หัวใจไม่ไร้DNA - หัวใจไม่ไร้DNA นิยาย หัวใจไม่ไร้DNA : Dek-D.com - Writer

    หัวใจไม่ไร้DNA

    โดย sakurafon

    คุณจะทำอย่างไรถ้าวันหนึ่งคุณถูกจับด้วยข้อหาฆ่าคนตาย โดยมีหลักฐานที่บ่งชี้ว่าเป็นคุณ ความลับสุดยอดของรัฐบาลสหรัฐกำลังจะถูกเปิดเผย นิ่งเฉยอยู่ไยรีบมาอ่านกันเถอะ

    ผู้เข้าชมรวม

    689

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    3

    ผู้เข้าชมรวม


    689

    ความคิดเห็น


    7

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  21 ส.ค. 47 / 14:53 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      10 กันยายน 2002   ตึกเพนตากอน  นิวยอร์ก  ประเทศสหรัฐอเมริกา

      ดร.เจมส์ วอล์คเกอร์กึ่งเดินกึ่งวิ่งไปบนทางเดินที่สว่างไสวไปด้วยแสงไฟจากหลอดฟลูออเรสเซนต์  เขามีสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเขาอยู่ที่สุดปลายทางเดินนี้  มีน้อยคนนักที่ได้รับรู้ว่าที่ตึกเพนตากอนมีชั้นใต้ดินและยิ่งไปกว่านั้นก็คือมันเป็น”ห้องทดลอง”  ซึ่งโครงการนี้ได้รับการสนับสนุนอย่างลับๆจากรัฐบาล มีเพียงประธานาธิบดี ,รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และทีมงานในแล็บนี้เท่านั้นที่รู้ความเป็นไปต่างๆของโครงการนี้   วันนี้เองที่พวกเขาประสบความสำเร็จหลังจากทดลองทำมานาน    เขาอดนึกไม่ได้ว่าต่อไปในอนาคตชีวิตของเขาคงเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
      “สวัสดีครับคุณนายเมนเดส” เขาเอ่ยทักหญิงสาวที่อยู่ในห้อง  ข้างกายเธอมีเด็กหญิงทารก 2 คน
      หลับตาพริ้ม
      “สวัสดีค่ะดร.เจมส์”
      “ผมได้คุยกับโจว์สามีของคุณเรียบร้อยแล้วนะครับ คุณสามารถกลับบ้านได้ทันที แต่ต้องรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับเราอย่างเคร่งครัดด้วยนะครับ  เราจะส่งคนไปดูแลความเรียบร้อยทุกๆเดือน”
      “แน่นอนค่ะ ฉันจะไม่มีวันแพ่งพรายเรื่องนี้ให้ใครรู้เป็นอันขาด วางใจเถอะค่ะ”
      “โชคดีนะครับลาก่อน”  การติดตามการเจริญเติบโตของสองทารกน้อยเป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งของโครงการนี้ที่ต้องดำเนินการและประเมิณผลให้ได้โดยเร็วที่สุด

      11 กันยายน 2002  เกิดเหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดฝัน  เมื่อมีเครื่องบินพุ่งเข้าชนตึกเวิล์ลเทรดและตึกเพนตากอน  พนักงานที่อยู่ชั้นใต้ดินเสียชีวิตทั้งหมด  โครงการที่พวกเขาทำอยู่ก็ต้องมลายหายไปพร้อมกับความลับสุดยอดนั้นด้วย
      ………………………………………

      โมนิกา ยืนพิงระเบียงชั้นดาดฟ้าของเรือเฟอร์รี่เพียงลำพัง  สายตาทอดไปไกลในท้องทะเลอันเงียบสงบ  ใบหน้านวลเนียนรูปไข่นั้นดูเศร้าหมอง  แม้เสื้อผ้าที่สวมใส่จะเพียงเสื้อยืดกางเกงยีนส์และใบหน้าก็ไร้เครื่องสำอางแต่งเติม เธอก็ยังสวยโดดเด่นเป็นที่เหลียวหลังมองตาม  ประมาณบ่าย 3 โมงเรือเดินทางมาถึงเกาะอันเป็นจุดหมายปลายทาง  โมนิกาขึ้นฝั่งอย่างกระฉับกระเฉงพร้อมกับกระเป๋าเสื้อผ้าใบใหญ่ที่เธอยัดทุกอย่างมาเเน่นเอี้ยด แล้วโบกรถรับจ้างเพื่อหาบังกะโลที่สงบๆสักหลังเป็นที่พัก ซึ่งเธออาจจะต้องอยู่นานทีเดียว
      ในที่สุดโมนิกาก็ได้พบบังกะโลแห่งหนึ่งที่ท้ายหาดซึ่งที่นี่สงบตามที่เธอต้องการ  หลังจากจัดของเรียบร้อยแล้วเธอจึงออกมาเดินเล่นที่หาดทราย  บรรยากาศเงียบสงบมีเพียงเสียงคลื่นกระทบฝั่ง ทำให้โมนิกา จมลงอยู่ในห้วงของความคิดอันเป็นอดีตที่ขมขื่นสำหรับเธอ
      โมนิกาอาศัยอยู่กับพ่อ ลุงและป้าที่โตรอนโต ประเทศแคนาดา  เธอกับพ่อหลบหนีเข้าเมืองมาเมื่อเธออายุประมาณ 10 ปีและขออาศัยอยู่ในบ้านของพี่สาวคนเดียวของพ่อ ตั้งแต่จำความได้เธอไม่เคยเห็นหน้าแม่และไม่รู้อะไรเกี่ยวกับแม่เลย  วันๆพ่อเอาแต่มัวหัวราน้ำ  ป้าไม่ค่อยได้สนใจเธอมากนัก แต่ลุงนี่สิที่มาคอยเกาะแกะกับเธอตลอดเวลา บางวันที่ลุงเมาเหล้าก็จะถึงขั้นลวนลาม  แต่เธอก็หลบหนีมาได้ทุกครั้ง ป้านั้นรู้อยู่เต็มอกแต่ไม่กล้าทำอะไรเพราะกลัวลุงมาก  แต่แล้ววันหนึ่งเธออยู่บ้านตามลำพังกับลุง  ลุงพยายามลวนลามเธออีกและรุนแรงกว่าทุกครั้ง เธอร้องขอความช่วยเหลือเท่าไรก็ไม่มีใครได้ยิน ลุงชกเข้าที่ท้องของเธอจนจุกและเกือบเสียท่าไปแล้วแต่มือก็ไปคว้าเอาไม้เบสบอลที่อยู่ข้างเตียงมาได้ เธอหลับตาปี๋แล้วหวดไม้ไปอย่างแรง  ลุงเสียชีวิตเกือบจะทันที  เธอตกใจอย่างมากเมื่อได้รู้ว่าพลั้งมือฆ่าคนไป  จึงรีบหนีออกจากบ้านมาเพื่อหนีความผิด  โดยที่ยังไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรต่อไป แต่ที่แน่ๆคือต้องไปให้ไกลที่สุด

      ……………………………………………

      3  ตุลาคม   2022   นิวยอร์ก

      ภายในอพาร์ตเมนท์แห่งหนึ่งย่านชุมชนแออัด  นางซาร่า เมนเดสอาศัยอยู่กับลูกสาว  หลังจากที่เธอหย่าขาดกับสามี ก็ได้แบ่งลูกไปเลี้ยงกันคนละคน  อดีตสามีไม่เคยติดต่อมาอีกเลย และเธอก็ไม่ได้พบก็ลูกสาวอีกคนนับแต่นั้น   นี่ก็ล่วงมา 20 ปีแล้ว และวันนี้ก็จะมีงานเลี้ยงวันเกิดครบรอบ 20 ปีของเจนิเฟอร์   ป่านนี้ไม่รู้ว่าโมนิกาจะเป็นอย่างไรบ้าง  เธอคิดถึงโมนิกาเหลือเกิน  
      “แม่คะ  วันนี้วันเกิดหนูนะ ทำไมทำหน้ายังงี้ล่ะ  มีเรื่องไม่สบายใจอะไรหรือเปล่าคะ”
      “ไม่มีอะไรหรอกจ้ะ  เจนนี่เป็นเด็กดีของแม่มาตลอด ไม่เคยทำให้แม่ต้องผิดหวัง  แค่นี้แม่ก็มีความสุขมากแล้วจ้ะ  อ้าว! แล้ววันนี้ไม่มีเรียนตอนบ่ายหรือจ้ะ”
      “ไม่มีค่ะ  นี่หนูก็ตั้งใจจะพาแม่ไปเที่ยว แล้วก็ทานอาหารอร่อยๆกัน”
      ทันใดนั้นก็มีเสียงคนมาเคาะประตูห้อง  เจนิเฟอร์ลุกไปเปิดประตู  เจ้าหน้าที่ตำรวจในชุดเครื่องแบบ 3 นายเดินเข้ามาภายในห้องพร้อมกับพูดว่า
      “พวกเรามาจากกรมตำรวจแห่งนิวยอร์ก  ขออนุญาตตรวจค้นและจับกุมตัวผู้ต้องสงสัยด้วยนะครับ”
      “นี่..นี่มันอะไรกันคะ  ผู้ต้องสงสัยอะไร   เราไม่ได้ทำอะไรผิดซักหน่อย” นางเมนเดสกล่าวเสียงสั่นด้วยความตกใจ  เจ้าหน้าที่คนนั้นก้าวมายืนตรงหน้านางเมนเดสและเจนนี่
      “คุณคงเป็นคุณเจนิเฟอร์ เมนเดส ใช่มั้ยครับ”  เจนนี่พยักหน้า  นายตำรวจคนนั้นกล่าวต่อโดยทันที่ว่า
      “เรามีหลักฐานเป็นลายนิ้วมือของคุณอยู่บนอาวุธที่ใช้ฆาตกรรมนายโรเบิร์ต  แมคแคนซี่ ที่โตรอนโต  ขอความร่วมมือให้คุณตามเราไปสอบปากคำที่กรมตำรวจด้วยครับ”  
      เจนิเฟอร์ยืนแข็งไปทั้งร่างกับข้อหาฉกรรจ์ที่ตนเองกลายเป็นผู้ต้องสงสัย  เธอเดินตามเจ้าหน้าที่ตำรวจกลุ่มนั้นไปโดยไม่ปริปากใดๆทั้งสิ้น  เพราะรู้ว่าพูดไปตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์   ทางเดียวที่ใช้พิสูจน์ความบริสุทธิ์ของเธอได้คือการต่อสู้กันในชั้นศาลเท่านั้น   นางเมนเดสยังคงช็อกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วนี้  ข้อหาฆาตกรรมนั้นร้ายแรงมากในยุคนี้  ตั้งแต่กรมตำรวจได้พัฒนาเทคโนโลยีตรวจจับทุกความเคลื่อนไหวจากดาวเทียมด้วยระบบที่ทันสมัยที่สุดในโลกอันเป็นความลับสุดยอดของทางราชการ ทำให้ตำรวจสามารถสอดส่องการกระทำต่างๆอันอาจก่อให้เกิดการกระทำที่ละเมิดกฎหมาย  และสามารถเข้าระงับเหตุการณ์ได้ก่อนที่มันจะเกิด  สถิติการเกิดอาชญากรรมลดลงอย่างรวดเร็วเกินคาด ประชาชนจึงไม่ต้องมีชีวิตที่เป็นอยู่อย่างหวาดระแวงอีกต่อไป  แม้ในตอนแรกจะมีกลุ่มที่เรียกร้องสิทธิมนุษย์ชนออกมาเคลื่อนไหวแต่ในไม่ช้าก็ต้องเลิกราเพราะไม่มีคนสนับสนุน
      ข่าวคดีฆาตกรรมนี้ได้ขึ้นหน้า1หนังสือพิมพ์แทบทุกฉบับ  รวมถึงเว็บไซต์สำนักข่าวและเว็บบอร์ดต่างๆก็มีคนวิพากษ์วิจารณ์ถึงเรื่องนี้กันโดยทั่วไป  แม้บนเกาะอันห่างไกลที่โมนิกาไปพักอยู่นั่นเอง  ชายเจ้าของบังกะโลได้พบกับข่าวนี้เข้า  เขาตกใจเป็นอย่างมากเมื่อได้เห็นรูปเจนิเฟอร์  เพราะใบหน้านั้นเหมือนกับโมนิกาอย่างกับพิมพ์เดียวกัน  หลังจากเรียกสติคืนมาเขาจึงคิดว่าน่าจะติดต่อตำรวจเพื่อบอกเรื่องเกี่ยวกับโมนิกา    เพียง  2 ชั่วโมงหลังจากที่เขาแจ้งตำรวจ  เฮลิคอปเตอร์รุ่นล่าสุดของกรมตำรวจก็มาถึง   ขณะที่โมนิกากำลังนั่งวาดรูปเล่นอยู่ที่หน้าบังกะโลของเธอก็มีนายตำรวจร่างใหญ่ 4 คนเข้ามาล้อมเธอไว้   โมนิกาหน้าซีดเผือกด้วยความตกใจและคิดไม่ถึงว่าตำรวจจะตามเธอมาถึงที่นี่ได้ ความกลัวแผ่ซ่านไปทุกอณูของร่างกาย    โมนิกาถูกควบคุมตัวขึ้นเฮลิคอปเตอร์ข้ามมหาสมุทรมุ่งหน้าสู่นิวยอร์ก

      ……………………………………

      โมนิกาเดินมาตามทางเดินชั้น 9 ของกรมตำรวจ แล้วเลี้ยวเข้าห้องหมายเลข 907 ตามที่ตำรวจคนที่ควบคุมเธอสั่ง  ภายในห้องมีชายคนหนึ่งอายุประมาณ 60 ปีท่าทางภูมิฐานหันหน้ามาทางประตูทางเข้าจ้องตรงมาที่เธอ และยังมีหญิงสาวอีกคนหนึ่งซึ่งนั่งหันหลังให้   ชายคนนั้นยืนขึ้นแล้วเดินช้าๆมาที่โมนิกา
      “สวัสดีคุณโมนิกา  ราฟเตอร์ ผมเป็นผู้อำนวยการกองพิสูจน์หลักฐาน เราต้องการทราบความจริงทั้งหมดเกี่ยวกับคดีนี้ขอให้คุณให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ด้วยนะครับ”
      “ก่อนอื่นผมขอแนะนำคุณสุภาพสตรีท่านนี้  คุณเจนิเฟอร์  เมนเดส”
      เหมือนกับโลกทั้งใบแทบถล่มลงมาตรงหน้า  ผู้หญิงที่อยู่หน้าเธอขณะนี้เหมือนกับเธอทุกอย่าง จนโมนิการู้สึกเหมือนยืนส่องกระจกอยู่  ดูท่าทางผู้หญิงคนนั้นก็ดูตกใจไม่น้อยที่เห็นเธอ นิ่งอึ้งไปด้วยกันทั้งคู่
      “นี่มันอะไรกัน”  ทั้งคู่หลุดคำพูดออกมาเกือบจะพร้อมกัน
      “นั่นแหละครับที่เราต้องการทราบ  ในตอนแรกผมคิดว่าพวกคุณอาจจะเป็นฝาแฝดกัน  แต่ว่ารอยนิ้วมือของคุณทั้งคู่นั้นเหมือนกันทุกประการ  ซึ่งแฝดทั่วไปนั้นจะมีรอยนิ้วมือที่แตกต่างกันบ้างไม่เหมือนพวกคุณ”
      “เพราะฉะนั้นผมจึงจัดการให้คุณทั้งคู่เข้าไปตรวจในเครื่องสแกนร่างกาย  เครื่องนี้จะเก็บข้อมูลทุกอย่างเกี่ยวกับตัวคุณไว้  ตั้งแต่ภายนอกจนถึงระดับโมเลกุลทีเดียว  ต้องขอบคุณความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ที่ทำให้เราได้ทราบความลับยิ่งใหญ่ที่ซ่อนเร้นอยู่ในตัวพวกคุณมาถึง 20 ปี”
      “มันคืออะไรหรือคะ”   เจนนี่ถามด้วยเสียงอันเบา  ราวกับเป็นการทำใจของเธอให้ยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้น
      “DNA หรือรหัสพันธุกรรมของพวกคุณเป็นพิมพ์เดียวกันเลยน่ะสิ”
      “หมายความว่ายังไงคะ ฉันงงไปหมดแล้ว”  โมนิกาขมวดคิ้ว  พยายามนึกตามในสิ่งที่เขาพูด
      “เราได้ทำการสอบสวนคุณแม่ของเธอด้วยคุณเจนิเฟอร์  เธอเล่าให้ผมฟังเกี่ยวกับการทดลองลับของรัฐ-บาลในปี 2002  มันเป็นการทดลองเกี่ยวกับ การโคลนนิ่ง “
      “หมายความว่า…เราสองคนเป็นมนุษย์โคลน”  โมนิกาครางออกมา นัยตาดูเลื่อนลอย
      “ทำไมคุณแม่ไม่เคยบอกฉันเรื่องนี้เลยนะ”  เจนนี่พึมพำน้ำตาคลอเบ้า
      “คุณแม่ของเธอเป็นห่วงความรู้สึกของเธอมากน่ะสิ  และมันยังเป็นสัญญาข้อหนึ่งด้วยว่าความลับต้องถูกรักษาไว้อย่างเคร่งครัดจนกว่าจะถึงวันที่สมควรจะป่าวประกาศให้โลกได้รู้
      “เอ่อ..แล้วเรื่องคดีล่ะคะ”  ถึงตอนนี้โมนิกาไม่เหลือสีเลือดบนหน้าแม้ซักหยดเดียว
      “ก็ต้องรอการตัดสินในชั้นศาล  คณะลูกขุนจะพิจารณาอย่างยุติธรรมที่สุด”
      สิ้นเสียงนั้นสติของโมนิกาก็ขาดผึง  เจนิเฟอร์ถลาเข้ามารับร่างของโมนิกาก่อนที่จะถึงพื้น  ความรู้สึกกับพี่น้องมนุษย์โคลนของเธอผู้นี้นั้นสับสนไปหมด
      ผลการตัดสินของคณะลูกขุนในชั้นศาล  เนื่องจากการฆาตกรรมถือเป็นคดีอาญาที่มีโทษเพียงอย่างเดียวคือ ประหารชีวิต ถึงแม้ว่าจะเป็นการกระทำเพื่อป้องกันตัวก็ตาม แต่เนื่องจากโมนิกาให้ความร่วมมือในการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่เป็นอย่างดี ศาลจึงสั่งให้โมนิการับโทษประหารโดยการฉีดยาซึ่งทรมานน้อยที่สุดในกระบวนการประหารทั้งหมด ส่วนเจนิเฟอร์นั้นศาลพิจารณาแล้วว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ให้พ้นจากข้อกล่าวหาทั้งหมด สามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตากปกติแต่ต้องมารายงานตัวทุกเดือนเพื่อประโยชน์ในการศึกษาผลของการโคลนนิ่ง    
      นับจากข่าวเรื่องการโคลนนิ่งมนุษย์ของรัฐบาลสหรัฐอเมริกาแพร่ออกไป  ทั่วโลกประสบกับความสับสนวุ่นวาย จากการที่นักวิทยาศาสตร์ทั้งหลายต่างลุกขึ้นมาต่อต้านกฎหมายห้ามการโคลนนิ่งมนุษย์  โดยอ้างกรณีของเจนิเฟอร์และโมนิกาว่ามนุษย์โคลนสามารถมีชีวิตอยู่ได้เหมือนคนทั่วไป  และไม่ได้เกิดการกลายพันธุ์อย่างที่กลัว   ถึงอย่างไรก็ตามองค์การสหประชาชาติก็มิได้ประกาศล้มเลิกกฎหมายการโคลนนิ่งมนุษย์โดยอ้างเรื่องของศีลธรรมเป็นข้อสำคัญ  

      …………………………………..

      28 ธันวาคม  2022
      โมนิกานั่งอยู่ที่ฟากหนึ่งโต๊ะ  ภายในห้องที่ล้อมรอบด้วยกระจก  เจนิเฟอร์ก้าวเข้ามาในห้องแล้วนั่งลงในฝั่งตรงข้ามกับโมนิกา  บัดนี้โมนิกาดูซูบผอมลงไปมาก  ไร้แววตาที่เคยสดใสของสาวน้อยคนเดิม   โมนิกาไม่ต้องมีกุญแจมือหรือโซ่ตรวนคล้องอย่างนักโทษที่ข้อหาเดียวกันอื่นๆ  เพราะนับแต่เข้ามาอยู่ในคุกแห่งนี้เธอประพฤติตัวเป็นนักโทษที่ดีมาโดยตลอด จึงได้รับการยกเว้นเป็นพิเศษ
      “โมนิกา….เธอเป็นยังไงบ้าง”
      “ขอบใจนะอุตส่าห์ที่มาเยี่ยม  แม้แต่พ่อแม่ฉันเองยังไม่มาหากันบ้างเลย”   โมนิกาพูดด้วยน้ำเสียงเลื่อนลอย   ในใจลึกๆเธอก็อยากพบหน้าพ่อกับแม่เป็นครั้งสุดท้าย
      “เธอรู้ไหม  คุณแม่ท่านเป็นห่วงและคิดถึงเธอมากนะ  ท่านเสียใจจน..ล้มป่วย”
      “จริงๆหรอ”  โมนิกายิ่งรู้สึกแย่ลงเรื่อยๆ  เสียงเข็มนาฬิกาของเจนิเฟอร์ได้ยินอย่างชัดเจนในห้องอันเงียบกริบ  นั่นก็หมายถึงเวลาที่เธอจะมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ก็น้อยลงไปทุกที
      “เธอไม่ต้องห่วงนะ ฉันจะดูแลพ่อกับแม่แทนเธอให้เป็นอย่างดีเลย  นี่แม่ก็สั่งให้ฉันเอาขนมนี้มาให้เธอด้วย ต้องขอร้องผู้คุมตั้งนานแน่ะ”  เจนนี่พยายามทำเสียงให้สดใสเผื่อโมนิกาจะรู้สึกดีขึ้นกว่านี้
      โมนิกาแกะห่อกระดาษออกพบว่าข้างในเป็นลูกพรุนเชื่อม  รสชาติหวานกำลังดีถูกใจเธอมาก     โมนิการู้สึกคุ้นกับรสชาติแบบนี้แต่นึกยังไงก็นึกไม่ออก  ของที่วางขายตามร้านนั้นไม่มีอันไหนอร่อยเท่านี้เลย
      “ฉันก็ชอบมากเหมือนกัน  แม่ทำอร่อยที่สุดเธอว่ามั๊ย  แม่บอกว่าตอนเด็กๆนะเราสองคนทานลูกพรุนเชื่อมนี่ได้เป็นจานๆเลย  แม่ต้องคอยทำใส่โหลเก็บไว้ให้ตลอด”  เจนนี่พูดเจื้อยเจ้วไปตามนิสัยของเธอ  โมนิกาก็นั่งฟังและพยายามวาดภาพของครอบครัวตอนเธอยังเด็ก
      “หมดเวลาเยี่ยมแล้วค่ะ”  เสียงผู้คุมดังออกมาจากลำโพงที่ซ่อนอยู่ตรงไหนซักแห่งในห้อง
      “โมนิกาฉันต้องไปแล้วล่ะ”  เจนนี่น้ำตาคลอ รู้ดีว่าเมื่อเธอก้าวออกจากห้องโมนิกาก็จะต้องถูก….
      “ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง ฉันจะไม่มีวันลืมเธอ”
      “ฉันจะสวดมนต์ให้เธอทุกคืนเลยนะ”  
      โมนิกาโผเข้ากอดเจนนี่พร้อมทั้งร่ำไห้  ไม่เคยคาดหวังว่าตนจะมีแม่ มีคนมาสนใจและสวดมนต์ให้เธอ  ชีวิตนี้ที่ไม่เคยมีใครเหลียวแล แต่วันนี้เธอได้พบแล้วกับความรักที่เธอรอคอยมานานแสนนาน  แม้จะเป็นนาทีสุดท้ายของชีวิตก็ตาม
      ผู้คุมพาโมนิกาเข้าไปยังห้องข้างๆที่มีเก้าอี้เหล็กสีเงินตัวใหญ่อยู่เพียงตัวเดียว  เมื่อเธอขึ้นไปนั่งบนนั้นก็มีสายรัดตัวมามัดเธอไว้โดยอัตโนมัติจนไม่สามารถขยับเขยื้อนได้เลย  เจ้าหน้าที่ในชุดคลุมสีเขียวปิดมิดชิดเดินเข้ามาแล้วปักเข็มลงบนท่อนแขนของเธออย่างรวดเร็วไม่ทันได้ตั้งตัวแล้วก็ออกจากห้องไป  โมนิการู้สึกถึงไอเย็นบางอย่างแผ่ไล่ขึ้นมาจากแขนแล้วกระจายไปทั่วทั้งตัว จังหวะหายใจถี่กระชั้นขึ้น  หัวใจของโมนิกาเต้นช้าลงเรื่อยๆ ดวงตาของเธอจดจ้องไปที่เพดานห้อง  ราวกับว่าเธอกำลังมองหาแสงสว่างจากเบื้องบนที่จะมารับเธอไปในที่ที่สวยงามของสรวงสวรรค์  ที่ที่เธอปรารถนา
      ภายในห้องกลับสู่ความเงียบสงัด ไม่มีแม้เสียงลมหายใจ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×