เรื่อง  สายน้ำเกลือกับลมหายใจ
    สองอาทิตย์กว่าแล้วที่พ่อนอนอยู่โรงพยาบาลตามลำพัง  พ่อป่วยด้วยโรคที่ภาษาชาวบ้านเรียกกันว่า  “โรคไข้ใจ”  เอาแต่นอนซมอยู่แต่กับเตียงไม่เป็นอันกินอันนอนกระทั่งร่างกายซูบผอมเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก
พ่อทำใจยอมรับไม่ได้ที่ต้องเสียลูกชายคนโตหรือพี่ชายของผมไปกับเหตุฆาตกรรมครั้งนั้น  ภาพลูกชายถูกมีดเชือดคอวิดขาด  ตายคากองเลือดสีแดงฉานคงไม่ใช่ความทรงจำที่ดีนักสำหรับคนแก่คนหนึ่ง...
    ส่วนแม่นะเหรอ  ไม่มีหรอกครับ  ตอนนี้ทั้งชีวิตผมมีพ่อเพียงคนเดียวเท่านั้น  แม่เพิ่งทิ้งพวกเราหลังที่พ่อเข้าโรง’บาลไม่กี่วัน  ความรู้สึกของแม่ตอนที่พี่ตายก็คงเหมือนๆกับพ่อเอาแต่นั่งตรอมใจอาลัยอาวรณ์ถึงการจากไปของพี่  ไม่ไปแม้กระทั่งงานศพ  เพราะอะไรนะเหรอ!  แม่เอาแต่กินยาคลายเครียดจนเกินขนาดที่คุณหมอสั่งเลยชอกตายคาบ้านในวันที่งานศพของพี่ทุกจัดขึ้น  ทุกคนในบ้านค่อยๆจากผมไปทีละคน  ทีละคนเหลือเอาไว้ก็แต่ผมกับพ่อกับชีวิตที่น่าสมเพชกับสังคมที่เสื่อมทรามแต่มันก็ยังไม่เลวร้ายสะทีเดียว...
    บ้านของเรายากจน ตอนที่ยังมีชีวิตก็ขายขนมอยู่หน้าทางเข้าปากซอยพอประทังชีวิตไปวันๆหนึ่งส่วนพ่อผมทำงานขับรถบรรทุกอาหารแช่แข็งของบริษัทอาหารแห่งหนึ่ง  เหนือจรดใต้พ่อไปมาหมดแล้ว 
การที่พ่อต้องมานอนโรงพยาบาลของรัฐแต่ก็ดีไปอย่าง - - โรง’บาลบอกว่ามีเพื่อนพ่อคนหนึ่งออกค่าใช้จ่ายให้ถึงได้มานอนห้องดีๆกับคนอื่นเขาบ้างแต่ผมก็ไม่รู้รายละเอียดอะไรมากเกี่ยวกับเรื่องเงินๆทองๆนักหรอกแต่เขาคนนั้นมีขอแลกเปลี่ยนบางอย่างว่าเขาขอจำกัดเวลาในการเข้าเยี่ยมพ่อ  ผมก็ไม่เคยเห็นหน้าเขาหรอกแต่โรง’บาลบอกมาอย่างนี้ก็ปฏิบัติตามในเมื่อเขาเป็นผู้มีพระคุณกับผมและพ่อถึงเช่นนี้
    วันนี้ผมมารับพ่อกลับบ้าน  อาการของพ่อคงจะดีขึ้นโรง’บาลถึงกล้าปล่อยให้ออกมารักษาอาการที่บ้าน  เนื้อหนังของพ่อดูมีน้ำมีนวลขึ้นในวันที่จะออกจากโรงพยาบาล   
วันนั้นพ่อขมวดคิ้วตอนผมมารับกลับ  “วันนี้แกไม่ไปเรียนหรอกเหรอ” พ่อพยายามทำเสียงให้เป็นปกติแต่ก็ยังคงเสียงแหบเล็กๆไว้
“เพิ่งกลับครับ  เมื่อกี้นี้เอง”  ผมลากเก้าอี้มานั่งลงข้างๆเตียงเลยไม่ได้มองหน้าพ่อ - - ผมไล่สายตาไปตามสายระโยงระยางของกระปุกน้ำเกลือและสายอะไรต่อมิอะไรที่พันกันอยู่ก่อนจะมาจบที่ใบหน้าของพ่อพร้อมกับยิ้มออกมาอย่างฝืนๆ
    “ฉันไม่ตายหรอกน่า  เรื่องแค่นี้อีกเดี๋ยวเดียวก็มีคนเอามันออกจากตัวพ่อ  อยู่ไปอยู่มามองดูน้ำเกลือไหลออกจากกระปุกทีละหยดมันก็เพลินดีเนอะ”  พ่อหันหน้ามาหาผม  พยายามพูดติดตลกเพื่อให้ผมและตนเองสบายใจก่อนจะโบกมือเป็นเชิงให้ผมขยับเก้าอี้ที่นั่งอยู่เข้าไปใกล้ๆอีกนิด  ผมใช้มือของตนเองวางลงบนฝ่ามืออันหยาบกร้านของพ่อ
    “เดี๋ยวเราก็ได้กลับบ้านกันแล้วครับ”  ผมชำเลืองมองนาฬิกา  อีกประมาณสักสิบนาทีพยาบาลที่ดูแลพ่อคงจะมาถอดสายน้ำเกลือและสายอื่นๆที่ทิ่มแทงอยู่ตามตัวของพ่อออกตามกำหนดเวลา  “โรง’บาลได้บอกพ่อป่าวครับว่ามีเพื่อนพ่อคนหนึ่งออกเงินค่ารักษาให้”  ผมพูดด้วยสีหน้าที่มีรอยยิ้มจางๆ  “พ่อเคยเห็นหน้าคุณคนนั้นหรือเปล่า”  ผมไม่ได้รับคำตอบที่เป็นคำพูดแต่พ่อก็พยักหน้าเป็นคำตอบ
    “วันนี้คุณคนนั้นจะมา...”
    “โรง’บาลบอกอะไรแกอีกมั้ง”  อยู่ๆพ่อก็ตัดบทขึ้นมากระทันหัน  ผมพูดอะไรไม่ออก  ชำเลืองมองหน้านาฬิกาอีกครั้ง  นี่ก็ได้เวลาที่พยาบาลจะมาถอดสายน้ำเกลือแล้วแต่ยังไม่ปรากฎวี่แววของเธอเลย  พ่อหยุดปาก  ผมก็เช่นกัน  บรรยากาศในห้อเงียบจนได้ยินเสียงเสียงจากข้างนอก - - ผมเงี่ยหูฟัง - -  ฝีเท้ากลุ่มใหญ่กำลังก้าวมาทางนี้  ผมรู้สึกเช่นนั้น  ผมหันไปมองหน้าของพ่อ  พ่อเบี่ยงหน้าหนี - - ในวินาทีนั้นประตูห้องถูกดันออก  พยาบาลสาวสาวเท้าเข้ามาในภายในห้อง  อาการของเธอดูผิดแผกไปจากพยาบาลคนอื่นๆที่หน้าตายิ้มแย้ม - -  เธอบรรจงถอดสายน้ำเกลือของพ่อออก
“เสียใจด้วยคะ”    เธอบอกผม  พยาบาลพูดด้วยสีหน้าที่ผมเองก็บอกไม่ถูก  เธอหมายความถึงอะไร  หัวสมองของผมถูกปั่นเล่นไม่เป็นขบวน  - - ถึงตอนนี้น้ำตาของพ่อเริ่มไหลนอง ใบหน้าแดงก่ำ  ทำจมูกฟุดฟิดคล้ายหายใจไม่ออก 
ในวินาทีนั้นผมเข้าใจได้เลย  พ่ออาการไม่ได้ดีขึ้นเลยกลับซ้ำแย่ลงกว่าเก่า  ทุกคนหลอกผม  ทุกคนโกหก  ทุกคนทิ้งผมไปเหลือไว้ให้ผมยืนอยู่บนโลกนี้เพียวลำพัง - -  การที่พยาบาลมาถอดสายน้ำเกลือและอื่นๆออกมันหมายความว่าหมดหนทางที่จะเยี่ยวยาพ่อแล้ว  กะอีแค่โรคแค่นี้พวกคุณรักษาพ่อผมไม่หายเหรอ
อยู่ๆอาการของพ่อก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ  ทรุดหวบลง  สีหน้าของพ่อซีดเขียว พยาบาลกับผมบีบมือพ่ออย่างแรงคนละข้าง  เหงื่อกาฬของพ่อไหลออกมาตามฝ่ามือ  มือของผมและพยาบาลรวมทั้งพ่อเปียกชุ่ม
“คุณจะปล่อยให้พ่อผมตายเหรอไง  ฮะ!”  ผมตะโกนลั่นห้อง
    บัดดลนั้นประตูห้องถูกผลักออกอีกครั้ง  ชายร่างสูงโปร่งดอดเข้ามา  พยาบาลสาวมองหน้าชายผู้นั้นก่อนจะหลีกทางให้  ผมพินิจพิจารณาชายผู้นั้นคงจะเป็นคุณคนนั้นที่โรงพยาบาลบอกเป็นแน่
    “เอ่อ - - คุณ...”
    “ผมเป็นเพื่อนของพ่อคุณ  ไม่ต้องเป็นห่วง”  เขาพินิจพิจารณาตัวผมและพ่อเช่นกันก่อนจะเดินออกไปเรียกใครบางคนเข้ามาภายในห้อง
    ครั้งนี้ประตุห้องถูกเปิดออกมาเข้ามาเต็มที่  ชายผิวเข้มห้าคนในชุดสีกากีของทางราชการเข้ามายืนล้อมรอบเตียงของพ่อ  หน้าของพ่อถอดสี  ลมหายใจของพ่อขาดห้วงไปชั่วขณะ  ตัวของพ่อสั่นระริกๆดั่งเห็นพญามัจจจุราชจะมาเอาชีวิต  ชายผู้นั้นแทรกตัวเข้ามาอยู่ระหว่างชายผิวเข้มห้าคนก่อนจะปริปากออกมาอย่างหนักแน่นว่า
    “ผม...หัวหน้าพัสดีเรือจำบางขวางขอจับกุมนายธนู  วีระในข้อหาค้าและฆ่านางประภัสสร วีระ  นายธเนศ วีระ ภรรยาและบุตรชายคนโตตามลำดับไปประหารชีวิตตามคำสั่งของศาล
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น