เรื่องเล่าถึงความเดียวดาย - เรื่องเล่าถึงความเดียวดาย นิยาย เรื่องเล่าถึงความเดียวดาย : Dek-D.com - Writer

    เรื่องเล่าถึงความเดียวดาย

    โดย Wichcy

    วันนี้อาจเป็นวันที่มีความสุขของใครหลายคน แต่คุณจะรู้หรือไม่ว่าวันเดียวกันนี้อาจเป็นวันที่ใครบางคนไม่อยากให้เกิดขึ้นเลย...

    ผู้เข้าชมรวม

    423

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    8

    ผู้เข้าชมรวม


    423

    ความคิดเห็น


    6

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  28 ส.ค. 47 / 21:12 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      13 ตุลาคม 2004 เมื่อ 29 ปีก่อน ชั้นได้เกิดขึ้นที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ชั้นไม่เคยรู้เลยว่าใครคือคนให้กำเนิดชั้น ใครคือคนที่มีสายใยสัมพันธ์กับชั้นชั้นรู้แต่เพียงว่าที่นี่เป็นที่ที่ชั้นได้เกิดขึ้นมาเท่านั้น ชั้นเคยตามหา คนที่เรียกว่า ”แม่” ของชั้น แต่การตามหานั้นมันต้องล้มเลิกลงไปเพียงเพราะเหตุผลที่ว่า การตามหานั้นเหมือนกับการ ”งมเข็ม ในมหาสมุทร” เท่านั้นเอง ชั้นเคยปลอบใจตัวเองว่าชั้นไม่ได้เดียวดาย ชั้นยังมีคนให้กำลังใจ ชั้นยังมีคนที่รักชั้น และชั้นยังมีคนที่… แต่ชั้นก็ต้องกลับเข้าสู่ความจริง เพียงเพราะว่า คำปลอบใจเหล่านั้นมันคือความฝัน และจินตนาการของชั้นเท่านั้นเอง …ตั้งแต่ชั้นจำความได้ว่า ชั้นเห็นรอยยิ้มของตัวเองนับครั้งได้ยังไม่เท่ากับอายุของชั้นเลย! … “น่าขำ” พูดๆไปเรื่องราวของชีวิตชั้นก็เหมือนนิยาย น้ำเน่าเรื่องนึง ที่คนแต่งอยากให้คนอ่านประทับใจไม่รู้ลืม แต่เชื่อมั้ย?…ว่าเรื่องราวของชั้นมันน้ำเน่ายิ่งกว่านิยายที่สรรสร้างขึ้นมาเสียอีก ทำไมนะหรอ? ลองอ่านดูสิ… เริ่มจากชั้นเกิด ชั้นเกิดที่โรงพยาบาลในกรุงเทพฯ ไม่รู้ว่าใครคือแม่ ใครคือพ่อ เมื่อชั้นจำความได้ชั้นก็รู้แค่ว่า “หมอหญิง” เป็นผู้เลี้ยงดูชั้นมาตั้งแต่ชั้นถูกแม่ทิ้งไป หมอหญิงเป็นคนใจดี เก่ง สวย ใครๆก็รัก รวมถึงชั้นด้วย เธอรับเลี้ยงชั้น เพราะเธอทำคลอดให้กับชั้น เธอไม่เคยเล่าเรื่องของแม่ให้ชั้นฟังเลย เมื่อใดที่ชั้นต้องการถามเธอก็จะปฏิเสธ และเบี่ยงเบนทุกครั้งไป พอบ่อยๆเข้าชั้นก็เบื่อกับตัวเองที่คอยถามอย่างนี้ ไม่รู้ว่าจะถามแล้วได้อะไรขึ้นมา…ชั้นไม่ใช่นางเอกเหมือนในละคร ที่ต้องสืบให้ได้ว่าใครคือคนให้กำเนิด และต่อมาก็รู้สึกตัวว่าเป็นลูกผู้ดีมีเงินที่ถูกพลัดพรากมา นั่นมันคือละคร แต่นี่คือตัวชั้น! ชั้นจำได้ว่าชั้นล้มเลิกการถามถึงชาติกำเนิดของชั้นเมื่อชั้นอายุประมาณ 12-13 ประมาณนี้ ชั้นมุ่งหน้าเรียนหนังสือเพื่อตัวชั้นเอง ชั้นพยายามลบปมด้อยของชั้นตลอดเวลา แต่เมื่อใดที่ชั้นเผลอ! ปมดอยที่ชั้นไม่ต้องการมันต้องกลับเข้ามาวิ่งวนในความคิดของชั้นทุกครั้งไป พูดถึงหมอหญิง ตอนที่เธอรับชั้นมาเลี้ยงดูเธอเพิ่งจบใหม่ พ่อแม่ของเธอรวย ชั้นก็ไม่รู้อะไรมากหรอกเพราะชั้นถูกสอนมาอย่างนี้ จะรู้ไปทำไมนักหนามันไม่ใช่เรื่องของเรา เค้าให้ที่อยู่ที่กิน ส่งเสียให้เรียนก็เป็นบุญมากพอแล้ว พอชั้นอายุได้5 ขวบเธอก็แต่งงานกับคุณสมชาย เธอมีลูก 2 คน ชื่อคุณนิด กับคุณน้อย ครอบครัวของเธอน่ารักมาก รักใคร่ กลมเกลียว ชั้นดีใจกับคุณนิด คุณน้อยที่เธอทั้ง 2 เกิดมาในที่แบบนี้ ชั้นอยากที่จะเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวหมอหญิง แต่ด้วยความที่ชั้น เป็นชั้น เป็นเพียงแค่เด็กที่หมอหญิงรับมาเลี้ยง ไม่ได้เกี่ยวพันธ์อะไรกับพวกเขาเลย ทำให้ชั้นก็ต้องไปอยู่โรงเรียนประจำตั้งแต่เข้าโรงเรียน จนเรียนจบมัธยม เพื่อนที่โรงเรียนของชั้นถึงเค้าจะมีปัญหาทางบ้าน แต่ก็ยังดีกว่าชั้นที่พวกเขา และเธอ ยังรู้ว่าใครคือพ่อ คือแม่ของพวกเค้า …ชั้นไม่ค่อยสนใจอะไรกับใคร ชั้นชอบเก็บตัวอยู่คนเดียว ชั้นชอบที่จะอยู่ในโลกของชั้น โลกที่ชั้นสามารถจินตนาการได้ทุกเรื่อง ชั้นอาจจะเสียสติไปแล้วก็ได้ที่ชั้นทำแบบนี้ …เพื่อนๆไม่ค่อยมีใครอยากที่จะคบกับชั้น…เพราะชั้นพูดดีๆกับใครไม่เป็น ใครๆก็หาว่า ชั้นเป็น “ลูกพ่อ แม่ไม่สั่งสอน” ชั้นไม่โต้เถียงอะไรใดๆทั้งสิ้น ชั้นยอมรับแต่โดยดี ก็ชั้นไม่มีพ่อแม่มาคอยสั่งสอนจริงอย่างที่พวกเค้าว่า แล้วจะให้ชั้นแย้งไปด้วยเหตุผลใดเล่า! ทีแรกชั้นคิดว่าชั้นจะได้เรียนจบแค่ ม 6 แล้ว แต่หมอหญิงเห็นว่าชั้นควรที่จะเรียนต่อไปอีกเพื่อที่ว่าชั้นจะได้ออกมาใช้วิชาความรู้เลี้ยงตัวเองต่อไป ชั้นเข้าใจความหมายของหมอหญิงได้ว่า เธอไม่ต้องการให้ชั้นอยู่ที่บ้านของเธออีก ชั้นเคยได้ยินหมอหญิงกับคุณสมชายคุยกันเสียงดังเรื่องเกี่ยวกับชั้น คุณสมชายไม่อยากให้ชั้นอยู่ที่นี่ ถึงแม้ว่าชั้นจะยอมเป็นคนรับใช้ก็ตาม แต่ชั้นก็ไม่สามารถรู้เหตุผลได้ว่าทำไมท่านจึงไม่ต้องการให้ชั้นอยู่ที่นี่และให้หมอหญิงส่งเสียชั้นอีก ต่อมาชั้นจึงรู้ว่า ด้วยเหตุผลที่ชั้นเป็นใครก็ไม่รู้ มีประโยชน์กับเค้าก็เปล่าและคุณสมชายก็ไม่ชอบชั้นเพราะคิดว่าชั้นเป็นต้นเหตุให้คุณนิด กับคุณน้อยมีตัวเปรียบเทียบแทบทุกเรื่องเสมอ ทำให้ตั้งแต่วันนั้นชั้นก็ได้รู้และเข้าใจชะตากรรมของชั้นเป็นอย่างดี แต่อย่างไรก็ตามหมอหญิงก็แอบซื้อคอนโดให้ชั้นอยู่เธอให้ยกให้ชั้นเป็นเจ้าของ และเธอแอบส่งให้ชั้นเรียนจนจบมหาวิทยาลัย ชั้นรักและเคารพหมอหญิงเหมือนแม่ของชั้นและเธอก็บอกว่ารักชั้นเช่นกัน แต่ชั้นก็ไม่รู้อยู่ดีว่าคำว่าแม่นั้น มันมีความหมายกับชั้นว่าอย่างไร คนดูแล คนให้กำเนิด หรือว่าคนที่ให้ความอบอุ่น ชั้นไม่เคยเรียกหมอหญิงว่าแม่ แต่ใจมันก็สั่งให้เรียกแบบนั้นอยู่ข้างใน… 20 ปีที่หมอหญิงเลี้ยงดูส่งเสียชั้น จนชั้นสามารถยืนด้วยลำแข้งของตัวเองได้ ชั้นไม่เคยลืมบุญคุณท่วมหัวของเธอที่มีต่อชั้นเลย ชั้นอยากที่จะเข้าไปกอดเธออย่างอบอุ่น แต่ชั้นก็ไม่เคยได้ทำ เมื่อ 5 ปีก่อนชั้นเรียนจบ วันที่ชั้นได้รับปริญญานั้นชั้นกำลังจะเดินทางไปหาหมอหญิงที่ โรงพยาบาลชั้นตั้งแสดงความสำเร็จของชั้นที่เธอตั้งใจส่งเสียให้ชั้นอย่างยากลำบากจนบางครั้งต้องมีปากเสียงกับสามีของเธอ ชั้นอยากจะให้เธอเห็นเหลือเกินว่าสิ่งที่เธอนั้นได้ทำให้กับชั้นมันไม่ได้สูญเปล่าเลยแม้แต่น้อย ชั้นตั้งใจว่าชั้นจะกราบแทบเท้าของเธอและที่ชั้นตั้งใจอย่างแน่วแน่มากกว่านั้นคือ ชั้นต้องการเรียก เธอว่า “แม่” ให้เธอได้ยินสักครั้งก่อนที่ชั้นจะออกมาใช้ชีวิตเพียงลำพังโดยจะไม่ขอเบียดเบียนเงินของเธออีก แม้แต่สตางค์แดงเดียว เพื่อเธอและครอบครัวจะได้อยู่อย่างสงบเสียทีโดยไม่มีชั้นคนนี้ชั้นตั้งใจอย่างจริงจังและชั้นก็เชื่ว่าหมอหญิงต้องภูมิใจกับสิ่งที่ชั้นจะทำให้เธออย่างนี้แน่นอน… ชุดครุย และใบปริญญา ชั้นหอบขึ้นรถเมล์รีบมุ่งหน้าไปที่โรงพยาบาลโดยไม่สนใจสิ่งใดทั้งนั้น… แต่…ความตั้งใจ อันเปี่ยมไปด้วยความเบิกบานของชั้นต้องดับลง เพราะสิ่งที่ชั้นได้รับรู้เมื่อชั้นเหยียบเข้าประตูโรงพยาบาลมันสร้างความร้าวรานใจให้กับชั้นอย่างแรง มันยากที่จะรับและทำใจกับสิ่งที่ได้ยินได้ว่า “หมอหญิงเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุแล้วเมื่อ 5 นาทีก่อนที่ชั้นจะมาถึง”….ความเดียวดายเข้ามาฝังอยู่ในตัวของชั้นอย่างเต็มกำลัง ชั้นแทบยืนไม่อยู่เมื่อได้ยินประโยคนั้นจากนางพยาบาลที่โรงพยาบาล ชั้นไม่ได้เข้าไปกราบศพหมอหญิง เพราะคุณสมชายบอกว่าสาเหตุที่หมอหญิงเสียชีวิตก็เพราะชั้น โดยก่อนหน้าที่หมอหญิงจะมาโรงพยาบาล คุณสมชายรู้เรื่องที่หมอหญิงแอบซื้อคอนโดและส่งให้ชั้นเรียนต่อ ทั้ง 2 จึงทะเลาะกันอย่างรุนแรง หมอหญิงขับรถออกมาจากบ้านด้วยความเร็วสูง และรถคันนั้น ก็พลิกคว่ำอย่างกะทันหันโดยไม่สามารถหาสาเหตุของโศกนาฏกรรมครั้งนี้ได้ เธอจึงเสียชีวิตลงเมื่อมาถึงโรงพยาบาล ชั้นไม่รู้ว่าทำไมสาเหตุต้องเป็นเพราะชั้นอย่างที่คุณสมชายว่า… ชั้นพยายามที่จะอธิบายและเข้าไปแสดงถึงความรัก และเคารพที่ชั้นมีต่อครอบครัวของหมอหญิงแต่มันก็ไร้ประโยชน์ชั้นไม่มีโอกาสที่จะได้ก้าวเหยียบไปยังงานศพของหมอหญิงแม่บุญธรรมที่รักของชั้นเลย เพียงเพราะความชังที่ครอบครัวนี้มีต่อชั้น ด้วยเหตุที่ชั้นเป็นเด็กไม่มีหัวนอนปลายเท้า โดยเฉพาะความไม่ชอบขี้หน้าของชั้นอย่างไร้ซึ่งเหตุผล และชั้นก็ถูกตราหน้าว่าเป็นคนฆ่าคนที่ชุบเลี้ยงตัวเองมาแต่เกิดมาบนโลกนี้…ที่ชั้นทำได้ก็คือแอบไปกราบหลุมศพของเธอเมื่อชั้นมั่นใจว่าวันนั้นจะไม่มีใครมาเห็น… มันนานเหมือนกันที่ชั้นใช้เวลาทำใจกับการอยู่เพียงลำพังแบบไม่มีใครจริงๆอย่างนี้ คอนโดกลางเมืองห้องขนาดกระทัดรัด ที่หมอหญิงตั้งใจซื้อและมอบให้เป็นชื่อของชั้นก่อนตาย มันเป็นสมบัติชิ้นเดียวที่ชั้นมี ชั้นพยายามหางานทำให้เร็วที่สุดหลังเรียนจบ แต่มันไม่ง่ายอย่างที่คิด ช่วงนี้เป็นช่วงที่มีคนว่างงานกันมากนัก บริษัทหลายแห่งปิดตัวลงด้วยพิษเศรษฐกิจรุมเร้า ไม่ใช่มีเพียงแค่ชั้นที่ยังไม่มีงานทำ ยังมีเพื่อนของชั้นอีกหลายคนเช่นกัน ถ้าไม่มีเส้นสายจริงๆ หรือมีกิจการเป็นของตนเองก็อย่างได้หวังเลยว่าจะสบาย เพราะสมัยนี้เค้าต้องการคนมีประสบการณ์กันนัก พวกบัณฑิตจบใหม่ มีกระดาษ 1 ใบ ที่ใครเค้าก็เรียกกันว่าปริญญา ไม่มีความหมายอันใดเลย… โชคดีที่ชั้นยังมีเงินเก็บ อยู่บ้าง บะหมี่สำเร็จรูป เป็นอาหารโปรดที่ช่วยประทังชีวิตของชั้นให้อยู่รอดได้ทุกวัน เป็นครึ่งปีกว่าที่ชั้นจะได้งานทำสักที ก็เป็นเพราะโชคดีของชั้นอีกนั่นแหละที่ไปเจอรุ่นพี่สนิทกันตอนเรียน เค้ามีกิจการบริษัทโฆษณาเป็นของตนเองและต้องการคนรู้จักไว้ใจได้เข้าไปทำงานด้วยกันทำให้ชั้นได้เข้าไปทำงานที่นั่นเป็นผลสำเร็จ รุ่นพี่คนนี้เป็นผู้ชาย ชื่อพี่ป้อง เค้าเป็นบัดดีของชั้น เพื่อนๆหลายคนบอกว่าเค้าชอบชั้นมากกว่าความเป็นรุ่นน้องคนนึงแต่ชั้นก็ไม่สนใจ ด้วยเหตุผลหลายอย่างที่ชั้นไม่จำเป็นต้องสาธยาย … ชั้นไม่เคยหวั่นไหวกับผู้ชายคนไหนมาก่อนทั้งชีวิตชั้นมั่นใจอย่างนั้น ชั้นเข้าใจตัวชั้นดี…เวลาผ่านไป 1 ปีเต็มที่แล้วชั้นเลี้ยงตัวเองได้ด้วยตัวของชั้นเอง มันเป็นเหมือนที่เพื่อนหลายคนได้เคยบอกเอาไว้จริงๆว่าพี่ป้องรู้สึกกับชั้นมากกว่ารุ่นน้องคนนึงเท่านั้น เพราะอะไรนั่นหรอ? …ก็เพราะความรู้สึกที่ผู้หญิงทั่วไปเค้าสัมผัสได้นั่นสิ ไม่ว่าจะเป็นแววตาที่ถูกจ้องมอง ความอบอุ่นเวลาที่เค้าอยู่ใกล้ๆ และคำพูดต่างๆ ที่เหมือนกับว่าเค้าจะบอกเป็นนัยกับชั้น ชั้นไม่ปฏิเสธความรู้สึกที่พี่เค้ามีให้กับชั้น ชั้นเคารพในความห่วงใยและหวังดีที่ผู้ชายคนนี้มีมาให้กับชั้น หลายครั้งที่เค้าเคยถามชั้นว่า ชั้นพร้อมที่จะ”รัก” เค้าหรือยัง? แต่คำตอบที่ชั้นได้ให้กับเค้าไปนั้น ก็คือคำตอบเดิมๆ ที่ชั้นบอกว่าชั้นรู้สึกรัก และเคารพเค้าได้เพียงแค่พี่ชายที่แสนดีที่สุดในชีวิตของชั้นเท่านั้น ชั้นไม่เคยรู้สึกเป็นอย่างอื่นเลยกับพี่ชายคนนี้ ชั้นรู้ว่าเค้าคงหมดความหวังลงไปมากกับชั้น มันนานแล้วที่เราทั้ง 2 รู้จักกัน ความรู้สึกที่ชั้นมีให้กับเค้านั้นยากที่จะเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นได้ แพรวาเพื่อนรักที่สุดของชั้นบอกว่าชั้นเป็นผู้หญิงที่โง่ที่มาก แต่ชั้นก็ไม่เคยสนใจกับคำพูดเหล่านั้น ชั้นเข้าใจตัวชั้นเองดี ว่าถ้าคนไม่มีพ่อ ไม่มีแม่อย่างชั้นจะรักใครและคิดจะตกลงกับใครคนหนึ่งนั้น เค้าคนนั้นต้อง เป็นคนที่ชั้นรัก และชั้นก็ต้องรักเค้าเช่นกัน ชั้นไม่ต้องการที่จะให้เค้ามารักและตามใจชั้นเพียงฝ่ายเดียว หรืออีกอย่าง…ชั้นคิดว่าชั้นและเค้าไม่ใช่คู่ของกันและกัน เพราะไม่ว่าชั้นจะพยายามคิดกับเค้า รู้สึกกับเค้าให้เหมือนกับที่เค้ารู้สึกกับชั้น ชั้นก็ทำไมได้สักที ด้วยเหตุนี้ชั้นจึงต้องปฏิเสธกับเค้าไปตรงๆอย่างไม่ต้องสงสัย… วงจรชีวิตของชั้นอยู่แต่ที่ทำงาน และที่บ้านเท่านั้น ชั้นเก็บเงินได้ก้อนหนึ่งมากพอสมควร ชั้นตั้งใจว่าจะซื้อบ้านสักหลัง เพื่อที่ว่าชั้นจะได้ลืมบางอย่างเกี่ยวกับเรื่องในอดีตที่ฝังใจของชั้นลงได้บ้าง ถ้าหากว่าชั้นยังอยู่ที่นี่อีก ทุกคืนชั้นต้องฝันร้ายถึงคำพูดเดิมๆที่คุณสมชายตราหน้าชั้นเอาไว้ เมื่อ 3 ปีก่อนเป็นแน่ ทุกคืนชั้นต้องตื่นมากลางดึกเพื่อกินยานอนหลับให้หลับอย่างสงบ ชั้นเหงา…ชั้นเดียวดาย…ชั้นไม่มีใคร…แพรวาเพื่อนที่ชั้นรักที่สุดคนเดียวบนโลกนี้เธอไปมีชีวิตใหม่แล้วกับสามี ที่ประเทศอังกฤษ ช่วงแรกที่เธอไปเธอยังส่งข่าวมาหาชั้นบ้าง แต่นานวันเธอยิ่งเหินห่างกันไปเรื่อยๆ จาก อาทิตย์ละฉบับ ก็กลายเป็นเดือนละฉบับ จากเดือนกลายเป็นปี จากปีกลายเป็นนานๆที จากนานๆทีก็ไม่มีมาอีกเลย ชั้นก็ส่งกลับไปเหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้รับการตอบกลับมาอีกเลยไม่มีใครรู้เรื่องของแพรวาจะให้ไปถามใครชั้นก็ไม่รู้จักสักคน เห็นมั้ย?…บอกแล้วว่าชั้นไม่มีใครจริงๆ แม้แต่เพื่อนรักที่สุดยังจากชั้นไป… พูดถึงคนที่รักชั้นอีกคนที่เหลืออยู่บ้าง “พี่ป้อง” หลังจากที่ชั้นได้บอกกับเค้าไปหลายครั้งจนเค้าหมดหนทางที่จะเปลี่ยนใจชั้นได้ นานวันเค้ายิ่งเริ่มห่างจากชั้น เค้าคอยหลบหน้าชั้นตลอดเวลา ไม่เข้ามาพูด มาคุยเหมือนก่อนและอีกไม่นานเค้าก็ได้ตกลงใจแต่งงานกับผู้หญิงคนหนึ่ง ที่เพิ่งคบกันไม่ถึงปี เพื่อนที่ทำงานบอกว่าเค้าผิดหวังจากชั้นจึงหาคนมารักษาหัวใจที่อ้างว้าง อย่างฉับพลันทันด่วน ชั้นไม่เชื่อหรอก ในสิ่งที่คนเหล่านั้นพูดกัน…หลังจากที่พี่ป้องได้แต่งงานไป ชั้นก็ลาออกจากที่นั่นและไปทำงานอีกที่ บริษัทนี้ไว้ใจในฝีมือการออกแบบโฆษณาของชั้น จากการที่ได้เห็นฝีมือของชั้นหลายชิ้นที่เคยทำมา เงินเดือน บวกโบนัสต่างๆ ทำให้ชั้นอยู่ได้อย่างสุขสบาย แต่เงินทองเหล่านี้ก็ไม่ได้ให้ความสุขกับชั้นอย่างที่มนุษย์ทุกคนต้องการ เพราะสิ่งที่จะทำให้ชั้นมีความสุขได้นั้นก็คือการมีคนที่รักอยู่ใกล้ มีคนคอยห่วงใย และดูแลทุกคราที่ชั้นท้อแท้ ผิดหวัง และต้องการกำลังใจ ไม่ว่าจะเป็นคนรัก เพื่อน หรือใครก็ตามที่สามารถให้สิ่งเหล่านี้กับชั้นได้…ชั้นต้องการ แต่ยิ่งต้องการละไขว่คว้าเท่าไรก็ยิ่งไม่มี แม้แต่เพื่อนรักชั้นยังไม่มีสักคน… วันนี้เป็นวันเกิดของชั้น 24 ปีแล้วสินะที่ชั้นใช้ชีวิตอยู่บนโลกนี้ เหมือนทุกปีชั้นฉลองวันเกิดเพียงลำพังอย่างเคย ชั้นได้แต่หวังว่าแสงเทียน 24 เล่มบนหน้าเค้กเมื่อมันดับลงจากลมเป่าของชั้น จะนำความเดียวดายของชั้นไปพร้อมกัน และความหวานของเค้กเมื่อเข้าปากของชั้นจะนำความสุขและเสียงหัวเราะมาให้ชั้นในวันต่อไป… ปีนี้เหมือนกับเป็นปีทองของชั้นจริงๆ เพราะหลังจากชั้นฉลองวันเกิดให้กับตนเองไปไม่นานคำอธิฐานของชั้นก็ดูเหมือนจะเป็นผล มีผู้ชายคนหนึ่งก้าวเข้ามาในชีวิตของชั้นจริงๆ เค้าคนนี้มาพร้อมกับความห่วงใยให้กับชั้น ทุกวันที่โต๊ะทำงานของชั้นจะมีกระดาษโน๊ตแผ่นเล็กๆวางอยู่ พร้อมกับข้อความสั้นๆ ไม่ซ้ำกันถึงแม้มันจะเป็นข้อความธรรมดา แต่มันก็ทำให้ชั้นรู้สึกได้ว่าชั้นไม่ได้อยู่บนโลกนี้คนเดียวอีกต่อไปแล้ว ผู้ชายคนนี้เพิ่งเข้ามาทำงานใหม่ได้เดือนกว่าๆ เค้าชื่อ “มีน” ชั้นและเค้ารู้จักกันได้ 7 เดือนกว่าแล้ว เค้าเสมอต้นเสมอปลายมาส่งชั้นที่บ้านทุกวัน เคยทำอย่างไร เป็นยังไงก็ยังเป็นอย่างนั้น เค้าไม่บอกรัก หรือถามพร่ำเพื่อ ถึงความรู้สึกที่ชั้นและเค้ามีต่อกัน …เค้าทำให้ชั้นมีความสุข และชั้นก็มั่นใจแล้วว่าผู้ชายคนนี้แหละจะเข้ามาเป็นอีกครึ่งหนึ่งในชีวิตของชั้น เค้าบอกว่าจะพาชั้นไปพบญาติผู้ใหญ่ของเค้า หลังจากที่เค้าได้ทำโปรเจ็กส์ที่คิดเอาไว้นี้สำเร็จ เค้าทำตามสัญญาที่ได้ให้กับชั้นจริงๆ แต่แทนที่เค้าจะได้นั่งอยู่ข้างๆชั้น และแนะนำญาติผู้ใหญ่ของเค้าให้ชั้นรู้จักทีละคน เค้ากลับนอนอยู่ในแผ่นไม้ 6 แผ่นที่ต่อปะกบกัน ข้างๆชั้นแทน เค้าจากชั้นไปแล้ว …จากไปอย่างไม่มีวันกลับมาอีกเลย โชคร้ายอะไรของชั้นนักหนา หรือว่าดวงชะตาชีวิตของชั้นจะต้องอยู่เพียงลำพังเท่านั้น เพราะไม่ว่าใครที่เข้ามาในชีวิตทุกคนที่ทำให้ชั้นรู้สึกผูกพันและอบอุ่นเวลาที่อยู่ใกล้ๆ ไม่นานต้องจากชั้นไปทุกคน… ชั้นเริ่มยอมรับกับชีวิตที่เดียวดายของชั้นได้ ใกล้จะปีใหม่แล้ว ชั้นอาจทำอะไรให้กับตัวเองมากกว่านี้เป็นได้ ชั้นพยายามไม่คิดว่าตัวเองเดียวดายอีก และไม่คิดจะไขว่คว้าความรักหรือสิ่งใดอีก ตอนนี้ชีวิตของชั้นมีแต่งาน กับงาน ชั้นทำงานเก็บเงินเพื่อเลี้ยงตัวเองในยามที่ชั้นไม่สามารถลุกขึ้นมาทำมันได้อีก บ้านหลังเล็กๆ กับรถคันนึงชั้นมีพร้อมทุกอย่างแล้ว และชั้นก็ท่องเอาไว้ในใจเสมอว่าไม่ต้องการอะไรอีก เพื่อว่าชั้นจะได้ไม่ฟุ้งซ่านคิดว่าตัวเองไม่มีใครอีก… ใกล้จะถึงวันเกิดของชั้นอีกปีหนึ่งแล้ว ชั้นคงโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่อีกปี หลากหลายเรื่องราวผ่านเข้ามาในชีวิตของชั้น มันมากเกินไปแล้วที่ชั้นอยากจะจดจำมันเหล่านั้น ใครๆก็บอกว่าแค่นี้เองยังไม่มากมายอะไรเลย เมื่อเทียบกับคนที่มีอายุห่างจากชั้นหลายสิบปี …จริง …ชั้นไม่เถียงคนเหล่านั้น …แต่ว่าเรื่องราวของคนเหล่านั้นจะกล้าเทียบกับเรื่องราวของชั้นได้มั้ยละ? … ชั้นบอกแล้วว่ามันเหมือนนิยายก็ไม่ปานลองฟังเรื่องนี้อีกเรื่องสิ… กุมภาพันธ์ นี้เป็นเดือนแห่งวันเกิดของชั้น ปีนี้และต่อไปชั้นจะไม่อธิฐานขออะไร หรือหวังให้มีอะไรดีขึ้นอีกแล้ว ชั้นตั้งใจจะปล่อยให้มันเป็นชะตากรรมของชั้น ตามที่พระเจ้าได้กำหนดเอาไว้ ชั้นจะไม่ฝืนอะไรอีก…ไม่หวัง ไม่ไขว่คว้าสิ่งใดอีกต่อไป แต่การดำเนินชีวิตของชั้นที่อยู่ไปวันๆอย่างนี้ก็มีเรื่องให้ชั้นต้องกลายเป็นคนอ่อนไหวกับความรู้สึกเดิมๆอีกครั้ง…บอกแล้วว่ามันคือชะตากรรมของชั้น…วันหนึ่งชีวิตของชั้นก็มีชายหนุ่มอีกคนก้าวเข้ามาอีกครั้ง เค้าชื่อ “เมษ” ชั้นได้พบกับเค้าอย่างบังเอิญ ข้างถนน นี่หรือเปล่าที่เค้าเรียกว่า”พรหมลิขิต” ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน คนสองคนนั้นมาจากที่ใด และเวลานั้น หรือสถานการณ์นั้นจะเป็นเช่นไร เมื่อพรหมลิขิตได้กำหนดเอาไว้แล้ว คนสองคนนั้นต้องพบกันจนได้… มันอาจจะเป็นความรู้สึกของชั้นเพียงฝ่ายเดียว แต่จะให้ชั้นคิดอย่างไรได้อีกในเมื่อชีวิตของชั้นมันเป็นแบบนี้แล้ว สิ่งเดียวที่ชั้นพอจะทำก็คือการคิดเข้าข้างตัวเองแบบนี้เท่านั้น…เมษเป็นคนมีน้ำใจ ถึงแม้ว่าเค้าจะอ่อนกว่าชั้นถึง 4 ปี แต่เค้าก็ไม่ปฏิเสธที่จะคบกับชั้น ก่อนวันเกิดชั้น 1 วันเค้าสร้างความประทับใจให้กับชั้นอย่างยากทีจะลืมเลือน หลังคบกันได้ไม่ถึงเดือน ชั้นไม่อยากจะเชื่อตัวเองว่าชั้นทำอะไรอยู่ และทำไมชั้นถึงกล้าที่จะมีรักอีกครั้งอย่างไม่กลัวความผิดหวัง และต้องเจอกับความเดียวดายอย่างที่ผ่านมา แต่พอคิดทบทวนอีกที ชั้นก็เคยบอกกับตัวเองเอาไว้แล้วว่าชั้นจะปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามชะตากรรม และชั้นจะไม่คิดเล็กคิดน้อยอะไรอีก ชั้นจะใช้ชีวิตวันนี้ให้ดีที่สุดก็พอ… ดงดอกกุหลาบหลากสีกลาดเกลื่อนอยู่ที่สวนหน้าบ้านของชั้น แสงเทียนเลือนๆ เป็นทางให้ชั้นค่อยๆเดินไปสู่โต๊ะกลางสนามตัวเล็กๆ ที่มีเก้าอี้ 2 ตัววางตรงข้ามกัน และที่เก้าอี้ตัวหนึ่งนั้นมีชายหนุ่มที่ชั้น ให้ความไว้วางใจเป็นที่สุดในตอนนี้นั่งอยู่ ชั้นไม่ขอเรียกเค้าว่าคนรักรักของชั้น เพราะความรักนั้นมันละเอียดอ่อนเกินกว่าที่ชั้นจะพูดมันออกมา แต่อย่างไรก็ตามความเหนื่อย และเมื่อยล้าจากการทำงานของชั้นในวันนี้หายไปพลัน ด้วยสิ่งที่เค้าได้ทำให้กับชั้น นี่หรือสิ่งที่เค้าเรียกว่า”ความโรแมนติก” แววตาอันอบอุ่นของเค้าจ้องมองชั้นอย่างอ่อนโยน มืออุ่นๆค่อยๆกุมมือของชั้นไว้ ลมหายใจแผ่วเบาของเค้าและเสียงทุ้มหนัก กระซิบข้างหูของชั้น ด้วยประโยคสั้นๆของเค้าที่พูดกับชั้นนั่นเองมันทำให้ชั้น ขนลุกชันขึ้นไปทั้งตัว “ผมพร้อมที่จะดูแลคุณถ้าคุณต้องการ” ชั้นพอจะเดาออกว่าเค้าพยายามบอกอะไรกับชั้น ชั้นนั่งนิ่งในใจเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ เค้าไม่ต้องการคำตอบจากชั้นด้วยคำพูด แต่เค้าต้องการให้ชั้นดับเทียนที่อยู่ตรงหน้าเป็นการตอบรับแทน ชั้นนั่งคิดอยู่พักหนึ่งมืออุ่นๆของเค้ายังคงกุมมือของชั้นเอาไว้ดังเดิม และชั้นก็ได้ให้คำตอบกับเค้า ชั้นคิดทบทวนดีแล้ว และชั้นก็ถือว่าต่อจากนี้สิ่งที่จะเกิดกับชั้นต่อไปนั้น ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามชั้นจะยกให้เป็นเพราะชะตากรรมของชั้น ไม่ใช่เพราะตัวชั้นเอง… ชั้นดับเทียนที่อยู่ตรงหน้ากลางโต๊ะนั้น บรรยากาศเริ่มเย็นขึ้นเมื่อเทียนดับลงความอบอุ่นจากมือของเมษ ชายที่อยู่ตรงหน้าชั้นนั้น เริ่มคลาย และมือคู่นั้นก็ปล่อยมือของชั้นลง เปลี่ยนเป็นอ้อมกอดอันอบอุ่นของเค้าแทนที่โอบกอดตัวของชั้นไว้…พระเจ้าไม่เคยมีผู้ชายคนไหนทำกับชั้นแบบนี้ “ผมรักคุณ” คือคำพูดอีกคำที่สั้นๆแต่มีความหมายยิ่งใหญ่กับตัวชั้น มันแผ่วเบาผ่านลมหายใจกระทบเข้าข้างหูของชั้นชั้นค่อยๆหลับตาลงและซบหน้าลงที่ไหล่ของเค้าอย่างวางใจ…ค่ำคืนนั้นเป็นคืนที่แสนประทับใจไม่อาจลืมเลือนได้เลย… ชั้นรู้สึกว่าคืนนี้เป็นคืนแรกที่ชั้นหลับอย่างสงบที่สุดในชีวิต วันรุ่งขึ้นเป็นเช้าแรกที่สดใสและชั้นก็มีแรงกำลังใจในการดำเนินชีวิตต่อไปอย่างเต็มเปี่ยม… เวลาผ่านไป ชั้นและเค้าดูใจกันได้นานแล้ว เมษมีงานเป็นหลักเป็นฐานแน่นอน และทางบ้านของเค้าก็ไม่ได้รังเกลียดอะไรชั้นที่ชั้นมีอายุมากกว่าเค้าถึง 4 ปีและไม่มีพ่อแม่ หรือญาติผู้ใหญ่ พ่อและแม่ของเมษได้อนุญาต และแนะนำให้ชั้นกับเมษได้แต่งงานกันเสียทีหลังจากที่คบกันมานาน วันนี้ชั้นและเมษกำลังจะไปทำบุญที่วัด ตามที่ได้ตั้งใจเอาไว้ มันเป็นวันที่ชั้นควรจะอิ่มบุญและมีความสุข แต่ด้วยโชคชะตาของชั้นมันกลับทำให้ชั้นต้องเสียน้ำตาอีกครั้งเมื่อ… รถเก๋งคันเล็กๆสีน้ำเงินคันหนึ่ง มีชายหนุ่มเป็นคนขับ และที่นั่นข้างมีผู้หญิงอีกคนหนึ่งหน้าตาดูสดใส กำลังเลี้ยวออกมาจากซอยข้างๆวัดสวนพลู แต่ไม่ทันได้เห็นรถคันนี้ลับตาไปก็มีเสียงคล้ายวัตถุชนกันอย่างแรง และนั่นก็คือรถคันนั้นนั่นเอง มันประสานงานอย่างแรงกับรถหกล้อ ด้วยแรงปะทะทำให้รถเก๋งคันนั้นยับเยินอย่างไม่น่าดู ผู้คนที่อยู่บริเวณนั้นพากันแห่แหนมามุงดูด้วยความสนใจปนเวทนา ชายหนุ่มที่เป็นคนขับนั้นเสียชีวิตคาที่ทันที แต่เป็นเรื่องน่าแปลก ที่หญิงสาวที่นั่งมาด้วยนั้น บาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น นั่นไม่ใช่ใคร หญิงคนนั้นคือชั้นเอง และชายคนนั้นคือเมษ ผู้ชายที่กำลังจะถูกเรียกว่า “สามี”… มันคือชะตากรรมของชั้นเสียจริงๆ ชั้นยอมรับมันอย่างเต็มใจแล้วว่าทุกอย่างชั้นไม่ได้เป็นผู้กำหนด แต่มันคือผู้กำหนดให้ชีวิตของชั้นต้องเป็นแบบนี้ ใครก็ตามแต่ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของชั้น และให้ความรู้สึกที่อบอุ่นกับชั้น ไม่ทันให้ชั้นได้เต็มอิ่มกับความรู้สึกนั้น พวกเค้าก็ต้องจากชั้นไปทุกคน ถึงแม้บางคนจะยังมีชีวิตอยู่แต่ก็ไม่เคยได้ย้อนกลับมาหาชั้นอีกเลย… ชั้นใช้ชีวิตหลังจากนั้นมาได้อีก 2 ปีชั้นต้องเผชิญกับชะตากรรมที่ชั้นคิดว่าคงเป็นครั้งสุดท้ายของชั้น ชั้นได้เข้ามาอยู่ที่นี่ได้ ปีกว่าแล้ว ดูเหมือนว่าชั้นจะรู้สึกดีมากขึ้นกว่าเดิม บางครั้งชั้นรู้สึกว่ามีคนห่วงใยดูแล บางครั้งเหมือนกับว่าชั้นไม่มีใครอย่างเดิม อะไรก็ไม่รู้หนักหนาวนเวียนอยู่ในหัวของชั้น ที่นี่คงเป็นที่สุดท้ายที่ชั้นจะได้ใช้ชีวิตบนโลกนี้ เมื่อไหร่? ชั้นจะได้หลับอย่างสงบโดยไม่มีความหลังเก่าๆเข้ามาวิ่งวุ่นเมื่อยามชั้นหลับตาลง เมื่อไหร่? ชั้นจะมีคนมาห่วงใยดูแลอีก เมื่อไหร่? โลกใบนี้จะนำพาความสุขสงบมาให้ชั้นแบบไม่พรากมันไป และเมื่อไหร่ชั้นจะได้จากโลกใบนี้ไปเสียที เมื่อไหร่กัน?… “ได้เวลานอนแล้วนะค่ะ มาคะ พี่พาไปนะ” เสียงอ่อนหวานของนางพยาบาลสาวคนหนึ่งกระซิบใกล้ๆ ผู้หญิงคนหนึ่งที่ดูอ่อนกว่าสัก 2-3 ปี “เขียนเรื่องอะไรอยู่ค่ะนี่ ไหนขอดูได้มั้ยค่ะ?” “เรื่องเล่าของความเดียวดาย เอ?…เอามาจากไหนค่ะนี่ น่าเศร้าจังเลยนะ เขียนเป็นเรื่องเป็นราวได้ด้วย เก่งจัง…” ผู้หญิงที่นั่งอยู่บนรถเข็นผู้ป่วยค่อยเหลือบมองหน้านางพยาบาลสาวคนนั้นอย่างช้าๆ แล้วค่อยๆยื่นมือคว้าสมุดที่มีข้อความเขียนเป็นเรื่องเป็นราวมากมายมาจากมือของนางพยาบาลคนนั้น แล้วกอดเอาไว้แนบอกมือข้างขวากำปากกาอยู่เช่นนั้น ในขณะที่ แววตาของเธอดูเลื่อนลอย ไร้อารมณ์ … “เล่มนี้หมดแล้วพรุ่งนี้พี่จะซื้อสมุดเล่มใหม่มาให้นะค่ะ แต่วันนี้ต้องไปเข้านอนก่อน นะค่ะ” หญิงสาวบนรถเข็นค่อยๆพยักหน้า นางพยาบาลสาวคนนั้นยิ้มรับด้วยความอบอุ่น แล้วเอื้อมมือไปปลดล็อค รถเข็น แล้วค่อยๆเข็นรถคันนั้นไปตามทางซีเมนต์ มุ่งหน้าไปยังตึกสีขาวทรงเตี้ย ที่มี 2 ชั้น และทางด้านหน้าตึกนั้นเขียนว่า “เรือนนอนผู้ป่วยทางจิต (หญิง)” นางพยาบาลสาวคนนี้ไม่มีทางรู้เลยว่า…เรื่องที่ผู้หญิงคนนี้เขียนนั้นมันกลั่นกรองออกมาจากความคิดและสติที่เหลืออยู่ทั้งหมดของเธอ … …วันหนึ่งอาจเป็นวันที่ดีและมีความสุข… ที่คุณอยากให้มันอยู่ได้นานที่สุด เท่าที่ทำจะทำได้ แต่จะรู้หรือไม่ว่าวันนี้เองอาจเป็นวันที่ใครอีกหลายคน อยากให้มันผ่านพ้นไปเร็วที่สุด! หรือไม่อยากให้มีวันนั้นขึ้นมาเลย… …จบบริบูรณ์…

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×