกียจมิวไหมครับ”
      “ทำไมพูดอย่างนั้นหล่ะจ้ะ”
      “เอ่อ  ถ้ามิวจะบอกว่า มิวขอคบพี่เปรียวเป็นแฟนจะได้ไหมครับ”
      “มิวคิดดีแล้วหรอ พี่แก่กว่ามิวตั้ง 8 ปีนะ”
      “พี่เปรียวเคยได้ยินไหมครับว่า อายุเป็นเพียงตัวเลข”
      “เอ่อ  ..จะพูดไงดีหล่ะ   ถ้ามิวคิดอย่างนั้น พี่ก็คงปฏิเสธไม่ได้หรอกจ้ะ”
      “แสดงว่าพี่เปรียวตกลง”
      “อืม”
      จากวันนั้น ก็ 1 ปีแล้วแหล่ะค่ะเค้าแวะเวียนมาที่บ้านบ่อย ๆ แม่ก็เห็นดีด้วยเพราะมิวเป็นเด็กเรียบร้อย รักเรียน ทุกคนที่บ้านชอบมิวกันทั้งนั้น ฉันก็ไม่แต่หวังแหล่ะค่ะ ว่าฉันจะรักษารักครั้งนี้ไว้ให้ได้นานที่สุด  เท่าที่จะฉันจะทำได้  ขอบใจนะเจ้าปิง

      2
          “หนิง ๆ มีคนแอบมองแกแหนะ”
          “โอ้ย ฉันไม่สนใจหรอกยัยก้อย”
          “แน่ใจนะ”
          “สวัสดีครับน้องหนิง”
          ว้าย ตายแล้วนี่มันพี่กิงนี่ ที่เค้าว่ากันว่าสาวติดกรี๊ดกันทั้งมหาวิทยาลัยหรอเนี่ย
          “สวัสดีค่ะ”
          “ไหนว่าไม่สนไง”
          “ไม่สนอะไรหรอครับ”
          “ยัยก้อย  เปล่าค่ะ ยัยนี่มันเพ้อเจ้อ”
          “พี่มารบกวนรึเปล่าจ้ะ”
          “ไม่เลยค่ะ ว่าแต่พี่มีอะไรหรือค่ะ”
          “คือว่า เพื่อนพี่เค้าอยากทำความรู้จักกับน้องครับ”
          โธ่เอ้ย  ฉันนี่คิดอะไรไปเองอยู่เรื่อยเลย  อย่างพี่กิงเนี่ยนะจะมาชอบเรา ที่แท้ก็เพื่อน
          “ค่ะ  หนิงไม่รังเกียจหรอกค่ะ ที่จะได้เพื่อนรุ่นพี่เพิ่มอีกคน”
          “ดีเลยครับ  เพื่อนพี่ชื่อ แซนครับ  เฮ้ย ๆ เอ็งพูดอะไรหน่อยดิ”
          “สะ . . หวัด…ดี..ครับน้องหนิง”
          ท่าทางซื่อ ๆ ดีนี่ ตลกจังคนอะไรจะจีบสาวต้องให้เพื่อนพูดให้  ไม่ใช่สเปกเลย
          “สวัสดีค่ะ เดี๋ยวหนิงขอตัวไปเรียนก่อนนะคะ”
          “อ้าว…ไปซะแล้ว  เห็นไหมไอ้แซนมัวแต่ สะ ๆ ๆ อยู่ได้ ไปเลย”
          “ก็กูเขินนี่หว่า”
          หลังจากนั้นหลายวัน พี่แซนก็โทรมาคุยกับหนิง  แต่หนิงก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก  แต่หลังจากนั้นสิคะ พี่กิง
          “ฮัลโล ขอสายหนิงครับ”
          “ค่ะหนิงพูดค่ะ แล้วนั่น”
          “อ้อพี่กิงเองครับ  คือวันนี้น้องหนิงว่างไหมครับ”

          “ว่างค่ะ”
          “คือพี่อยากชวนน้องหนิงไปทานข้าวกับพี่จะรังเกียจไหมค่ะ”
          “เอ่อ  ก็ได้ค่ะ”
          หลายครั้งหลังจากนั้นที่เราไปเที่ยว ไปกินข้าว ไปดูหนังด้วยกัน  ความสัมพันธ์ของเรา 2 คนคืบหน้าต่อไปด้วยดี  จากรุ่นพี่รุ่นน้องตอนนี้คงจะเป็นอะไรที่เขาเรียก ๆ กันว่ารัก มั้งค่ะ ตอนนี้จะว่าไปเราก็คบกันไป 2 เดือนแล้วแหล่ะค่ะ
          “วันนี้พี่กิงจะพาหนิงไปไหนหรอคะ”
          “วันนี้วันเกิดพี่ หนิงจะให้อะไรพี่จ้ะ”
          “เอ๊ะทำไมพี่กิงไม่เคยบอก  ว่าแต่พี่กิงอยากได้อะไรหล่ะค่ะ”
          “ถ้าพี่ขอแล้วหนิงจะให้พี่ได้หรอจ้ะ”
          “ได้ค่ะ ถ้าพี่กิงต้องการ แล้วหนิงทำให้ได้  ก็พี่กิงดีกับหนิงซะขนาดนี้”
          “ขอบใจจ้ะ”
          ……..
          “นี่พี่กิงจะพอหนิงไปไหนคะ”
          “ก็หนิงบอกทำให้พี่ได้ทุกอย่างไม่ใช่หรอจ้ะ”
          “ได้ทุกอย่าง  แต่นี่มันโรงแรม”
          “นั่นแหล่ะจ้ะที่พี่ต้องการ”
          “หนิง … หนิง “
          นี่ฉันเป็นอะไรไปค่ะเนี่ย  บ้า   หรือโง่  คบกันแค่ 2 เดือนฉันก็ยอมเป็นของเขาเสียแล้ว ฉันเสียใจจริง ๆ ค่ะ ถ้ารู้ว่าสิ่งที่ทำไปวันนั้นจะเป็นตราบาปจนถึงวันนี้  วันนี้ ก็ 2 เดือนแล้วค่ะที่พี่กิงไม่เคยโทรมาก ไม่ติดต่อมา  ไม่ทักทาย แม้กระทั่งเดินสวนกันยังทำเป็นไม่รู้จัก จะให้ฉันทำอย่างไรดีค่ะ ก็น้ำตาข้างในมันจะล้นเอ่อออกมากข้างนอกเสียให้ได้  ฉันนี่มันโง่จริง ๆ คงพูดได้คำเดียวว่าให้รักครั้งนี้เป็นบทเรียนแล้วกัน

      3
          “แซนเอ้ย  เอ็งอย่าคิดมากเลยหว่ะ “
          “เอ็งก็น่าจะรู้สันดานไอ้กิงนะเว้ย”
          “แม่ง น้องหนิงกู กูมองมาตั้งนาน อะไรวะแม่งมา แป็บเดียว คาบไปแดกซะแล้ว”
          “เฮ้ย ใจเย็น ๆ เหล้านะมึงไม่ใช่น้ำเก๊กฮวย”
          “อย่าคิดมากเลยหว่ะ เอางี้พรุ่งนี้เอ็งไปเที่ยวกับข้าดีไหม”
          “ไม่เอากูอยากอยู่คนเดียว”
          “ไอ้ห่าเอ็งอยู่คนเดียวก็คิดมาก  ไปดูหนังกับข้าดีกว่าข้าพาน้องไปด้วยนา”
          “ไม่เอา”
          “ไปเถอะ”
          ไม่รู้เพราะอะไรทำให้ผมยอมออกมากับมันจนได้  แต่ถือว่าเป็นโชคดีของผมมากเลยครับที่ตัดสินใจออกมา เพราะทำให้ผมได้เจอเธอ
          “โอ๋ นี่พี่แซนไหว้ซะ”
          “สวัสดีครับ  เฮ้ยอะไรวะไอ้โอ๊ตเผลอแป็บเดียวนี่น้องเอ็งโตขนาดนี้แล้วหรอวะ”
          “เป็นไงหล่ะสวยด้วยสิมึงน้ำลายยืดเชียว เก็บงูหน่อยมึง นี่น้องข้านะเฟ้ย”
          “เรียนชั้นไหนแล้วหล่ะเรา”
          “ม.4 ค่ะ”
          “พอได้แล้วไอ้แซนหนังจะเข้าแล้ว มึงเนี่ยรักษาแผลใจหายเร็วจริงนะ”
          ……..
          “ฮัลโลขอสายโอ๋ครับ”
          “เฮ้ย ใช่ไอ้แซนป่าววะ”
          “ใช่ ไอ้โอ๊ตหรอ”
          “แหมเอ็ง น้องข้านะเฟ้ย”
          “ข้ารู้ ข้าไม่ทำอะไรเลยเถิดหรอกน่า  แถมน้องเอ็งออกจะน่ารัก ข้าก็แค่อยากจะฝากตัวเป็นน้องเขยก็เท่านั่นเอง”
          “ไอ้แซน เดี๋ยวเถอะมึง  ข้านะไว้ใจเอ็งนะเว้ย ดูแลน้องข้าด้วยละกัน”
          “โอเคเว้ยเพื่อน”
          โอ๋และผมได้แลกเปลี่ยนบทสนทนากันมากโดยตลอด แต่โอ๋ไม่เคยมีที่ท่าว่าจะชอบผมสักเล็กน้อย เธอเอ่ยถึงเพื่อนชายเธอคนหนึ่งที่เธอแอบไปหลงรัก แต่เขาไม่เคยจะมองเธอเลย
          “พี่แซนคะ  ….เค้าไม่รักโอ๋  เค้าไม่รักโอ๋”
          น้ำเสียงอันสั่นเครือในวันนั้นผมไม่มีวันลืม  ใครกันนะไม่รักโอ๋  พี่นี่ไงรักโอ๋เต็มหัวใจ  เฮ้อ แต่ประโยคนี้ก็คงดังก้องอยู่ในใจผมเท่านั้นแหล่ะครับ
          ผมไม่รู้ว่าผมเป็นอะไร ผมไม่เคยมีความรู้สึกว่าอยากเป็นเจ้าของโอ๋เลยแม้แต่นิดเดียว ผมเป็นสุขเพียงแค่เธอหัวเราะ ผมกินไม่ได้ทุกครั้งที่เธอมีเรื่องกลุ้มใจ  ผมเพียงต้องการให้เธอเติบโตแล้วได้มีวันที่สวยงาม ก็เท่านั้น ไม่ว่าเธอจะรู้หรือไม่ว่าผมคนนี้รักเธอแค่ไหน ไม่ว่าเธอจะไม่มีผมในสายตาเลยก็ตาม  แต่ผมก็เป็นสุขใจ ที่เธอเลือกที่จะเชื่อใจผม ผมคงความสุขมากกว่านี้หากผมได้พูดคำนั้นออกไป  พูดออกไปว่าผมรักเธอมากเพียงใด ว่าผมเป็นห่วงเธอมากเพียงใด  แต่หากผมพูดคำนั้น แล้วจะทำให้ผมไม่ได้คุยกับเธออีก  ผมขอเลือกที่จะอยู่ตรงนี้ ที่เดิม ๆ
      หากเพียงผมไม่กลัว ……กลัวกับความเปลี่ยนแปลงที่จะตามมา….ในวันพรุ่งนี้ ผมคงจะสุขใจมากกว่านี้แน่นอน          

      4    
          “โอ๋  กายขอลอกเคมีหน่อยนะ”
          “อีกแล้วหรอกาย  ทำไมไม่ทำเองหล่ะ”
          “น่า นะ นิดเดียวเอง กายสัญญา ต่อไปนี้กายจะทำเองเลย”
          “ก็ได้ นี่ สัญญาแล้วนะ”
          “จ้ะ  โอ๋เนี่ยน่ารักจังเลย”
          กายก็เป็นแบบนี้แหล่ะค่ะปากหวาน แม้ใจจะรู้อยู่ว่าเขาชมไปตามนิสัยเขา แต่ก็อดที่จะนึกเข้าข้างตัวเองไม่ได้สักที
          “โอ๋  เย็นนี้ว่างไหมหล่ะ”
          “มีอะไรหรอลดา”
          “วันนี้ไปกินไอศครีมกันนะ”
          “ได้จ้ะ  ว่าแต่มีใครไปบ้างหล่ะ”
          “ก็ดี  โอ๋ ลดา กาย ปิง มิว”
          “จ้ะ”
          เรา 5 คนเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ประถม 1 อยู่ด้วยกันมาตลอด ลดาเป็นเพื่อนผู้หญิงที่น่ารัก และเป็นเพื่อนที่ฉันไว้ใจ และเลือกที่จะให้เธอเก็บความลับของฉันหลาย ๆ อย่างทีเดียวแต่อาจจะมีเรื่องเดียวที่ฉันไม่เคยบอกเธอ  
          “โอ๋  เป็นไงไอศครีมร้านนี้อร่อยไหม”
          “อืม “
          “เดี๋ยวถึงบ้านแล้วกายโทรไปหาได้ไหม”
          “มีอะไรหรอทำไมต้องกระซิบด้วยหล่ะ”
          “ถ้าอยากรู้ก็รอรับโทรศัพท์ได้ไหมหล่ะ”
          “ก็ได้  ว่าแต่มันเป็นความลับมากเลยหรอถึงต้องกระซิบกระซาบขนาดนี้”
          “ใช่ลับสุดยอดเลย”
          เอะ ว่าแต่กายมีความลับอะไรหนักหนานะ  หรือว่า  เอาอีกแล้วยัยโอ๋คิดเข้าข้างตัวเองอีกแล้วนะ  ไม่เอา ไม่เอา  แต่อย่างน้อยเราก็ดีใจนะที่เขาเลือกที่จะบอกเรา  โอ้ย  มีความสุขจังเลย
                      
          “ฮัลโลขอสายโอ๋ครับ”
          “ค่ะโอ๋ค่ะ  กายใช่ไหม”
          “อืม”
          “ว่าแต่กายมีเรื่องอะไรหรอ”
          “คือ เราเล่าให้โอ๋ฟังคนเดียวนะ  แล้วเราก็อยากจะให้โอ๋ช่วยอะไรเรานิดนึง”
          “อืม ได้สิถ้าไม่เกินความสามารถเรา  แหมเพื่อนกัน”
          ฉันพยายามจะเน้นคำนั้นไว้ในใจฉันเสมอ
          “คือ  กาย ชอบลดา  แล้วกายอยากให้โอ๋ช่วยเป็นแม่สื่อให้กาย”
          ………….
          “ฮัลโล โอ๋  โอ๋  ฟังกายอยู่รึป่าว”
          “เอ่อ  ฟังอยู่  แต่เดี๋ยวแค่นี้ก่อนนะ พ่อโอ๋ว่าแล้ว แค่นี้นะกาย”
          เวลานี้เหมือนโลกทั้งโลกหยุดหมุน  เหมือนโดนทุบหัวอย่างแรง คิดอะไรไม่ออกเลย  ฉันเป็นอะไรไป  น้ำตา น้ำตาไหลออกมาทำไม  เพราะอะไร
          “ฮัลโลขอสายโอ๋ครับ”
          “พี่แซน…..”
          “โอ๋เป็นอะไรไป โอ๋ร้องไห้หรอ”
          “โอ๋ เป็นอะไรไป  โอ๋ไม่เข้าใจตัวเองเลย  โอ๋รู้แต่ว่าโอ๋รักเขา  โอ๋รักเขา พี่แซนได้ยินไหม”
          “โอ๋ใจเย็น ๆ”
          หลังจากนั้น 4 ชั่วโมง สติของฉันก็กลับมา  พี่แซนนั่งฟังฉัน  แล้วพูดอยู่ 2 คำ คือ โอ๋ใจเย็น ๆ นะ   โอ๋ โอ๋ยังมีพี่อยู่นะ  เป็นคำพูดที่ไม่ทราบซึ้งอะไรนัก แต่กลับเป็นคำพูดที่ทำให้ฉันรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก เขาทำให้ฉันรู้สึกว่าอย่างน้อยฉันก็ไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวในโลก  ในวันที่ฉันเจ็บแทบจะขาดใจ  ซึ่งเป็นความรู้สึกที่ฉันไม่เคยรู้สึกกับใครมาก่อน
          หลายวันหลังจากนั้น ฉันเข้าใจตัวเองมากขึ้น หลังจากที่หลงเข้าใจผิดมาหลายปี คิดดูสิขนาดความรู้สึกตัวเองยังไม่รู้เลย  ฉันรู้ว่าฉันกับกายมันเป็นเพียงความรัก ที่เกิดเพราะความผูกพัน เท่านั้น  แต่กับเขา พี่แซน คนที่เข้าใจฉันดีที่สุด ห่วงใยฉันที่สุด และหวังดีกับฉันอย่างไม่เคยมีใครให้มาก่อน  และเขาไม่ต้องการสิ่งตอบแทน  ฉันรู้สึกดีกับเขาอย่างที่สุด  ฉันไม่แน่ใจว่าอย่างนี้ที่เขาเรียกว่า รัก หรือเปล่า  หากใช่ฉันคงไม่กล้าที่จะเอ่ยกับเขาหรอก  เพียงเพราะเรา
      ห่างกันเหลือเกิน ฉันคิดว่าคนที่ดีอย่างเขา  มีโอกาสที่จะเจอคนดี ๆ กว่าฉันมาก ๆ ๆ  ฉันพร้อมที่จะเจ็บเพื่อเขา ในเมื่อเขาทำเพื่อฉันได้  ฉันก็ทำให้เขาได้  ฉันได้แต่ย้ำกับตัวเองว่า เขาคือพี่ชายที่แสนดีของฉันเท่านั้น  หากแต่มันยากนักที่จะคิดแบบนั้น  ฉันได้แต่หวังว่าสักวัน  ฉันคงจะดีพอสำหรับเขา คนคนนี้  คนที่ ฉันรักมากที่สุด                                  

      5
          “แหมกายมาคนแรกเชียว”
          “ไม่ถึงอย่างนั้นหรอก  เมื่อกี้ปิงกับมิวมาแล้วแต่ขอไปธุระคงมากับเราไม่ได้”
          “ว้า …แย่จัง  เนี่ยโอ๋ก็พึ่งโทรมาบอกนะว่าไม่ได้เหมือนกันจะไปเที่ยวกับพี่แซน”
          “หรอ”
          ที่จริงแล้วมันเป็นแผนของผมเองแหล่ะครับ  ผมสั่งทุกคนหมดไว้ ว่าผมต้องการจะสารภาพรักกับเธอ   ลดาเธอน่ารักจังเลยนะ
          “กายเป็นอะไรหรือเปล่าจ้ะ  หน้าแดง ๆ  ไหน ๆ ขอลดาจับหน้าผากหน่อยนะ”
          “ตัวก็ไม่ได้ร้อนนี่”
          “เปล่า ๆ เราไม่ได้เป็นอะไรหรอก  แค่อากาศมันร้อน ๆ”
          “ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว  งั้นวันนี้พาลดาเที่ยวทีนะ ไหน ๆ ก็ออกจากบ้านมาแล้ว”
          “ได้เลยครับผม”
          วันนี้คงเป็นวันที่ผมมีความสุขที่แน่ ๆ เลยครับ  สวนสาธารณะที่เงียบสงบ…….สายลม…..ต้นไม้…….ผม……..และเธอ  นางฟ้าน้อย ๆ……ขอบคุณสวรรค์ครับ
          “กายทานน้ำไหม”
          “ขอบคุณครับ”
          “แหมไม่ต้องพูดเพราะขนาดนั้นก็ได้  เอ็ะอะไรติดแก้มแหน่ะ  เดี๋ยวลดาเอาออกให้นะ”
          ขอบคุณสวรรค์  ….ขอบคุณสวรรค์…..ขอบคุณสวรรค์จริง ๆ ครับ
          “ลดาครับ..”
          “มีอะไรหรอจ้ะ”
          “คือ … เอ่อ  คือ ….”
          “วันนี้กายแปลก ๆ มีอะไรรึเปล่าเนี่ย”
          “คือ กายอยากจะบอกว่า…”
          “………..”
          “คือ  น้ำส้มอร่อยมากเลยครับ”
          “หรอจ้ะ  แหมไอ้เราก็นึกว่ามีอะไร  เอ่ออยู่ตั้งนาน เอ่อซะล้นเชียว”
          “ลดาก็ชอบแซวกายอยู่เรื่อยเลย”
      จะไม่ให้เกร็งได้อย่างไรเล่าครับ  เธอเล่นจ้องหน้าผมเอา จ้องเอา จ้องเอา  โอย…เขิน
      แต่ไอ้คำว่ารักเนี่ยมันพูดยากจังนิ
          “กายนี่ก็เย็นแล้วนะ ลดาว่าเรากลับกันเถอะ”
          “ครับ  ลดาสนุกไหมครับ”
          “อืม สนุกสิ  นาน ๆ ทีจะได้มาเที่ยวที่สงบ ๆ แบบนี้”
          “หรอครับกายก็มีความสุขมากเหมือนกันที่ได้มากับลดา”
          “เอ็ะ  กายนี่พูดอะไรแปลก ๆ นะ  ทานยาเขย่าขวดรึป่าวจ้ะเนี่ย”
          “…….”
          ทำไมวันนี้เวลามันช่างผ่านไปเร็วนักนะ   อย่างที่เขาว่า ว่าเวลาที่มีความสุขเนี่ยมักจะผ่านไปเหมือนลมที่พัดผ่านเราไป  เพราะฉะนั้นเราควรจะตักตวงให้มากที่สุด  ใช่ผมต้องตักตวงมันให้มากที่สุดสินะ
          “ลดา เดี่ยวกายไปส่งบ้านนะ  มันจะค่ำแล้ว”
          “ได้สิ จ้ะ  จะได้มีเพื่อน  แต่ลำบากกายรึป่าวจ้ะ บ้านลดาไกลนา”
          “ไกลแค่ไหนกายก็จะไปส่ง”
          “แหม พ่อสุภาพบุรุษ”
          “เอาอีกละ ลดาเซวกายอีกละ”
          “นิดนึงน่า”
          รอยยิ้มนี้คงเป็นรอยยิ้มที่สวยงามที่สุด เท่าที่ผมเคยเห็นมาแน่ ๆ เลยนะ  ผมไม่รู้ความผมเริ่มรักเธอเมื่อไร  แต่มารู้อีกทีผมรู้เพียงว่าผมถอนตัวไม่ขึ้นเสียแล้ว  ก็เธอออกจะน่ารักขนาดนี้  ในที่สุดวันนี้ผมก็ไม่ได้บอกเธอตามเคย  มีหวังโดนพวกเพื่อน ๆ ตัวดีกัดแน่เลย  แต่ก็ต้องขอบใจพวกนายนะที่ทำให้เราได้มีวันดี ๆ แบบนี้ ขอบใจจริง ๆ ถึงแม้จะไม่ได้ทำอย่างที่หวังไว้  แต่ผมเชื่อครับว่าสักวัน สักวัน  วันที่ความรักที่ผมมีให้เธอมันล้นออกมา    วันที่ผมจะพูดคำนั้นออกมาโดยไม่ต้องกลัว  กลัวว่าเธอจะรับมันได้รึป่าว  ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่ได้รักเธอ  หรือไม่ต้องกลัวว่าเธอจะไม่รักผม    วันที่ผมเต็มใจที่ให้รักเธออย่างเต็มที่  แม้จะเป็นรักข้างเดียวหรือรักสองข้างก็ตาม   ผมรักลดานะ  ผมรักลดา….


      6
          “อ้าวลดากลับมาแล้วหรอ  ไปเที่ยวมาสนุกไหม”
          “ก็ดีค่ะ”
          “เป็นอะไรไปหรอลดา”
          “แหมพี่นรินพี่นราคิดดูนะนัดกัน 5 คน  เหลือแค่ 2 คนเอง”
          “อ้าวแล้วไม่ดีหรอ  คนน้อย ๆ สนุกดีออก”
          “ก็ดีหรอกค่ะ  แต่วันนี้กายเค้าแปลก ๆ”
          “แปลกยังไงหรอยัยดา  เค้ามี 2 ปากหรอ”
          “ไม่ใช่อย่างงั้นหรอกพี่รา  คือเค้าพูดอะไรแปลก ๆ อ่ะ”
          “เฮ้ ๆ สงสัยจะแอบหลังรักน้องสาวเราเข้าให้แล้วมั้งพี่ริน”
          “สงสัยจะใช่”
          “ไม่เอาแล้วดาไม่คุยด้วยแล้ว ไปดีกว่า  ดาไปอาบน้ำก่อนนะ”
          ก็มีกันอยู่ 3 ใบเถาเนี่ย แหล่ะค่ะ คุณพ่อคุณแม่เราทำงานอยู่ต่างประเทศ  ก็อย่างว่ามีน้องสาวกับเขาอยู่คน  กำลังจะโตเป็นสาว  ก็ต้องดูแลดี ๆ หน่อยแหล่ะ  เดี๋ยวจะเสียคน
          “พี่รินโทรศัพท์ค่ะ  พี่พงษ์ค่ะ”
          “จ้า”
          “พี่รา พี่รา”
          “เป็นอะไรยัยดาต้องกระซิบกระซาบด้วย”
          “ก็พี่รินนะสิคุยกับพี่พงษ์ร้องไห้ใหญ่เลย”
          “พี่รินเป็นอะไรหรือเปล่า”
          “รา  พงษ์เค้าบอกไม่รักพี่แล้ว  เค้าไม่รักพี่แล้ว”
          “พี่ริน  อย่าไปสนใจผู้ชายเฮงซวยพันนั้นเลย”
          เอาอีกคนแล้วค่ะ  เหมือนมีน้องสาวอีกคนเลย  พงษ์นะพงษ์  ตอนแรก ๆ ก็ดีหรอกเทียวรับเทียวส่ง  เอาใจสาระพัด  มิน่าพอพักหลัง ๆ หายไป  เนี่ยน้าผู้ชาย  สู้ผู้หญิงก็ไม่ได้
          “พี่ราอยู่รึเปล่าจ้ะดา”
          “อ๋ออยู่ค่ะ  กำลังนอนดูบอลอยู่  ผู้หญิงอะไรไม่รู้เนอะดูบอล”
          “งั้นพี่ขอเข้าไปหน่อยนะ”
          
          “ค่ะ  พี่ราจ๋า พี่ก้อยสุดที่รักมาหาจ้ะ”
          “เดี๋ยวเถอะยัยดาทำเป็นแซว  เดี๋ยวจะโดนไม่ใช่น้อย  ไปไหนไปเลยปะ  เป็นเด็กเป็นเล็ก”
          “แหมพอพี่ก้อยมาก็ไล่ดาเลยนะ”
          “เดี๋ยว  เดี๋ยว”
          “ไปแล้วจ้ะ”
          “แหมคิดถึงจังขอหอมทีนึงนะจ้ะก้อย”
          “บ้า  พี่ราเดี๋ยวน้องดาก็เห็นเข้าหรอก”
          “นิดเดียวเอง”
          “ว่าแต่พี่รินไปไหนหรอค่ะ  ตั้งแต่มาก้อยยังไม่เห็นเลย”
          “คงนอนร้องไห้กระซิก ๆ อยู่ข้างบนมั้งไม่รู้จะปักใจอะไรนักหนากลับอีแค่ผู้ชายคนเดียว”
          “แหมก็คนเค้ารักกัน  ว่าแต่พี่ราพักนี้เป็นอะไรหรือเปล่าดูเนือย ๆ”
          “ไม่มีอะไรหรอกแค่เครียดเรื่องพี่รินนะ  ไม่ยอมกินข้าวกินปลา”
          “ว้าแย่จังเลยนะ”
          “ไอ้เราจะทำอะไรได้ก็ต้องให้เขาเห็นสัจธรรมเอง”
          “พี่ราอย่าเครียดมากนะก้อยเป็นห่วง”
          “จ้า  แม่ตัวดี”
          ฉันไม่สนใจคำครหานินทาของใครหรอก  เรารู้แค่ว่าเรารักกัน  เราไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ไม่ว่าจะด่าว่าเราวิปริตผิดเพศอย่างไร  แต่ฉันเชื่อว่า เราเต็มใจที่รักกัน  แล้วก็ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน  และเสียใจ  และเราจะรักกันอย่างนี้จนชั่วชีวิต  เราเคยคิดกันว่า หากใครตายจากกันไปก่อน  เราอีกคนจะต้องตายตามไป  ฉันมั่นใจว่าเราจะรักตลอดไป

                                          7
          “พี่รินไปกินข้าวเถอะนะ  ดาขอร้อง  สักนิดก็ยังดีนะ”
          “ไม่หล่ะดาพี่ยังไม่หิว   พี่ขออยู่คนเดียวดา”
          “……”
          ทำไมนะชีวิตที่แสนหวานมันเป็นแค่เพียงชั่วครู่ชั่วยาม  ฉันไม่เข้าใจเลยว่าพงษ์เขาเป็นอะไร  ตอนแรกอะไรทุกอย่างที่ฉันอยากได้  แทบจะไม่ต้องพูด  ก็มากองอยู่ตรงหน้า  แต่พักหลัง ๆ เค้าค่อย ๆ ห่างไป ห่างไปทุกที ทุกที  ถ้าเขามีผู้หญิงอื่น เขาก็น่าจะบอกฉันดี ๆ นี่  แต่ทำไมถึงต้องบอกเลิกกันโดยไม่บอกว่าเพราะอะไรด้วย  หรือว่าฉันดีไม่พอสำหรับเขา
          “พี่ริน  พี่พงษ์โทรมา”
          “บอกเขาไปว่าพี่หลับแล้วนะ”
          “แต่..”
          “ดาพี่ขอร้องนะ”    
          “ค่ะ”
          ฉันไม่เข้าใจการกระทำของเขาเลยสักอย่าง หรือว่าเราจะไม่เหมาะสมกัน แต่ในเมื่อเขาเป็นคนบอกเลิก  เขาจะโทรมาทำไมอีกนะ  หรือว่าจะโทรมาแค่เพียงขอโทษ  ฉันไม่ต้องการหรอก   เก็บมันไว้เถอะนะ  แค่นี้ฉันก็ช้ำมากพอแล้วนะ
          “พี่ริน”
          “ดาพี่ขอร้องพี่อยากอยู่คนเดียว”
          “แต่”
          “ดา พี่ขอร้องนะ”
          “ริน รินทำไมไม่กินข้าว”
          “พงษ์ พงษ์มาทำไมอีก”
          “ก็ดาบอกว่ารินไม่กินข้าวมา 2 วันแล้ว”
          “ก็มันเรื่องของริน   มันไม่เกี่ยวอะไรกับพงษ์แล้วนี่  เราเลิกกันแล้วนะพงษ์  ไม่ต้องมาห่วงรินอีกจะได้ไหม”
          “แต่………..พงษ์”


          “หยุดพูดเถอะพงษ์   เราจบกันแล้ว  พงษ์ออกไปได้แล้ว  รินอยากอยู่คนเดียว”
          ช่วยออกไปจากชีวิตฉันทีเถอะ หากเธอไม่รักฉันแล้ว  ช่วยมาให้ฉันเห็นหน้าอีกจะได้ไหม   หากเธอ  …..ต้องการจะให้ฉันตัดใจจากเธอ  ฉันรอร้อง  ได้โปรดเถอะ  ในเมื่อใจของฉันยังรักเธอมาก ขนาดนี้เธอคงไม่สินะว่ามันเจ็บปวดแค่ไหน     เพราะเธอคงจะไม่เคยรักฉันเลยใช่ไหม   ใช่ไหมพงษ์  สวรรค์ทำไมต้องทำกับฉันแบบนี้ด้วย
          หลังจากนั้น 2 อาทิตย์  ฉันก็ไม่เป็นอันกินอันนอน  เค้าโทรกลับมาขอคืนดีกลับฉัน  
          “ริน  พงษ์รู้แล้วว่ารินสำคัญกับพงษ์ขนาดไหน”
          “แต่  ทำไม…”
          “รินไม่ต้องพูดแล้ว  พงษ์จะไม่ให้มันเกิดเหตุการณ์แบบนั้นอีกแน่นอน  ผมแค่ไม่เข้าใจตัวเองก็เท่านั้น  ผมขอโทษริน  พงษ์รักรินนะ  รินยังรักพงษ์อยู่หรือเปล่า”
          “ค่ะ รินก็รักพงษ์”
          เฮ้อ  เป็นเพราะอะไรกันนะ ทั้ง ๆ ที่เขาทำให้ฉันเจ็บเจียนตายขนาดนี้  แต่ฉันก็ยังรักเขาซะขนาดนี้   ฉันไม่สนใจอีกแล้วว่าในอนาคตเค้าจะรักฉันหรือไม่  แต่ฉันมั่นใจค่ะ  ว่าฉันรักเขา  รักเขามาก  และจะไม่ให้เขาจากฉันไปอีกแน่นอน

                                          8
          “รินเราเลิกกันเถอะ”
          ประโยคคำนี้ประโยคเดียวเองหรอที่ทำให้ผู้หญิงอย่างริน  ร้องให้ได้เป็นวักเวร  
          ผมก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมผมถึงทำแบบนี้  ผมทำอะไรไปผมไม่เคยเข้าใจตัวเองเลย
          “พี่พงษ์  ดาขอคุยด้วยแน่ะ  ให้คุยแป็บเดียวนะผมหวงของผม”
          “เออ ๆ “
          “พี่พงษ์หรอคะ   คือดาเข้าใจนะคะว่าพี่พงษ์เลิกกับพี่รินแล้ว  แต่พี่รินไม่ยอมกินข้าวเลย”
          “หรองั้นพี่ขอคุยกับพี่รินหน่อยได้ไหม”
          “ค่ะ”
          ……..
          “พี่พงษ์  พี่รินไม่ยอมคุยด้วยค่ะ”
          “งั้นเดี๋ยวพี่ไปนะ”
          “เฮ้ย ๆ พี่พงษ์จะไปไหน  พัฒน์ไปด้วย  พัฒน์จะไปหาดา”
          “ไม่ต้องไม่ใช่เรื่องของเด็ก”
          “อ้าว”
          “ปล่อยพี่เขาไปเถอะพัฒน์  ดาเชื่อว่าพี่พงษ์ยังรักพี่รินอยู่  แล้วพี่รินก็ยังรักพี่พงษ์อยู่เหมือนกัน”
          ทำไมผมเป็นห่วงเธอขนาดนี้นะ  ทั้ง ๆ ที่ผมบอกเลิกเธอไปแล้ว  และเพราะอะไรกันนะที่ทำให้ผมบอกเลิกเธอ  และทำร้ายเธอได้ขนาดนี้   คงเป็นเพราะผมเกิดไม่มั่นใจในตัวเธอขึ้นมา  ผมไม่มีผู้หญิงคนอื่นนอกจากเธอ  ผมยอมรับครับว่าตอนแรกผมให้เธอได้ทุกอย่าง เพียงเพราะผมอยากจะทำให้  หากแต่พอหลัง ๆ ผมมีความรู้สึกว่าเธอจู้จี้ ขี้บ่นมากขึ้น  หึงในเรื่องที่ไม่น่าจะหึงเลย  ผมคิดว่าเธอคงไม่เหมาะกับผม  เธอคงจะเจอใครที่ดีกว่าผม หากผมเป็นฝ่ายจากเธอไป   แต่มันเป็นความคิดที่โง่ที่สุด  มันยิ่งทำร้ายเธอต่างหาก
      ผมรู้แล้วครับว่าผมขาดเธอไม่ได้


          “หยุดพูดเถอะพงษ์   เราจบกันแล้ว  พงษ์ออกไปได้แล้ว  รินอยากอยู่คนเดียว”
          แต่เธอไม่ยอมรับฟังผมเลยแม้แต่คำเดียว
          ผมรู้แล้วครับ  ว่าคนที่รักกัน  เขาจะต้องปรับตัวเข้าหากัน  ในเมื่อผมรักเธอ  ผมต้องทำเพื่อเธอได้สินะ
          รินเป็นผู้หญิงคนเดียวที่ทำให้ผมรู้สึกแบบนี้  ความรู้สึกที่ไม่รู้จะบอกออกมายังไง  แต่มีเป็นความสุขที่บอกไม่ถูก  ผมสัญญาครับว่าจะไม่ทำให้เธอเสียใจอีก  แน่นอน
          
                                          9
          “ดา  แล้ววันนั้นที่ดาไปเที่ยวมาสนุกไหมจ้ะ”
          “ก้อดีนะพัฒน์  แต่ดาไปกับกายแค่สองคน แล้วเค้าก็แปลก ๆ ด้วย”
          “อ้าว  แล้วเพื่อนไปไหนหล่ะ ไหนว่านัดกันไว้”
          “ไม่รู้สิอยู่ดี ๆ ก็เกิดไม่ว่างพร้อมกันหมดเลย”
          “พัฒน์ว่าแปลก ๆ อยู่นา  พัฒน์ไม่ค่อยไว้ใจไอ้คนที่ชื่อกายอะไรเลยเนี่ย”
          “แหม พัฒน์อย่าคิดมากเลยน่า พัฒน์ก็รู้นี่ว่าดารักพัฒน์แค่ไหน”
          “พัฒน์ไว้ใจดา  แต่พัฒน์ไม่ไว้ใจมัน”
          “เอ๋  พัฒน์เนี่ยพูดไม่รู้เรื่อง  แล้วทำไมต้องเป็นกายหล่ะ  ทำไมไม่เป็นมิว
      เป็นปิงบ้างหล่ะ”
          “ถามจริงดาดูเพื่อนไม่ออกหรอว่าเขาเป็นอะไร”
          “พัฒน์หมายความว่าไง”
          “ก้อดาก็ลองสังเกตดูดีดีสิ  ไม่เอาแล้วคุยเรื่องอื่น เหอะ  ไม่สนุกเลย เสาร์นี้ไปเที่ยวกันนะดา”
          “จ้ะ”
          อย่างนี้แหล่ะครับ เราเพิ่งคบกันก็ต้องมีกระทบกระทั่งกันบ้างมันไม่แปลกหรอก เราเพิ่งเจอกันผมเห็นเธอน่ารักดี ก็เลยลองจีบดู  ก็ไม่ยาก
          “เอ่อ ดาเดี๋ยวผมวางก่อนนะ  พอดีมีสายเข้าหน่ะ สงสัยจะเป็นคุณแม่”
          “จ้ะ  ฝันดีนะจ้ะ”
          “จ้ะ  เหมือนกันนะ”
          …….
          “ฮัลโล  ขอสายพัฒน์ค่ะ”
          “จ้ะ  ก้อยใช่ไหมจ้ะ”
          “จ้ะ  เป็นไงค่ะ รับโทรศัพท์ช้าจังเลย  แอบคุยกับสาวที่ไหนรึป่าวเนี่ย”
          “ป่ะ… ป่าวจ้ะ  แหมจะคุยกับใครกัน ก็มีก้อยคนเดียว”
          “จ้ะ  จ้ะ คือพัฒน์ก้อย เอ่อ…“
          “อะไรจ้ะ”
          “คือก้อยอยากชวนพัฒน์ไปดูหนังหน่ะ”


          “แค่นี้จริง ๆ หรอ”
          “พัฒน์เนี่ยรู้ใจก้อยจริง ๆ  คือ ไปเห็นชุดของ prada มันสวยดีหน่ะ ”
          “เท่าไหร่หรอ”
          “ไม่แพงหรอกพัฒน์ แค่ 3000 เอง”
          “แหมเพื่อก้อยพัฒน์ทำได้อยู่แล้ว”
          “พัฒน์เนี่ยน่ารักจัง  งั้นพรุ่งนี้เจอกันนะ”
          “จ้ะได้  งั้นฝันดีนะจ้ะ”
          “จ้ะ”
          บางคนอาจมองว่าผมหลายใจ  แต่ผมขอบอกตรง ๆ เลยว่าผมเลือกไม่ได้จริง ๆ ดาผมก็รัก และหวงเธอ  ส่วนก้อยบางทีอาจดูไม่ค่อยจริงใจกับผมสักเท่าไหร่  แต่เธอไม่มีใครนอกจากผม   จริง ๆ ผมไม่เคยเห็นเธอสุงสิงกับใครนอกจากผม และรุ่นพี่ผู้หญิงของเธออีกคน   เลยทำให้ผมมั่นใจ  ว่าเธอรักผม

          
                                          10
          “เฮ้ย หนิงมีคนแอบมองแกแหน่ะ”
          ฉันกับหนิงเป็นเพื่อนกันที่มหาวิทยาลัยค่ะ  หนิงหน้าตาถือว่าใช้ได้ทีเดียว  แต่ออกจะหยิ่งไปนิดนึง
          “เฮ้ยหนิงตกลงใครจีบแกกันแน่ พี่แซนหรือ…”
          “ก็ต้องพี่กิงสิ เป็นแฟนกันได้ 1 เดือนแล้วแหล่ะ”
          “เอ่อ …อ  คือเราอยากจะเตือนแก….”
          “โอ้ย  เราไม่เห็นว่าพี่กิงเขาจะเป็นอะไรอย่างที่แกว่าเลยยัยก้อย ข่าวนั้นแหน่ะมันโคมลอยชัด ๆ”
          “เอ่อ…อ”
          “แกไม่ต้องพูดอะไรแล้ว  ไปกินข้าวดีกว่า”
          ที่จริงฉันกับพี่กิงเคยคบกันมาก่อนค่ะ  ตอนแรกฉันก็ไม่ได้คิดจริงจังอะไรกับเขา  ก็เหมือนผู้ชายคนอื่น ๆ ฉันแค่ต้องการบางอย่างจากเขาเท่านั้น  แล้วคุณเคยได้ยินไหมว่าคนที่มันมีจุดประสงค์ที่ไม่ดีต่อกันมันจะรู้กันเอง   ค่ะบังเอิญฉันไปรู้ความลับอะไรบางอย่างของเขาเข้า  ฉันเลยขอบายดีกว่า
          ตอนนี้ฉันคบกับ พัฒน์อยู่  เราบังเอิญเจอกันที่สยาม  เขาเข้ามาคุยกับฉันก่อน ฉันก็ว่าดูท่าทางมีเงิน  แล้วดูโง่ ๆ ด้วย  ก็เลยลองคบดู  จริงอย่างที่คิดไว้เลยคนอะไรไม่รู้หลอกง่ายมาก มาก
          “จ้ะ  พรุ่งนี้เจอกันนะพัฒน์”
          “จ้ะ”
          ….
          “ฮัลโล ดาหรอจ้ะขอสายพี่ราหน่อยจ้ะ”
          “ได้ค่ะ    พี่รา  พี่ก้อยที่รักโทรมา”
          “ว่าไงจ้ะก้อย”
          “พี่ราก้อยคิดถึงจัง  เดี๋ยวดาไปหานะ”
          “จ้ะ  เร็ว ๆ นะ”
          มีแต่เขาคนเดียวแหล่ะค่ะที่ฉันจริงใจด้วย  เขาเข้าใจฉันทุกอย่าง เขารู้ว่าฉันคบกับคนอื่นอยู่ด้วย  แต่เขาไม่เคยว่าอะไรฉันเลยแม้แต่นิดเดียว  เขาพูดเสมอว่าเขาจะรักฉันตลอดไป  ประโยคนี้มันทำให้ฉันมั่นใจเสมอว่าฉันจะมีเขาไม่ว่าเวลาใด  อีกอย่างหนึ่งฉันคงเข็ดกับการที่จะจริงใจกับผู้ชายสักคนแล้วด้วย ตั้งแต่ฉันคบกับพี่กิง                                    11
          “โธ่  เอ้ยกูก็นึกว่าแม่งจะยาก  ไอ้ห่าเห็นบอกว่าหยิ่ง ๆ อีดอก”
          “อีนี่มันร้าย  ถ้ากูไปเจอมึงตอนกลางวันกูจะต้องฉุดมึงมาเป็นผัวแน่ ๆ เลยอีกิง”
          “นังนี่นี่ฉันนะออกจะสวย”
          “แต่ว่ามึงนี่เก็กแมนโคตรเนียนเลยหว่ะอีดอก”
          “มึงมันไม่เห็นจะยากเลยดูนะ   เอ่อน้องหนิงจะให้พี่ไม่ได้เชียวหรอครับ”
          “อุ้ยตาย  เริด  เริดมากมาก”
          “ไหนว่าผู้หญิงแม่งแน่   โธ่ โธ่  อีชะนี แม่งสุดท้ายก็โดนกระเทยอย่างกูฟันแล้วทิ้ง”
          “แล้วมึงอัดวีดีโอไว้รึป่าววะ นังกิงซี่”
          “แน่นอนนังแนนซี่  มันสะใจกระเทยอย่างกูเป็นที่สุดโว้ย”
          “เอ้ย  ผัวมึงมาโน่นแล้วแหล่ะ”
          “มิวไปไหนมา  ทำไมพึ่งกลับบ้านจ้ะ”
          “อ้อ  มิวไปทำรายงานบ้านเพื่อนมาครับ  เดี๋ยวมิวขอก่อนนะครับพี่ พี่”
          “จ้ะ”
          -……..
          “อีกิงมึงทำยังไงฮะถึงไปฉกผัวเด็กมาได้เนี่ย”
          “โอ้ย  ว่าไปเรื่องมันยาว  เขานะเป็นเด็กกำพร้าน่าสงสาร”
          “แต่เขาจะจริงใจกับแกหรอ”
          “อีนี่พูดอะไรอัปมงคล  นังปากปลาร้า 100  ปี  ไปดิ้นกันเถอะให้มิวเขาพักผ่อน”
          “จ้ะ  นังกิงซี่”
          ……
          “พี่กลับมาแล้วจ้ะมิวผัวรัก”
          “โอ้ย…..พี่…กิง  เมามาอีกแล้วหรอครับ”
          “นิดหน่อยจ้ะ  เอิ้ก   ..ก  เมื่อกี้คุยโท สับ  เอิ้ก..ก กับใครอยู่หรอจ้ะเห็นอะไรเปรียว เปรียว”
          “อ้อ  เพื่อนที่โรงเรียนนะครับ”
          “แน่ใจหรอ   ห้ามนอกใจพี่นะ”
          “ครับพี่ พี่ออกจะอีกกับผมขนาดนี้”

          “งั้นคืนนี้เรามามีความสุขกันนะ”
          “เอ่อ  พี่  ผมยังเจ็บอยู่เลย..ย”
          “นะ นะ  ผัวร้…า…ก  ของกิงซี่”
          “งั้น……..”
          ฉันหน่ะรักเขามากเลยเขาเป็นเด็กดีน่ารัก  เชื่อฟังฉันทุกอย่าง  ฉันเป็นคนส่งเสียค่าเล่าเรียนเขาทั้งหมด  ฉันมีความสุขมากเมื่ออยู่กับเขา  แต่สงสัยใช่ไหมว่าทำไมฉันคนสวยคนนี้ถึงได้ต้องหลอกฟันผู้หญิงด้วย   อันนี้มันเป็นความสุขส่วนตัว  ที่ได้เห็นหน้านังชะนีพวกนั้น  ตอนโดนทิ้ง  มันซาบซ่ายังไงไม่รู้บอกไม่ถูก
                                      12
          “ขอสายปิงครับ”
          “อ้อได้จ้ะ”
          “ปิงเอ้ยโทรศัพท์ลูกเพื่อนโทรมาแน่ะ”
          “ฮะแม่ ฮัลโลมิวหรอ”
          “จ้ะที่รัก”
          “อย่าพูดอย่างนั้นสิ เดี๋ยวเผื่อพ่อมิวยกหูอยู่”
          “ทำไมหล่ะก็เขารักปิงนี่”
          “เฮ้อ  ..เขานะกลุ้มใจจังเลยแหล่ะ  ทำไงดีหล่ะอยากให้มิวอยู่ใกล้ ๆ เขาทุกวันเลย”
          “เอ่อ..มิวว่าไม่ยากเลยปิง”
          “ทำยังไงหรอมิว”
          …….
          “จะดีหรอมิว”
          “ดีสิเราจะได้อยู่ด้วยกันไง  แล้วอีกอย่างมันก็พอดีด้วยพี่มิวเพิ่งเลิกกับแฟนไม่ใช่หรอ”
          “ก็ได้  แต่อย่าทำรุนแรงมากนะ”
          “จ้ะ  เชื่อใจมิวสิ  มิวรักปิงนะ”
          “จ้ะปิงก็รักมิว  เดี๋ยวแค่นี้ก่อนนะ  เหมือนเสียงพ่อเดินลงมา”
          “จ้ะที่รัก”
          “ฝันดีนะจ้ะ”
          ………..

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×