ณ เชิงเขาอันไกลโพ้น  กระท่อมไม้มุงจากหลังเล็กๆดูน่ารัก  ห้อมล้อมด้วยดงไม้นานาพรรณ  แสงไฟที่จุดจากตะเกียงสาดส่องออกมาจากหน้าต่างบานเล็ก  แลเห็นเป็นจุดสีแสดอ่อนๆระยิบระยับราวกับดวงดาวสุกใสอยู่ในหมู่เมฆ  ภายในกระท่อมมีเสียงดังเปาะแปะอยู่เป็นระยะๆตามมาด้วยเสียงกระหืดกระหอบของชายหญิง
    “ ฮ่วย!  แมงวันนี่เยอะจิงน้อ ”  ชายวัยเบญจเพสพูดขึ้นอย่างเหนื่อยใจ
    “ เอ๊อ!  น่านสิ  เท่รัก  เราไป่เอาไม้มาตีมันดีหม่า ”  หญิงสาวอายุน้อยกว่าพูดขึ้น  พลางปาดเหงื่อที่ไหลอาบแก้ม
    แล้วทั้งสองก็ยิ้มให้กันด้วยความดีใจที่นึกขึ้นได้  ซึ่งอันที่จริงน่าจะคิดได้ตั้งนานแล้ว
.  ชายหญิงคู่สามีภรรยาที่อยู่กินกันมาได้ 2 ปีเศษ  ไม่รอช้า  รีบไปคว้าไม้ตีแมลงวันซึ่งสานด้วยเส้นเอ็นสีขาวอย่างถี่ๆมาถือไว้ในมือ  แล้วแสยะยิ้มให้พวกแมลงวันที่บินว่อนไปมาอย่างร่าเริง
    “ เสร็จช้าน
.  โฮะๆๆ ” 
    ทั้งสองเงื้อมือขึ้นมาแล้วกระหน่ำตีเจ้าพวกแมลงวันอย่างไม่ยั้งมือ  พวกมันบินหนีกันไปคนละทิศทาง  แต่ก็ยังคงวนเวียนอยู่ในกระท่อมน้อยหลังนี้  ไม่ยอมเสด็จไปไหนเสียที  จนทั้งสองเริ่มอ่อนใจ
    หลังจากที่ลงมือตีเจ้าพวกแมลงวันจอมยุ่งอยู่เป็นเวลานานพอควร  แต่ก็ยังไม่มีวี่แววที่มันจะหมด  สองสามีภรรยาเริ่มเหนื่อยล้า  ทั้งสองนั่งลงที่พื้นไม้กระดานเพื่อพักเอาแรง  ต่างคนต่างก็นั่งพิงหลังกันสร้างขวัญกำลังใจให้หายเหนื่อยได้อย่างรวดเร็วราวกับไม่ได้ผ่านการตีแมลงวันมาแม้แต่ตัวเดียว แล้วจู่ๆหญิงสาวก็ลุกพรวดขึ้นมาดื้อๆ  ทำเอาชายหนุ่มหงายหลังลมไปกองที่พื้น  บรรดาศพแมลงวันจำนวนมหาศาลที่ถูกทั้งคู่กระหน่ำตีปลิวขึ้นมา  แล้วร่อนลงไปกองที่พื้นอีกครั้ง
    “ ฮ่วย!  เป็นอะไรไปล่ะเนี่ยะ ”  ชายหนุ่มเอามือดันพื้นทรงตัวยืนขึ้น  เกาหัวเบาๆแล้วส่ายหน้าไปมา
    ตาของหญิงสาวเป็นประกาย  เธอเอามือรวบผมดำเงางามที่มีเศษศพแมลงวันติดอยู่เต็มไปหมดแล้วมัดไว้เรียบร้อยด้วยเชือกสีขาว  จากนั้นเธอก็ใช้มือฉีกผ้าถุงสีครีมที่หลุดลุ่ยออกแล้วโยนให้สามี
    “ ฮ่วย!  รำคาญหลาย
  จะได่ตีสะดวกน่อย ”  หญิงสาวเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย  ยิ้มอย่างพอใจ  ในมือถือไม้ตีแมลงวัน (น่าจะเรียกว่าเอ็นตีแมลงวันมากกว่า)  เอาไว้มั่น
    “ ฮ่วย! จะนั่งอยู่ทำใสเล่า  มาตีกันเด้  เท่รัก ”  เธอซึ่งบัดนี้อยู่ในชุดเสื้อยืดสีขาวกับผ้าถุงสีครีมที่ถูกฉีกจนดูคล้ายๆกระโปรงสั้นๆตัวหนึ่งเอาไม้ตีแมลงวันชี้ไปที่สามีอย่างมาดมั่น
    ชายหนุ่มสูดหายใจลึก  เอาสองมืออันทรงพลัง (ที่ตีแมลงวันเป็นเวลานานแล้วยังไม่หมดสักที) สลัดผ้าขาวม้าออกจากตัว โยนให้ภรรยาสาวที่รับไว้อย่างงงๆ  เผยให้เห็นกางเกงขาสั้นสีเดียวกับเสื้อยืดสีขาวที่เขาใส่
    “ ฮ่วย!  ไป่ตีกัน ”  ชายหนุ่มใช้มือชูไม้ตีแมลงวันขึ้น  แววตาอันมุ่งมั่นของเขามองไปที่ภรรยาสาวเป็นเชิงชักชวน
    แล้วทั้งสองก็ลงมือตีแมลงวันกันอีกครั้ง  คราวนี้ชายหนุ่มรวมพลัง  ด้วยหนึ่งมือกับอีกหนึ่งไม้ตีแมลงวันในมือ  เขาหมุนตัวแล้วเคลื่อนที่ไปอย่างรวดเร็วจนไม่สามารถจับตามองได้ทัน  จนกระทั่งเขาหยุดเคลื่อนไหว  - - - - - ไม่น่าเชื่อ!!!  แมลงวันฝูงใหญ่อยู่ในกำมือของเขา  (เชื่อแล้ว ว่ามือทรงพลังจริงๆ  ไม่ทราบว่าเขาไปฝึกวิชานี้มาจากไหน  สุดยอดมาก!!! - - - - เวอร์ซะไม่มี)
    “ โอ้
  ว้าว  เท่รัก  ซุดหยอดไป่เลย  ฮัวะ  ฮ่าๆๆๆๆ ”  หญิงสาวตรงเข้าหอมแก้มสามี (แต่ไม่ได้ทำ
ปล่อยให้ชายหนุ่มอ้าแขนรับเก้อ  อึ้ง ทึ่ง เสียว!!! อยู่ตรงนั้น)  แล้วเชยชมแมลงวันก้อนกลมแน่นที่ถูกเสียบด้วยขนไก่เป็นวงโดยรอบอย่างเป็นระเบียบ  เมื่อเชยชมสมใจแล้วจึงหอมแก้มสามีที่ยืนรอให้เธอหอมแก้มจนเหงือกแห้ง
    “ เรามาสนุกกันเด้  เท่รัก ”  ชายหนุ่มพูดพลางมองแมลงวันที่ดิ้นดุกดิกด้วยความกลัว  เหมือนรู้ว่าพวกมันจะถูกทำเช่นไรต่อไป
    หญิงสาวเดินไปอีกฟากของมุ้ง  มือทั้งสองถือไม้ไว้มั่น  เธอย่อเข่าลงเล็กน้อยเตรียมพร้อมที่จะตีก้อนแมลงวันขนไก่ที่สามีจะตีส่งมาได้ทุกเมื่อ
    ชายหนุ่มย่อเข่าแล้วโยนก้อนแมลงวันขึ้นเล็กน้อย  แล้วฟาดด้วยไม้ตีแมลงวันไปอีกฟากของมุ้งซึ่งมีภรรยาสาวยืนรอรับอยู่  เธอตีกลับมาหาเขา  แล้วทั้งสองก็ตีกันไปมา  ไปมา และไปมา  จนกระทั่งแมลงวันที่เป็นก้อนร่วงลงมาทีละตัว  สองตัว  สามตัว
.  จนหมด  ขนไกที่เสียบอยู่รอบๆร่อนลงสู่พื้นอย่างช้าๆ
    “ โฮะๆๆๆ  สำเร็จ ”  ทั้งสองโผเข้ากอดกัน  โดยมิได้สนใจมุ้งที่กั้นอยู่ระหว่างกันแต่อย่างใด
    แล้วด้วยความเหนื่อยล้า  ทั้งสองก็ผล็อยหลับไปบนเบาะนอนกันอ่อนนุ่มอย่างไม่รู้ตัว  โดยไม่มีแมลงวันแม้แต่ตัวเดียวมารบกวนอีก  หารู้ไม่ว่ามีคนกลุ่มหนึ่งแอบมองเขาอยู่ตั้งแต่ตอนที่เขาถูกปลุกโดยฝูงแมลงวันอันน่ารำคาญที่บัดนี้กองเกลื่อนอยู่เต็มพื้น
    เช้าวันรุ่งขึ้น
.
    “ ฮ่วย!  สายแล้วเนี่ย  เท่รักจ๋า  ตื่นๆ ”  ชายหนุ่มปลุกภรรยา  แล้วยื่นไกย่างสีเหลืองนวลให้เธอพร้อมส่งยิ้มให้อย่างอ่อนโยน
    หญิงสาวสูดกลิ่นกันหอมกรุ่นของไก่ย่างก่อนตรงไปสีฟันแล้วรับประทานไก่ย่างอย่างเอร็ดอร่อย(น้ำยายไหย)  เธอสังเกตเห็นว่าพื้นกระท่อมถูกกวาดไว้เรียบร้อย  ไม่มีซากศพแมลงวันเหลืออยู่ 
    เสียงกุกกักดังขึ้นที่ประตูบ้าน  “กุก
.กัก
.“  - - - - - - -  ชายหนุ่มลูบผมภรรยาเบาๆ  แล้วตรงไปหยิบหน้าไม้ซึ่งแกะสลักอย่างสวยงาม (คิดว่าน่าจะเป็นมรดกตกทอดมาแต่บรรพชนคนแต่เก่าก่อน) มาถือมั่นในมือ  จากนั้นจึงย่องไปเปิดประตูอย่างระมัดระวัง
    ทันทีที่ประตูถูกเปิด  “ อ๊ะ  เย๋ย  ท่านๆ
เอ่อ  สวัสดีครับ/ค่ะ  เอ่อ วะ
วะ
วา
.ง ”
    “ ออ
.
.”  ชายหนุ่มเอาหน้าไม้ไปเก็บที่แท่นบูชา  แล้วเชิญคนเหล่านั้นเข้าไปนั่ง (บนพื้นกว้าง) ในกระท่อม  ส่วนภรรยา. . . นำน้ำมาให้พวกเขาดื่ม
    “ อะ
เอ่อ  พวกท่านมองหาอะไรรึคะ ”
    “ อ่อ!  คือ
.  ”  เขาสูดหายใจลึก  แล้วกระซิบ  “ เศษแมลงวันน่ะคร้าบ
.  แหะๆ ”
    “ อ๋อ!  ผมกวาดหมดแล้วแหละครับ ”  ชายหนุ่มผู้เป็นสามีบอก แล้วนึกเอะใจขึ้นมา - - - - - ดูเหมือนคนกลุ่มนั้นตกใจทุกครั้งที่เขาพูดด้วย
    “ เอ๋!  พวกท่านรู้ได้ไงหว่าเคยมี่เศษเจ้าพวกน้านบนพื้น  เอ่อ!  แมลงวันน่ะ ” 
    “ อ่าา คือ ความจริง  พวกเราต้องขอโทษด้วยนะครับ เมื่อคืนเราบังเอิญผ่านมาแถวนี้  แล้วสนใจการเต้น และ การละเล่นของพวกคุณมาก  เอ้อ!  ว่าแต่
คุณได้ยินผมได้ไงเนี่ย  มะสักครู่ผมกระซิบนะ ”
    “ นั่นสิ!!! ”  อีก 2-3 ในกลุ่มพูดพร้อมกัน
    “ อ่อ!  สามีฉันหูไวค่าา  ไม่งั้นคงจับเจ่าพวกน้านมารวมเป็นก้อนได้ไม่ไหวหรอกค่า ” 
    “ เอ่อ!
ว่าแต่การเต้นน่ะค่ะ ” 
    “ ใช่
แล้วก็การละเล่นด้วยครับ ”
    “
มัน
หม่ายความว่าไงเหร่อ ” 
    “ ก็ที่พวกคุณทั้งสองทำกันไง  เมื่อคืนน่ะ ”  กลุ่มคนพวกนั้นพูดพร้อมกัน
        สองสามีภรรยามองหน้ากัน  แล้วส่าหน้าอย่างงงสุดๆ
. แล้วกีฬาแบดมินตันกับท่าเต้นสุดมันส์ (ที่จริงเป็นท่าจับและตีแมลงวัน) ก็กำเนิดขึ้นด้วยประการฉะนี้
..
                                - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น