หน้าต่างบานนั้น - หน้าต่างบานนั้น นิยาย หน้าต่างบานนั้น : Dek-D.com - Writer

    หน้าต่างบานนั้น

    โดย aitakute

    แอบรักเค้าจนมองข้ามคนที่รักเราเป็นยังไง ลองอ่านดูนะคะ

    ผู้เข้าชมรวม

    387

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    6

    ผู้เข้าชมรวม


    387

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  รักดราม่า
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  1 ส.ค. 46 / 16:41 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      แสงแดดยามเช้าสาดส่องเข้ามายังห้องหนึ่งผ่านหน้าต่างบานที่สองซึ่งเปิดต้อนรับแสงตะวันอยู่เพียงบานเดียว ตอนนี้ยังไม่ 7 โมงเช้า แต่กลับมีสาวน้อยนางหนึ่งมาโรงเรียนแล้ว เธออยู่ที่ห้องเรียนห้องนั้นจ้องมองออกไปยังนอกหน้าต่างบานที่สอง รอคอยว่าเมื่อไรเขาคนนั้นจะมาที่นั่นซะที
      7 โมง 15 นาทีเป็นเวลาที่นักเรียนเริ่มทยอยมาโรงเรียนกันแล้ว สาวน้อยริมหน้าต่างนั่งคอยเขาคนนั้นอย่างใจจดใจจ่อ ในที่สุดเขาก็มา เขามาพร้อมกับเพื่อนๆของเขาเช่นเคย พวกเขานั่งตรงโต๊ะม้าหินอ่อน หญิงสาวจ้องมองเขาจากริมหน้าต่างทุกๆวัน เธอประทับใจในรอยยิ้มอันสดใสที่ทำให้เธอเองก็พลอยยิ้มไปด้วย
      “แน่ะ ! ยัยมน ยิ้มหวานอะไรยะ” ชลธิภาถามเพื่อนสาวพร้อมตบไหล่เบาๆ
      “ฮิๆ… ก็เค้าไง” พัชมนตอบเพื่อน ปากยังยิ้มไม่หุบ ตายังคงจับจ้องอยู่ที่เขาคนนั้น
      “ต๊าย ! นี่เธอยังไม่เลิกมองเค้าอีกรึไง ไม่เห็นจะน่าสนใจเลย” พัชมนได้ยินเพื่อนสาวพูดว่าชายหนุ่มที่เธอหลงใหลก็ทำหน้ายักษ์พร้อมทั้งโวยวายใส่เพื่อนสาว
      “บ้า ! ยัยภา เธอนี่ตาไม่ถึงเอาซะเลย พูดออกมาได้ยังไงว่าเขาไม่น่าสนใจ เค้าออกจะ…ฮิฮิ…น่ารักขนาดนั้น” พูดจบพัชมนก็หันกลับไปจ้องมองพ่อหนุ่มสุดน่ารักของเธออีกครั้ง ชลธิภามองเพื่อนสาวด้วยความเอือมระอาระคนเห็นใจ เธอเห็นพัชมนได้แต่แอบมองทวีศักดิ์พ่อหนุ่มสุดน่ารักของเธออย่างนี้มาหลายเดือนแล้ว ไม่เคยเห็นได้คุยกันซักครั้ง ทันใดนั้นชลธิภาก็คิดอะไรได้บางอย่าง
      “มนจ๊ะ…มนจ๋า” ชลธิภาเรียกเพื่อนสาวด้วยน้ำเสียงสุดแสนหวานแต่ฟังดูแฝงไว้ด้วยเลศนัย
      “อะไรของเธอ ยัยภา อยู่ๆก็มาทำหวานใส่ แหวะ! เลี่ยน หยึย” พัชมนพูดว่าพลางเบะปากใส่เพื่อนสาว
      “ก็วันพฤหัสหน้าไง วันวาเลนไทน์ไม่ใช่รึไง”
      “แล้วทำไม” พัชมนยักคิ้ว ไม่เข้าใจจุดประสงค์ของเพื่อนสาว ทำเอาชลธิภาต้องขมวดคิ้วในความไร้เดียงสาของเพื่อน
      “แหม…ก็เค้าคนนั้น พ่อทวีศักดิ์สุดแสนจะน่ารักของเธอน่ะ เธอก็บอกรักเค้าไปเลยสิในวันวาเลนไทน์นี่แหละ” พัชมนได้ยินเช่นนั้นก็หน้าแดงพูดอะไรไม่ออก หยิกเพื่อนสาวเป็นการใหญ่ เธอเหลือบมองออกไปนอกหน้าต่างอีกครั้ง แต่เขาไม่อยู่ซะแล้ว ใบหน้าแดงๆของพัชมนเปลี่ยนเป็นใบหน้าเซ็งๆทันที ชลธิภาได้แต่ขำในท่าที่ของเพื่อนสาวพลางนึกในใจ จะไปรอดมั้ยเนี่ยยัยมนเอ๊ย
      ตามปกติแล้วเมื่อเลิกเรียนพัชมนมักไปเดินเตร็ดเตร่ตามร้านขายขนมเพื่อหาของว่างไว้กินยามดูโทรทัศน์ แต่วันนี้พัชมนกลับตรงเข้าไปที่ร้านขายของเบ็ดเตล็ด เธอเดินเข้าไปในร้านเพื่อหาอะไรบางอย่าง
      “หาอะไรอยู่คะน้อง” หญิงเจ้าของร้านเดินเข้ามาถามพัชมน หลังจากที่เห็นลูกค้าเลือกของอยู่นาน
      “เอ่อ…หนูจะหาของให้…ให้เพื่อนวันวาเลนไทน์ค่ะ” พัชมนพูดติดขัด ไม่รู้ว่าจะใช้คำเรียกเขาคนนั้นอย่างไรดี
      “เพื่อนชายหรือคะ หรือว่าแฟน” คำถามของเจ้าของร้านทำเอาเด็กสาวไร้เดียงสาอย่างพัชมนหน้าแดงจนเขียวจนม่วงจนดำจนเปลี่ยนมาแดงอีกครั้ง พร้อมบิดตัวแก้เขินอีก 3 รอบและตอบไปว่า
      “ก็แค่เพื่อนชายน่ะค่ะ ไม่ถึงกับเป็นแฟน” หญิงเจ้าของร้านอมยิ้มกับคำตอบของเด็กสาว เธอแนะนำให้ลองพับหัวใจใส่ขวดโหลดู แล้วชี้ไปที่ขวดโหลขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 6 นิ้ว สูง 10 ฟุตครึ่ง ทำเอาพัชมนตกตะลึงใน เธอไม่เคยเห็นขวดโหลใหญ่ขนาดนี้มาก่อน เจ้าของร้านคงสังเกตเห็นในท่าที่ของเด็กสาวจึงกระซิบข้างหูเด็กสาวว่า
      “พับเยอะหน่อย ความสัมพันธ์จะได้เลื่อนขั้นไงล่ะจ๊ะ” คำพูดของเจ้าของร้านทำเอาพัชมนขวยเขินอีกครั้ง
      พัชมนกลับถึงบ้านพร้อมกับถุงใบใหญ่ ในนั้นมีกระดาษสีชมพูแวววาวหวานแหววสดใสอยู่หลายม้วนพร้อมขวดโหลใบใหญ่ พัชรีน้องสาวน่ารักวัย 5 ขวบครึ่งเดินเข้ามาหาพี่สาวด้วยความอยากรู้อยากเห็น
      “พี่มน ซื้ออะไยมาเหยอ”
      “ของน่ะ จะทำให้เพื่อน” พัชมนตอบน้องสาวด้วยความไม่เต็มใจนัก ตอนนี้เธออยากขึ้นไปบนห้องเพี่อเริ่มพับหัวใจให้เค้าคนนั้นเต็มแก่แล้ว
      “พี่มนจะทำอะไยให้เพื่อนเหยอ” พัชรีเซ้าซี้พี่สาว
      “เอ๊ะ! เด็กคนนี้ พี่จะทำอะไรก็เรื่องของพี่น่ะ อย่าอยากรู้นักเลย” พัชรีได้ยินพี่สาวดุก็หน้างอ นี่นับเป็นครั้งแรกที่พัชมนทำเสียงดังใส่น้องสาว
      “พี่มน พี่มนดุหนู หนูจะฟ้องแม่” พูดจบเด็กน้อยก็วิ่งหน้าบึ้งเข้าไปในห้องนั่งเล่น พัชมนเห็นน้องสาวไปแล้วก็วิ่งรี่เข้าไปในห้อง หยิบอุปกรณ์ที่ซื้อออกมาจากถุง ในที่สุดเธอก็จะได้ทำหัวใจให้พ่อทวีศักดิ์หนุ่มสุดแสนจะน่ารักของเธอเสียที
      48…49…50 พัชมนบรรจงเทหัวใจ 50 ดวงที่เธอพับเสร็จลงในขวดโหล เธอตั้งปณิธานไว้ว่าเธอจะต้องพับหัวใจให้เต็มขวดโหลนี้ก่อนวันวาเลนไทน์ เมื่อถึงวันนั้น วันแห่งความรัก เราจะมอบสิ่งนี้ให้เขาพร้อมทั้งบอกเขาว่าเราชะ…ชอบ…ว้าย! ไม่อยากคิด พัชมนฟุ้งซ่านแล้วดิ้นไปดิ้นมาอยู่บนเตียง บ้าจริงเลยเราคิดอะไรอยู่นะ
      “ก๊อก…ก๊อก” เสียงเคาะประตูทำให้พัชมนหลุดจากความฝัน เธอลุกออกจากเตียงเดินไปเปิดประตู ใครนะ แม่รึไง พัชมนคิดในใจ พอเปิดประตูทุกสิ่งก็กระจ่าง เด็กน้อยจอมจุ้นจ้านยืนอยู่หน้าประตูมองตาพี่สาวปริบๆ
      “พี่มน ทำอะไรอยู่ หนูเข้าไปได้ไหม?” พัชมนเปิดประตูให้น้องสาวเข้ามาด้วยเกรงว่าหากไม่ให้เข้าเจ้าน้องสาวจอมจุ้นจะโวยวายอีก
      พัชรีเดินเข้าไปในห้องพี่สาวกวาดสายตาไปทั่วห้อง และแล้วตาของเด็กน้อยก็จับจ้องอยู่ที่เจ้าขวดโหลใบใหญ่มีหัวใจสีชมพูอยู่ข้างใน เด็กน้อยเดินเข้าไปจะสัมผัสเจ้าขวดโหลใบนั้น
      “อย่านะ รี เดี๋ยวแตกหมด” พัชมนรีบคว้าเจ้าขวดใบนั้นมาแนบกายอย่างทะนุถนอม มิให้น้องสาวได้สัมผัส
      “มีหัวใจอยู่ในขวด หนูอยากได้หัวใจสีชมพูในนั้น ขอหนูอันนึงสิพี่มน” เด็กน้อยอ้อนพี่สาวเพราะเกิดติดใจหัวใจสีชมพูในขวดนั้น พัชมนจึงวางขวดสุดรักในอ้อมแขนลงบนโต๊ะหนังสือ แล้วพับหัวใจดวงใหม่ให้น้องสาว แต่เด็กน้อยกลับรับหัวใจดวงนั้นด้วยใบหน้าบูดบึ้ง
      “ง่า…หนูจะเอาอันที่อยู่ในขวด เอาอันในขวด”
      “เอ๊ะ! เด็กคนนี้พี่ให้อันนี้ จะเอาไม่เอา ไม่เอาก็เอาคืนมา”
      เด็กน้อยกำหัวใจสีชมพูในมือไว้แน่น เดินกระทืบเท้าออกจากห้องของพี่สาวด้วยใบหน้าเบี้ยวบูดบึ้งไม่พอใจ พัชมนได้แต่ถอนหายใจในความวุ่นวายของน้องสาวตัวเอง
      “ไง ใกล้จะเต็มขวดรึยังละจ๊ะ” เสียงเจื้อยแจ้วของชลธิภาถามเพื่อนสาวที่กำลังพับหัวใจสีชมพูอย่างขะมักเขม้น
      “ก็ใกล้แล้วล่ะยังไงก็ต้องเสร็จพรุ่งนี้แล้วนี่นะ” พัชมนพูดตอบโดยไม่มองหน้าเพื่อนสาวตายังคงจับจ้องอยู่ที่หัวใจที่กำลังพับ ชลธิภาเห็นเพื่อนกำลังยุ่งก็ไม่อยากกวนเดินเลี่ยงออกมาพลางคิดในใจถึงเรื่องเมื่อหลายวันก่อนที่ไปยุให้เพื่อนสาวบอกรักอีตาทวีศักดิ์ เธอไม่คิดว่าเพื่อนจะเอาจริง
      “ก็ดีเหมือนกัน ดีกว่านั่งมองเขาจากหน้าต่างละน่า” ชลธิภาบ่นพึมพำคนเดียว
      เย็นแล้วแต่พัชมนยังไม่กลับบ้าน เธอยังคงนั่งพับหัวใจอยู่ที่โรงเรียน หญิงสาวนึกถึงวันพรุ่งนี้ก็อดยิ้มไม่ได้ เขาคนนั้นจะว่ายังไงบ้างนะ ถ้าหากเขายอมคบกับเธอล่ะ…ฮิฮิ ว้าย!
      “เฮ้ย! ศักดิ์ แกว่าพรุ่งนี้แม่สาวคนนั้นจะมาบอกรักแกรึปล่าววะ” เสียงหยอกล้อคุยกันอันดังของกลุ่มนักเรียนชายทำให้พัชมนหลุดจากความฟุ้งซ่าน เหลียวซ้ายแลขวาหันหน้าหันหลังหาต้นเสียง แต่แล้วเธอก็พบกับสิ่งไม่คาดฝัน ทวีศักดิ์นั่นเอง เขาอยู่ในกลุ่มนักเรียนชายกลุ่มนั้น
      “สาวคนไหนวะ” ทวีศักดิ์ถามเพื่อนกลับ
      “ก็คนที่แอบมองแกจากหน้าต่างชั้น 3 ตอนเช้าๆ ทุกวันไงละวะ” พัชมนได้ยินเช่นนั้นก็มือสั่น ใจเต้นตึกตักไม่เป็นจังหวะ ลุ้นกับคำตอบของทวีศักดิ์ เขาจะตอบอย่างไรนะ
      “อ๋อ…ยัยคนนั้นนะเหรอ คิดแล้วหยองว่ะ แกรู้มั๊ยตูต้องภาวนาทุกเช้าอย่าให้ยัยนั่นมาแอบมองตูเลย ไม่รู้จะมองทำไมทุกวี่ทุกวัน ถ้าหน้าตาสวยก็ว่าไปอย่าง เห็นทีวันนี้ตูต้องกลับบ้านไปจุดธูปขอพรพระไม่ให้ยัยนั่นมา บอกรักตูพรุ่งนี้ซะแล้ว หยึย ขนลุก” พูดจบทวีศักดิ์และเพื่อนก็พากันเดินหัวเราะกันไปอย่างสนุกสนาน โดยไม่รู้ตัวเลยว่าผู้หญิงที่พวกเขาหัวเราะเยาะนั้นนั่งอยู่ตรงนี้เอง ได้ยินในสิ่งที่พวกเขาพูดทุกคำทุกพยางค์ หญิงสาวได้แต่นั่งอึ้งในคำตอบของทวีศักดิ์ ผู้ชายที่เธอบอกว่าน่ารักนักหนา ในที่สุดเธอก็ประจักษ์แล้วว่าเขาไม่ใช่เลย มันเป็นสิ่งที่เธอคิดเอาเองข้างเดียว นี่ถ้าหากเธอไม่ได้ยินคำพูดของเขาในวันนี้ พรุ่งนี้เธอก็คงเป็นยัยโง่ เป็นตัวตลกให้พวกเขาได้หัวเราะกันอย่างสนุกสนาน
      พัชมนยกมือขึ้นปาดน้ำตาที่ไหลเปรอะเต็มใบหน้า เธอลุกขึ้นจากม้าหินอ่อน หยิบถุงที่ใส่หัวใจที่เธอพับมาทั้งวันโยนลงถังขยะอย่างไม่แยแส เมื่อนาทีที่แล้วเธอยังทะนุถนอมมันราวกับสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต แต่ตอนนี้มันกลับกลายเป็นสิ่งที่เธอไม่ต้องการอีกต่อไปแล้ว พัชมนสะบัดศีรษะให้สมองปลอดโปร่ง แล้วพูดคนเดียวว่า
      “จบสิ้นกันที่ เรามันบ้าไปเอง” พูดจบหญิงสาวก็หยิบเป้ขึ้นสะพายหลังเตรียมตัวกลับบ้าน
      ถึงจะตัดใจแล้วแต่การที่จะทำใจนั้นมันไม่ใช่เรื่องง่าย พัชมนเดินใบหน้าเศร้าสร้อยเข้าไปในบ้าน พัชรีน้องสาวตัวน้อยเห็นใบหน้าพี่สาวเศร้าซึมก็เข้าไปถาม
      “พี่มน เป็นอะไยเหยอ” เด็กน้อยเอ่ยถามพี่สาวด้วยความเป็นห่วง
      “แม่ละ รี”
      “แม่ไปซื้อของ เดี๋ยวก็กลับ พี่มนเป็นไย” พัชรียังคงถามต่อ
      “เปล่าหรอก พี่ไม่…” พัชมนพูดไม่ออก น้ำตาไหลอาบแก้ม
      “พี่มนเป็นไย ใครแกล้งพี่มน บอกหนู เดี๋ยวหนูจะไปจัดการ” เด็กน้อยทำเสียงขึงขัง พัชมนได้ยินน้องสาวพูดเช่นนั้นก็ก้มลงกอดน้องตัวน้อยด้วยความรัก ตอบน้องสาวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
      “ไม่มีใครแกล้งพี่หรอก พี่ทำตัวพี่เอง” เด็กน้อยไม่เข้าใจในคำตอบของพี่สาว มือขวาล้วงกระเป๋ากระโปรงบานๆ เอาอะไรบางอย่างออกมาอวดพี่สาว
      “พีมน ดูฉิ นี่หัวใจของหนูเอง หนูให้พี่มน พี่มนอย่าร้องไห้นะ” พัชมนรับหัวใจเบี้ยวของน้องสาวมาไว้ในมือ นึกถึงตอนที่น้องตัวเองขอหัวใจสีชมพูในขวด แต่ตนกลับพับอันใหม่ให้ด้วยความหวง มันช่างน่าอายยิ่งนัก เราช่างเป็นพี่ที่แย่จริงๆ
      “ตามพี่มา พี่มีอะไรจะให้” พัชมนลุกขึ้นจูงมือน้องสาวเข้าไปในห้องตัวเอง เดินตรงเข้าไปหยิบขวดโหลใบใหญ่ที่มีหัวใจสีชมพูใส่อยู่ค่อนขวด พัชรีตาลุกวาวคิดว่าพี่สาวจะให้ขวดใบนั้นแก่ตน แต่แล้วพัชมนกลับเปิดฝาเทหัวใจข้างในนั้นลงถังขยะจนหมด ทำเอาน้องสาวร้องเสียงหลง
      “อ๊า พี่มนทิ้งทำไม ทิ้งหัวใจทำไม ” พัชมนหันมายิ้มให้น้องสาว
      “อันนี้มันไม่สวย เดี๋ยวพี่พับให้ใหม่เอาให้เต็มขวดเลย เอามั๊ย”
      “เอาๆ หนูอยากได้” เด็กน้อยรีบตอบทันควัน หน้าบานขนาดจานดาวเทียมยังต้องโค้งคำนับ
      พัชมนเดินเข้ามาสวมกอดน้องสาวอีกครั้งด้วยความรัก ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าคนที่เธอควรจะมอบหัวใจสีชมพูให้มากที่สุดคือใคร
      เช้าวันนี้ช่างอบอวลไปด้วยกลิ่นอายแห่งความรัก พัชมนเดินไปโรงเรียนด้วยความสบายอารมณ์ ชลธิภาเห็นเพื่อนค่อยๆเดินมาที่ห้องเรียนอย่างช้าๆ ก็โวยวายใส่
      “ยัยมน ทำไมมาช้านักล่ะยะ อีตาคนนั้นเขามาตั้งนานแล้วนะ อ้าว! แล้วไหนขวดโหลใส่หัวใจสีชมพูของเธอละอยู่ไหน” พัชมนไม่ตอบเดินตรงไปที่หน้าต่างบานนั้น เขาคนนั้นยังคงนั่งอยู่ที่เดิมกับเพื่อนๆของเขา หัวเราะกันอย่างสนุกสนาน แต่วันนี้พัชมนกลับรู้สึกว่ารอยยิ้มของเขาดูไม่มีเสน่ห์เอาเสียเลย
      “ว่าไงล่ะยะ ยัยมน ไหนล่ะหัวใจของเธอ จะให้เขาไม่ใช่รึไง” ชลธิภายังโวยวายไม่เลิก พัชมนจึงหันมาตอบเพื่อนสาวว่า
      “ให้ทำไมอีตาคนนี้ ไม่เห็นมีอะไรดี” พูดจบพัชมนก็เดินฮัมเพลงไปอย่างอารมณ์ดี ทิ้งให้เพื่อนสาวยืนหน้าเหวออยู่คนเดียว

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×