อาจจะแค่ \"บังเอิญ\" - อาจจะแค่ \"บังเอิญ\" นิยาย อาจจะแค่ \"บังเอิญ\" : Dek-D.com - Writer

    อาจจะแค่ \"บังเอิญ\"

    เรื่องของผมกับผู้หญิงคนหนึ่ง ผมไม่รู้ว่าเธอเป็นใคร แต่สิ่งที่ผมรู้ในตอนนี้คือ ผมตกหลุมรักเธอเข้าแล้ว.........

    ผู้เข้าชมรวม

    1,289

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    1.28K

    ความคิดเห็น


    7

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  11 มิ.ย. 46 / 20:13 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      ในคาบเรียนช่วงเช้าของวันหนึ่ง ผมเหม่อมองออกไปข้างนอกหน้าต่างห้องเรียนที่อาจารย์กำลังสอนวิชาสุขศึกษาอันแสนจะหน้าเบื่ออยู่เบื้องหน้าของห้อง ในตอนนั้น ผมคิดอะไรไปต่างๆนานา ทั้งเรื่องอนาคต ความฝัน และสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้ ผมอาจEnt ติดจุฬาฯ และได้เข้าคณะวิศวะอย่างที่ได้ตั้งใจไว้ แต่บางทีมันอาจไม่ได้เป็นแบบนั้น ผมอาจent ไม่ติดอะไรเลย
          วันนี้ก้อเหมือนกับทุกๆวัน แสงแดดยามสายสาดส่องผ่านเข้ามาทางหน้าต่างกระทบด้านข้างของใบหน้า แสงอำพันนั้นอุดมไปด้วยความร้อนอันแรงกล้าเสียยากที่จะประมาณ เมื่อสัมผัสกับผิวหน้าของคนเป็นเวลานานๆ คุณคงนึกถึงความรู้สึกนั้นออกว่าจะแสบร้อนแค่ไหน ผมเบนสายตามาทางกระดานหน้าห้องอีกครั้ง ในวิชา อาจารย์กำลังสอนการควบคุมอารมณ์ของตนเองอยู่ แต่ดูเหมือนว่านักเรียนในห้องเกือบทั้งหมดกำลังสติแตก ไม่มีใครสนใจฟังอาจารย์เลย แต่นั้นก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ แวบนึงของสายตาผมสบไปยังหน้าของนักเรียนหญิงคนนึง ซึ่งก็เป็นเพื่อนห้องเดียวกันนั้นแหละ เธอเป็นผู้หญิงน่ารักที่สุดในสายตาของผม ถึงจะไม่เด่นจนเป็นที่จับตามองมากนัก แต่ก็มีคนหมายตาเธอเอาไว้ไม่น้อย เธอตรงสเป็กผมเลย ผิวขาว ผมยาว หน้าตาจิ่มลิ่มน่ารัก อ่อนหวาน และจิตใจดี นี่แหละ..สเป็กผมเลยล่ะ แต่ช่วง 2  ปีครึ่งที่ผ่านมา เราแทบคุยกันนับครั้งได้ ครั้งแรก เธอเข้ามาถามเกี่ยวกับงานกีฬาสีตอนม.4 เพราะเธอเป็นเด็กสอบเข้ามาใหม่จึงรู้อะไรไม่มาก ครั้งที่ 2 เธอขอให้ผมช่วยสอนเลขและเรื่องเกี่ยวกับสูตรลัดตรีโกณฯ ครั้งนั้นคงอยู่ราวม.5 เทอมต้นๆเห็นจะได้ ครั้งที่ 3 เธอเข้ามาถามผมว่าห้องหมวดวิทย์อยู่ที่ไหน ราวๆ ม.5เทอมปลายๆ และครั้งสุดท้าย เธอมาทวงเงินค่าห้องจากผม ที่ไม่ได้จ่ายมาหลายสิบครั้งแล้ว เธอมาเป็นแทนเหรัญญิกคนก่อนที่ไม่มาเรียนหลายวัน ตอนนั้นเป็นวันสุดท้ายของการอยู่ชั้นม.5พอดี หลังจากนั้นเปิดเทอมใหม่ ขึ้นชั้นมาเป็นพี่ใหญ่สุด ม.6 เราก็ไม่มีโอกาสได้คุยกันอีกเลย แม้จะล่วงเข้าเทอมที่ 2 แล้ว ผมก็ยังไม่สบโอกาสเหมาะๆสักที
          ผมเผลอจ้องหน้าเธอเสียนาน พอรู้ตัวอีกที เธอกับเพื่อนๆ ก็หัวเราะคิกคักอย่างล้อเลียนผมเสียแล้ว ผมรีบหันหน้าไปเสียทางอื่น ทำเป็นตั้งใจเรียน แต่สายตายังคงชำเลืองมองเธออยู่ตลอดเวลา คอยดูว่าเธอจะมีปฏิกิริยาตอบสนองมาหรือไม่ แต่ไม่มีวี่แววแบบนั้นเลย ผมจึงมุ่งความสนใจเรื่อยเปื่อยไปเบื้องนอกหน้าต่างอีกครั้ง พยายามลืมเรื่องเมื่อครู่นี้ซะ และใช้สมองอย่างหนักเพื่อค้นหาตอนต่อจากที่คิดค้างไว้ เสียงอ๊อดก็ดังหมดเวลาพอดี
           คุณรู้ไหมว่า กำลังจะมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้น ถ้าคุณอยากรู้อ่านต่อซิ แล้วผมจะเล่าให้ฟัง
          หลังจากหมดชั่วโมงสุดท้ายของวัน ผมมักชอบไปเล่นบาสกับเพื่อนๆก่อนกลับบ้าน 2 ชม. เป็นประจำทุกวัน ตัวผมมักเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อและน้ำที่วักมาล้างหน้าจนโชกไปเกือบทั้งตัว เห็นผมเล่นบาสทุกวันแบบนี้ อย่าเพิ่งคิดว่าผมจะตัวสูงเป็นเปรตนะ ผมสูงแค่ 179 ซม. เท่านั้นเอง
          ก่อนที่ผมกับเพื่อนๆ จะก้าวเท้าออกประตูรั่วโรงเรียน เพื่อนผมคนนึงก็สะกิดให้ดูผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างๆรั่วร.ร.คนนึง เหมือนกับว่ากำลังรอใครอยู่นานแล้ว พวกผมมองไม่เห็นหน้าตาของเธอ เพราะเธอยืนหันหลังให้ และไม่มีทีท่าจะสนใจหันมามองพวกผมเสียด้วย แต่เท่าที่ผมมองสำรวจตั้งแต่หัวจรดเท้านั้น ผมคาดว่าเธอต้องหน้าตาไม่เลวแน่ๆ เพราะดูจากผมที่ไว้ยาวเหยียดตรงลงมาเกือบถึงครึ่งแผ่นหลัง และผิวเนื้อที่ดูค่อนข้างขาว ดูเกือบๆ จะซีดๆ ไปหน่อยด้วยซ้ำ แต่ถึงกระนั้น พวกผมก็ไม่ได้สนใจใยดีหล่อนมากนัก อาจเพราะความเหนื่อยอ่อนจากการเล่นบาสเมื่อครู่ ประกอบกับเป็นเวลาเย็นมากแล้ว พวกผมจึงเดินผ่านไป ทิ้งหล่อนไว้เบื้องหลัง
           และนั้นแหละคือวันที่เรื่องราวของผมได้เริ่มต้นขึ้น
      วันต่อมา เวลาเดิม ผมกับเพื่อนก็เห็นเธออีก คราวนี้เพื่อนผมดันพูดแซ่วเธอ เพื่อนอีกคนก็สอดปากเสริมขึ้นอีก ผมว่ามันไม่สุภาพ ถึงจะไม่ใช่คำหยาบคายอะไรก็เถอะ  แต่ถึงกระนั้น เธอก็ไม่ได้หันมามองเลย ดูเหมือนกับว่าเธอไม่ได้ยินด้วยซ้ำ เพื่อนคนนึงข้างๆผมกระซิบอย่างขอความเห็นว่า “หูหนวกรึเปล่าว่ะ” ผมไม่ได้ตอบอะไร ท้ายสุดพวกผมก็เดินกันต่อ ทิ้งเธอเอาไว้เบื้องหลังเช่นเคย หลายวันถัดมา พวกผมก็ยังเห็นเธอมายืนอยู่อย่างนั้นเกือบอาทิตย์เห็นจะได้ พวกผมแซ่วเธอเป็นบางครั้งบางคราว พอสนุกๆ หลังๆเริ่มรู้สึกชินจึงไม่ได้ใส่ใจอะไร จนกระทั้งเธอหายไปหลายวัน พวกเราถึงได้สังเกตเห็นว่าเธอไม่ได้มาที่นี่แล้ว
          หลังจากวันที่พวกผมไม่เห็นเธอมายืนอีก พวกผมก็ลืมเธอไปเลย แรกๆ ก็สงสัย แต่หลังๆ ทุกอย่างก็กลับเป็นปกติเช่นที่เมื่อก่อนเคยเป็นมา เมื่อผมแยกจากเพื่อนๆ เพื่อมาขึ้นรถไฟฟ้า ผมไม่ชอบที่จะนั่งบนรถไฟฟ้า ถึงจะมีที่ว่างก็เถอะ ผมมักยืนพิงข้างๆประตูอีกฝั่งที่ไม่ได้เปิดปิด และมองดูออกไปเบื้องนอก สิ่งที่เห็นมักเป็นภาพเดิมๆนั้นคือ นครใหญ่กลางกรุงถูกคอบงำไปด้วยแสงสีส้มยามอาทิตย์อัสดงที่เย้ายวนชวนให้เคลิ่มหลับอย่างยากที่จะพรรณนา แต่จู่ๆ สายตาของผมก็จับจ้องเข้ากับเงาสะท้อนที่มาจากกระจกเบื้องหน้า ดวงหน้าของใครคนนึงลอยมากระตุกความสนใจของผมได้อย่างฉับพัน ผมค่อยๆ หันไปมองยังต้นต่อของภาพสะท้อนนั้นด้วยความตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก ใครคนหนึ่งคนนั้นเหมือนปล่อยแรงอะไรบางอย่างจู่โจมเข้าใส่ผมอย่างไม่ปรานี เมื่อเจอที่มานั้นแล้ว ผมก็ต้องแปลกใจ เมื่อใครคนนั้น เป็นเพียงแค่ผู้หญิงคนนึง ผมยาวสลวยของเธอดูราวกับอาบยาเสน่ห์ เพราะเมื่อยามต้องแสงไฟ ดูงามเงาอย่างน่าเหลือเชื่อ ผิวกายที่ขาวอ่อนระริกใต้แสงไฟ ทำให้ผมใจเต้นระรั่ว ทั้งจมูก ปาก และดวงตาทั้งสอง ดูเหมือนรับเข้ากับโครงหน้ายังไงยังงั้น เธอเป็นคนสวยมาก ในสายตาของผม ที่อาจจะไม่เป็นที่สดุดตาก็คง เพราะสีผิวเนื้อที่ดูซีดกว่าปกติ แลดูไม่สดใส ไร้ชีวิตชีวาก็เป็นได้ แต่โดยรวมแล้วเธอจัดว่าเป็นคนสวยถึงมากทีเดียว ผมยิ้มน้อยๆ อย่างลืมตัว สายตาจับจ้องที่เธอคนนั้นอย่างไม่คาด ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกถึงแรงบางอย่างที่พยายามฉุดกระชากลากดึงให้ผมเข้าไปหาเธอ ทุกส่วนประสาทสัมผัสถึงความปรารถณานั้นได้อย่างชัดเจน จู่ๆ เธอก็หยิบปากกากับเศษกระดาษเล็กๆ แผ่นนึงขึ้นมาจากกระเป๋า แล้วเริ่มต้นจดอะไรบางอย่างลงในเศษกระดาษที่ดูเหมือนถูกฉีกมานั้นอย่างตั้งอกตั้งใจ เมื่อเสร็จสิ้น เธอก็สอดกระดาษแผ่นนั้นลงในกระเป๋าเสื้อตื้นๆ และยืนนิ่งงันต่ออย่างเป็นปกติ ผมจ้องมองเธอจนวินาทีสุดท้าย เมื่อประตูรถไฟฟ้าเปิดออกบนสถานีหนึ่ง เธอก็สาวเท้าเดินจากไปอย่างไม่ลังเล ทิ้งให้ผมอยู่กับความรู้สึกเสียดายอย่างบอกไม่ถูก ไม้รู้ว่าเสียดายที่ไม่ได้เข้าไปคุย หรือว่าเสียดายที่ไม่อาจจะได้พบกับเธออีก เพราะโอกาสคงไม่มาแบบนี้ได้ง่ายๆ ผมยังคงยืนจมอยู่กับความเสียดายนั้นต่อไปบนรถไฟฟ้า ทันใดนั้น เมื่อประตูเปิดออก ลมจากเบื้องนอกได้พัดเศษกระดาษแผ่นหนึ่งปลิวมาติดอยู่ตรงประตูที่ผมยืนพิงอยู่ข้างๆ ผมหยิบมันขึ้นมาด้วยความแปลกใจว่า ทำไมกระดาษแผ่นเล็กๆใบหนึ่งที่ปลิวมาจากไหนก็ไม่รู้ ถึงได้ดึงดูดใจได้เพียงนี้ ผมพลิกเศษกระดาษแผ่นนั้นเพื่ออ่านข้อความที่เขียนไว้อีกด้านนึง... มันอาจจะเป็นเรื่องเหลือเชื่อ บางทีคุณอาจจะบอกกับผมว่า มันเป็นเพียงแค่ความบังเอิญเสียมากกว่า แต่สำหรับตัวผมแล้ว ผมเชื่อว่ามันคือสิ่งที่ถูกกำหนดขึ้นให้เดินมาในวิถีทางนี้ ตามที่มันควรจะเป็น
          ข้อความในเศษกระดาษ “ฉันแอบมองคุณหลายครั้ง ไปรอที่หน้ารร.หลายวัน จนวันนี้คุณจ้องมองมาที่ฉัน ฉันชอบคุณค่ะ 01-xxx-xxx แอน”

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×