rainy day - rainy day นิยาย rainy day : Dek-D.com - Writer

    rainy day

    ก็มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง เธอทะเลาะกับแม่แล้วก็หนีออกจากบ้าน เสร็จแล้วพอดีไปเจอเจ้าชายที่สามารถให้พรได้1ข้อ......โครงเรื่องก็คล้ายๆการ์ตูนญี่ปุ่นอ่ะนะ เราเพิ่งแต่งเรื่องแรกอ่ะ ยังไม่ค่อยเก่ง

    ผู้เข้าชมรวม

    558

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    4

    ผู้เข้าชมรวม


    558

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  24 ก.ย. 46 / 12:00 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      คืนนี้ที่ฝนตกปรอยๆ   ณ  หมู่บ้านแห่งหนึ่งซึ่งปกติจะเงียบสงัด  กลับมีเสียงเอ็ดตะโรดังขึ้น  \"โซระ... เข้าบ้านเดี๋ยวนี้นะ ดึกดื่นป่านนี้แกไปไหนมาฮึ ทำไมเพิ่งกลับ รู้มั้ยชั้นคอยแกนานแค่ไหนน่ะ เข้าบ้านเดี๋ยวนี้เลยนะ\" เสียงตะวาดของผู้หญิงวัยกลางคนดังขึ้น ทำลายความเงียบสงัดในค่ำคืนนั้น
              \"ก้อหนูบอกแล้วไงล่ะ ว่ากลับจากที่เรียนพิเศษมา\"เด็กสาวคนนั้นตอบคำถามของมารดา
              \"เรียนพิเศษบ้านไหนเค้าเลิกกัน5ทุ่มเที่ยงคืนฮึ ฉันล่ะผิดหวังในตัวแกจริงๆ หนีไปเที่ยวกับผู้ชายมาอีกล่ะสิเนี่ย\"
              \"อีกเอิกอะไรกันเล่าก้อบอกว่าไปเรียนพิเศษไง อีก2อาทิตย์เค้าจะEntแล้ว\'จารย์เค้าก้อเลยติวเสริมให้แล้วนี่มันก้อเพิ่งจะ 4 ทุ่มเองนะ ทำไมแม่ไม่เคยเชื่อใจหนูเลยนะ หนูไม่เคยหนีเที่ยวสักครั้ง\" \'เฮ้อ..เรียนมาเหนื่อยๆยังต้องมาเครียดเพราะเสียงบ่นอีก\'โซระบ่นพึมพำ
               \"เมื่อกี้แกว่าอะไรนะ เดี๋ยวแม่ตบเลย\"
               \"อยากตบก้อตบสิ!!! ยังไงซะในสายตาแม่หนูมันก้อคนเลวนี่ ใครจะไปเหมือยพี่ซาเอริล่ะ ทั้งสวยทั้งเก่งEntติดหมอ ลูกรักของแม่ไง ส่วนหนูมันก้อแค่เด็กเสเพลที่ไหนก้อไม่รู้\" เพียะ!!! แม่ตบโซระฉาดใหญ่ เธอวิ่งหนีออกไปทันที หยาดน่ำตาไหลรินพร่างพรูแต่เธอไม่สนใจมันสักนิด เธอไม่แคร์สายตาคนรอบข้างเลยหรือถ้าจะพูดให้ถูก ตอนนี้เธอไม่แคร์อะไรอีกแล้ว  เธอวิ่งไปเรื่อยๆอย่างไม่รู้จุดหมาย
              ตอนนี้  เธอมายืนอยู่ที่สวนสาธารณะแห่งหนึ่งซึ่งเธอไม่รู้จัก  มีแต่คู่หนุ่มสาวพูดคุยกันหัวร่อต่อกระซิก  เธอซึ่งไม่รู้จักใคร  มายืนอยู่ ณ สถานที่ที่ตนไม่รู้จักอย่างอยู่คนเดียว  มันช่างแสนอ้างว้างและเดียวดาย  
              เธอหยุดคิดถึงช่วงชีวิตทั้ง 17 ปีที่ผ่านมา  เธอเรียนโรงเรียนสตรีมาตลอดเธอจึงไม่ค่อยคุ้นกับผู้ชาย  แน่นอนเธอยังไม่มีแฟน  ในชีวิตเธอมีแต่แม่กับพี่สาวมาตลอด  เมื่อคิดถึงเรื่องแม่หัวใจน้อยๆ ของเธอก็ยิ่งปวดร้าวส่วนพ่อของเธอนั้นเป็นนักธุรกิจ  พอล้มละลายก็ฆ่าตัวตายทิ้งเธอกับแม่และพี่สาวให้เผชิญปัญหาหนี้สินดุจดั่งพายุลูกแล้วลูกเล่าไม่จบสิ้น  ยิ่งคิดก็ยิ่งเศร้าใจ  ทำไมพระเจ้าต้องให้เธอเกิดมา?  ทำไมเธอต้องเกิดมาที่ครอบครัวที่มีปัญหา?  ทำไมเธอไม่สวย  ไม่รวยเหมือนคนอื่น?  เธอเกิดมาเพื่ออะไร?  เกิดมาทำอะไร?  แล้วเกิดมาเพื่อใคร?  ยิ่งคิดก็ยิ่งกลุ้มเธอจึงเลิกคิด  
              เธอจึงเดินต่อไปเรื่อยๆอย่างไร้จุดหมายแต่แล้วเธอก็ได้ยินเสียงเพลงที่แสนไพเราะดังก้องกังวานมาแต่ไกลเหมือนกำลังเชื้อเชิญเธอให้ไปหามัน  
              ณ ที่นั้น  มีคนหนุ่มสาวมากมายกำลังยืนมุงกันอยู่รอบๆลานกว้างแห่งหนึ่ง  เมื่อเธอเดินเข้าไปใกล้เธอก็ได้เห็นเห็นว่าผู้คนมากมายเหล่านั้นกำลังชมคอนเสิร์ตกันอยู่  เขาคนนั้นช่างโดดเด่นดุจดวงดาวท่ามกลางแฟนเพลงของเขา  เขาร้องเพลงพร้อมกับดีดกีตาร์ท่วงท่าช่างงดงามยิ่งนัก  สายฝนที่เทลงมาอย่างไม่หยุดหย่อนไม่ได้ทำให้คนชมคอนเสิร์ตน้อยลงแต่อย่างใด  หากแต่ผู้คนที่ได้ยินเสียงเพลงอันไพเราะต่างก็รีบมาชมกันแน่นขนัด  ตอนนี้เธอมายืนอยู่แถวหน้าแล้ว  เขาร้องเพลงอยู่ใกล้เธอนี่เอง  เธอเริ่มมองสำรวจเขา  เขามีดวงตาโตสีน้ำเงินเข้มแลดูลึกลับแต่กลับแฝงไปด้วยความอ่อนโยน  ผมสีน้ำตาลอ่อน  ใบหน้าสีขาวยามที่เม็ดฝนต้องกระทบใบหน้ายิ่งทำให้เขางดงามเจิดจรัสยิ่งนัก  นิ้วมือที่ยาว  เรียว  ของเขาสวมแหวนสีเงินเรียบๆ อยู่วงหนึ่ง  เขาคงสูงประมาณ 180 เซนติเมตร  กริ๊ง!!!  แหวนของเขาตกลงมาตรงหน้าเธอ  เธอจึงเอื้อมมือไปหยิบมันขึ้นมา  “ยะ…  เฮ้อ..ช่างมันเถอะ  เธอเก็บมันไว้นั่นแหละ” แต่เธอเห็นสีหน้าตกใจสุดขีดของเขา  จึงคิดว่ามันต้องเป็นของที่สำคัญมากแน่ๆ “เอ่อ… จะดีเหรอคะ  มันเป็นของสำคัญของคุณนี่นา  อ้าว…  ”เธอพยายามจะคืนให้เขา  แต่เขากลับไปร้องเพลงอีกเสียแล้ว  เธอค่อยพิจารณาดูมันอย่างช้าๆ  มันเป็นแหวนสีเงินขนาดกำลังพอดีแต่ที่ตอนแรกเธอเห็นว่ามันเรียบๆนั้นเธอเข้าใจผิดอย่างแรง  เพราะรอบๆวงกลับมีลวดลายประหลาดๆคล้ายตัวอักขระโบราณอยู่เต็มไปหมด
              เมื่อคอนเสิร์ตจบลง  ผู้คนต่างทยอยกลับบ้านกันหมด “เดี๋ยวก่อน!!  อย่าพึ่งกลับ  รอแป็บนึง”  “หือ  อ่า..ค่ะ” เธอแอบดีใจหน่อยระคนประหลาดใจหน่อยๆที่เขาเรียกเธอ  แล้วก็นึกได้ว่าคงเป็นเรื่องแหวนกระมัง  “เธอรู้มั้ยว่าแหวนนี่คืออะไร” “ไม่ทราบค่ะ  แต่คงจะเป็นของที่สำคัญมากแล้วก็โบราณมากด้วย  ดิฉันว่าคุณเก็บไว้เถอะค่ะ” “ฮะๆๆๆ  เธอนี่เดาเก่งจัง  ใช่มันทั้งสำคัญมากแล้วก็โบราณมากด้วย  มันถูกเรียกว่า ‘ มาแชร์’ ซึ่งที่จรึงมันเพี้ยนมาจากคำว่า’ Ma chere’ ที่แปลว่า ที่รัก   แต่ว่าที่จริงแล้วใครก็ตามที่ครอบครองแหวนวงนี้สามารถขอพรอะไรก็ได้ 1 อย่างจากเจ้าของของมัน  ซึ่งเจ้าของมาแชร์วงนี้ก็คือฉันเอง  เธอสามารถขอพรอะไรก้อได้ 1 อย่างจากฉันซึ่งเมื่อใดก้อตามที่เธอขอพรแล้วฉันก็จะทำตามสัญญาและก้อจะจากไปเพื่อหาผู้ครอบครองคนต่อไป  เวลาที่เธอจะขอพรให้พูดว่า  ‘ ข้าโซระผู้ครอบครองมาแชร์วงนี้  ปรารถนาให้……’  อ้ออีอย่างหนึ่งตอนนี้เธอเป็ฯเจ้านายของฉันแล้วไม่ต้องเรียกซะสุภาพขนาดนั้นก็ได้”  “งั้นก็แปลว่าถ้าฉันยังไม่ขออะไร  นายก็จะอยู่กับฉันต่อไปเรื่อยๆใช่ไหม” “อื้อ  ใช่แล้ว  ว่าแต่เธอหนีออกจากบ้านมาเหรอ” “อื้อ  อ๊ะ! เดี๋ยว  นายรู้เรื่องพวกนี้ได้ยังไง  ทั้งชื่อฉัน  แล้วก็ยังเรื่องที่ฉันหนีออกจากบ้านอีก” “คิกๆๆ เพราะฉันเป็นเจ้าชายแห่งนครอันเป็นนิรันดร์ไงล่ะ  ไป  เราไปหาที่พักกันเถอะ” “อะ..อืม”  ตอนนี้โซระกำลังสับสนเธอถูกผู้ชายคนนี้หลอกเอารึป่าวนะ  แล้วแม่จะเป็นห่วงเธอมั้ย  แต่ฉันไม่ผิดนี่แม่ตะหากที่ผิด  เสียงเล็กๆดังจากก้นบึ้งของจิตใจเธอ  
              อยู่ดีดีเขาก็จับมือของเธอและพาเดินออกไปอย่างรวดเร็ว  เธอไม่รู้ว่าเดินมานานแค่ไหนแล้ว  รู้แต่ว่ารู้สึกอุ่นใจตลอดเวลาที่เดินจูงมือกับเขา  เมื่อมารู้สึกตัวอีกทีก็พบว่า  ข้างหน้าของเธอตอนนี้คือคอนโดหรูหรา  กลางโตเกียว  “อ๊ะ!  เดี๋ยวนายจะไปไหนน่ะ” “อ้าว.. !! ก็นี่ไงห้องที่กระผมซื้อไว้ให้องค์หญิงพัก” “เฮ้ย!!!   บะ..บ้าน่า นายไปเอาเงินมาจากไหนแล้วซื้อตั้งแต่เมื่อไหร่  ที่สำคัญฉันไม่ใช่องค์หญิงด้วย” “หึ  เอาเถอะน่าเข้ามาเหอะ” เขายังพาเธอเดินมาอย่างคล่องแคล่วราวกับรู้จักมันดี  แล้วก็มาหยุดตรงหน้าห้องเบอร์ 1147  “ว้าว!!!  ห้องสวยจังเหมือนฝันเลย  ดูนั่นสิมีแม่น้ำด้วย  อุ๊ย ครัวน่ารักมากเลย  โห!!! แพงน่าดูล่ะสิเนี่ย  เออนี่  นายยังไม่ได้บอกเลยว่าชื่ออะไร” “อ้าวว!!!  สนด้วยเรอะ  นึกว่าจะไม่ถามแล้วซะอีก  เรียกฉันว่า ลาออง ก็แล้วกัน” “หือ  ลาอองเหรอ  คิกๆๆ” “หัวเราะอะไรเล่า” “ป่าว  ก้อแค่คิดว่าชื่อแปลกดี หึๆ” “นอนเถอะ  ดึกแล้วนะ” อืม  อ้าว  ห้องออกหรู  แต่ไหงมีเตียงแค่เตียงเดียวล่ะ” “ก็คอนโดนี่  จะมีห้องคนใช้ได้ไงเล่า…” “ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นซักหน่อย  นายจะนอนไหนเล่า” “นอนเตียงเดียวกับเธอนั่นแหละ หึๆๆ” “บ้า!!” “ล้อเล่นน่า  แป๊บนึง”  แว่บ!!!  มีแสงสว่างสีฟ้าสว่างวาบขึ้นมา  พอมองไปอีกทีลาอองก็นอนอยู่บนเตียงที่มุมห้องนอนอีกมุมหนึ่งแล้ว  โซระก็เลิกผ้าห่มขึ้นมานอนบ้าง
              

      บ้านไร่สีขาว
      10 ธันวาคม  2545
      สวัสดีค่ะแม่
      หนูคิดว่าแม่คงเป็นห่วงหนูมาก  หนูขอโทษค่ะที่ไม่ได้บอกว่าจะย้ายออกมาหรือถ้าจะพูดให้ถูกก็คือ หนูหนีออกจากบ้านมาค่ะ  แม่ไม่ต้องห่วงนะคะหนูสบายดีค่ะ  มาลองใช้ชีวิตคนเดียว  ก็เหมือนนกน้อยบินออกจากกรงทองแหละค่ะ  ต้องกาอาหารกินเอง  ระแวดระวังภัยรอบตัว  แต่ก็สนุกดีค่ะ  ถ้าแม่พบลูกนกน้อยๆนี้อีกครั้ง  ก็คงจะเริ่มโผบินได้อย่างแคล่วคล่องแล้วล่ะค่ะ  หนูไม่ได้หลงตัวเองนะคะ (ความจริงก็นิดหน่อยค่ะ)  แต่การบินออกจากอ้อมอกแม่ทำให้หนูโตขึ้นเยอะเลยค่ะ  (ไม่ใช่ขนาดตัวนะคะ  แต่เป็นความคิด  จิตใจ)  ตอนนี้หนูต้องยืนหยัดด้วยตนเอง  ต้องช่วยตัวเองทุกอย่าง  รู้สึกว่าเราเก่งขึ้นจริงๆค่ะ  นี่กระมังคะ  ที่เขาเรียกว่าประสบการณ์ชีวิต  ยิ่งสั่งสมก็ยิ่งทำให้เราเก่งและแกร่ง  หนูไม่มีอะไรมากหรอกค่ะ  แค่อยากจะบอกว่าตอนนี้หนูสบายดี  อีก 2 เดือนจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยศิลปะที่โตเกียวแล้วนะคะ
      ปล.  รักแม่มากก  รักเท่าฟ้าเลย  
      รักและคิดถึง
           โซระ
              
              “โธ่…  โซระกลับมาหาแม่เถอะ  นี่ตั้งเดือนกว่าแล้วนะ”  หญิงวัยกลางคนรำพันกับตนเอง  น้ำตาเอ่อท้นในดวงตาค่อยๆไหลรินลงมา
              ‘ เฮ้อ..  จะบอกดีมั้ยน้าา  ตอนแรกๆยังไม่คอยมั่นใจ  แต่ตอนนี้ฉันแน่ใจแล้ว  บอกไปเลยดีกว่า’ “ละ..ลาออง  มะ..มีอะไรจะบอก” “หือ..ปลุกแต่เช้าเชียว  นี่มันวันอาทิตย์นะ  มีอะไรหรอ”  “คะ..คือว่า ฉะ..ฉัน อยากกินราเมงสูตรอร่อยเหาะของลาออง”  “ห้าว…ก้อได้ๆ  นึกว่าอะไรซะอีก  งั้นไปตลาดเดี๋ยวมานะ” ปัง! ชายหนุ่มปิดประตูและออกไปซื้อของที่ตลาด “ เย้  บอกไปแล้ว”
              “อร่อยมากเลย!!!” “นี่  เธอไม่คิดจะขอพรนั่นรึไง” “ขอให้โง่  ถ้าขอก้ออดกินราเมงจิที่สำคัญ ความพยายามอยู่ที่ไหน  ความสำเร็จย่อมอยู่ที่นั่น” “จ้าๆๆๆ  แม่คนเจ้าสำบัดสำนวน  เออนี่  อาทิตย์หน้าจะต้องสอบเข้าแล้วนี่  พร้อมรึยัง “ “ฮึ้ย…อย่าพูดนะ  นี่เพิ่งจะผ่านปีใหม่มาไม่กี่วันเอง  อย่าทำให้หดหู่จิ”โซระพูดพลางเอามืออุดหู “เฮ้ออ  ว่าแล้ว” “ว่าแล้วอะไรเล่า..ฮึ่ม” “ว่าคนอย่างเธอต้องไม่มีการเตรียมตัว” “หนอย..เจ้าคนปากเสีย” “ชู่ว์ ฉันไม่ใช่คนสักหน่อย” “เด๋วคนอื่นก้อได้ยินหรอก”
              ‘ ที่จริงฉันก็คิดนะว่าจะสารภาพรักตอนที่สอบเข้าได้แล้ว  เฮ้อ  แต่หมอนั่นไม่ใช่คนนะ  ไม่ได้ๆ  ความรักไม่มีพรหมแดน>_< เอาล่ะ  เป็นตายเราสู้ๆ  สุดลมหายใจ  ต้องสอบเข้าให้ได้ก่อน แม่จะเป็ฯไงบ้างนะ  ว้าาไม่มีสมาธิเลย  ดูรูปที่ถ่ายด่วยกันตอนวันปีใหม่ดีกว่า  ดีล่ะ  ชาร์จไฟเต็มที่แล้ว  อ่านต่อดีกว่า‘  โซระซึ่งขณะนี้กำลังเป็นนักเรียนเตรียมสอบตั้งอกตั้งใจดูหนังสือต่อจนเผลอหลับไป  “ เฮ้ออ  เด็กจริงๆเลยนะ   เธอนี่  เอ้าเดี๋ยวก็เป็นหวัดหรอก”
              และแล้วก็มาถึงวันที่โซระต้องสอบเข้า  “ เฮ้  ทำสอบสู้ตาายนะ” “อยู่แล้ว  ไปนะ“  ตึกตักๆๆ ‘ ทำใจดีๆไว้สิ  ต้องมันใจตัวเอง’  โซระทำสอบอย่างเอาเป็นเอาตาย  “โฮ่  ง่ายกว่าที่คิดเยอะแฮะ  เสร็จโก๋ล่ะ“  3 ชั่วโมงผ่านไป  “เย้  เสร็จแล้ว  กลับไปฉลองที่บ้านดีฝ่า”  โซระเดินอย่างเบิกบานพร้อมกับฮำเพลงไปพลางๆระหว่างทางกลับบ้าน  ขณะที่เธอกำลังจะข้ามถนนนี่เอง  เธอก็เห็นว่าหญิงวัยกลางคนที่ยืนอยู่อีกฟากถนนคือแม่ของเธอเอง  “ แม่!!!” “โซระ!!!” ไฟสัญญาณเปลี่ยนเป็นสีแดง  หญิงผู้เป็นแม่รีบวิ่งเพื่อจะเข้ามาสวมกอดลูกที่ไม่ได้พบกันมาแรมเดือน  ในมือของเธอมีกระดาษแผ่นหนึ่งเธอกำมันไว้แน่นมาก  ดวงตาที่เริ่มเหี่ยวย่นตามอายุขัย  เอ่อคลอไปด้วยน้ำตา  โครม!!!  “ แม่!!! หนูขอโทษ  หนูจะไม่ทำอย่างนั้นอีกแล้ว  แม่อย่าทิ้งหนูไปนะ“ บังเอิญรถบรรทุกที่ขับผ่านมาด้วยความเร็วสูงจนเบรกแตกชนเข้าที่ร่างของนาง  โซระที่อายุเพียง 17 ปี กลับต้องมาเห็นภาพที่มารดาผู้บังเกิดเกล้าล้มลงแน่นิ่งต่อหน้าต่อตา  ผู้คนแถวนั้นกลับเมินเฉยเดินผ่านไปโดยไม่สนใจ  รถบรรทุกคันนั้นก็ขับหนีไป  โชคดีที่โซระตั้งสติทันโทร.เรียกรถพยาบาล
              “ เคสนี้ผ่าตัดด่วน“ “โอกาสรอดของแม่มีเท่าไหร่คะหมอ” “ไม่รู้  ผมเสียใจที่ต้องบอกว่าอาจไม่มีโอกาสรอด” “โฮ…”  โวระร่ำไห้ปริ่มใจจะขาด  “โซระ  คุณแม่ต้องไม่เป็นไร  เชื่อฉันสิ “ โซระยังพูดไม่รูเรื่องอยู่เธอรำพันเรื่องราวเก่าๆความผิดที่เธอทำต่อมารดา  ตอนนี้เธอสับสนมาก  “ลาออง  ฉันมีเรื่องจะบอกนายเรื่องหนึ่ง  ฉันเก็บเรื่องนี้มานานแล้ว” “อยากกินราเมงหรอ!!!”  “ป่าว! ฉันรักนาย  โฮ….” เธอยังคงสะอึกสะอื้นอยู่  ฝ่ายลาอองก้อตัวแข็งเป็นหินไปแล้ว  “เราคงไม่ได้เจอกันอีกแล้วนะลาออง  GOOD BYE  !! ‘ ข้าโซระผู้ครอบครองมาแชร์วงนี้  ปรารถนาให้มารดาของข้าพเจ้ามีชีวิตรอดจากอุบัติเหตุครั้งนี้ “ “ตกลง  หากเป็นประสงค์ของผู้ครอบครองมาแชร์  ข้าจะทำตามที่ท่านปรารถนา”  แว่บ!!! เกิดแสงสว่างจ้าสีฟ้าขึ้นเหมือนทุกครั้งที่เจ้าชายแห่งดินแดนอันเป็นนิรัดร์ใช้เวทย์มนตร์  “สิ้นสุดธุระข้าแล้ว  ลาก่อน ท่านอดีตผู้ครอบครอง”  แหวนเงินที่คล้องอยู่ในสร้อยของโซระตลอดเวลาก็หายไป
              “ยินดีด้วยครับ  คุณแม่ของคุณพ้นขีดอันตรายแล้ว  ท่านรอดมายังกับมีปาฏิหารย์แน่ะครับ” “ไม่ใช่ยังกับมีปาฏิหารย์แต่ว่าปาฏิหารย์เกิดขึ้นแล้วจริงๆต่างหากค่ะ” “เอ่อ  ขอโทษนะครับ  แต่..สมองได้รับการกระทบกระเทือนมาก  ท่านคงจะหลับเป็นเจ้าหญิงนิทราตลอดไปน่ะครับ” “อ่าา  ค่ะ” “เอ่อ..นี่ครับ  รู้สึกท่านจะเขียนจดหมายฉบับนี้ให้คุณนะครับ” คุณหมอท่านนั้นพูดพลางส่งกระดาษที่มีเลือดของแม่แห้งเกรอะกรังติดอยู่ให้โซระ

      โซระลูกรัก
            แม่เข้าใจที่หนูรู้สึกว่าแม่รักพี่มากกว่า  เพราะแม่ไม่ดีเองแม่กลัวคนอื่นจะหาว่ารักลูกตัวเองมากกว่า  เพราะว่าจริงๆแล้วแม่เป็นภรรยาคนที่ 2 ของคุณพ่อ  ซาโอรินั้นเป็นลูกติดของภรรยาคนแรกของพ่อ  ที่แม่เข้มงวดก็เพราะรักลูก  ไม่ได้รังเกียจเดียดฉันท์แต่อย่างใด  ไม่มีพ่อแม่คนไหนหรอกที่ไม่รักลูก  แม่ดีใจมากที่ได้เห็นลูกโตขึ้น  พัฒนาขึ้นไปอีกก้าว  แม่มั่นใจว่าหนูจะต้องเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดีได้แน่ๆ  ต่อไปนี้แม่จะไม่ขัดขวางเรื่องที่หนูชอบศิลปะแล้ว  เพราะหนูเป็นคนเลือกทางเดินนั้นเอง  หนูมีสิทธิ์ที่จะเลือกอนาคตของตัวเอง  จงก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างมั่นใจ  อย่าได้ย่อท้อต่ออุปสรรค  จงก้าวต่อไปให้ถึงจุดหมายนะลูกรักของแม่  แม่รู้ว่าหนูไม่ได้ตั้งใจหนีออกจากบ้านไป  แต่นั่นเป็นแค่อารมณ์ชั่ววูบของวัยรุ่น  เมื่อลูกโตขึ้น  มีความคิดเป็นผู้ใหญ่ สุขุม รอบคอบแล้วขออย่าได้ทำอะไรเพราะอารมณ์ชั่ววูบอย่างนั้นอีก  เพราะผลเสียที่ตามมาอาจยิ่งใหญ่เกินกว่าเราจะรับมือได้  สุดท้าายนี้แม่อยากบอกลูกว่าในชีวิตนี้แม่ไม่เคยรักใครมากเท่าลูกโซระของแม่อีกแล้ว
                
      รักและห่วงใยเสมอ
      แม่

              “โธ่  แม่  หนูขอโทษ  จะให้หนูขอโทษอีกกี่ครั้งก็ได้  แม่ลุกขึ้นมาพูดกับหนูเถอะ” โซระยังร่ำไห้ต่อไปไม่หยุด  ช่วงเวลาเหมือนหยุดอยู่ตรงนั้นตลอดไป  เวลาผ่านไปนานแค่ไหนไม่รู้แล้ว  โซระที่เหมือนถูกพายุลูกใหญ่ โหมพัดจนลองไปกองกับพื้นได้ลุกขันมาใหม่แล้ว “ไม่สิ  ใช่แล้ว เราจะต้องก้าวต่อไปอย่าหยุดอยู่กับที่สิ”
              เวลาผ่านไป 4 ปี เธอสอบชิงทุนได้  วันนั้นเธอซึ่งมาอาศัยอยู่กับครอบครัวหนึ่งในปารีส  ได้พบกับลูกชายของเจ้าของบ้านที่หน้าตาเหมือนลาอองอย่างกับเป็นฝาแฝดกันไม่มีผิดเพี้ยน  เธอหวังว่าเธอคงได้ใช้ชีวิตอย่างสนุกสนานเมือนตอนอยู่กับลาอองคนก่อน…

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×