บันทึกความทรงจำ ณ สวนกุหลาบวิทยาลัย - บันทึกความทรงจำ ณ สวนกุหลาบวิทยาลัย นิยาย บันทึกความทรงจำ ณ สวนกุหลาบวิทยาลัย : Dek-D.com - Writer

    บันทึกความทรงจำ ณ สวนกุหลาบวิทยาลัย

    โดย teer tefial

    จากเรื่องจริงในบันทึกของเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่ได้ถ่ายทอดการดิ้นรนที่มีแต่ความสูญเสียในการไขว่คว้าสิ่งที่ตนวาดหวังมาชั่วชีวิต ความสำเร็จในสิ่งที่ตนรัก

    ผู้เข้าชมรวม

    583

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    7

    ผู้เข้าชมรวม


    583

    ความคิดเห็น


    2

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  15 ส.ค. 46 / 19:14 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      บันทึกความทรงจำ ณ สวนกุหลาบวิทยาลัย

           จากเรื่องจริงในบันทึกของเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่ได้ถ่ายทอดการดิ้นรนที่มีแต่ความสูญเสียในการไขว่คว้าสิ่งที่ตนวาดหวังมาชั่วชีวิต
                                                                            “ความสำเร็จในสิ่งที่ตนรัก”
                                                     ____________________________________________

                  “ถ้อยแถลงแห่งความโศกาบังเกิดแก่เราในที่สุด เมื่อความเหนื่อยยากแห่งการดิ้นรนสิ้นสุดลงดุจดังพายุได้สาดไปยังทิศอื่น แต่แทนที่เราจะได้เสพสำราญกับผลของการดิ้นรนนั้น เรากับต้องมาจับจิตกับการกระทำของเราในช่วงแห่งวายุบัติทยันตรายแห่งการดิ้นรนที่เราผูกขึ้นเอง เราต้องมาทบทวนถึงความผิดพลาดที่บังเกิดขึ้น เเละมานั่งโศกาในความล้มเหลวของตนเอง ทั้งที่เป็นเรื่องแปลกมากที่เราไม่เคยตัดใจได้ลง ด้วยว่าความต้องชะตาของเรากับสถานที่แห่งนี้ ตราตรึงเกินกว่าจะถูกทำลายลงได้ง่ายๆ เหตุนี้เองทำให้เราต้องเรียบเรียงความทรงจำส่วนนี้ขึ้นมาใหม่เพื่อในกาลเบื้องหน้าเราจะได้ย้อนมามองดูความงดงามที่เรามิอาจไขว่คว้าได้ถึง มองดูการดิ้นรนที่แสนทุกข์ทรมานของสถานที่ที่เราอยากที่จะไปเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่กระพันยั่งยืนที่สุดสิ่งหนึ่งในประเทศไทย และในความคิดของเราเอง”

                                                                   .............................................................

      12 มีนาคม 2546 (วันรับใบสมัคร)

                     ย่างก้าวแรกที่เหยียบลงบนพสุธาในเขตรั้วแห่งสวนกุหลาบวิทยาลัยนั้น สายลมพัดเอาความขลังและกลิ่นอายแห่งความทรงจำของผู้คนในหลายยุคหลายสมัยที่ได้เคยย่างก้าวอยู่ ณ ที่นี่มาแต่ครั้งกาลก่อนเข้าสู่จมูก สร้างความประทับใจแรกให้บังเกิดขึ้น ซึ่งในภายหลังได้กลายเป็นความทรงจำที่ยาวนานและตราตรึงในใจ การย่างเท้าลงบนสวนกุหลาบครั้งนี้อาจจะเป็นการย่างก้าวแรกที่จะทำให้เรากลายเป็นส่วนหนึ่งของสถานที่แห่งนี้ หรืออาจจะเป็นการเริ่มต้นของการดิ้นรนที่สูญเปล่าไม่ก่อเกิดผลใดๆทั้งสิ้นก็เป็นได้ หากถ้าจะว่าไปแล้วการที่รายินดีลองถูกลองผิดครั้งนี้แลดูเหมือนไร้ความหวังด้วยว่า เรานั้นมิใช่คนเรียนเก่งอะไรนัก แต่เมื่อมีผู้ใหญ่ที่นับถือท่านหนึ่งรับปากว่าจะได้เป็นธุระ “ฝาก” เราให้นั้นความหวังก็เริ่มมีรูปร่างบริบูรณ์ขึ้นมาในทันที ความมั่นใจในเริ่มแรกเลยนั้นมีอยู่ล้นหลามเลยทีเดียว หากในเวลานั้นความคิดถึงสิ่งผิดพลาดทั้งหลายนั้นยังไม่เกิดขึ้นเลยซะทีเดียว ด้วยว่าในทีแรกเลยนั้นการลองเสี่ยงของเราคงจะส่งผลที่สืบไปในเบื้องหน้าไม่ว่าทางใดทางหนึ่ง จะทางที่ดีหรือทางที่ร้ายก็แล้วแต่ และในความประทับแรกในคราวนี้ทำให้ยากนักที่จะตีใจออกห่างจากสถานที่แห่งนี้
                                                                                                                                                                          ธรรมมนตรี
      ...................................................................................................................................................................................

      14 มีนาคม 2546
                       ความคลอนแคลนบังเกิดขึ้นในดวงจิตของพ่อผม มันเป็นอย่างไรนั้นผมไม่ทราบได้แต่ในวันนั้นเองผมได้เห็นใบสมัครของ ต.ว.(ไตรมิตรวิทยาลัย)และ ส.ธ.( วัดสุทธิวนาราม) วางอยู่ มันแปลกดีที่ความมั่นใจที่เคยมีทรุดหวบหายไปสิ้นที่แค่เพียงเห็นเท่านั้นเอง และมันแปลกดีที่ว่าเรานั้นเพิ่งจะไปเอาใบสมัครของสวนกุหลาบวิทยาลัยมาเพียงสองวันเท่านั้นเอง จะเริ่มท้อและตัดใจแล้วกระนั้นหรือ และสาเหตุที่เริมท้อล่ะมันคืออะไร ? ผมรู้สึกสับสนอย่างมากมันดูตลกดีที่ความเชื่อมั่นของพ่อและแม่ของผมหายไปในหมด และกว่าผมจะได้รู้คำตอบของเรื่องนี้ กาลก็ล่วงเลยไปแล้วมิใช่น้อยทีเดียว แต่อย่างน้อยผมก็ยังรู้ว่าเหตุใดความเชื่อมั่นของผมจึงหายไป ก็เพราะต.ว.นั้นแหละที่เป็นเหตุ ด้วยว่าไตรมิตรวิทยาลัยเป็นสถานศึกษาแห่งสุดท้ายที่ผมจะเลือกเรียน ก็เพราะ “ชื่อเสีย”ของโรงเรียนนี้ที่กระฉ่อนไปทั่วจนไม่เหลืออะไรไว้ให้เชยชมแล้วไง ประชาชีทั้งกรุงเทพและโดยเฉพาะในบริเวณละแวกบ้านของผมต่างรู้ดี ว่าในโรงเรียนนี้มีแต่เด็กเหลือขอทั้งนั้น แต่กระนั้นเองเมื่อพ่อบอกว่ามันเป็นเพียงการสำรองเอาไว้ ความมั่นใจของผมก็เริ่มทยอยกลับมา แต่ก็คงมีบางส่วนที่จนถึงปัจจุบันก็ยังคงมาไม่ถึงกระมังเพราะในเวลานั้นความมั่นใจที่มีอยู่ยังไม่สูงนัก แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังมีมากอักโขเลยล่ะ
                                                                                                                                                                      ธรรมมนตรี
      ...................................................................................................................................................................................

      15-24 มีนาคม 2546
                       คนที่รับปากว่าจะ “ฝาก”เราได้เดินทางไปสิงคโปร์ ถึงเวลานี้กาลแห่งการรอคอยมาถึง การรอคอยเป็นสิ่งที่ยาวนานและโหดร้าย และจะยิ่งทวีเท่าเมื่อมันเป็นการรอคอยของสิ่งที่เราเองยังไม่รู้ว่ามันจะเป็นอย่างไรต่อไปมีนเริ่มเป็นสิ่งที่ทดสอบความอดทนของเรา มันทำให้เราท้อแท้ แต่ถึงกระนั้นกลิ่นของแสงแดดในฤดูร้อนและกลิ่นแห่งสายลมโชยก็ดูสดชื่นยิ่งในเวลานี้
                                                                                                                                                                      ธรรมมนตรี
      ...................................................................................................................................................................................

      24 มีนาคม 2546
                      ความตื่นเต้นเข้าครอบงำพรุ่งนี้แล้วที่เราจะไปยื่นใบสมัคร เราเองรู้สึกปอดๆพิกล แต่ถึงอย่างนั้นถ้าทุกอย่างราบรื่น การเตรียมการในขั้นต้นก็จะเสร็จสิ้น เป็นการยกภูเขาออกจากอกเสียที
                                                                                                                                                                      ธรรมมนตรี

      ...................................................................................................................................................................................
      25 มีนาคม 2546
                      เช้าอันสดใสได้เริ่มต้นขึ้น ใจของผมหนักนักเหมือนมีอะไรซักอย่างมาถ่วง หัวของผมหมุนติ้ว กายนั้นหนักอึ้ง ความพร้อมของทุกสิ่งได้เตรียมการเอาไว้แล้ว ทั้งเอกสาร และ ความมาดมั่นกับความมั่นใจ ที่อาจจะไม่เต็มเปี่ยมเท่าไรนัก แต่ก็มากพอที่จะก้าวย่างได้อย่างผ่าเผยในทุกๆสถานการณ์
                      ผมเป็นคนเรียนไม่เก่งเท่าไรนักถ้าจะเทียบกับพวก “เอ่ออัจฉริยะ”ที่มาสอบสวนกุหลาบกันและก็อีกล่ะที่ผมไม่ได้รวยล้นฟ้าพอที่จะจ่ายค่า“บำรุง”การศึกษาอย่างเป็นถุงเป็นถังได้ นั้นทำให้โอกาสของผมต่อโรงเรียนสวนกุหลาบนั้นมีน้อยมาก และถ้าเขาคนนั้นไม่ได้รับปากว่าจะ“ฝาก”ผมล่ะก็ผมคงไม่มาเสียเวลาอยู่ที่นี่หรอกถึงแม้ว่าจะอยากเข้ามากอย่างไรก็ตามเถอะ เพราะอย่างที่ว่า “โอกาสเป็นของผู้ที่มีเงินมากกว่า (สมอง) เสมอ”
                      ผมออกเดินทางกับพี่ชายตอนก่อนเก้าโมงเสียอีก แท็กซี่ยี่ห้อโตโยต้าลิโม่สีแดงฟ้า มาส่งเราที่หน้าปากประตูสวนกุหลาบวิทยาลัย เมื่อประตูรถเปิดออกความงดงามแห่งสวนกุหลาบได้ตอกยํ้าความทรงจำที่เคยมีลงไปในหัวใจอย่างตราตรึงอีกหนหนึ่ง ผู้คนมีมากมายทีเดียวที่แห่กันมาในวันนั้นแต่กระนั้นก็เถิดผมเสร็จสิ้นการยื่นใบสมัครก่อนสิบโมงครึ่งเสียด้วยซ้ำ เลขประจำตัวสอบห้องสอบและข้อมูลอื่นๆที่ปรากฏในบัตรประจำตัวสอบอาจดู
      เหมือนไม่มีอะไรน่าจดจำมากมาย แต่จนถึงปัจจุบันสิ่งนี้ยังคงสถิตอยู่กลางใจตลอดมาเสมือนสิ่งที่คอยตอกยํ้าให้เรานั้นรู้สึกโศกาอยู่ตลอดเวลาในทุกๆครั้งที่เรามองย้อนไปสู่อดีตที่ระทมยิ่ง
      “เลขประจำตัวสอบ 10053
      ห้องสอบ 2202
      อาคาร สามัคคยาจารย์”
                                                                                                                                                                      ธรรมมนตรี
      ...................................................................................................................................................................................

      29 มีนาคม 2546
                      ใบสมัครของไตรมิตรฯถูกยื่นออกไป ในที่สุดความมั่นใจที่ลดน้อยลงในแต่ละวันแห่งการรอคอยก็หมดลงจนได้ สิ่งที่เหลืออยู่มีเพียงความโศกาแห่งการรอคอย“เขา” คนนั้นอยู่ ความอดทนของผมและพ่อแม่ของผมของผมยังคงเหลืออยู่ หากแต่มันเป็นความอดทนที่ทุกข์ทรมานเหลือแสน ทุกคนล้วนต่างกังวลใจ และในทุกๆคืนผมมิอาจห้ามสายธารแห่งนํ้าตาที่หลั่งไหลจากความกดดันในใจได้เลย
                                                                                                                                                                      ธรรมมนตรี
      ...................................................................................................................................................................................

      1 เมษายน 2546
                      วันนี้ผมต้องไปจับฉลากที่ไตรมิตรฯ แน่ล่ะผมรู้สึกไม่ดีกับสิ่งนี้เพราะถ้าผมสามารถเข้าที่นี่ได้ พ่อแม่ของผมก็อาจจะเริ่มถอดใจจากสวนกุหลาบเสียที มันอาจจะส่งผลให้พาวเวอร์และสปิริตของพ่อแม่ผมอ่อนแรงลงก็เป็นได้ ผมคิดว่าหากผมเข้าไตรมิตรฯไม่ได้พ่อแม่ของผมอาจจะเร่งรัดและเพิ่มความทุ่มเทขึ้นมาให้มากกว่านี้เพื่อจะให้ผมได้เข้าในสวนกุหลาบให้สำเร็จ
                        เมื่อผมเดินเข้าไตรมิตรฯ ผมรู้สึกเหมือนโดนดูถูกอย่างแรงเมื่อคนที่ผมรู้จักเจอผม สีหน้าของเขาบ่งบอกถึงความดูถูกและหมดศรัทธาในตัวผม วลีเดียวที่หลุดออกจากปากเขาก็คือ “เก่งนักมิใช่เหรอ” ผมหน้าถอดสีทีเดียว มันอาจจะเป็นวลีที่แถบจะไม่มีความหมายแต่ผมรู้ว่าเขาหมายถึงอะไร สิ่งนั้นทำให้ผมเศร้าหมองในใจ ความสุนทรีอารมณ์ที่เคยมีเต็มเปี่ยมในชีวิตจางจืดลงในทันที ผมไม่เคยถูกดูถูกด้วยถ้อยวาจาที่เฉือนใจขนาดนี้มาก่อน นับแต่นี้เป็นต้นไป ผมคงมิอาจร้องเพลงได้อย่างสุนทรี มิอาจเต้นโวลต้าท่ามกลางแสงเดือนได้อีกต่อไปด้วยว่าจิตวิญญาณของผมถูกคำพูดที่รุนแรงนั้นหลอมละลายไปแล้วสิ้น
                        แต่ถึงกระนั้นเองผมก็ไม่ได้แก้ตัวแต่อย่างใด ด้วยว่าในเวลานี้ทางอื่นๆที่ผมอยากจะก้าวเดินนั้นอับแสงลงเสียแล้ว ทางเดินเดียวที่พอจะถูไถไปได้ก็คือทางที่ผมไม่อยากเดินที่สุด แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังไม่ได้ตัดสินใจก้าวย่างไปสู่ทางใดๆทั้งสิ้น ผมยังรอคอยอยู่ซึ่งแสงสว่างที่อาจจะฉายลงมาเบิกทางที่ผมอยากจะก้าวย่างต่อไปอย่างภาคภูมิในหนทางที่สวยงามที่ผมนั้นปรารถนาเป็นที่สุด
                        ทายซิครับว่าเกิดอะไรขึ้น มีคนมาจับฉลากเพียงไม่ถึงสองร้อย แน่นอนล่ะว่าแถบจะไม่ต้องคิดเลยว่ายังไงเขาก็รับหมด มันเป็นข่าวร้ายสำหรับผมแต่มันอาจจะเป็นข่าวดีนิดๆสำหรับพ่อแม่ผมก็ได้
                        เที่ยงวันนั้นผมแวะไปที่สวนกุหลาบวิทยาลัยอีกครั้ง ผมเอาพวงมาลัยไปกราบพ่อปู่สวนกุหลาบเพราะเมื่อ “เขา” คนนั้นยังคงไม่กลับมาจากสิงคโปร์ สิ่งที่เป็นที่พึ่งเดียวของผมก็คือที่พึ่งทางใจ และผมยังได้ไปวอนขอองค์พระพุทธเจ้าหลวงให้ช่วยผมให้บรรลุในสิ่งที่ผมคาดหวัง พระองค์ที่ประทับอยู่ในสวรรคาลัยอาจจะสดับฟังผมอยู่ สดับฟังเสียงเล็กๆของเด็กชายคนหนึ่งที่ความหวังเกือบสิ้นแสงเสียแล้ว ผมวอนขอพระองค์ในฐานะที่ทรงเป็นผู้สถาปนาโรงเรียนนี้ขึ้นมา
                         สีหน้าของผมหมองลงในทุกๆชั่วโมงที่รอคอย กลิ่นแดดและสายลมไม่สดชื่นเหมือนก่อน ผมไม่มีแรง
      ทำสิ่งใดอย่างทะมัดทะแมงได้อีกต่อไป ร่างกายของผมมิอาจจะทานทนกับการรอคอยที่แสนทรมานได้อีกต่อไป
                                                                                                                                                                       ธรรมมนตรี
      ...................................................................................................................................................................................

      2 เมษายน 2546
                          วันสอบที่สวนกุหลาบ วันนี้จิตใจของผมโล่งเป็นพิเศษความมั่นใจที่หลงเหลือ เครื่องเขียน ความหวังที่มิอาจประเมินค่าได้ และดอกกุหลาบสามสิบหกดอกคือสิ่งที่ผมตระเตรียมเอาไว้สำหรับการณ์วันนี้
                          ผมจะไม่พูดถึงเนื้อบริบทของการสอบมากนัก เพราะมันเป็นสิ่งที่ไม่อะไรพิเศษ ผมมั่ววิชาคำนวณไปมากถึงแปดข้อ เพราะมีอยู่ข้อหนึ่งที่ผมคิดคำตอบอยู่นานถึงสิบห้านาทีทำให้มีเวลาในการคิดข้ออื่นน้อยลงมากทีเดียว ส่วนในวิชาความสามารถทางภาษาผมไม่มั่นใจเพียงสามถึงสี่ข้อ และในวิชาความเข้าใจผมไม่มั่นใจแค่สามข้อเท่านั้นเอง และผมอาจจะทำผิดพลาดไปในบางส่วนและ การที่ผมพลาดในจุดนี้ผมก็มิอาจกลับไปแก้ไขได้ในภายหลังและในที่สุดความผิดพลาดในจุดนี้นำพาความล้มเหลวมาสู่ตัวผมจนได้
                          ข่าวดี “เขา” คนนั้นกลับมาแล้วแต่กระนั้นเขาต้องถูกกักตัวไว้สามวันเพราะเขาเพิ่งกลับจากสิงคโปร์ (ตอนนั้นมีการแพร่ระบาดของโรค ซาร์ส) แต่ก็เอาเถอะ รอมาได้ตั้งนานรออีกสามวันจะเป็นไรไป
                                                                                                                                                                        ธรรมมนตรี
      ...................................................................................................................................................................................

      5 เมษายน 2546
                         เชงเม้ง  (วันไหว้บรรพบุรุษ) มาถึง และในที่สุดการนิวัติอันแท้จริงของ “เขา” คนนั้นก็มาถึงแสงแห่งความหวังที่เคยจืดจางลงกลับสว่างขึ้นมาในบัดดล ความชื่นบานค่อยๆกลับมา แต่กระนั้นเวลาก็เริ่มกระชั้นชิดเข้ามาทำให้เกิดความกดดันอย่างหาที่สุดมิมี หากถึงอย่างนั้นเมื่อความหวังเริ่มบริบูรณ์ขึ้นมาอีกครั้งถึงแม้ให้เหลือเพียงหนึ่งวันก่อนเปิดเรียนที่สวนกุหลาบวิทยาลัย ผมก็จะรอ
                                                                                                                                                                       ธรรมมนตรี
      ...................................................................................................................................................................................

      6-9 เมษายน 2546
                        มันยังคงเป็นการรอคอยที่ทุกข์ทรมาน และอีกทั้งยังทรมานเป็นทวีเท่าเอาเสียด้วย เมื่อสิ่งที่จะทำให้เราสมหวังมาอยู่ใกล้แค่เอื้อมแต่เรามิสามารถเร่งรัดหรือแม้แต่กระทำสิ่งใดไปได้มากกว่านี้ พ่อแม่ของผมเกือบจะตัดใจเสียแล้ว หากแต่ผมไม่ยอม ผมไม่ต้องการเห็นสิ่งที่ผมดิ้นรนมาสูญเปล่าในเพียงชั่วพริบตาเดียว ผมได้หลงรักโรงเรียนนี้เสียเต็มเปาซะแล้ว!
                        ผมมิอาจพูดสิ่งใดได้ในเมื่อ วันที่สิบที่จะถึงนี้เป็นวันประกาศผลแล้ว มันเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้เสียแล้ว หากเรายังยินดีที่จะดำเนินการณ์ครั้งนี้ต่อไปมันจะกลายเป็นสิ่งที่ยากและทุกข์ทรมานเหลือแสน มันเรียกว่า “การเล่นล๊อตสอง”ซึ่งหมายถึงเงินและเงินที่มากขึ้นหากเราจะยังทำต่อในระยะหลังประกาศผลแล้วแน่นอนว่ามันทำได้เพราะในปัจจุบันเงินเป็นมากกว่าพระเจ้าและมีอำนาจกว่าพระเจ้ามากนักการดิ้นรนยังคงจะดำเนินต่อไปด้วย
      ความวาดหวังอันเดิม ด้วยว่ายากนักที่เราจะตัดใจได้ลงแม้ในเวลานับสิบปีจากนี้ก็ตามที
                                                                                                                                                                       ธรรมมนตรี
      ...................................................................................................................................................................................

      10 เมษายน 2546
                        “ร่วง” คือคำเดียวที่พูดได้ในตอนนี้ “ผมร่วง” (ไม่ได้ผมบนหัวร่วงนะ) ผมร่วงในที่นี่หมายถึงผมสอบไม่ติดผม นํ้าตาของผมแทบร่วงที่ทราบว่าตนนั้นพลาดไปเพียงหกข้อจากช่วงที่เขาตัดคะแนนกัน หากถึงอย่างนั้นมันก็เป็นสิ่งพอทำใจได้ ก็อย่างที่ว่าผมไม่ได้เป็นพวก“เอ่ออัจฉริยะ”ซะหน่อย เรายังรออยู่อย่างหมดอาลัยตายยากเสียแล้ว
         ป่วยการที่จะพูดมากกว่านี้เพราะไม่มีสิ่งใดในโลกหล้าในเวลานี้ที่จะมาทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นได้
      คะแนนที่ได้ ...............
      วิชา    คะแนนเต็ม    คะแนนได้
      คำนวณ    35/    27
      ทักษะภาษา    35/    31
      ความเข้าใจ    30/    29
      รวม    100/    87

                                                                                                                                                                       ธรรมมนตรี
      ...................................................................................................................................................................................

      11 เมษายน 2546
              พวกโชคดีของสวนกุหลาบไปมอบตัวกันวันนี้ ใจเรานั้นหว้าเหว่นักความสุขทั้งปวงหมดลงและเป็นเวลานานนับเดือนทีเดียวกว่าที่ผมจะกู้ความสุขกลับได้ ด้วยว่าใจของผมนั้นบอบชํ้ามากเกินกว่าที่จะรักษาให้หายได้ หากแต่ในเวลานั้นทุกคนยังคงรอคอย “ความหวัง” และ “โอกาส” ซึ่งในเวลานั้นความอดทนก็ใกล้ถึงขีดสุด พ่อผมคงตัดใจเสียแล้วเพราะในแววตาของท่านไร้ประกายที่สดใสอีกต่อไป
              ผมไปมอบตัวที่ไตรมิตรฯ ความหวังของทุกคนเริ่มสิ้นลง ทุกคนท้อแท้เกินกว่าจะทำสิงใดได้ขนัดนักหากถึงอย่างนั้น ผมก็ยังไม่สิ้นหวังก็ อย่างที่ผมเคยพูดเป็นพันธะต่อจิตวิญญาณแห่งตัวเอง “ถึงแม้ให้เหลือเพียงหนึ่งวันก่อนเปิดเรียนที่สวนกุหลาบวิทยาลัย ผมก็จะรอ” ผมจะรอถ้าความสำเร็จถูกนำพามาถึงผม ผมยินดีที่จะเสียทั้งแรงกาย แรงใจ แรงเงิน และ แรงแห่งความทุ่มเท ถ้าผลที่ออกมาเป็นสิ่งที่คาดหวัง ดุจดังฝนได้สาดเทลงมาบนพื้นดินที่ว่างเปล่าในช่วงเวลาที่วิกฤตสุดของความแห้งแล้ง
             “เขา” คนนั้นดูเหมือนจะเป็นคนปลิ้นปล้อน ถึงเวลานี้ความกดดันถาโถมทับอยู่ในทรวงอกตั้งแต่วันที่ห้าที่เขาได้มีอิสระอย่างเต็มที่หลังจากถูกกักตัวสามวัน การดำเนินการในส่วนของเขาก็แทบไม่ได้ขยับเขยื้อน หกวันแล้วการรอคอย หกวันแล้วกับการที่ “เขา” ไม่ได้ทำอะไรตามที่รับปากไว้เลย
      ทุกอย่างคงใกล้ตอนอวสานแล้วล่ะ.....................................................................
                                                                                                                                                                      ธรรมมนตรี
      ...................................................................................................................................................................................

      สงกรานต์
                ความสุขไม่มีในสงกรานต์ปีนี้ ทุกอย่างเคร่งเครียดเกินกว่าที่จะมาเฮฮาได้ อีกไม่นานทุกคนคงบ้าตายไปเสียก่อน ตอนสงกรานต์นั้นเองที่ผมได้ทราบกำหนดการของสวนกุหลาบวิทยาลัยพอสังเขป ทุกอย่างจวนตัวเกินกว่าจะทำการใดๆได้ มันกำลังจะจบลง ด้วยความสูญเสียอย่างที่สุดไม่มี
      ธรรมมนตรี

      วันเวลาพาดผ่านไป ทุกสิ่งจบลงเป็นที่แน่นอนแล้ว การเดินทางอันยาวนานได้หมดลง ทางที่จะเดินต่อไปมืดมัวอย่างยิ่ง หากการอันประกาศถึงการจบลงอย่างเป็นทางการอันเป็นการตัดใจลงอย่างเป็นทางการยังไม่ได้มาถึง ด้วยว่าในการกระทำที่ผ่านมาทั้งหมดมันได้ตราใจของผมกับความน่าศิวิไลซ์ในโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัยแห่งนี้ มันเป็นเวลาแห่งการดิ้นรนที่ยาวนานเกินกว่าที่จะตัดใจได้ในวันเดียว มันคือความทุกข์ระทม มันเป็น ความปวดร้าวในจิตใจ ที่ได้ถูกสลักเอาไว้เสียแล้วที่กลางดวงใจ เวลานานสองเดือนกว่าที่ทุ่มเท นำเอาความร้าวฉานเข้าสู่ความมั่นใจที่ผมเคยมี ทุกสิ่งที่ผมจะได้ทำในเวลาสืบไปในเบื้องหน้าจักจะไม่ได้ถูกทำโดยความมั่นใจ ความมีพาวเวอร์และสปิริต ในตัวผมอีกต่อไป ด้วยเชื้อแห่งโศการมณ์ได้ลุกลามไปสู่ทุกอณูในตัวผมเสียแล้ว..............................................................................................

      30 เมษายน 2546
             “จบลง” ทุกอย่างจบลง จบลงทั้งๆที่นั้นยังตัดใจไม่ลง นํ้าตาไหลรินออกมา “เขา” คนนั้นยังคงไม่ทำการใดๆทั้งสิ้น และถึงถ้าทำมันก็สายไปแล้ว ทุกอย่างเราทำมาได้อวสานลงเสียที เราอาจจะดูเหมือนว่าน่าแปลกที่มิอาจตัดใจลงจากที่นี่ได้ หากแต่ความน่าตราตรึงที่ผมได้ประจักษ์นั้น มันเกินกว่าที่จะตัดใจได้จริงๆ กระทั่งในเวลาที่ผมได้นำเอาบันทึกชิ้นนี้มาเรียบเรียงใหม่ กลิ่นอายแห่งความงดงามเมื่อครั้งกาลก่อนก็กลับมาประจักษ์อย่างเด่นชัดอีกครั้งในมโนภาพของผม
            
                      วันเวลาเคลื่อนคล้อยไปกับความโศกาที่ผมมิอาจยับยั้งได้ บัดนี้ความรักที่ผมมีต่อสวนกุหลาบวิทยาลัยก็ยังไม่เสื่อมคลาย และแม้ในเวลาอีกกี่ปีในเบื้องหน้าสิ่งนี้ก็ยังประจักษ์ขัดเจนต่อไปชั่วลูกสืบหลาน และตราบใดก็ตามที่ผมยังคงมีชีวิตอยู่บนโลกนี้ ความทรงจำในระยะเพียงสองสามเดือนดังกล่าว จะถูกเก็บไว้ท่ามกลางความทรงจำทั้งมวลของผมจวบจนถึงวันที่ความเป็นมรรตัยชนของผมได้เผยวิสูตรออก และนำพาผมไปสู่อนันตนิทราที่ไร้จุดจบ หากกระนั้นตราแห่งความทรงจำจักได้ถูกจารึกไว้เพื่อบุคคลในภายภาคหน้าจะได้รับรู้ อยู่ในถ้อยแถลงชุดนี้แล้ว
                                                     __________________________________________________
                                                          ธยานิพัธ ธรรมมนตรีX เรียบเรียงจากชีวิตจริงของตนเอง
                                                                             เลขประจำตัวสอบ 10053


      _____________________________________________________
      X เป็นนามปากกา ชื่อจริงคือ ธีรศักดิ์ เครือสุวรรณกุล

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×