โซเดียมคลอไรด์คืออะไร  เมื่อพูดถึงคลอไรด์แล้วหลายคนคงนึกไม่ถึงว่ามันคืออะไรแต่ก็คงจะพอเดาได้ว่ามันคือเกลือแต่คงไม่ทราบถึงความหมายที่แท้จริงของมัน  ที่แท้จิงแล้วโซเดียมคลอไรด์ก็คือ เกลือแกง เกลือแกงนั้นมีประโยชน์มากในอุตสาหกรรมในปัจจุบันของประเทศไทย ดังนั้นเราจึงมีความจำเป็นที่จะต้องเข้าใจถึงความสำคัญของ
โซเดียมคลอไรด์หรือ
เกลือแกงนั้นให้มากขึ้นกว่าเดิม
 
การผลิตโซเดียมคลอไรด์
            โซเดียมคลอไรด์หรือเกลือแกงที่ใช้อยู่ในปัจจุบันได้มาจากทะเลและจากแหล่งแร่เกลือหินในดิน เกลือโซเดียมคลอไรด์ที่ได้จากทะเลเราเรียกว่า
เกลือสมุทร และเกลือที่ได้จากน้ำเค็มใต้ดินและจากแหล่งแร่เกลือหินเรียกว่า
เกลือสินเธาว์ โดยวิธิการผลิต
โซเดียมคลอไรด์นั้นมีวิธิการผลิตที่แตกต่างกัน
 
      การผลิตเกลือสมุทร
                เกลือสุมทรผลิตในจังหวัดชายทะเลหลายจังหวัด  เช่น จังหวัดสมุทรสาคร  สมุทรสงคราม
          การผลิตเกลือสมุทรแบ่งเป็น 2 ขั้นตอนใหญ่ๆ คือ การเตรียมพื้นที่นาและการทำนาเกลือ  การเตรียมพื้นที่นาต้องปรับพื้นดินให้แน่นและเรียบ แบ่งเป็นพื้นที่นาเป็นแปลงๆละประมาณ 1 ไร่ ยกขอบของแต่ละแปลงให้สูงเหมือนคันนา  และทำร่องระบายนำระหว่างแปลง พื้นที่นาเกลือแบ่งเป็น 3ตอนคือ  นาตาก  นาเชื้อ และนาแปลง  ซึ่งมีระดับพื้นที่ลดหลั่งตามลงมาตามลำดับเพื่อให้สะดวกในการระบายและขังน้ำทะเล       
              ก่อนถึงฤดูทำนาเกลือ  ชาวนาเกลือจะระบายน้ำทะเลเข้าเก็บไว้ในวังขังน้ำเพื่อให้ผงและโคลนตกตะกอน  เมื่อถึงฤดูทำนาเกลือ
คือระหว่างเดือนพฤศจิกายน  ถึงเดือนพฤษภาคม  ชาวนาเกลือจะระบายน้ำทะเลจากวังขังสู่นาตาก  โดยให้ระดับน้ำสูงกว่าพื้นที่นาประมาณ 5 เซนติเมตร กระแสลมที่พัดผ่านและความร้อนจากดวงอาทิตย์จะทำให้น้ำระเหย  เมื่อน้ำทะเลมีความถ่วงจำเพาะประมาณ 1.08  จึงระบายน้ำจากนาตากเข้าสู่นาเชื้อ  ที่นาเชื่อนี้  caso4  จะตกผลึก  ซึ้งเป็นผลพลออยได้เมื้อน้ำในนาเชื้อระเหยต่อไปจนมีความถ่วงจำเพาะประมาณ 1 .20 ก็ระบายเข้าสู่นาแปลง หลังจากนั้นประมาณ2วัน Nacl  จะเริ่มตกผลึกและจะเพิ่มปริมาณขึ้นเรื่อยๆ ในขณะเดียวกันน้ำทะเลที่เหลือ จะมีความเข้มข้นมากขึ้นจึงต้องระบายน้ำจากนาเชื้อเข้าไปเพิ่มอยู่เสมอเพื่อป้องกันไม่ให้  MgCl,MgSo4 ตกผลึกปนกับ
NaCl  โดยปกติชาวนาเกลือจะปล่อยให้ Nacl ตกผลึกอยู่ประมาณ 9 -10วัน จึงขูดเกลือออกขณะที่ยังมีน้ำทะเลท่วมเกลืออยู่  พื่อล้างดินที่ติดอยู่กับเกลือออก  เมื่อคราดเกลือมารวมกันเป็นกองๆแล้วจึงระบายน้ำออกจากนาปลง  ทิ้งเกลือไว้ประมาณ 1 -2 วัน โดย  ทั่วไป Nacl ที่ผลิตได้จะมีปริมาณเฉลี่ย 2.5-6.0 กิโลกรัมต่อพื้นที่ 1 ตารางกิโลเมตร  และผลพลอยได้อีกอย่างหนึ่งในการทำนาเกลือ
คือ กุ้งและปลาที่ติดมากับน้ำทะเล
                การผลิตเกลือสินเธาว์
              เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าดินที่อยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือเป็นดินเค็ม  เนี่องจากสภาพทางธรณีวิทยาในพื้นที่หลายๆจังหวัด
มีชั้นเกลือหินและโพแทชอยู่หลายชั้น  ซึ่งจะละลายปนอยู่ในชั้นน้ำใต้ดิน  เป็นสารละลายเกลือ  และเกิดการแพร่กระจายเป็นทิศทางการไหลของน้ำใต้ดิน และบางส่วนก็ถูกพาขึ้นมาสะสมอยู่บนผิวดิน ซึ่งเราก็สามารถแยกเกลือออกมาใช้วิธีการที่แตกต่างกันตามลักษณะของการเกิดเกลือตามธรรมชาติ ดังนี้
              1.เกลือจากผิวดิน  ทำได้โดยขุดคราบเกลือตามผิวดินมาละลายนำ  กรองเศษดินหรือตะกอนออก  นำน้ำเกลือที่ได้ไปเคี่ยวให้แห้งจะได้เกลือตกผลึกออก  การทำเกลือโดยวิธินี้นิยมทำกันมากในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ จังหวัดนครราชสีมา  ชัยภูมิ
มหาสารคาม  อุดรธานี  สกลนคร และร้อยเอ็ด เป็นต้น
              2.เกลือจากน้ำบาดาล เกลือบาดาลมีอยู่หลายระดับ อาจเป็นระดับตื้น 5 -10 เมตรหรือระดับลึก 30 เมตร ในการผลิตเกลือ
จากน้ำบาดาลนี้ทำได้โดยขุดหรือเจาะลงไปใต้ดินและสูบน้ำเกลือขึ้นมา แล้วนำน้ำเกลือที่ได้ไปต้มในกระทะเหล็กใบใหญ่  โดยใช้ไม้ฟืนเป็นเชื้อเพลิงซึ้งเป็นสาเหตุที่ทำให้มีการตัดไม้ทำลายป่ากันมากต่อมาจึงมีการใช้ลิกไนต์แทนฟืน   
                  นอกจากวิธิการต้มแล้ว  การตาก  เป็นอีกวิธิหนึ่งที่นิยมใช้กันมาก เพราะไม้ต้องเสียค่าใช้จ่ายในเรื่องเชื้อเพลิง  แต่ใช้ความร้อนจากแสงอาทิตย์ทำให้น้ำระเหยไป  จะได้เกลือตกผลึกออกมาวิธีนี้เรียกว่า  การทำนาตาก  โดยสูบน้ำจากบ่อเกลือบาดาลมาใส่ในนาตาก  ซึ่ง
ทำเป็นลานดินหรือลานซีเมนต์
                  ปัจจุบันมีการทำนาเกลือบาดาลกันมากบนเนื้อที่ประมาณ 12,000 ไร่ ได้แก่ บริเวณจังหวัดมหาสารคาม  นครราชสีมา
ร้อยเอ็ด  สกลนคร  ชัยภูมิ และจังหวัดหนองคายเป็นต้น
                    จากที่ได้กล่าวมาทั้งหมด ผมก็หวังว่าจาทำให้ผู้อ่านนั้นได้มีความรู้เกี่ยวกับโซเดียมคลอไรด์เพิ่มขึ้นไม่มากก็น้อย ซึ่งวิธิเรียบเรียงคงไม่ค่อยดีสักเท่าไร และอาจจะไม่ได้ความบรรเทิงสนุกสนานจากบทความนี้นักหรืออาจไม่มีเลย~~ แต่ถ้าท่านผู้อ่านได้สนจัยหรือแค่ลองเปิดมาดูในบทความเรื่องนี้ก็แสดงว่าท่านเป็นผู้ใฝ่รู้ไม่หยุดคิดหยุดอ่าน โดยความจริงแล้วตัวผมนั้นอายุ17ปีเองท่านผู้อ่านคงแปลกใจว่า
เด็กอายุ17มาเขียนบทความวิชาการอะไรเช่นนี้ ก็ขอกล่าวเฉลยไว้ที่นี้ว่าบทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของแบบเรียนสำเร็จรูป โดยแทนที่จะทำเปงรายงาน แต่ผมคิดว่ารายงานเราก้อส่งอาจารย์อาจารย์ซึ่งเก่งแล้วจะยิ่งเก่งไปกานหย่ายสู้นำมาเผยแพร่ต่อคนที่ใฝ่รู้เพียงแค่1คนก็ถือว่าผมประสพความสำเร็จแล้ว เพราะรายงานส่งอาจารย์ไปอาจารย์ก็เอาไปเก็บหรือไม่ก็เกะกะตู้เปล่าๆผมคิดว่างั้นนะงับ และนี่ก็เป็นการเขียนบทความครั้งแรกของผม(ช่ายบทความหรือเปล่าก็ไม่รู้นะ) โดยมีข้อผิดพลาดประการใดก็ขออภัยไว้ที่นี้อีกครั้งงับ^^\"
                                                                                                                              ||::: เกริกคุงสวาลี::::|
                   
      ขอขอบคุณเวปไซดดีดีที่ให้ข้อมูลกับป๋มงับ><            เอกสารอ้างอิง  www.rtou.ac.th
                                                                             
                                                                                                  www.fda.moph.go.th
                                                                                                 
                                                                                                  www.kalathai.com
                                                           
      ขอขอบคุณหนังสือดีดีที่ให้ข้อมูลงับ                        หนังสือเรียนเคมี เล่ม 6 ว 035  ของกระทรวงศึกษาธิการ
                                               
                                                                            หนังสือคู่มือเตรียมเอนซทราน\'43 ของหัตถสารการพิมพ์
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น