โอ้เอ้ - โอ้เอ้ นิยาย โอ้เอ้ : Dek-D.com - Writer

    โอ้เอ้

    โดย nikdad

    สมองไม่ใช่ที่จัดเก็บวัฒนธรรม

    ผู้เข้าชมรวม

    200

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    6

    ผู้เข้าชมรวม


    200

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  27 มิ.ย. 47 / 01:17 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      โอ้เอ้ เสียงดนตรีไทยดังขึ้นที่ห้องไม้แห่งหนึ่งกลุ่มสาวน้อยในชุดนาฏศิลป์ที่สวยงามกำลังร่ายรำฉุยฉายพราหมณ์ โดยมีครูสาวขาวสวยคอยดูและให้กำลังใจอยู่ห่าง ๆ ในขณะที่ชายหนุ่มกำลังเคลื่อนกล้องถ่ายวีดีโอเพื่อรวบรวมภาพของกลุ่มสาวน้อยในชุดรำนาฏศิลป์ สิ้นสุดเสียงเพลงเสียงตบมือดังแทนที่พร้อมกับคำชมจากคุณครูสาว เธอชื่อเอ้ เธอทำงานเป็นครูสอนนาฏศิลป์มา 6 เดือนแล้วเธอรู้สึกมีความสุขกับงานนี้แม้รายได้เธอจะน้อยเมื่อเทียบกับการที่เธอได้ไปทำงานด้านบริหารตามที่เธอได้ปริญญาบัตรมาซึ่งช่างกล้องหนุ่มนามว่าโอ้คอยคะยั้นคะยอเกี่ยวกับเรื่องงานกับแฟนสาวของเขาเป็นประจำโดยให้เหตุผลกับแฟนสาวว่าเธอเหมาะกับงานด้านบริหารมากกว่า รายได้ทางนั้นก็ดีกว่าด้วย เกียรตินิยมอันดับ 1 อย่างเธอหางานได้สบาย ๆ เลย แต่เอ้ก็ปฏิเสธโอ้ไปทุกครั้งโดยให้เหตุผลว่าตัวเองยังไม่พร้อมหลังจากเลิกเรียนแล้วก็เป็นเวลาหัวค่ำโอ้และเอ้พากันมาทานอาหารที่ร้านประจำของทั้งสองโอ้ก็เริ่มลุกเรื่องเปลี่ยนงานกับเอ้ทันที คำตอบของเอ้ก็ยังเป็นเช่นเดิม แต่เอ้ก็ยังกล่าวขอบคุณโอ้เรื่องการมาถ่ายวีดีโอเด็ก ๆ ให้ในเวลาว่างหลังเลิกงานเพื่อให้เอ้ได้นำไปส่งตามรายการต่าง ๆ ที่มีการจัดประกวดนาฏศิลป์ โอ้มาถ่ายวีดีโอให้เอ้หลายวันแล้วโดยโอ้เสนอว่าจะตัดต่อให้เป็นวีดีโอเลยเพื่อใช้ได้สำหรับทุกโอกาส และเอ้ก็หยิบยื่นซีดีให้กับโอ้เป็นเพลงไทยเดิมที่ใช้ในการรำนาฏศิลป์ เอ้บอกให้โอ้เก็บไว้ฟังเวลาโอ้เครียดกับงาน หลังจากอิ่มหมีพลีมันด้วยกับข้าวโปรดของทั้งสองเรียบร้อยแล้วโอ้ก็อาสาไปส่งบ้านเอ้ซึ่งเป็นหน้าที่ประจำของเขาอยู่แล้ว ที่บ้านของเอ้นั้นเธออาศัยอยู่กับพ่อแม่ซึ่งก็พอมีอายุบ้างแล้วแต่ก็เข้าใจวัยรุ่นไม่ได้กีดกั้นอะไรเรื่องเอ้คบกับโอ้เพราะรู้ว่าโอ้เป็นคนดีและไว้ใจได้แถมยังเอ็นดูโอ้เหมือนลูกแท้ ๆ ซะอีก เหตุการณ์คงจะไม่มีปัญหาอะไรและจบอย่างราบรื่นถ้า 1 อาทิตย์ต่อมาพ่อของเอ้ไม่ป่วยเข้าโรงพยาบาล เมื่อเอ้เปิดประตูเข้ามาเยี่ยมพ่อของเขา แม่กำลังแกะเปลือกส้มให้พ่อทานส่วนพ่อนั้นมีแผลที่หัวนิดหน่อยหันมายิ้มและเริ่มเล่าเรื่องที่เขาลื่นล้มในห้องน้ำซึ่งเป็นต้นเหตุของการเข้าโรงพยาบาลด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม แต่เอ้ไม่ยิ้มด้วย ภาพในวันนี้ทำให้เขาเห็นพ่อแม่ของเขาเริ่มชราลง และรู้สึกเป็นห่วงท่านทั้งสองเป็นอย่างมาก เธอเล่าความรู้สึกของเธอในวันนี้ให้กับโอ้ฟังในขณะที่ทั้งสองมากินข้าวที่ร้านประจำ โอ้ให้ความเห็นว่า “เอ้ต้องการความมั่นคงในชีวิตให้กับครอบครัวของเธอ สุขภาพของท่านทั้งสองยิ่งอายุมากขึ้นก็ยิ่งแย่ลง เอ้ต้องการความสะดวกสบายรองรับและบรรเทาอาการท่านทั้งสอง” โอ้ลุกจากโต๊ะหายไปซักพักก็กลับมาพร้อมหนังสือสมัครงานยื่นให้เอ้พร้อมกับบอกเอ้ว่า “มันถึงเวลาแล้ว” “เชื่อโอ้ไม่ว่าเอ้สมัครที่ไหนการเรียนแบบเอ้เขารับแน่นอน” เมื่อกลับถึงบ้านเอ้เห็นพ่อของเธออยู่ที่บ้านก็ตกใจปนดีใจและถามแม่ของเธอว่าพ่อหายดีแล้วเหรอ คำตอบของแม่ทำให้เธอตัดสินใจลาออกจากงานที่เธอรักเพื่อผจญภัยในโลกแห่งธุรกิจ แม่บอกกับเธอว่า “หมอบอกให้พ่อพักอยู่ที่โรงพยาบาล 2-3 วัน แต่พ่อไม่ยอมและให้เหตุผลว่าเขาหายดีแล้ว เสียดายเงินไอ้เอ้มันหามาลำบากนะ” เอ้ได้งานใหม่ในบริษัทผลิตขนมแห่งหนึ่งมีชื่อเสียงในวงการธุรกิจมาก และรายได้ที่เธอได้รับนั้นมากกว่างานเดิมของเธอถึง 3 เท่า และมันจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตามความสามารถของเธอ เย็นวันนั้นโอ้มารับเอ้เพื่อไปเลี้ยงเนื่องในโอกาสที่เธอได้งานใหม่ ที่ร้านเดิมของคนทั้งคู่แต่เอ้ดูไม่สนุกเท่าไหร่เพราะเริ่มงานในวันแรกก็มีเรื่องให้คบคิดมากมาย เอ้ได้รับมอบงานสำคัญจากทางบริษัทในวันแรกทำให้เธอรู้สึกว่าเธอต้องทำงานให้ดีที่สุด บริษัทตั้งความหวังไว้กับเธอมาก เวลาผ่านไปโอ้รู้สึกว่าห่างเหินจากเอ้มาก ช่วงแรกถึงเอ้จะเอาเรื่องงานเข้ามาในเวลาที่ทั้งสองอยู่ด้วยกันโอ้ก็ไม่รู้สึกอะไรแถมยังกล่าวชมเอ้ว่าไฟแรงจริง ๆ แต่ช่วงหลังนี่ซิไฟมันคงแรงจนไหม้ เอ้ไม่มีเวลาแม้แต่มื้อเย็นที่ต้องมากินกับโอ้เป็นประจำ เอ้ได้รับคำชมมากมายจากหัวหน้า เพื่อนร่วมงานและลูกค้า โปรเจ็คงานแต่ละงานของเธอทำออกมาได้ดี เสียงตบมือดังสนั่นทุกครั้งที่เอ้ออกมาเสนองานที่ห้องประชุม เวลาผ่านไปเร็วขึ้น เอ้กลายเป็นบุคคลที่มีประโยชน์ต่อบริษัทมากขึ้น เงินเดือนของเอ้ถีบตัวขึ้นกว่าเดิม7-8เท่าแล้ว ชีวิตของเอ้ดำเนินไปด้วยดีแต่เอ้ขาดความสุข เรื่องงานของเอ้ตัดเวลาที่เอ้จะได้อยู่กับสิ่งที่รัก เธอกลายเป็นมนุษย์เงินเดือนเต็มตัวแล้ว พ่อแม่ของเอ้กลับต้องมาคอยเป็นห่วงเรื่องสุขภาพของเอ้แทน จนกระทั่งเย็นหลังเลิกงานวันหนึ่งเอ้อยู่บริษัทดึกมากเพื่อเคลียร์โปรเจ็คงานที่ทำมาเกือบ 3 เดือนให้เสร็จ เมื่อไม่เสร็จเอ้หอบหิ้วงานต่าง ๆ กลับมาทำที่บ้าน ในขณะที่ข้ามถนนเอ้รู้สึกเหนื่อยล้ากับสมองที่เขาใช้งานอย่างไม่เคยหยุดหย่อน เอ้หยุดนิ่งไปครู่หนึ่ง พร้อมกับทบทวนสิ่งที่ผ่านมาว่าเธอกำลังทำอะไรอยู่และทำเพื่ออะไร ทันใดนั้นก็มีรถเคลื่อนเข้ามาอย่างรวดเร็วส่องไฟกระทบกับตาของเอ้ เอ้เห็นกันชนหน้ารถคันนั้นกระทบกับลำตัวของเอ้อย่างจัง เธอรู้สึกว่าตัวของเธอล่องลอยอยู่กลางอากาศเหมือนปลิวนุ่น สมองของเธอว่างเปล่าละไม่มีความนึกคิดอะไรเกิดขึ้นเธอไม่รู้สึกอย่างนี้มานานมากแล้ว ภาพรอยยิ้มของโอ้ พ่อและแม่ รวมทั้งลูกศิษย์ของเธอกำเนิดอยู่ในห้วงคิด และดับวูบหายไปเมื่อศีรษะเธอกระทบกับพื้นโลก โอ้เปิดประตูเข้ามา พ่อและแม่ของเอ้นั่งอยู่ข้างเตียงโดยมีเอ้ซึ่งมีผ้าคาดศีรษะนอนหมดสติอยู่บนเตียง ก่อนหน้านี้ทั้งพ่อและแม่รวมทั้งโอ้รับทราบจากหมอว่า เอ้ถูกกระทบที่ศีรษะอย่างแรงซึ่งอาจเกิดอันตรายเกี่ยวกับสมองได้ซึ่งต้องรอดูอาการก่อนส่วนบาดแผลอื่นนั้นเล็กน้อยสามารถเยียวยาได้ ทั้งสองเฝ้าดูเอ้นอนอย่างกังวลใจและเมื่อเอ้ตื่นขึ้นสิ่งที่ทั้งสามไม่อยากให้เกิดมันก็เกิดขึ้น เอ้กลายเป็นคนความจำเสื่อม เธอไม่สามารถจำอะไรได้เลย ในห้องพักพิเศษห้องนั้นมีแต่ความเศร้าเข้าปกคลุม ทุก ๆ วันที่ผ่านไปในโรงพยาบาลข้างเตียงของเอ้ก็จะมีพ่อแม่และโอ้คอยเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ของเอ้พร้อมรูปภาพของเธอในทุกวัยหวังจะทำให้ความทรงจำของเธอคืนกลับมาแต่มันก็เหมือนงมเข็มในมหาสมุทร ทางบริษัทของเอ้ก็ได้ส่งเงินมาช่วยเหลือเพื่อน ๆ พนักงานก็พากันมาเยี่ยมแต่เมื่อผ่านไปหลายเดือนเข้าอาการเอ้ไม่ดีขึ้นเลย หมดผลประโยชน์กับบริษัทรางวัลที่เอ้ได้รับก็คือซองขาว โอ้โมโหมากที่เอ้เป็นอย่างนี้ก็เพราะงานที่ได้จากบริษัท เขาตัดสินใจจะไปฟ้องเรียกค่าเสียหายแต่ถูกพ่อและแม่ของเอ้ห้ามไว้โดยให้เหตุผลว่า “เขาเป็นถึงบริษัทขนาดใหญ่เราเป็นแค่ประชาชนธรรมดาไม่มีใครช่วยเราให้ชนะเขาได้หรอกอย่าพยายามเลย” โอ้คิดตามและเชื่อฟังและคิดโทษตัวเองที่ยัดเยียดเส้นทางที่เธอไม่มีความสุขให้ เขาจึงต้องการช่วยเหลือเอ้ให้กลับคืนมาเหมือนเดิมให้ได้ หลังจากเอ้ออกจากโรงพยาบาลทุกวันหลังเลิกงานโอ้จะพาเอ้ไปที่ร้านเดิมของทั้งสองเป็นประจำเขาจะคอยเล่าเรื่องราวของเธอตลอดแต่ดูเหมือนเอ้จะไม่ดีขึ้นเลย ทุก ๆ วันหยุดโอ้จะพาเอ้ไปสถานที่ที่เอ้เคยผ่านหวังฟื้นความทรงจำของเธอแต่มันก็ไม่ดีขึ้นเช่นเดิม แต่โอ้ก็ไม่ย่อท้อเขาพยายามจนถึงที่สุด จนเมื่อถึงวันหยุดอีกครั้งโอ้ได้พาเอ้ไปที่โรงเรียนนาฏศิลป์ที่เธอเคยสอนแต่วันนี้ไม่มีคนเรียน โอ้พาเอ้เข้าไปยังห้องที่เธอเคยสอนและเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ที่เคยเกิดขึ้นในห้องนี้ให้เธอฟังแต่เอ้ก็เฉย ๆ จนโอ้ต้องประหลาดใจเมื่อเอ้คลานเข้าไปไหว้พ่อแก่ที่ตั้งอยู่บนโต๊ะบูชา โอ้ดีใจมากและคิดว่าเอ้คงพอจำอะไรได้บ้างแต่คำตอบของเอ้ที่ได้รับกลับมาทำให้โอ้รู้สึกแปลกใจและครุ่นคิดอยู่นาน เอ้บอกว่า “เธอจำไม่ได้แต่เธอรู้สึกได้ว่าต้องทำเช่นนี้” หลังจากส่งเอ้กลับบ้าน โอ้ตรงไปยังห้องของเขารื้อค้นม้วนวีดีโอที่อยู่ในลังเก่า ๆ เพื่อค้นหาอะไรบางอย่างโอ้ใช้เวลาในการค้นหาอยู่นานมากเพราะในลังมีม้วนวีดีโออยู่มากมายบางม้วนโอ้ก็ยังไม่ได้ติดป้ายชื่อจึงต้องลองมาเปิดกับกล้องวีดีโอ จนได้ม้วนวีดีโอมาวางตรงหน้า 3 ม้วน โอ้จัดการใช้ม้วนวีดีโอทั้งสามส่งข้อมูลลงเครื่องคอมพิวเตอร์และลงมือตัดต่อภาพในเครื่องคอมพิวเตอร์ของเขาโดยหยิบซีดีเพลงไทยเดิมที่ได้จากเอ้มาใช้ในงานนี้ด้วยโอ้ทำงานถึงเช้าจนเสร็จเขาไม่นอนกลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อเตรียมตัวไปบ้านของเอ้ เมื่อถึงบ้านเอ้ครอบครัวของเธอกำลังนั่งกินข้าวต้มอยู่พ่อของเอ้เอ่ยปากชวนโอ้ให้มากินด้วยแต่โอ้ปฏิเสธเขากินอะไรไม่ลงรู้สึกตื่นเต้นกับสิ่งที่จะเกิด โอ้เดินไปจัดแจงจอโทรทัศน์พร้อมเรียกทุกคนให้มาดู เสียงเพลงไทยเดิมบรรเลงขึ้น ในจอสี่เหลี่ยมปรากฏภาพลูกศิษย์ของเธอกำลังร่ายรำฉุยฉายพราหมณ์กันอย่างสวยงามในชุดนาฏศิลป์ โดยสลับกับเอ้ในชุดนาฏศิลป์ซึ่งกำลังร่ายรำในท่ารำเดียวกัน เมื่อเอ้เห็นภาพในจอโทรทัศน์ผนวกกับเสียงดนตรีที่ดังกรอกหู เธอลุกขึ้นพร้อมร่ายรำฉุยฉายพราหมณ์ที่สวยงามตามจังหวะเพลงรอยิ้มเกิดขึ้นกับเธอ และผู้คนรอบข้างเธอ ความสุขเกิดขึ้นกับเธอ และผู้คนรอบข้างเธอ น้ำตาแห่งความปิติเกิดขึ้นกับเธอ และคนรอบข้างเธอ ถึงเธอจะจำใครไม่ได้แต่เธอก็ยังรู้สึกโหยหาถึงกลิ่นไอแห่งความสุขของเธอได้ เสียงดนตรีไทยดังขึ้นที่ห้องไม้แห่งหนึ่งกลุ่มสาวน้อยในชุดนาฏศิลป์ที่สวยงามกำลังร่ายรำฉุยฉายพราหมณ์ โดยมีครูสาวขาวสวยคอยดูและให้กำลังใจอยู่ห่าง ๆ ในขณะที่ชายหนุ่มกำลังเคลื่อนกล้องถ่ายวีดีโอเพื่อรวบรวมภาพของกลุ่มสาวน้อยในชุดรำนาฏศิลป์ สิ้นสุดเสียงเพลงเสียงตบมือดังแทนที่พร้อมกับคำชมจากคุณครู เอ้กำลังเดินทางพร้อมกับความทรงจำใหม่ ๆ แต่เธอก็ยังโชคดีที่ได้ทำความรู้จักกับความสุขของเธอ วัฒนธรรมที่ดีไม่ได้ถูกจัดเก็บไว้ที่สมองแต่กลับอยู่ภายในจิตใต้สำนึกแม้หากขาดสมองคุณก็สามารถมีวัฒนธรรมที่ดีได้

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×