เสียใจ...ฉันไม่ใช่นางเอก - เสียใจ...ฉันไม่ใช่นางเอก นิยาย เสียใจ...ฉันไม่ใช่นางเอก : Dek-D.com - Writer

    เสียใจ...ฉันไม่ใช่นางเอก

    ขอโทษที...ที่ฉันไม่ได้หวาน...อย่างนางเอกของนาย

    ผู้เข้าชมรวม

    1,494

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    6

    ผู้เข้าชมรวม


    1.49K

    ความคิดเห็น


    6

    คนติดตาม


    1
    หมวด :  ซึ้งกินใจ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  18 ก.ค. 46 / 15:23 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      เสียใจ…ฉันไม่ใช่นางเอก

          วันนี้…วันปฐมนิเทศนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปี่ที่ 4  ของโรงเรียนแห่งหนึ่ง  
          “ผู้หญิงคนนั้น  สวยจัง?  อยู่ห้องไหนนะ   เฮ้ย ! ห้องเดียวกันนี่หว่า”   เต๋อพูดกับตัวเองคนเดียวเบาๆ
      สายตาไม่ยอมละจากผู้หญิงคนนั้น   ดูเหมือนว่าเธอจะรู้ตัว  และกำลังมองมาทางนี้เช่นกัน  ส่งสายตาเป็นคำถามว่า   “มองหาอะไรมิทราบ?”   เต๋อก็กลับแกล้งทำเป็นมองไม่เห็นแววตาเอาเรื่องคู่นั้น  ส่งยิ้มแบบกวนๆ ไปให้  
          เริ่มต้นความสัมพันธ์ไม่ราบรื่นแบบนี้  แล้วมันจะไปรอดไหมนี่?
          
      เปิดเรียนมาได้หลายวันแล้ว   มีความจริงข้อหนึ่งที่เต๋อได้รู้  ก็คือว่าเธอคนนั้น  ชื่อว่า  “หวาน”  แต่ไม่มีความหวานอยู่ในตัวเลย   ห้าวมากๆ   ดูคล้ายผู้ชาย  และก็พร้อมที่จะเอาเรื่องได้ทุกเวลา  หากไปทำอะไรให้คุณเธอไม่พอใจ   น่าเสียดายจัง  ทั้งที่ออกจะสวยขนาดนี้   มีความรู้สึกว่าไม่อยากเข้าใกล้ผู้หญิงแบบนี้เลย…เสี่ยง!
          
      ในคาบวิทย์ของวันหนึ่ง   ขณะทำงานกลุ่ม  ซึ่งถือว่าเป็นโชคร้ายของเต๋อ  ที่ต้องมาอยู่กลุ่มเดียวกับหวาน  และเมื่อลงมือทดลอง  เต๋อกะปริมาณของสารละลายผิด  ทำให้เกิดปฏิกิริยาเคมีที่อยู่นอกเหนือระบบการทดลอง  ส่งผลให้การทดลองล่าช้าขึ้นกว่าเดิม
      “นายเต๋อ  นายทำอะไรของนาย  เห็นไหมว่ามันพังหมดแล้ว”
          “แค่นี้   เริ่มใหม่ก็ได้นี่”
          “เริ่มใหม่…นายไม่รู้รึไงว่ามันต้องเสียเวลาแค่ไหน  ทีหลังรู้ตัวว่าทำไม่ได้  ก็ไม่ต้องยุ่งเลย”
          “ขอโทษ”   พูดแบบห้วนๆ  โกรธและก็รู้สึกเสียหน้าด้วย  โดนยายหวานด่าอีกแล้ว
          ปกติ   หวานกับเต๋อจะต้องมีเรื่องทะเลาะกันทุกวันเป็นประจำ  โดยที่ส่วนใหญ่  เต๋อจะเป็นฝ่ายแพ้เสมอ   เพราะส่วนใหญ่ก็เป็นเพราะความซุ่มซ่ามและเลิ่นเล่อของเต๋อเอง  เลยมักโดนว่าเป็นประจำ  หวานเองก็ระอากับพฤติกรรมของเต๋ออยู่เหมือนกัน  แต่อดจะไม่ว่าก็ไม่ได้  เมื่อปากมันไปเอง…ช่วยไม่ได้นี่น่า
          ทั้งคู่ไม่ได้รู้ตัวเลยว่า  มีบางสิ่งบางอย่างกำลังก่อตัวอยู่ภายในอย่างเงียบๆ  “ความผูกพัน”  
          
      วันเสาร์  เต๋อไปซื้อหนังสือ  และก็ได้พบกับผู้หญิงคนหนึ่ง  เธอกำลังยืนเลือกหนังสืออยู่เงียบๆ  และก็กำลังลังเลว่าจะเลือกซื้อเล่มไหนดี   เต๋อเห็นจังหวะเหมาะ   เลยเข้าไปทัก  และแนะนำว่าควรจะเลือกเล่มไหนดีกว่ากัน  แล้วก็ถามชื่อมา  “น้องโบ”  แต่ก็ไม่ได้รู้อะไรมากไปกว่านั้น  เพราะอาจโดนเข้าใจผิดว่ามีเจตนาไม่บริสุทธิ์  อีกอย่างคือไม่กล้าถามด้วย   น้องโบดูเป็นสาวหวาน  น่ารักแบบใสๆ  ดูเป็นธรรมชาติ  ไม่แก่แดด  เหมือนเด็กผู้หญิงรุ่นเดียวกันอีกหลายๆคนที่เต๋อเคยเจอมา  ทำให้เต๋อประทับใจในตัวน้องโบมาก  
          หลังจากนั้นทุกวันเสาร์   เต๋อก็จะไปที่ร้านหนังสือแห่งนั้น  เพื่อหวังว่าจะได้พบกับน้องโบ  ซึ่งเต๋อก็ไม่เคยผิดหวัง   ตอนนี้เต๋อรู้จักน้องโบมากขึ้น  น้องโบอายุอ่อนกว่าเต๋อ  2  ปี  อยู่โรงเรียนสตรีประจำจังหวัด  เธอชอบอ่านหนังสือ   ซึ่งเรื่องหนังสือนี่แหละที่ทำให้เต๋อมีเรื่องที่จะคุยกับน้องโบ  โดยที่ไม่เขินอายเท่าไร  เต๋อยอมรับกับตัวเองว่า   “ชอบ”  น้องโบเข้าแล้ว
          
      เวลานี้  เต๋อแทบจะหายใจเข้าออกเป็นน้องโบ   ติดภาพสาวหวานมา  ทำให้เวลาทะเลาะกับหวานทีไร  ก็จะว่าหวานว่า   “เสียแรงที่ชื่อหวาน  มีแต่ความขมและเปรี้ยว  หาความหวานไม่เคยเจอ”   และก็มักจะนำหวานไปเปรียบกับน้องโบอยู่เสมอ   มันทำให้หวานไม่พอใจ  และรู้สึกโกรธเต๋อมาก  ที่นำตนเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่น  ดังนั้นหวานจึงไม่พูดไม่คุย  หรือแม้แต่ทะเลาะกับเต๋ออีกเลย  ทางด้านเต๋อเมื่อเห็นหวานเป็นแบบนี้  ก็ไม่ได้สนใจอะไร  คิดว่าดีซะอีก  เขาจะได้ไม่ต้องมาเหนื่อยเมื่อยปาก  และปวดหูอยู่ทุกวันๆ   เต๋อตามจีบน้องโบจนติด  และทั้งคู่ก็เป็น “แฟน”  กัน   เต๋อแทบจะไม่มีเวลาคิดถึงเรื่องอื่น   แค่น้องโบคนเดียวก็กินที่ว่างในสมองของเขาเกือบหมดแล้ว  
          “เว่อร์”   เป็นคำที่หวานให้คำจำกัดอาการของเต๋อ   ไม่ได้ว่าตรงๆหรอก  ( กลัวเสียฟอร์ม )  แต่หลอกด่า  “ประจำ”  
          เต๋อก็รู้ตัวว่าโดนหลอกด่า  แต่ก็ทำเฉยซะ  ( ทำได้ไง? …หวานคิดอยู่เงียบๆ ในทุกทีที่มีเรื่องกัน )  สาเหตุก็  คือว่า   “น้องโบ”  มีอิทธิพลต่อเต๋อมาก  ไม่ว่าใครจะทำอะไรเขา  เขาทนได้หมด  เมื่อน้องโบเคยขอไว้ว่า  อย่ามีเรื่องกับคนอื่นเลย  ( เต๋อเคยเล่าเรื่องของเขากับหวานให้ฟัง  ว่าทะเลาะกันเป็นประจำ )  หวานเองก็เพิ่งจะรู้เหมือนกัน  วันหนึ่ง   เต๋อลืมทำการบ้านมา  เลยโดนอาจารย์ด่า  หวานเลยถือโอกาสถับถมซะ
          “นี่แหละน้า  หลงผู้หญิงจนโงหัวไม่ขึ้น  วันๆคงไม่ทำอะไร  นอกจากไปเฝ้าเช้าเฝ้าเย็น   น่าสงสารผู้หญิงคนนั้นจังที่ต้องมาถูกผู้ชายไร้ความรับผิดชอบแบบนี้หลงรัก   ฮะ…ฮา…”
          “เงียบไปเลยนะหวาน”
          “ทำไม…ยอมรับความจริงไม่ได้รึไง   ว่านายน่ะ  มันไม่เอาไหน”
          “ก็ดีกว่าเธอล่ะกัน  วันๆ คงไม่ทำอะไรเลยสินะ  นอกจากฝึกวิทยายุทธในการเป็นผู้ชายอย่างสมบูรณ์แบบ   ฝึกไปถึงไหนแล้ว  น่าจะใกล้สำเร็จแล้วนะ  เหมือนแล้วนี่”
          “ไอ………………..”
          “ไง…พูดไม่ออกเลยหรือไง   อย่างเธอนะ  ไม่น่าจะเกิดมาเป็นผู้หญิงหรอก  เสียชาติเกิดเปล่าๆ”
          หวานพูดอะไรไม่ออก  โกรธมาก  เดินกระทืบเท้า  เชิดหน้าใส่เต๋อ  แล้วเดินออกมาจากตรงนั้น  
          “ฮึ่ม…นายเต๋อ  ทำฉันแสบนักนะ  สักวัน  ฉันต้องแก้แค้นนายให้ได้”   หวานคิดด้วยใจที่มุ่งหวังว่ามันจะเป็นจริงในไม่ช้านี่
          
      และแล้ววันที่หวานรอคอยมาถึง  วันเสาร์วันหนึ่ง   ที่หวานไปหาซื้อหนังสือเพื่อทำรายงาน  กำลังจะกลับออกจากร้านหนังสือแห่งนั้น  แต่พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นชายหญิงคู่หนึ่งกำลังทะเลาะกันอยู่ในมุมอับที่ไม่ค่อยมีคนเดินผ่านหรือมองเห็น   ข้างๆกัน  มีผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่   ทำท่าเหมือนพร้อมจะกระโจนเข้าไปร่วมทันที  หากผู้ชายคนนั้นทำอะไรผู้หญิง   หวานยืนรอดูเหตุการณ์ต่อไปจนจบ  ผลปรากฏว่า  ผู้หญิงคนนั้นก็เดินจากไปกับผู้ชายที่ยืนรออยู่  ทิ้งให้ผู้ชายอีกคนทรุดร่างลงพิงชั้นวางหนังสือ   ก้มหน้าลงกับท่อนแขน   หวานเริ่มเดาเหตุการณ์ออกแล้วว่า  ชายหญิงคู่นี้น่าจะเป็นแฟนกัน  และวันนี้ผู้หญิงก็คงมาบอกเลิก  แถมยังควงคนใหม่มาให้เห็นอีก   น่าสงสารจัง  เดินไปทักหน่อยดีกว่า
          “คุณคะ…เป็นอะไรรึเปล่าค่ะ”  หวานถามด้วยความปรารถนาดี
          “ไม่ต้องมายุ่งกับผม”   เขาตวาดกลับมา  แต่เสียงคุ้นๆ แฮะ
          “ก็ไม่ได้อยากยุ่งหรอก  เห็นเหมือนอยากตายเหลือเกิน  ก็จะมาบอกว่าอย่ามาตายในนี้”
          “แล้วมันเรื่องอะไรของคุณเล่า?”  เขาเงยหน้าขึ้นช้าๆ  
          “เต๋อ…….”
          “หวาน…เธอมาที่นี่ได้ไง”
          “ร้านหนังสือนี่   เธอเข้ามาได้คนเดียวรึไง”
          “เออ…”
          “เมื่อกี้น้องโบของนายใช่ไหม   ไงอกหักแล้วล่ะซิ”
          “อย่ายุ่งน่า…”
          “สมน้ำหน้า   คนอย่างนาย  ไม่มีวันคบใครได้นานหรอก   สมควรแล้วที่ผู้หญิงเค้าจะทิ้ง”
          เพียะ….
          ขาดคำ   ฝ่ามือหนาๆ  กระทบกับใบหน้าของหวานอย่าเต็มแรง   หวานเซเพราะแรงตบ  เธอนิ่ง   เอามือลูบแก้มที่แดงขึ้นมาเป็นรอบฝ่ามือชัดเจน   น้ำตาไม่มีไหลออกมาให้อีกฝ่ายเห็นแม้สักหยด  
          มาถึงตอนนี้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ถึงขั้นที่เรียกว่า   “แย่มาก”
          
      ในวันนั้น  หวานกลับบ้าน   วิ่งไปที่ห้องนอนของตนเอง  เธอร้องไห้ออกมาอย่างเต็มที่  เธอเจ็บที่กาย  โดนผู้ชายตบมาแบบนั้น   มองดูผลงานของเขา  หน้ายังแดงไม่หาย  แล้วเมื่อไรมันจะจางล่ะเนี่ย   อีกอย่างเจ็บที่ใจ   เจ็บที่ไม่สามารถทำอะไรเขาได้เลย…   เธอจะต้องเอาคืน  ให้เขาเจ็บกว่าที่เธอเป็น…
          แต่หวานไม่ได้รู้หรอกว่า   ทุกสิ่งที่หวานพูดไปมันทำร้ายเต๋อให้ยิ่งเจ็บมากขึ้นกว่าเดิมอีกไม่รู้กี่เท่า   เธอคิดแค่ว่า    เธอจะต้องเอาคืน  ให้เขาเจ็บกว่าที่เธอเป็น  ทั้งๆที่เขาก็เจ็บเจียนตายอยู่แล้ว
          รุ่งขึ้น   หวานไปหาเต๋อที่บ้าน   ซึ่งอยู่ไม่ไกลกันเท่าไร  
          เต๋ออยู่บ้านคนเดียว
          หวานไม่ได้ไปตัวเปล่า  เธอพกมีดไปด้วย…
          หลังจากยืนกดกริ่งอยู่นาน   เต๋อก็มาเปิดประตูบ้านต้อนรับรับแขกที่มาแบบไม่ได้รับเชิญ  
          “หวาน…มาทำไม   จะมาเยาะเย้ยถากถางอะไรเราอีกล่ะ  กลับไปซะ”   สายตามองถุงที่หวานถืออยู่  อย่างสงสัย
          “เปล่า   มาแก้แค้นเฉยๆ”   พลันคว้ามีดที่อยู่ในถุง  แทงไปยังเป้าหมายคือบริเวณหน้าอกของเต๋อ
      แต่พลาดเป้า  เต๋อเบี่ยงตัวหลบทัน   ถึงอย่างนั้น  ปลายมีดก็ยังเฉียดๆเอาแขนของเต๋อให้เลือดไหลออกมาเป็นทาง   หวานทำท่าว่าจะซ้ำ   แทงมีดเข้าไปอีกครั้ง  แต่คราวนี้เต๋อระวังตัวไว้แล้ว  เขาใช้มืออีกข้างจับข้อมือหวานไว้ด้วยความไวกว่าแล้วปัดมีดออกจากมือของอีกฝ่าย   ใช้ลำตัวกดทับร่างของหวานให้ล้มลงไปกับพื้นพร้อมกัน  เพื่อป้องกันการดีดดิ้น  หรือทำร้ายเขาอีก   ภายใต้การโดนทับไว้เช่นนั้น  หวานไม่อาจเคลื่อนไหวตัวเองได้อย่างอิสระ   เธอพยายามที่จะดิ้น  เพื่อให้หลุดจากพันธนาการนั้น   ปากเธอก็ตะโกนต่อว่าเต๋อต่างๆนานา  โดยไม่หยุด
      ทันใดนั้น …
          เรียวปากที่หนากว่าก็ทาบลงมาปิดปากของหวาน…
          เกิดอะไรขึ้น…   จูบ…นายเต๋อ…
          เต๋อแค่ต้องการจะทำให้หวานเงียบเท่านั้นเอง   แต่เมื่อปากประกบปากแล้ว  ความตั้งใจเดิมก็หายหมด  เขาอยากจะลิ้มรสความหวานของปากนี้ต่อไปอีก  ช่วงเวลาที่เต๋อกำลังเคลิ้ม  มันทำให้เต๋อเผลอ  หวานจึงใช้เข่ากระแทกเข้ากลางลำตัวของเต๋อ   เฉียดจุดยุทธศาสตร์ไปเพียงเล็กน้อย  แต่มันก็เพียงพอที่จะทำให้หวานหลุดเป็นอิสระได้  ส่วนเต๋อเปลี่ยนเป็นนอนคู้อยู่กับพื้น  และเมื่อหวานยืนขึ้นได้แล้ว   เธอใช้เท้าเตะเข้าไปบริเวณท้องของเต๋ออีกครั้ง    ก่อนรีบวิ่งหนีออกมาอย่างเร็ว  โดยไม่สนคนที่นอนเจ็บอยู่ด้วยฝีมือตนเลยแม้แต่น้อย
          ส่วนเต๋อยังคงอยู่ในท่านั้น  ไปอีกนานหลายนาที  กว่าจะลุกขึ้นมาได้   เมื่อลุกขึ้นมา  พอเดินไหว  เขาก็ทำแผลให้ตัวเอง  ก่อนที่จะไปเช็ดคราบเลือดที่ติดอยู่ที่พื้นออก   เพื่อไม่ให้คนในบ้านสงสัยเมื่อกลับมาถึง   หลังจากนั้นเขาก็เข้ามานอนพักในห้องของตัวเอง   หวนคิดถึงเหตุการณ์เมื่อครู่  
          หวาน…
          เธอก็แค่ผู้หญิงคนหนึ่งนี่นะ   เธอเป็นผู้หญิงจริงๆ  แวบหนึ่งที่เขาคิดว่า   มีน้ำใสๆไหลรินจากตาคู่นั้น   แต่ก็แค่เพียงแวบเดียวเท่านั้น   แล้วเขาก็มองไม่เห็นมันอีกเลย…
          
      วันต่อมา   ทั้งคู่ยังไปโรงเรียนตามปกติ  แต่ที่ไม่เหมือนเดิมคือ  หวานกับเต๋อแทบจะไม่คุยหรือทะเลาะกันเลย   ไม่มีแม้แต่คำพูดเสียดสีกันด้วยซ้ำ   เต๋อคิดว่าเขาคงไม่มีทางขอโทษหวานแน่  เพราะ  เขาไม่ใช่คนผิด  คนที่โดนทำร้ายก็คือเขา  เมื่อเพื่อนถามถึงรอยแผลที่แขน  เต๋อก็จะมีคำตอบว่า
          “โดนหมามันข่วน…”
          “หมาที่ไหนว่ะ   ข่วนเป็นรอยแบบนี้”
          “หมาแถวๆนี้แหละ”  
          ตอนนี้   ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ถึงขั้น  “แย่ที่สุด”
          คนไม่รู้จัก… น่าจะเป็นคำกำจัดความสัมพันธ์ของทั้งคู่ได้ดีที่สุด
          
      เดือนหนึ่งผ่านไป   ถึงวันเกิดของหวาน   เธอชวนเพื่อนทุกคนในห้องไปงานเลี้ยงวันเกิดของเธอ  ยกเว้นเต๋อ   แน่นอนว่าเต๋อก็ไม่มีความคิดที่จะไปอยู่แล้ว   แต่เพื่อนๆ  ก็ลากเต๋อไปด้วยจนได้  กล่อมว่างานนี้อาจจะทำให้หวานกับเต๋อคืนดีกันก็ได้   แต่เต๋อไม่คิดงั้นเลย   เขารู้ดีว่าความเป็นไปได้ของคำกล่าวนี้แทบจะเป็นศูนย์  แต่เขาก็เลือกที่จะไปงาน  เพื่อไม่ให้เสียน้ำใจเพื่อน   เขาเลือกสร้อยคอมือที่ร้อยด้วยลูกปัดแบบของชาวอินเดียแดงไปมอบให้เป็นของขวัญวันเกิดของเจ้าของงาน
          หวานรับของขวัญจากเต๋อ   แกะห่อออกดู  แล้วกระชากทิ้งอย่างไม่คิดเสียดายแทบจะในทันที   ต่อหน้าเต๋อและทุกคน    เกิดความเงียบปกคลุมทั่วบริเวณ  ทุกคนต่างอยู่ในอาการตกใจเหมือนๆกัน  ยกเว้นหวาน  เธอเชิดหน้ามองเต๋ออย่างท้าทาย  
          เต๋อก็อึ้ง  ไม่คิดว่าหวานจะทำขนาดนี้  แล้วก็ฝืนยิ้มออกมา  บอกว่า
          “Happy  Birthday  นะหวาน  มีความสุขมากๆนะ”  
          แล้วเขาก็หันหลังเดินออกจากงาน  มีเพื่อนหลายคนเดินตามมา  เขาบอกคนเหล่านั้นว่า  “เขาไม่เป็นไร   เขากลับเองได้น่ะ  ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก”   ถึงอย่างนั้นก็ยังมีเพื่อนตามมาส่งเต๋อถึงบ้าน  ตลอดทางเต๋อเงียบมาก  ไม่มีใครกล้าพูดอะไร  เพราะเดาความรู้สึกของเต๋อไม่ออก  กลัวว่าหากพูดออกไปแล้วจะไปทำร้ายความรู้สึกของเพื่อนเพิ่มมากขึ้น   จึงมีเพียงคำพูดว่า  
          “พวกเรายังอยู่ข้างๆนายนะ  เต๋อ  มีอะไรก็อย่าเก็บไว้   พวกเราพร้อมรับฟังนายเสมอ”
          “เออ…ขอบใจ”
          กลับถึงบ้าน  เต๋อใช้เวลาทบทวนตัวเอง  ว่าเขาทำผิดอะไรมากมายนักรึไง  ถึงขนาดที่ผู้หญิงคนหนึ่งต้องเกลียดเขามากขนาดนั้น   เขาอยากจะขอโทษเธอ  แต่เธอคงไม่มีทางฟังคำของเขา  แล้วเขาจะทำไงล่ะ?
          
          เย็นวันหนึ่ง  พ่อกลับถึงบ้าน  แล้วพูดกับเขาว่า
      “เต๋อ…รีบเคลียร์งานที่โรงเรียนให้เรียบร้อยนะลูก”
          “ทำไมล่ะครับ…พ่อ”
          “ก็พ่อได้ย้ายไปประจำที่สาขาต่างจังหวัด  ได้เลื่อนตำแหน่งเป็นผู้จัดการด้วยนะลูก”
          “หมายความว่าผมก็ต้องย้ายโรงเรียนด้วยใช่ไหมครับ”
          “ก็ใช่น่ะซิ  เราจะย้ายไปทั้งครอบครัวเลยไงล่ะ”
          “แล้วพวกเราจะย้ายไปเมื่อไร่ล่ะครับ”
          “อีกเดือนหนึ่ง”
          เต๋อรับรู้ด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูกว่าดีใจ  หรือเสียใจกันแน่ที่จะได้ย้ายไป  แต่สิ่งหนึ่งที่เขารู้ก็คือว่า  เขาคงจะไม่บอกเพื่อนๆ  จนกว่าจะถึงเวลาย้ายแล้ว  เขายังไม่อยากเห็นแววตาเสียใจและน้ำตาจากเพื่อนๆ  ของเขา   อีกอย่างคือ   ความดีใจที่จะฉายออกมาชัดเจนทางใบหน้าและวาจาของผู้หญิงคนนั้น…หวาน

      เวลาอีกแค่เดือนเดียว  เขาจะใช้เวลาทั้งหมดที่มีทำให้หวานยกโทษให้  ( ทั้งที่ยังไม่รู้ว่าหวานเกลียดตัวเขาด้วยสาเหตุใด! )  แต่เขารู้ว่า    เขาคงต้องทำให้ผู้หญิงคนนี้เจ็บมาก   มากถึงขนาดที่เปลี่ยนไปเป็นความแค้นเสียด้วยซ้ำ   อย่างน้อยเขาก็หวังแค่ได้ปรับความเข้าใจ  ได้รู้ถึงสาเหตุที่ทำให้ความสัมพันธ์ของเขากับหวานแย่ขนาดนี้   ก็น่าจะเพียงพอสำหรับเขาแล้ว  เพราะครั้งหนึ่งหวานก็เคยเป็นผู้หญิงที่เขามีความรู้สึกดีๆให้  แม้จะไม่นาน   เขาก็อยากปรับความเข้าใจให้ได้ก่อนจากไปเท่านั้นเอง…
          
      วันหนึ่ง  คาบอิสระ   หวานนั่งอ่านหนังสืออยู่เงียบๆ เพียงลำพัง   เต๋อลังเลอยู่นาน  ก่อนตัดสินใจเดินเข้าไปทัก  
          “หวาน…”
      เงียบ  ไร้เสียงตอบรับ  
      “หวาน…บอกเราได้ไหม  ว่าทำไมเธอถึงเกลียดเรานักหนา”
          หวานเพียงแต่เงยหน้าขึ้นมอง   แต่ก็ไม่มีคำพูดใดหลุดออกจากปากของหวาน
          “หวาน…เราจะเป็นคนไม่รู้จักกันไปถึงเมื่อไหร่   เราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่เหรอ”
          “เพื่อน…นายพูดคำนี้มาได้ไง   นายก็รู้ดีว่าสำหรับเรา   มันไม่ใช่”   ตวาดกลับแทบจะทันที
          “แล้วเมื่อไหร่เธอถึงจะยอมเป็นเพื่อนเรา”
          “วันที่นายตายมั้ง”
          “เหรอ…เพิ่งรู้นะว่าเธอเกลียดเรามากขนาดนี้  ถ้าเราตายไปได้  เธอถึงจะยอมเป็นเพื่อนกับเรางั้นซิ”
          “คงงั้น…แล้วก็รู้ไว้ด้วยนะว่าเราเกลียดนาย…เกลียดมาก”
          “เราก็ไม่รู้นะว่าไปทำอะไรให้เธอเกลียด   เลยถามอยู่นี่ไง  บอกไม่ได้รึไง”  เริ่มจะโมโหบ้างแล้ว !
          “บอกไปแล้วจะได้อะไร   ถึงไงนายก็ทำให้ความรู้สึกที่เราเสียไปกลับมาไม่ได้หรอก  และมันก็ไม่มีทางเหมือนเดิมได้อีก   เพราะงั้นอย่ามายุ่งกับเราดีกว่า”
          เต๋อเลยหมดหวัง   เดินคอตกกลับออกมา  แต่สิ่งหนึ่งที่เขาคิดไว้เป็นจริงว่า   ครั้งหนึ่งเขาเคยทำให้เธอเจ็บ   เจ็บมาก…   แต่ก็ยังนึกไม่ออกอยู่ดีว่าเรื่องอะไร  แต่ไม่เป็นไรหรอกน่า  เวลายังมี  เขาต้องพยายามทำให้สำเร็จจนได้  !
          
      แต่หวานกลับเป็นผู้หญิงที่ดื้อดันเกินกว่าที่เต๋อคิดไว้มาก  ไม่ว่าเขาจะทำอย่างไร  หวานก็ไม่ยอมรับในสิ่งที่เต๋อทำให้แม้แต่นิดเดียว   ซ้ำร้ายยังปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใยอย่างแทบจะทันทีที่เต๋อเอ่ยปากอีกด้วย  หากเป็นสิ่งของที่เต๋อให้   เธอก็จะคืนให้   อาจจะฝากเพื่อนมาคืน  ก็ยังโชคดีที่ไม่ซัดมันทิ้งลงต่อหน้าต่อตาคนให้  ซึ่งทำให้จิตใจของคนให้แทบจะสลายพร้อมกับสิ่งของที่แหลกคามือของคนรับนั้น…
          เวลาเหลืออีกแค่  2  อาทิตย์   เต๋อก็จะย้ายแล้ว   ตอนนี้  เขาเริ่มที่จะทำใจแล้วว่า  “ไม่ว่ายังไง  เขาก็คงไม่มีทางเข้าถึงจิตใจของผู้หญิงคนนี้   เรื่องที่จะให้เธอยกโทษให้  ยิ่งไม่ต้องหวัง  เพราะยังไงก็คง…ไม่มีทาง”
          
      วันหนึ่ง  ขณะกลับบ้าน   บังเอิญที่ว่าหวานเดินออกมาพร้อมกับเต๋อพอดี   หวานเห็นเต๋อจึงรีบเดินหนี  เต๋อก็มอง  แต่ก็ไม่ได้รีบเดินตาม  แต่ก็ไม่ได้ทิ้งระยะห่างมากเท่าไร  แต่พอถึงทางเลี้ยวสุดท้าย   ก่อนถึงซอยเข้าบ้านของทั้งคู่   มีรถคันหนึ่งแล่นมาอย่างรวดเร็ว  หวานคงไม่ทันสังเกตจึงเดินต่อไป   แล้ว….
          “กรี๊ด…………..”
          รถคันนั้นชนคนเข้า   แล้วก็รีบขับหนีออกไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน
      หวานก้มลงมองดูตัวเอง  ว่าเป็นไงบ้าง  แต่แปลกที่บนตัวเธอไม่มีบาดแผลอะไรเลย  นอกจากรอยขีดข่วนเล็กๆ  เหลียวมองข้างตัว  ร่างๆหนึ่งนอนฟุบอยู่  ใช่แล้ว…เต๋อวิ่งเข้ามาผลักตัวเธออกไปให้พ้นจากรถมหาภัยนั่น  แต่ตัวเขากลับหลบไม่พ้น  และก็โดนชนแทนเธอ
          “เต๋อ…เต๋อ…”  
          “ช่วยด้วยค่ะ   คนถูกรถชน   ช่วยด้วย”    ตะโกนซ้ำไปซ้ำมาอยู่นาน   กว่าจะมีคนใจบุญผ่านมาและช่วยนำเต๋อไปส่งโรงพยาบาล  เต๋อถูกพาเข้าห้อง ICU ทันที   หลังจากติดต่อทางบ้านของเต๋อแล้ว  หวานก็มานั่งรอหน้าห้องด้วยใจกระวนกระวาย  ฉับพลันคำพูดหนึ่งก็ลอยเข้ามาในความคิด
          “เหรอ…เพิ่งรู้นะว่าเธอเกลียดเรามากขนาดนี้  ถ้าเราตายไปได้  เธอถึงจะยอมเป็นเพื่อนกับเรางั้นซิ”
          “ไม่…ไม่…นายต้องไม่เป็นอะไร”  หวานนั่งภาวนาอย่าให้เต๋อเป็นอะไรไปเลย
          เมื่อหมอเดินออกมาบอกว่าคนไข้ปลอดภัยแล้ว  แต่ยังคงต้องอยู่พักดูอาการในห้อง  ICU  ไปสักวันสองวันก่อนย้ายเข้าพักห้องพักฟื้น  ได้ยินอย่างนั้น  หวานก็โล่งใจ  เดินปลีกตัวออกมา  โดยไม่ได้ทักทายพ่อแม่ของเต๋อ  หรือว่าแวะดูอาการของเต๋อ  
          เมื่อเพื่อนๆที่โรงเรียนทราบข่าวว่าเต๋อเข้าโรงพยาบาล  ต่างก็พากันไปเยี่ยม  เมื่อชวนหวานไปด้วยกัน  เธอก็ปฏิเสธ   เต๋อก็ไม่รู้ว่าหวานไปเยี่ยม  คงคิดแค่ว่า  ชาตินี้เขาคงไม่มีทางญาติดีกับผู้หญิงคนนี้ได้อีกแล้ว  จึงได้แต่ทำใจ  ก็ทำถึงขนาดนี้   หวานยังไม่ยอมให้อภัย  จะหวังอะไรได้อีกล่ะ  
          แต่เต๋อก็ไม่เคยรู้ว่า  หวานมาเยี่ยมเขาทุกวัน  โดยจะเข้าไปตอนเขาหลับ  และไม่มีใครอยู่ในห้อง  แต่ก็นั่งอยู่เพียงไม่กี่นาที   แล้วก็ออกมา  เต๋อไม่รู้หรอกว่า   การกระทำของเขาครั้งนี้    มีผลให้หวานอภัยในทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาเคยทำให้เธอเจ็บแก่เขา   เธอไม่โกรธหรือเกลียดเขาอีกแล้ว  
          
      อีก 2 อาทิตย์  เต๋อก็ได้ออกจากโรงพยาบาล  เพื่อนๆ  ที่ห้องจัดงานเลี้ยงให้เขา  และก็เป็นงานเลี้ยงส่งด้วย  เมื่อรู้ว่าเขาต้องไปแล้ว  ทุกคนไปร่วมงานเลี้ยงนี้  ยกเว้น  “หวาน”
          งานเลี้ยงเต็มไปด้วยความดีใจที่เต๋อหายป่วย  และความเสียใจที่เขาต้องลาจากเพื่อนๆ ไป  แม้จะอยู่ร่วมกันได้แค่ปีเดียว  แต่มันก็ทำให้เกิดความรู้สึกผูกพันระหว่างเพื่อนขึ้นมาได้อย่างไม่ยากเย็น   ตลอดเวลา  เต๋อส่งสายตามองหาหวาน  แต่ก็ผิดหวัง  แม้จะเตรียมใจไว้แล้วว่าถึงไงหวานก็คงไม่มางานนี้แน่    แต่เขาก็แอบหวังอยู่ลึกๆไม่ได้  ว่าหวานจะมา…
          เมื่องานเลี้ยงเลิก   เต๋อเดินทางกลับบ้าน  ก่อนเข้าบ้าน  เขาเห็นคนๆหนึ่งยืนรออยู่ที่หน้าทางเดินเข้าบ้าน   สายตาเพ่งมองจนเห็นใบหน้านั้นชัด
          หวาน…นั่นเอง
          “หวาน…มาทำอะไรที่นี่”
          “มารอนายไง”   คำตอบนี้ทำให้เต๋อแปลกใจ
          “แล้วทำไมไม่ไปที่งาน”
          “ไม่อยากไป”   เต๋อตกใจอยู่เหมือนกัน  ไม่คิดว่าจะตอบตรงขนาดนี้เลย  
          “แล้วมาหาแบบนี้   มีอะไรรึเปล่า”
          “ถามโง่ๆ   ถ้าไม่มีจะมารอทำไม”
          “อ่านะ…”  
          “อย่าทำหน้าอย่างนั้นสิ   ดีใจด้วยที่ออกจากโรงพยาบาลนะ   เรามาเพื่อบอกนายว่า   เราให้อภัยนายหมดแล้ว  ขอโทษด้วยที่เคยทำไม่ดีกับนายไว้   โชคดีนะ   ไปล่ะ”
          “เดี๋ยว…หวาน”
          “หือ…”
          “บอกเราได้ไหมว่า   เราไปทำอะไรให้เธอโกรธ   เธอถึงได้แค้นเรานักหนา”
          “อยากรู้จริงๆเหรอ”
          “อืม…”
          “ก็ได้   เพราะนายชอบว่าเรา   อือ…อันที่จริงมันก็ไม่แย่เท่าไรหรอกนะ  ถ้านายจะไม่นำเราไปเปรียบกับคนอื่น   ที่แย่กว่านั้นคือ    นายว่าเราว่าไม่น่าจะเกิดมาเป็นผู้หญิง    แล้วอีกอย่าง…นายรู้รึเปล่าว่าการที่ผู้หญิงคนหนึ่งโดนผู้ชายที่ตัวเองชอบต่อว่าแบบนั้น   มันทำให้เสียใจมากแค่ไหน   ซึ่งนั่นน่ะมันทำให้เราแค้นนายมาก”
          “เพราะเหตุนี้นี่เอง   อือ…ว่าแต่ผู้ชายที่ตัวเองชอบ…นั่นนะหมายถึงเรารึเปล่า”
          “ก็ใช่น่ะสิ”
          “เพิ่งรู้นะเนี่ยว่า  เดี๋ยวนี้ผู้หญิงเขามีวิธีจีบผู้ชายกันแบบนี้   บอกตรงๆ โหดมากๆ ”
          “ก็เราไม่ใช่ผู้หญิงแบบนางเอกนี่  ที่จะต้องอ่อนแอ  รอแต่ให้เขามาปกป้อง  อะไรนิด  อะไรหน่อย  ก็ทำไม่ได้   แล้วก็ต้องคอยรักษาภาพพจน์ตัวเองให้เป็นสาวหวาน  เรียบร้อย  น่ารัก   นายก็รู้นี่  ว่านั่นไม่ใช่เราเลย”
          “นั่นสินะ   เธอเป็นเธอแบบนี้ก็ดีอยู่แล้ว  แต่ท่าจะให้ดีกว่านี้  ลดความโหดลงหน่อย  จะเจ๋งมาก”
          “แล้วเราจะเก็บไว้พิจารณาล่ะกัน”
          “อืม…เราต้องขอโทษเธอด้วยนะ   ที่ที่ผ่านมาเราเคยทำให้เธอต้องเจ็บขนาดนั้น   หวังว่าเรายังคงเป็นเพื่อนกันได้…ใช่ไหม”
          “ไม่ได้”    ตอบแบบทันควัน   เล่นเอาคนฟังตกใจ
          “ทำไมล่ะ?”
          “ก็มีตำแหน่งที่ดีกว่าเพื่อนไว้ให้นายแล้วนี่”
          “อะไรเหรอ…”
          “ถ้าโง่  คิดไม่ออกก็ไม่ต้องรู้”
          “โธ่…แค่นี้ทำไมจะไม่รู้ล่ะ   ก็…”
          เต๋อกระซิบบอกคำที่ต่อจากนั้นที่ข้างหูของหวาน  เล่นเอาหวานเขิน  หน้าแดงระเรื่อ  ซึ่งเต๋อมองว่า  มันเป็นภาพที่น่ารักที่สุด   เขาเลยหอมแก้มของหวาน   เลยทำให้สีแดงบนใบหน้าของหวานยิ่งเพิ่มมากขึ้น
            
      เมื่อเต๋อจากไป  เขาก็ยังคงติดต่อหวานอย่างสม่ำเสมอ   เมื่อมีวันหยุดหลายวัน  เต๋อก็จะขออนุญาติพ่อแม่เพื่อมาหาหวาน   แม้จะอยู่ห่างกัน  แต่ทั้งคู่ก็เป็นคู่รักที่ใครหลายคนอิจฉา   และหวังว่าตนจะมีความสุขอย่างนี้บ้าง…

      แล้วคุณล่ะ…   แม้ผู้หญิงที่อยู่ข้างๆคุณไม่ใช่นางเอก  แต่เป็นนางร้าย  อยากให้คุณลองมองดูเธอให้ดี  อย่าเพิ่งตัดสินใจเธอจากแค่การกระทำภายนอกเท่านั้น   ลองถามถึงสาเหตุ   แล้วคุณจะรู้ว่าเธอไม่ได้ร้ายอย่างที่คุณคิด…  
      ถึงเธอจะเป็นนางร้าย   แต่ก็เป็นนางร้ายที่รักคุณนะ…

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×