เพียงใจมีรัก - เพียงใจมีรัก นิยาย เพียงใจมีรัก : Dek-D.com - Writer

    เพียงใจมีรัก

    เรื่องราวความรักของผู้จัดการชมรมสาวกับประธานชมรมหนุ่ม

    ผู้เข้าชมรวม

    1,057

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    5

    ผู้เข้าชมรวม


    1.05K

    ความคิดเห็น


    4

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  8 ก.ย. 46 / 17:27 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      เช้าวันหนึ่งของฤดูใบไม้ผลิที่สดใส ภายในโรงเรียนมัธยมปลายแห่งหนึ่งที่มีชื่อเสียงของประเทศ  อิโอริ มิจิรุ  ผู้จัดการของชมรมดนตรี  ต้องรีบเดินทางมาตรวจเช็คอุปกรณ์ต่างๆ และจัดเตรียมโน้ตเพลงสำหรับสมาชิกของชมรมทั้ง5คน ซึ่งเป็นนักเรียนชั้นปี2  ได้แก่  ซานาดะ ไค มือกลอง  โยชิคาวะ เทรุ มือคีย์บอร์ด  คิสึคาว่า ชิเงรุ มือเบส  ยามาโนะ จุนโซ มือกีต้าร์  และ อาราอิเดะ เซย์ยะ มือกีต้าร์ซึ่งเป็นนักร้องนำด้วย  อีกทั้งยังเป็นประธานชมรมที่มีชื่อเสียงโด่งดัง เพราะเป็นผู้ที่ทำให้วงดนตรีนี้ ชนะเลิศการประกวดระดับประเทศในปีที่ผ่านมา ซึ่งนักดนตรีรุ่นก่อนๆ เคยได้รับรางวัลแค่ในระดับภาค  ด้วยใบหน้าที่เปี่ยมเสน่ห์ มีอัธยาศัยดี  จึงไม่เป็นที่น่าแปลกใจเลยที่เซย์ยะจะเป็นที่หมายปองของหญิงสาวหลายๆคน  และมีผลให้มิจิรุถูกจับตามองจากบุคคลต่างๆภายในโรงเรียนด้วยความอิจฉา  เพราะเป็นนักเรียนชั้นปี1 เพียงคนเดียวภายในชมรม และเป็นคนเดียวที่สมาชิกทุกคนยอมรับให้เป็นผู้จัดการชมรม ซึ่งก็ไม่เคยมีนักเรียนคนใดได้รับการยอมรับจากสมาชิกชมรมทั้ง 5 มาก่อน  อีกทั้งยังเป็นนักเรียนหญิง แม้จะไม่สวยสะดุดตา แต่ด้วยผิวขาวอมชมพู ใบหน้าหมดจดน่ารัก ทำให้เธอเป็นจุดสนใจของนักเรียนชายภายในโรงเรียนเช่นกัน  
           เมื่อเธอมาถึงห้องชมรมตามเวลาปกติทุกวัน สิ่งที่เธอได้พบเป็นประจำทุกวันเช่นกันคือใบหน้าของชายคนหนึ่ง ซึ่งมีรอยยิ้มอบอุ่นให้เธอเสมอ “อรุณสวัสดิ์ค่ะ พี่เซย์ยะ มาก่อนฉันอีกแล้ว” มิจิรุกล่าวทักทายเซย์ยะเหมือนเช่นเคย
           “เช่นกันนะ มิจิรุ เธอเองก็มาเช้าเหมือนกันนะ ดูสิ คนอื่นยังไม่มากันเลย”
           “ก็เป็นผู้จัดการชมรมนี่ค่ะ จะมาสายได้ยังไง” เธอต่อล้อต่อเถียงอย่างไม่ลดละ จนเขาต้องส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ “ถ้างันก็ดีแล้ว จริงสิ พี่อยากจะคุยกับเธออยู่พอดี คือว่า ทุกๆคนรวมทั้งพี่มีความคิดเห็นตรงกันว่า อยากจะให้เธอเป็นนักร้องนำ เพื่อชัยชนะในการประกวดปีนี้ เธอน่ะมีความสามารถรับรองว่ารางวัลที่1ไม่ไกลเกินเอื้อมแน่ๆ แล้วเธอจะว่ายังไง”  
            มิจิรุมีสีหน้าครุ่นคิดขึ้นมาชั่วอึดใจ แล้วจึงตอบขึ้นว่า “ถ้าพวกพี่มั่นใจ ฉันก็จะทำค่ะ”
           “ดีแล้ว ถ้างั้นพี่จะสอนวิธีการร้องให้” แล้วเซย์ยะก็สอนการร้องเพลงให้กับมิจิรุทุกอย่างเท่าที่ตนเองรู้มา โดยที่เขาไม่เคยรู้เลยว่า การเป็นนักร้องนั้น เป็นความฝันของเธอมาตั้งแต่ในสมัยเด็ก เธอจึงไม่ยอมสูญเสียโอกาสนี้ไปแน่นอน อีกทั้งมีบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในหัวใจ ยิ่งกว่าความฝัน ก็คือความรู้สึกดีๆที่เธอมีต่อเขา ซึ่งเธอไม่รู้เลยว่ามันคืออะไร รู้แค่เพียงว่าเธอคิดถึงเขาตลอดเวลา อยากอยู่ใกล้ๆคอยเฝ้ามองเขาทุกวัน ความรู้สึกต่างๆที่เธอมีจึงคอยบังคับให้เธอตอบรับคำพูดของเขาโดยที่ไม่อาจปฏิเสธและไม่อาจทำให้เขาผิดหวังได้

                                %%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%
           เมื่อสองเดือนก่อนตอนที่เธอก้าวเข้ามาสู่ความเป็นนักเรียนของโรงเรียนนี้ เรื่องราวที่เกิดขึ้นวันนั้น เธอจำได้อย่างไม่มีวันลืมเลือน เพราะเป็นวันแรกที่เธอได้พบกับ  เซย์ยะ  
          วันนั้น  ทางโรงเรียนจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อให้นักเรียนได้มีโอกาสทำความรู้จักกันมากขึ้น  ในมุมหนึ่งของงานซึ่งอยู่ใกล้ประชาสัมพันธ์เป็นซุ้มของทางชมรมดนตรีที่ติดตั้งเครื่องคาราโอเกะไว้ และจะจับฉลากรายชื่อนักเรียนจากทั้งโรงเรียนขึ้นมา โดยนักเรียนที่ถูกจับชื่อได้ จะต้องมาร้องเพลงที่ซุ้มนี้ไม่ว่าใครก็ตาม ซุ้มนี้จึงได้รับความสนใจจากนักเรียนเป็นพิเศษ และเป็นเรื่องบังเอิญที่มิจิรุถูกจับชื่อได้ เสียงร้องของเธอนั้นทำให้ทุกคนที่ได้ฟังต้องคล้อยตามด้วยความประทับใจ สมาาชิกของชมรมทุกคนจึงมีมติให้เซย์ยะไปทาบทามเธอมาเป็นผู้จัดการชมรม
           “เธอชื่อมิจิรุใช่มั้ย พี่ชื่อเซย์ยะนะ อยู่ปี2นะ สนใจจะมาเป็นผู้จัดการชมรมมั้ย” ด้วยใบหน้าหล่อเหลาแฝงไปด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน บวกกับน้ำเสียงและท่าทางที่เป็นมิตร ทำให้มิจิรุตกลงสู่ภวังค์ไปชั่วขณะ  และโดยที่ไม่รู้ตัว  เธอได้ตอบตกลงกับเขา ทั้งๆที่ยังไม่แน่ใจในการตัดสินใจของตนเอง  แต่นั่นก็ทำให้ทุกคนหันมองเธอเป็นจุดเดียวด้วยความสงสัยอย่างมาก
           หลังกิจกรรม  เมื่อมิจิรุเปิดประตูก้าวเข้าไปในชมรม  บรรยากาศในขณะนั้นทำให้เธอไม่มั่นใจว่าเดินมาถูกห้องหรือไม่
           “สวัสดี มิจิรุจังใช่มั้ย พี่ขอเรียกว่ามิตจังนะ” นั่นเป็นประโยคแรกที่เธอได้ยิน และตามด้วยคำพูดต่างๆของสมาชิกชมรมที่รุมซักถามจนเธอฟังไม่ทัน “เอ้าพอ! หยุดได้แล้ว พวกนายนี่เห็นผู้หญิงน่ารักๆไม่ได้เชียวนะ”
           เซย์ยะเข้ามาห้ามเพื่อนๆของตน เพราะคิดว่าถ้าหากปล่อยเอาไว้ มิจิรุต้องถอนตัวแน่   ทว่า เขาคิดผิด  เพราะเธอตัดสินใจที่จะรับหน้าที่นี้แล้ว  โดยมีสาเหตุมาจากเสียงในหัวใจที่เรียกร้องอยากอยู่ใกล้เขา ถึงแม้จะรู้ว่า ผู้จัดการชมรมคงไม่ใช่งานง่ายๆอย่างที่เคยเข้าใจเสียแล้ว

                               %%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%

           ริมน้ำตกเล็กๆภายในโรงเรียน  มิจิรุนั่งเหม่อลอย ปล่อยความคิดให้ล่องลอยไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมาย  จนรู้สึกว่ามีใครบางคนมานั่งอยู่ข้างๆ  ความคิดของเธอจึงกลับมาที่เดิม
           “มานั่งทำอะไรอยู่ตรงนี้” น้ำเสียงนุ่มนวลที่คุ้นเคยเป็นกันเอง ทำให้เธอไม่ต้องหันไปดูก็รู้ว่าเป็นเสียงของใคร
           “ก็…คิดว่าถ้าได้แต่งเพลงทีจะร้องเองก็คงจะดีค่ะ พี่เทรุ”
          “ให้พี่ช่วยเอามั้ย” เทรุ มือคีย์บอร์ดของวงพูดขึ้นอย่างทีเล่นทีจริง
          “อย่าดีกว่าค่ะ เดี๋ยวจะฟังไม่ได้” ทั้งสองหัวเราะขึ้นพร้อมกัน และนั่งคุยกันอยู่ตรงนั้นเป็นเวลานาน   เทรุเป็นคนหนึ่งที่เธอสนิทสนมมาก  เพราะเธอคิดกับเขาแค่เพียงพี่ชาย จึงไม่ต้องปกปิดความรู้สึกลึกๆในใจเอาไว้เหมือนที่ปกปิดกับเซย์ยะ  โดยที่เธอไม่เคยรู้เลยว่าเทรุไม่คิดกับเธอแค่เพียงน้องสาว แต่กลับเป็นอะไรที่มากกว่านั้น และเธอก็ไม่รู้ว่า เซย์ยะมองเห็นความสนิทสนมของเธอกับเทรุในวันนี้แล้วเกิดความรู้สึกบางอย่างในใจเช่นกัน ทั้งสับสน เศร้าใจ ไม่พอใจและเจ็บปวด ซึ่งเขาเคยมีความรู้สึกเช่นนี้เมื่อนานมาแล้วในวันที่เขาได้เห็นหญิงคนรักเดินเคียงข้างกับชายคนอื่น แต่ในเวลานี้เขากลับเกิดความรู้สึกนี้ขึ้นกับมิจิรุ ผู้หญิงที่เขาพร่ำบอกตนเองมาตลอดว่าเป็นแค่น้องสาวเท่านั้น และเขาคิดจะเตือนตนเองเช่นนี้ต่อไป เพราะมองเห็นแววตาของเทรุเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่เด็ก จึงไม่เคยมีความลับต่อกันและรู้ใจกันดีที่สุด  ชั่ววินาทีนั้นเอง  เซย์ยะตัดสินใจทันทีว่าเขาจะหลีกทางให้แก่คำว่า “เพื่อน”
          หลังจากวันนั้น  เซย์ยะทำตัวเหินห่างกับมิจิรุออกไป  ไม่พูดคุยกันอย่างสนิทสนมเหมือนแต่ก่อนและไม่เคยอยู่ด้วยกันสองต่อสองอีกเลย ทำให้มิจิรุเกิดความไม่เข้าใจและสับสนขึ้น  โชคดีที่อย่างน้อยเธอก็มีเทรุที่คอยพูดคุยและช่วยทำให้เสียงหัวเราะเกิดขึ้นได้  แต่ในเวลาที่อยู่คนเดียว เธอก็เกิดความรู้สึกเหงา อ้างว้างขึ้น  ชื่อของเซย์ยะผุดขึ้นในใจซ้ำแล้วซ้ำอีก แล้วน้ำใสๆจากดวงตากลมโตก็เอ่อล้นขึ้นมาโดยที่เธอไม่สมารถห้ามเอาไว้ได้ เพราะไม่เข้าใจในความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเซย์ยะ  ถึงแม้จะเคยเตือนตนเองมาตลอดเวลาให้คิดกับเขาแค่พี่ชาย  แต่สุดท้ายเธอก็ไม่อาจปฏิเสธเสียงที่ดังออกมาจากหัวใจของตนเองได้   ขณะนี้ มิจิรุแน่ใจในตนเองแล้วว่าเธอรักเซย์ยะ  และคงจะทนปล่อยให้เรื่องราวจบลงแบบนี้ไม่ได้
           “พรุ่งนี้ล่ะ  เราจะต้องบอกว่าเรารักเขามากแค่ไหน ถึงจะต้องผิดหวังเราก็ไม่กลัว” มิจิรุกล่าวกับตนเองอย่างเชื่อมั่น และจะไม่เสียใจกับการกระทำของตนเองอย่างเด็ดขาดถึงแม้ว่าความเป็นจริง อาจทำให้เธอต้องเจ็บปวดก็ตาม
                                
                                        %%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%

           เช้าวันรุ่งขึ้น มิจิรุเดินทางมาที่ชมรม  แต่ก่อนที่เธอจะเปิดประตูเข้าไปก็ได้ยินเสียงคนคุยกัน
          “นายทำแบบนี้ได้ยังไง รู้บ้างมั้ยว่ามิตจังเขาแคร์นายแค่ไหน ทำไมต้องหลบหน้าเขา”
          “นั่นเสียงพี่เทรุนี่นา” มิจิรุคิดในใจแต่ไม่มีเสียงใครตอบกลับคำพูดของเทรุเลย
           “นายคิดยังไงกับมิจิรุ”หัวใจของผู้ถูกกล่าวถึงเริ่มเต้นระรัวรอฟังคำตอบของใครบางคนที่อยู่กับเทรุ  ทว่าทั้งห้องก็ยังถูกปกคลุมด้วยความเงียบ  “นายจะไม่พูดอะไรบ้างเลยรึไง”
           “แล้วนายอยากให้เราพูดอะไรล่ะ พูดเรื่องเรื่องความรู้สึกของนายรึไง” หัวใจที่ระรัวเมื่อสักครู่แทบจะหยุดเต้น เมื่อรูว่าเทรุคุยออยู่กับเซย์ยะ  คุยเรื่องของเธอ  มิจิรุเงี่ยหูฟังอย่างใจจดใจจ่อ  ถึงแม้จะเป็นการเสียมารยาท แต่ด้วยความต้องการอยากรู้คำตอบในใจของเซย์ยะก็สำคัญยิ่งกว่าสิ่งใดทั้งสิ้น   ภายในห้องเงียบไปชั่วอึดใจ   เซย์ยะจึงกล่าวขึ้น “นายคิดว่าเราไม่รู้รึไง ว่านายคิดยังไงกับมิจิรุ แล้วเราจะแย่งคนรักของนายได้ยังไง”
           “เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกับความรู้สึกของเรา มันขึ้นอยู่กับพวกนายสองคนเท่านั้น” เทรุโต้ตอบขึ้นอย่างไม่ลดละ  เซย์ยะจึงกล่าวขึ้นพร้อมดวงตาและน้ำเสียงที่เศร้าลง
          “ไม่เกี่ยวได้ยังไง นายเป็นเพื่อนรักของเรา เราจะปล่อยให้นายเสียใจได้ยังไง”
          “พวกพี่เห็นฉันเป็นตัวอะไร เป็นตุ๊กตาที่จะโยนให้ใครก็ได้หรือคะ” มิจิรุเปิดประตูเข้ามาอย่างแรง ถึงแม้น้ำเสียงจะสั่นเครือ น้ำตาจะคลอเบ้า  แต่ก็ยังแข็งใจพูดต่อไป “ในเมื่อปัญหาเกิดขึ้นเพราะฉัน  ฉันก็จะไปเอง  พวกพี่จะได้เลิกทะเลาะกันสักที” กล่าวจบเธอก็หันหลังวิ่งออกไปโดยไม่ฟังเสียงเรียกจากชายหนุ่มทั้งสอง
           “ไปซะ ไปตามเธอกลับมา เราไม่ใช่คนในหัวใจของเธอ นายต่างหากคือคนที่เธอรักที่สุด เราดูออก แต่เราไม่กล้ายอมรับความจริงเพราะกลัวที่จะต้องเสียเธอไป ถึงยังไงเราก็รู้ตัวว่าเราไม่สามารถเปลี่ยนใจของเธอได้เลย เรื่องนี้ถ้าจะต้องมีใครเจ็บ ขอให้เป็นเราคนเดียวก็พอ นายปล่อยให้เราเสียใจไม่ได้เราก็ปล่อยให้นายเสียใจไม่ได้เหมือนกัน” เทรุกล่าวกับเซย์ยะ เพราะรู้ว่ามีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้นที่จะตามมิจิรุกลับมาได้
          “ขอบใจนะ” นั่นเป็นคำพูดของเซย์ยะที่ทิ้งเอาไว้โดยที่ตัววิ่งออกไปแล้วจึงไม่ทันสังเกตเห็นรอยยิ้มเศร้าของเทรุที่แม้จะยินดีกับเพื่อนแต่หัวใจก็ยังเจ็บปวด   เขารู้ดีว่าช่องว่างที่มิจิรุเว้นเอาไว้นั้น ไม่มีวันที่จะถูกเติมเต็มได้ จึงอยากจะรักษามิตรภาพที่ดีของพี่ชายเอาไว้ ก่อนที่เขาจะไม่มีอะไรเหลืออยู่เลย

                                 %%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%

           “มิจิรุ” เสียงที่ดังขึ้นข้างหลัง เกือบทำให้ผู้ถูกเรียกหยุดวิ่งได้ แต่แล้วก็ตัดสินใจวิ่งต่อ ทันใดนั้นมีรถคันหนึ่งวิ่งมาอย่างเร็ว ทำให้เธอตกใจจนก้าวขาไม่ออก  
           “มิจิรุ  ระวัง”
          ก่อนที่ร่างของเธอจะปะทะกับรถ ได้มีมือของใครบางคนผลักเธอออกไปจนอยู่ในระยะที่ปลอดภัย แต่เจ้าของมือนั้นเล่า  
           เอี๊ยด……โครม   เสียงของรถที่ดังขึ้นไม่อาจทำให้เธอตกใจได้มากเท่ากับภาพของบุคคลหนึ่งที่ช่วยชีวิตของเธอนอนจมกองเลือดอยู่  เซย์ยะนั่นเอง เมื่อเธอตั้งสติได้ก็รีบเข้าไปประคองเขาด้วยน้ำตานองหน้าก่อนที่เขาจะ ถูกพาขึ้นรถพยาบาลไป

                                 %%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%
           ภาพแรกที่ได้เห็นนอกจากเพดานสี่เหลี่ยมแล้ว  คือภาพของหญิงสาวคนหนึ่งฟุบหลับอยู่ข้างเตียง อาจจะไม่สามารถทำให้เซย์ยะมีรอยยิ้มได้  ถ้าหากหญิงคนนั้นไม่ใช่มิจิรุ  ผู้ที่สามารถเปิดหัวใจที่เคยปิดตายจากความผิดหวังในอดีตได้   เขาค่อยๆเอื้อมมือไปแตะมือของเธอเบาด้วยเกรงว่าจะทำให้เธอตื่น  แต่เธอก็ตื่นขึ้นแล้ว  เมื่อได้มองเห็นเต็มตาว่าเซย์ยะปลอดภัยแล้วจริงๆ  เธอก็กลั้นน้ำตาแห่งความดีใจเอาไว้ไม่อยู่
          “นี่! ร้องไห้ทำไม พี่ยังไม่ตายนะ” เซย์ยะก็ยังคงมีคำพูดทีเล่นทีจริงเหมือนเดิม  ทว่าผู้ฟังนั้นไม่รู้สึกขำด้วยเลย แต่ก็หยุดร้องไห้แล้ว
           “พี่เซย์ยะคะ ฉัน…”
           “ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น ฟังพี่ก่อน ตลอดเวลาพี่ไม่เคยรู้ความรู้สึกของตัวเองเลย  จนวันที่เห็นเธออยู่กับเทรุที่ริมน้ำตก ถึงได้เข้าใจว่าพี่รู้สึกยังไง  พี่ถึงกลัวที่จะบอกความจริงกับเธอ  กลัวเธอจะไม่รู้สึกเหมือนพี่  และกลัวว่าพี่จะทำร้ายความรู้สึกของเทรุ  แต่วันนี้ พี่ไม่กลัวอะไรอีกแล้ว  พี่คงพูดได้แค่ว่า  พี่รักมิจิรุ” เซย์ยะจับมือของมิจิรุเอาไว้ ราวกับว่าไม่ต้องการจะปล่อยให้เธอไปไหน “แล้วมิจิรุล่ะ คิดยังไงกับพี่”
          เมื่อถูกถามตรงๆเช่นนี้  เธอรู้สึกเหมือนริมฝีปากช่างหนักอึ้งจนขยับไม่ได้ หัวใจก็เต้นแรงราวกับจะทะลุออกมาจากอก  เธอสูดลมหายเข้าลึกๆ รวบรวมความกล้าก่อนที่จะกล่าวออกไป
          “ฉันคงพูดได้แค่เพียงว่าตั้งแต่ครั้งแรกที่พบพี่ ก็รู้สึกได้เลยว่าพี่เป็นคนที่ไม่เหมือนใคร  ยิ่งอยู่ใกล้ชิดก็ยิ่งมีอะไรที่เป็นพิเศษ   จนถึงวันนี้  ฉันก็แน่ใจเช่นกัน  ฉันรักพี่เซย์ยะ”  ทั้งสองมองสบตากันเนิ่นนาน เหมือนจะส่งผ่านความรู้สึกทั้งหมดออกมาทางดวงตา  ความรู้สึกที่ส่งออกมาจากหัวใจ

                                 %%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%
          สองเดือนต่อมา  ความฝันและความหวังทั้งหมดของสมาชิกชมรมดนตรีเป็นจริงขึ้น  เมื่อวงดนตรีของพวกเขาชนะเลิศการประกวดระดับประเทศเป็นสมัยที่สอง  และผู้ที่ภาคภูมิใจมากที่สุดในผลงานชิ้นนี้ก็คงจะเป็นใครไม่ได้นอกจากเซย์ยะกับมิจิรุ  ที่ช่วยกันแต่งเพลงที่จะเข้าประกวดในรอบสุดท้ายในเพลงที่มีชื่อว่า “ เพียงใจมีรัก ”

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×