Triangle Magic (สามเหลี่ยมมนตรา) ตอน มนตราหอยคอยสามแผ่นดิน - Triangle Magic (สามเหลี่ยมมนตรา) ตอน มนตราหอยคอยสามแผ่นดิน นิยาย Triangle Magic (สามเหลี่ยมมนตรา) ตอน มนตราหอยคอยสามแผ่นดิน : Dek-D.com - Writer

    Triangle Magic (สามเหลี่ยมมนตรา) ตอน มนตราหอยคอยสามแผ่นดิน

    เมื่อโลกกำลังตกอยู่ในอันตรายเนื่องจากพลังบางอย่างที่ไม่อาจควบคุมได้ ลูกแก้วแห่งหอคอยทั้งสามแผ่นดินใจกลางมหาสมุทรได้เกิดขึ้น วงล้อมแห่งสามเหลี่ยมมนตราจะช่วยโลกได้อย่างไร ลองติดตามดูครับ

    ผู้เข้าชมรวม

    325

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    5

    ผู้เข้าชมรวม


    325

    ความคิดเห็น


    3

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  แฟนตาซี
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  2 พ.ค. 47 / 20:03 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      ภายใต้แสงแห่งดวงตะวันทอประกายจับผืนฟ้าอย่างงดงาม สายลมพัดผ่านไปอย่างไม่มีวันหวนกลับมาที่เดิมอีก คลื่นน้ำหมุนเป็นเกรียวตาม แรงลมที่พัดผ่าน ดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าบนผืนน้ำอันกว้างใหญ่ที่แสนจะเปล่าเปลี่ยวเดียวดายไปอย่างรีบรุด พร้อมกับห้วงนิทราก็มาเยือนบนดินแดนที่ได้รับการขนานนามว่า แอลเดิลเบิร์กซิตี้ เมืองแห่งความเจริญรุ่งเรืองที่สุดของทวีปซีเซีย ในยาม ราตรีของเมืองนี้ดูจะสวยงามเป็นพิเศษ ทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนจะเคลื่อนไหวไปพร้อมๆ กับตัวเลขดิจิตอลสีแดงบนหอคอยสูงละฟ้าที่ดำเนินต่อไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด บริเวณโซนใจกลางเมืองนี้ดูจะโดดเด่นกว่าโซนอื่นๆ ด้วยสิ่งก่อสร้างที่ถูกเนรมิตขึ้นจากมันสมองของมนุษย์ มันเป็นหอคอยที่ตั้งสูงตระหง่านเสียดฟ้าอยู่ใจกลางเมืองดูแล้วน่าจะเป็นสิ่งก็สร้างที่ดูโดดเด่นที่สุดของเมืองนี้ ดวงไฟหลากสีถูกตกแต่งไว้ที่หอคอยนี้อย่างงดงามเหมาะกับค่ำคืนอันแสนโรแมนติกของย่านนี้ไว้อย่างลงตัว นักเดินเรือจากหลายประเทศทั่วโลกเข้าเทียบเรือที่อ่าวแอลเบิลซึ่งเป็นอ่าวเทียบเรือของเมืองแอลเดิลเบิร์กที่ทันสมัยที่สุดของโลก มองออกไปในตัวย่านเศรษฐกิจนี้หอคอยที่ตั้งสูงอยู่ใจกลางเมืองถูกรายล้อมไปด้วยตึกสูงใหญ่รูปร่างหลากหลายทางสถาปัตยกรรมนับร้อยตึกตั้งเรียงรายไว้อย่างเป็นระเบียบ แสงไฟนับพันนับหมื่นดว’ถูกตกแต่งให้แสงสว่างยามค่ำคืนของตัวเมืองย่านเศรษฐกิจของเมืองนี้ไว้อย่างมีสีสรร กระเช้าลอยฟ้าเคลื่อนผ่านผืนน้ำจากอีกฝากหนึ่งของอ่าวแอลเบิลไปบนเส้นลวดสลิงจากตึกไทม์สปิริดซึ่งอยู่ตรงกันข้ามกับศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของเมืองตรงสู่บนยอดหอคอย ท้องฟ้าของค่ำคืนนี้ดูแสนจะมืดมน ถ้าไม่รวมกับแสงไฟจากโซนตัวเมืองแล้ว ดวงดาวหลายดวงถูกบดบังจากก้อนเมฆสีดำทมิฬ คงจะมีเพียงแค่แสงจันทร์เท่านั้นที่สามารถเล็ดลอดผ่านออกมาจากหมู่เมฆก้อนมหึมาบนท้องฟ้ายามค่ำคืนให้เห็นอยู่เพียงแค่ความเลือนลางเท่านั้น ไกลออกไปจากตัวเมืองแอลเดิลเบิร์กซิตี้ ผ่านทุ่งหญ้าสีเขียวขจีในยามที่ดวงตะวันฉายแสงแต่ตอนนี้มันดูเป็นเพียงแค่ทุ่งหญ้าสีดำทมิฬเท่านั้น ต้นหญ้าพลิ้วไหวปลิวไปมาตามแรงลมที่โหมกระหน่ำอย่างหนัก เสียงสัตว์ใหญ่สัตว์เล็กในคอกสัตว์กำลังตื่นตระหนกกับกระแสลมที่แรงขึ้นเรื่อยๆ ผ่านทิวเขาขนาดใหญ๋ที่เห็นเป็นเพียงแค่เงาสีดำที่แสนจะเลือนลางยิ่งนัก ผ่านหุบเขาที่แสนเปล่าเปลี่ยวลงสู่มหาสมุทรอันกว้างใหญ่ ไกลออกมามากขึ้นเรื่อย ๆ กระแสลมยิ่งพัดโหมกระหน่ำอย่างรุนแรงเหมือนจะบังเกิดพายุขึ้นอีกในไม่ช้านี้ ผ่านหมู่เมฆสีดำทมิฬที่เกาะกลุ่มเป็นปุยเมฆขนาดใหญ่บดบังทุกอณูความรู้สึกให้เห็นเป็นเพียงผืนน้ำเบื้องล่างอันเลือนลาง ลมที่โหมกระหน่ำอย่างรุนแรงในตอนนี้หอบเอาเมฆสีดำทั่วผืนฟ้าเหมือนถูกดูดเข้าไป ณ ที่ใดที่หนึ่ง จากหมู่เมฆมายมายที่เริ่มพัดแรงยิ่งขึ้นเผยให้เห็นสถานที่ด้านล่างซึ่งดูเหมือนจะเป็นแผ่นดินอันว่างเปล่า กระแสลมพัดแรงยิ่งขึ้น ก้อนเมฆร้องคำรามเกิดฟ้าแลบฟ้าลองเส้นสายฟ้าถูกผ่าลงบนผืนแผ่นดินด้านล่างอันว่างเปล่า และในวินาทีนั้นเหมือนทุกอย่างจะดูเป็นปกติลมที่พัดเรงเหมือนพายุโทนาโดถูกดูดลงสู่เบื่องล่างอย่างรวดเร็ว ปราสาทรับความรู้สึกในตอนนี้ดูเหมือนจะได้รับสัญญาณอะไรบางอย่างจากเบื้องล่าง “อาบูคาดอส อาบูคาดา โซนาวาดา!” “อาบูคาดอส อาบูคาดา โซนาวาดา!” “อาบูคาดอส อาบูคาดา โซนาวาดา!” เสียงสวดมนต์ท่องคาถาของเหล่าเทพเริ่มขึ้น เสียงดังกึกก้องไปทั่วทุกอณูของประสาท เสียงสวดมนต์ดังขึ้นเรื่อยๆอยู่ในแก้วหูจนอยากที่จะตะโกนออกมาอย่างอดกลั้น “อาบูคาดอส อาบูคาดา โซนาวาดา! อาบูคาดอส อาบูคาดา โซนาวาดา!” “อาบูคาดอส อาบูคาดา โซนาวาดา! อาบูคาดอส อาบูคาดา โซนาวาดา!” เหล่าเทพนับร้อยกำลังสวดภาวณาด้วยบทคาถาแบบเดียวกัน ในเงื้อมมือของเหล่าเทพนั้นดูเหมือนจะบังเกิดแสงสว่างอยู่ในมือทั้งสองข้างของพวกเขาจากนั้นมันก็กลายเป็นวัตถุกลมๆที่ทอแสงอ่อนอย่างหนึ่ง ดูเผินๆไปแล้วอาจจะประมาณลูกฟุตบอลก็ได้ และแล้วสิ่งที่อยู่ในอ้อมมือทั้งสองของเหล่าเทพนั้นก็ปรากฎขึ้นให้เห็นชัดมันคือลูกแก้วแห่งแอลเดิลเบริก์นั่นเอง ลูกแก้วหลากสีถูกปล่อยออกจากอ้อมมือของเหล่าเทพลอยขึ้นไปสู่เบื้องบนหมุนวนอยู่เหนือหัวของเหล่าเทพ เสียงบทสวดดังขึ้นแรงทวีความดังมากขึ้นเรื่อยๆ ลูกแก้วนับร้อยลูกเปร่งแสงออกมาจากศูนย์กลางของมัน ทำให้บนผืนดินบนผืนฟ้าบริเวณนั้นสว่างไสวไปด้วยแสงจากลูกแก้วที่ทอประกายจรัสอย่างงดงาม ท้องฟ้าเบื้องบนดูเหมือนถูกบิดเป็นเกลียวคลื่นหมุนอย่างรุนแรงเปลวเพลิงแห่งกาลเวลาถูกเปิดออกกระแสไฟฟ้าไหลวนไปทั่วเกลียวคลื่นอันทรงพลังนั้น และในวินาทีนั้นเอง ฟิ้ว !…

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×