รักนี้ไม่มีวัน....จาง - รักนี้ไม่มีวัน....จาง นิยาย รักนี้ไม่มีวัน....จาง : Dek-D.com - Writer

    รักนี้ไม่มีวัน....จาง

    เรื่องสั้นเรื่องนี้ อาจจะยาวไปซะหน่อย อย่าเพิ่งขี้เกียจอ่านนะ เพราะรับรองว่าเมื่อคุณอ่านจบแล้ว คุณจะรู้สึกดีอย่าง แน่นอน .เกินกว่าการมองเห็น.

    ผู้เข้าชมรวม

    808

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    18

    ผู้เข้าชมรวม


    808

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  ซึ้งกินใจ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  30 ก.ย. 46 / 08:58 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      ผู้โดยสารบนรถประจำทางกำลังมองผู้หญิงหน้าตาดีคนหนึ่งที่มีไม้เท้าขาวอยู่ในมืออย่างเห็นอกเห็นใจ
      เธอเดินขึ้นบันได รถอย่างระมัดระวัง หลังจากชำระค่าโดยสารให้แก่พนักงานแล้วใช้มือคลำหาที่นั่ง
      ค่อยๆก้าวลึกเข้าไปตามช่องทางเดิน จนกระทั่งเขาจะเป็นฝ่ายกระซิบบอกเมื่อพบที่ว่าง
      เธอจึงนั่งลง วางกระเป๋าถือไว้บนตักและเก็บไม้เท้าเอามาพาดไว้บนหน้าขา    
      หนึ่งปีแล้วที่ซูซานวัย 34 ปีได้กลายเป็นคนตาบอด การวินิจฉัยทางการแพทย์ที่ผิดพลาด ทำให้เธอต้องตกอยู่ในโลกมืด ไม่อาจมองเห็นได้อีกต่อไป  
        อารมณ์โกธรแค้น สูญเสียและสงสารตัวเอง พลันอุบัติขึ้นและดำรงอยู่นับแต่นั้นเป็นต้นมา ก่อนนั้นซูซานสามารถอยู่ได้ด้วยตัวเอง      แต่บัดนี้เธอรู้สึกเหมือนถูกลงทัณฑ์ด้วยเคราะห์กรรมสักอย่างให้กลายเป็นคนไร้ความสามารถ ช่วยตัวเองไม่ได้      กระทั่งกลายเป็นภาระของคนรอบข้าง “ทำไมฉันต้องเป็นเช่นนี้” เธออยากสู้คดี… หัวใจเธอเต็มไปด้วยความโกธร  
      แต่ไม่ว่าจะร่ำไห้คร่ำครวญ ตีโพยตีพาย หรือสวดมนต์วิงวอนเพียงใด เธอก็ตระหนักถึงความจริงอันเจ็บปวดว่า สายตาเธอนั้นไม่มีวันกลับคืนมาดีได้ดังเดิมอีกแล้ว   เมฆหมอกแห่งความหดหู่ได้ปกคลุมจิตใจที่เคยมองโลกในแง่ดีของซูซานไปเสียแล้ว เพียงแค่จะใช้ชีวิตให้ผ่านไปในแต่ละ    วันก็ดูจะสั่งสมถมเพิ่มความหงุดหงิดและเหนื่อยอ่อนให้เธอเกินจะแบกทานไหว    ทั้งหมดนี้จึงทำให้เธอต้องผูกพันอยู่กับมาร์ก ผู้เป็นสามีแต่เพียงผู้เดียว     มาร์กเป็นทหารอากาศซึ่งรักซูซานจนหมดหัวใจ… เมื่อแรกที่เธอนั้นต้องสูญเสียการมองเห็นไปนั้น เขาได้แต่นั่งมอง     ภรรยาจมอยู่กับความผิดหวังครั้งแล้วครั้งเล่า ถัดมาเขาก็เกิดปณิธานอันแน่วแน่ที่จะช่วยเธอกลับมาเป็นคนเข้มแข็งและมี     ความมั่นใจในตัวเองเหมือนอย่างที่เคยเป็น จากประสบการณ์ด้านการทหารที่ถูกฝึกฝนมาอย่างดีเพื่อเผชิญกับสถานการณ์อันละเอียดอ่อน    
         เขาพบว่านี่เป็นศึกหนักที่ยากสุดเท่าที่เขาเคยเผชิญมา …และแล้วซูซานก็พร้อมจะกลับไปทำงานอีกครั้งหนึ่ง แต่ปัญหายังมีอยู่ว่า เธอจะเดินทางไปทำงานได้อย่างไร ก่อนนี้เธอ เคยใช้บริการรถประจำทาง แต่ยามนี้เธอกลับวิตกที่จะต้องไปไหนมาไหนโดยลำพัง มาร์กอาสาขับรถไปส่งเธอ แม้ทั้งคู่ จะทำงานกันคนละมุมเมืองเลยก็ตาม     ความคิดดังกล่าวทำให้ซูซานสบายใจขึ้น ทั้งยังเป็นการสนองความปรารถนาของมาร์กที่อยากดูแลคู่ชีวิตผู้ขาดความมั่นใจ ที่จะเผชิญกับสถานการณ์อันเปราะบางที่สุดเช่นนี้ ในไม่ช้ามาร์กก็ตระหนักว่าความคิดนั้นไม่เข้าท่าวุ่นวายและสิ้นเปลืองมากเกินไ ป “ซูซานต้องกลับไปขึ้นรถประจำทางอีกครั้ง” เขาสรุปกับตัวเอง… แต่เพียงแค่คิดจะเอ่ยเรื่องนี้กับเธออย่างไร ก็ทำให้ เขารู้สึกหนักใจเสียแล้ว     เนื่องจากเพราะเธอต้องการคนคอยดูแลอย่างใกล้ชิด บวกกับยังเป็นคนเจ้าอารมณ์อยู่มาก “เธอจะคิดอย่างไรนะ…“ มาร์กอดปรารภกับตัวเองไม่ได้ การณ์เป็นไปตามที่มาร์กคาดไว้ไม่มีผิด ซูซานกลัวที่จะกลับมานั่งรถประจำทางอีกครั้ง “ฉันตาบอดนะ ” เธอกล่าวอย่างขมขื่น “แล้วฉันจะรู้ได้อย่างไรว่าฉันกำลังจะไปไหน   มาร์ก… คุณรู้สึกไหมว่าฉันรู้สึกว่าคุณกำลังจะทอดทิ้งฉัน” หัวใจมาร์กพลอย ปวดร้าวเมื่อได้ยินคำพูดของเธอ      เขาจึงสัญญาว่าจะอยู่เป็นเพื่อนเธอทุกเช้าและเย็นจนกว่าเธอจะค่อยๆคุ้นชิน แล้วมันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆๆ… เป็นเวลาสองสัปดาห์ที่ผู้โดยสารบนรถประจำทางสายนั้นได้เห็นมาร์กในเครื่องแบบทหา ร เต็มยศ ปรากฏร่างอยู่เคียงข้างเป็นเพื่อนเธอทั้งเช้าและเย็นทุกวัน    
      เขาเฝ้าอดทนสอนให้เธอรู้จักใช้ประมาทสัมผัสอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการได้ยิน เพื่อจะได้รู้ว่าขณะนี้กำลังอยู่ที่ใด รวมทั้งยังสอนให้เธอรู้จักปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมใหม่ และช่วยเธอผูกมิตรกับพนักงานขับรถ เพื่อที่เขาคนนั้นจะได้ช่วยดูแล หาที่นั่งให้เธออีกทางหนึ่ง นอกจากนี้เขายังทำให้เธอหัวเราะได้แม้ในวันที่ดูจะเป็นปัญหา เช่น ตอนที่เธอหกล้มขณะเดินลงรถ หรือตอนที่เธอทำ กระเป๋าถือหล่นจนเป็นผลให้เอกสารทั้งหลายทั้งปวงร่วงเกลื่อนทางเดิน
          ทั้งคู่จะออกเดินทางด้วยกันตอนเช้า แล้วมาร์กก็จะนั่งแท๊กซี่กลับไปทำงานตามปกติ ถึงแม้ว่านี่จะดูเป็นการสิ้นเปลืองและ ทำให้มาร์กเหน็ดเหนื่อยมากกว่าความคิดแรก แต่เขาก็รู้ดีว่ามีแต่เวลาเท่านั้นที่จะช่วยให้เธอสามารถขึ้นรถประจำทางได้ด้วยตัวเอง เขายังเชื่อมั่นในตัวเธอเสมอ… ซูซานผู้ไม่เคยเกรงกลัวการท้าทายอันใด และไม่ยอมเลิกราอะไรง่ายๆ ในที่สุด วันที่ซูซานรู้สึกว่าตนพร้อมที่จะเดินทางโดยลำพังก็มาถึง ก่อนจะก้าวขึ้นรถประจำทางในเช้าวันจันทร์… เธอได้โอบกอดมาร์กผู้เป็นสามีและเคยเป็นเพื่อนร่วมทางบนรถที่ดีที่สุดของเธอ ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยน้ำตาแห่งความตื้นตันในความซื่อสัตย์   ความอดทนและความรักที่สามีต่อเธอ   จากนั้นเธอได้ กล่าวลา และนั่นเป็นครั้งแรกที่ทั้งสองแยกกันเดินทางไปทำงาน จากวันจันทร์ อังคาร พุธ พฤหัส… แต่ละวันดำเนินไปด้วยดี ทว่าลึกๆ แล้วซูซานไม่เคยรู้สึกดีขึ้นเลย เธอเพียงแต่ทำไป ตามปกติ เดินทางไปทำงานด้วยตนเอง… เช้าวันศุกร์ เธอยังคงขึ้นรถประจำทางไปทำงานเช่นเคย และเมื่อกำลังจะลงจากรถนั้น เธอได้ยินคนขับรถพูดขึ้นมาว่า     “แหม… ผมอิจฉาคุณจัง” แรกทีเดียวซูซานไม่มั่นใจว่าเขาพูดกับเธอหรือเปล่า… ก็ใครเล่าจะอิจฉาคนตาบอดผู้พยายามรวบรวมความกล้าหาญเพื่อที่จะดำรงชีวิตอยู่ให้ได้ แต่ด้วยความอยากรู้ เธอจึงถามกลับไปว่า “ทำไมคุณอิจฉาล่ะ” คนขับรถตอบว่า “ผมคงรู้สึกดีมากๆ หากมีใครสักคนมาคอยดูแลปกป้องเหมือนอย่างที่คุณได้รับอยู่ ” ซูซานไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาพูดจึงถามอีก “คุณหมายความว่าอย่างไรกัน”   เขาตอบว่า    “คุณรู้ไหมว่าทุกเช้าๆตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ มีสุภาพบุรุษหน้าตาดีคนหนึ่งในเครื่องแบบทหารยืนตรงหัวมุมถนนคอยเฝ้าดูคุณเวลาคุณก้าวลงจากรถ รอจนมั่นใจว่าคุณได้ข้ามถนนอย่างปลอดภัยแล้วและยังคงคอยกระทั่งคุณเดินเข้าไปในอาคารสำนักงานจนเรียบร้อย จากนั้นก็ส่งจูบและคำนับให้นิดหนึ่งก่อนจะเดินจากไป…นี่ละ…ผมจึงเห็นว่าคุณเป็นสุภาพสตรีที่โชคดีเหลือเกิน” น้ำตาแห่งความปลื้มปิติค่อยๆไหลรินลงมาอาบแก้มของซูซาน แม้ขณะนี้เธอไม่อาจมองเห็นเขาได้ด้วยสายตาตนเองก็จริง แต่เธอสามารถสัมผัสได้ตลอดเวลาถึงการมีอยู่ของมาร์ก เธอช่างโชคดี โชคดีมากๆ
           เพราะเขาได้มอบของขวัญที่มีคุณค่ามากกว่าการมองเห็น… ข อ ง ข วั ญ ที่ เ ธ อ ไ ม่ จำ เ ป็ น ต้ อ ง ไ ด้ เ ห็ น ถึ ง จ ะ เ ชื่ อ … เป็นของขวัญแห่งความรักที่สามรถนำมาซึ่งแสงสว่างไปสู่ทุกๆหนแห่งในความมืดมิด

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×