ตุ๊กตา...ในโลกไซเบอร์ - ตุ๊กตา...ในโลกไซเบอร์ นิยาย ตุ๊กตา...ในโลกไซเบอร์ : Dek-D.com - Writer

    ตุ๊กตา...ในโลกไซเบอร์

    โลกแห่งไซเบอร์ ใครว่าไม่มีรัก....

    ผู้เข้าชมรวม

    453

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    453

    ความคิดเห็น


    4

    คนติดตาม


    1
    หมวด :  รักดราม่า
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  27 เม.ย. 47 / 18:48 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      ตุ๊กตาในโลกไซเบอร์
      by …Pin’to

      สวัสดีครับ ผมชื่อ นัท อย่ารู้ชื่อจริงของผมเลย ไม่เพราะนักหรอก เรียกผมสั้นๆว่า นัท ก็พอ ผมเป็นใครน่ะเหรอ ก็ผู้ชายธรรมดาคนนึง อายุ 25 แล้วล่ะครับ มีงานทำแล้วด้วย ตอนนี้ก็เป็นสถาปนิกหนุ่ม รูปหล่อ ไฟแรง               แหม…ผมไม่อยากจะคุยเลยจริงๆนะครับ

      วันนี้ผมมีเรื่องรักในโลกอินเตอร์เน็ตมาเล่าให้ฟัง

      ผมทำงานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์วันละเกือบ 12 ชั่วโมง ก็ทั้งเขียนโปรแกรมเอย เขียนแบบเอย มากมายน่ะ ผมเบื่อที่จะต้องนั่งเฉยๆ แม้จะมีเวลาพูดกับเพื่อนร่วมงานบ้าง ก็นับคำได้เลยครับ
      คุณคงรู้จักโปรแกรม MSN Messager ใช่มั้ยครับ โปรแกรมแชท ที่จะทำให้คุณได้เปิดโลกแคบๆในห้องสี่เหลี่ยม เพื่อไปรู้จักกับผู้คนได้มากมาย ไม่ว่าคนๆนั้นจะอยู่ ณ มุมใดของโลก
      ผมเพิ่งจะมาติดโปรแกรมนี้อย่างมาก และถึงขั้นขาดไม่ได้ไปแล้ว
      ผมติดตุ๊กตาอยู่ตัวนึงครับ… เธอ คือ ตุ๊กตา ของผม
      ผมเริ่มเล่น MSN เมื่อปีที่แล้ว ถึงตอนนี้ก็ประมาณ 10 เดือนได้แล้วครับ เพื่อนผมบอกว่าน่าจะลองเล่นดู เขาก็เล่นอยู่ คุยกับสาวมหาวิทยาลัย หน้าตาน่ารักมากเลย ผมเคยเห็น เขาบอกว่าผมเครียดกับงานมากไป วันๆก็ไม่ค่อยพูดกับใคร เขากลัวผมจะเป็นใบ้ ไร้ชีวิตชีวาไปซะก่อน ก็เลยแนะนำมา เขาไม่รู้หรอกว่า มันเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดครั้งยิ่งใหญ่ของเขา มันทำให้ชีวิตของผมเปลี่ยนไปแบบไม่มีวันหวนคืน
      วันแรกที่ผมติดตั้งโปรแกรม ก็ไม่มีอะไร ผมไม่ได้คุยกับใคร เพราะผมยังไม่มีรายชื่อของใครเลย วันต่อมาเพื่อน 3 คน ในออฟฟิศก็ add ผม ก็คือการเอาชื่อผมไปใส่ใน contact list ของเขานั่นแหละครับ วันนั้นเซ็งหนักกว่าเก่า เพราะเพื่อนๆผมเอาแต่ส่งข้อความไร้สาระสิ้นดีมาให้ ผมไม่เป็นอันได้ทำงานเลยครับ
      วันต่อมา ผมกะเอาไว้ว่าจะลบโปรแกรมนี้ออกไปซะที ก็ปรากฎว่า พอเปิดโปรแกรม เข้าอินเตอร์เน็ต ก็มีคน add ผม เป็นคนที่ผมไม่รู้จักมาก่อนเลยครับ ชื่อที่ขึ้นคือ Cyber Doll …
      ผมเห็นเขาออนไลน์อยู่พอดี จึงทักไป
      Nut say : who are you ?
      คือ ผมไม่ได้อยากจะกระแดะใช้ภาษาฝรั่งหรอกนะครับ แต่ผมไม่แน่ใจว่าเค้าเป็นคนไทย หรือต่างชาติ หรือคนไทยแต่อยากเป็นต่างชาติ อาจอ่านภาษาไทยไม่ออกก็ได้
      Cyber Doll say : Cyber Doll…
      Nut say : I knew that your name is Cyber Doll.. I just want to know who are you.. why do you add me.. Do I know you before?  
      Cyber Doll say : I don’t know you.. that’s why I’m here..
      ผมว่าเขากวนมาก แต่ผมไม่ยอมแพ้ ถามไปถามมาซักพักเขาก็ตอบเข้าเรื่องได้
      คุยไปก็รู้ว่า เป็น เธอ… คือเป็นผู้หญิงน่ะครับ เป็นคนไทยนี่แหละ อายุ 21 เรียนอยู่ที่ฝรั่งเศสครับ  แล้วผมก็ไม่รู้อะไรอีกเลยในวันนั้น เราคุยกันไม่นานเธอก็ขอตัวไป บอกว่าต้องไปทำธุระ
      จะว่าไปผมก็ไม่สามารถบอกว่าผมรู้อะไรได้เต็มปากนักหรอกนะครับ ในโลกของไซเบอร์  มันจะมีอะไรจริง ตอนนั้นผมบอกกับตัวเองอย่างนั้น ตอนนี้ผมไม่อยากคิดถึงมันเลย… จะจริงหรือไม่จริง มันไม่ได้สำคัญอีกแล้วครับ
      วันต่อมาผมก็ทำงานตามปกติ แล้วก็เปิดโปรแกรม เธอก็ออนไลน์เช่นเดิม วันนี้เราคุยกันด้วยภาษาไทย
      เธอเรียกผมว่า พี่นัท ครับ ส่วนผมเธอบอกว่าให้เรียกเธอว่า ตุ๊กตา ผมถามว่า นั่น เป็นชื่อของเธอจริงหรือ เธอตอบว่าถ้าเชื่อมันก็จริง ผมบอกไม่ถูกว่าตอนนั้นผมรู้สึกอย่างไร แต่ผมบอกได้คำเดียว ว่าตอนนั้น
      ผมไม่เชื่อเลยซักนิด!!!
      วันนั้นเราคุยกันออกรส ผมถามว่าทำไมเธอถึงต้องข้ามน้ำข้ามทะเลไปเรียนไกลถึงเมืองนอกเมืองนา บ้านเรามหาวิทยาลัยดีๆก็มีออกมากมาย หรือว่าเธอได้ทุน
      เธอตอบว่า เธอเกลียดระบบการศึกษาของไทย ผมไม่อยากบอกถึงเหตุผลว่าทำไม เพราะคงไม่ดีแน่ๆหากใครในกระทรวงศึกษามาอ่านเข้า
      ผมไม่รู้อะไรมาเข้าสิง มาดลใจ ผมบอกได้เลยว่า ผมไม่มีอะไรปิดบังเลยแม้แต่น้อย ผมบอกความจริงกับเธอทุกเรื่อง เรื่องบางเรื่องแม่ผมยังไม่รู้เลย แต่เธอก็ได้รู้!
      ผมไม่เคยเห็นรูปเธอ แต่เธอเห็นรูปผม เพื่อนผมถ่ายไว้ตอนที่ผมกำลังนั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะ เธอเคยบอกว่าผมเป็นคนหน้าตาดี แต่เสียดายที่ท่าทางคงจะยิ้มยาก ผมถามว่าทำไม เธอบอกว่าเพราะผมคงจะเครียดกับการทำงานทั้งวัน เธอเจอผมวันละ 3 ครั้ง เธอบอกว่าทุกครั้งก็เห็นผมใส่ว่า busy ถ้าไม่ได้ทำงานหนัก เครียดมาก ก็คงไม่ใส่ไว้แบบนั้น และคนเครียดก็มักไม่ยิ้ม ผมบอกว่าไม่จริง ผมยิ้มออกบ่อยไป แต่เธอไม่เห็นเอง
      เธอบอกว่า อย่ามาโกหก เธอรู้สึกได้…
      เธอรู้สึกได้ยังไง มาเข้าใจอะไรได้ยังไง เธอกล้าดียังไงมาบอกว่าผมโกหก เธอไม่ได้รู้จักผมดีด้วยซ้ำไป!
      เวลาผ่านไปเดือนนึง เร็วมาก เร็วจนผมไม่รู้สึกตัวเลยว่า 1 เดือนที่ผ่านมา ผมเล่น MSN ทุกวัน
      เล่นเท่ากับเวลาที่ผมทำงาน นั่น คือ ตั้ง แต่ 10 โมงเช้า จนถึง ทุ่ม นึง
      ผมลองมานั่งคิดๆดู ผมคุยกับเธอวันละไม่ต่ำกว่า 4 ชั่วโมง ส่วนใหญ่จะเป็นช่วงตั้งแต่ บ่าย 3 โมงไปจนถึงเลิกงาน บางทีก็นานกว่านั้น ผมเคยถามว่าเธอเรียนตอนไหน เพราะเท่าที่รู้ ถ้าที่เมืองไทยเป็นตอนบ่าย ที่นั่นก็เพิ่งจะเช้า เธอบอกว่าแล้วแต่วัน บางวันเรียนเช้า บางวันเรียนบ่าย บางทีเธอก็ไม่เรียน ผมบอกว่าไม่เรียนได้เหรอ ไม่ดีนะ
      เธอบอกว่า คนที่ไปเรียนทุกวัน ก็ไม่ได้แปลว่าเป็นคนดี…
      วิถีชีวิตของเธอแปลก ผมบอกไม่ถูก เธอดูไม่สนใจกับกฎเกณฑ์ที่โลกนี้มี เธอมีทางดำเนินชีวิตของเธอเอง ครั้งนึงเธอบอกผมว่า ถ้าเธอมีคนรัก เธอจะไม่แต่งงาน ผมถามว่าทำไม เธอบอกว่าเธอไม่ชอบพิธีแต่งงาน ไม่ชอบคำพูด คำมั่นที่บ่าวสาวต่างมีให้กันในวันแต่งงาน แต่พอหมดรัก คำเหล่านั้นก็ดูจะไม่มีความหมาย เธอไม่ชอบงานเลี้ยง มันเหมือนว่าการที่คนสองคนจะมารักกัน ทำไมต้องมานั่งป่าวประกาศให้คนทั้งโลกรู้ ต้องเสียเงินทองมากมาย แล้วก็มานั่งช่วยกันเก็บหอมรอบริบกันใหม่ แหวนแต่งงานก็เหมือนโซ่ เหมือนบ่วง เหมือนสัญลักษณ์ แสดงความเป็นเจ้าของ เธอบอกว่ามันไม่ต่างอะไรกับการที่เราซื้อปลอกคอให้สุนัข!!
      เธอไม่ชอบการฮันนีมูน หรืออะไรก็ตามที่เป็นประเพณีนิยม ผมถามว่าแล้วเธอจะทำยังไง ถ้าไม่แต่งงาน
      เธอตอบมาสั้นๆว่า เธอจะรักคนรักของเธอคนเดียว จนวันตาย…
      เชื่อมั้ย ว่าคุยกับเธอตั้งนาน ผมก็รู้แค่ชื่อ ตุ๊กตา กับประวัติเล็กๆน้อยๆเท่านั้น ผมไม่กล้าจะถามอะไรมากนัก ผมคิดว่าผมควรเคารพในความสัมพันธ์นี้ มันเปราะบางมาก ถ้าผมล้ำเส้น ผมอาจเสียเธอไปก็ได้…
      ผมชอบความคิดของเธอ เธอไม่เหมือนใคร ความคิดของเธอแหวกแนว จนบางครั้งก็ดูจะมองโลกในแง่ร้ายไปบ้าง แต่ไอ้ความที่เธอมองโลกไม่เหมือนใครนี่แหละ มันยิ่งทำให้ผมอยากรู้จักกับเธอมากขึ้น อยากจะรู้ว่าอะไรทำให้เธอมองโลกแบบนั้น
      ผมรู้สึกว่าผมอยู่ในที่ๆสว่างมาก เหมือนยืนอยู่บนเวที มีสปอตไลท์จับจ้าอยู่ที่ผม ส่วนเธอ ก็เป็นคนฉายสปอตไลท์ ผมไม่เคยเห็นหน้าเธอชัดสักที… เธออยู่ในที่ๆทั้งมืด และสูง ผมมองไม่เห็น เอื้อมไม่ถึง
      คุยกันได้สามเดือน ผมก็ตัดสินใจ กลั้นใจขอที่อยู่ของเธอ ผมอยากจะรู้จักเธอมากขึ้น เธอถามว่า จะขอไปทำไม ไม่เชื่อหรือว่าเธออยู่ฝรั่งเศส หรือว่าจะบินมาหาเธอ
      ผมบอกว่ามันใกล้เทศกาลวาเลนไทน์แล้ว ผมอยากส่งการ์ดให้เธอ เธอก็เฉไฉไป บอกว่าส่งมาทางเมลล์ก็ได้ ผมบอกว่าไม่เหมือนกัน ยื้ออยู่พักนึงเธอก็ให้ เธอยังคงใช้ชื่อ Cyber Doll ผมนึกว่าผมจะได้รู้จักชื่อจริงของเธอ ผมถามว่าให้ส่งไปชื่อนี้น่ะ เหรอ แล้วจะรู้เหรอว่าใครเป็นใคร ไปรษณีย์เขาส่งเหรอ เธอบอกว่ามีที่อยู่ถูกต้องเขาก็ส่งหมดแหละ
      และที่สำคัญ เธอรู้ว่าตัวเองเป็นใคร คนอื่นจะรู้หรือไม่ ไม่สำคัญ
      บางครั้งผมก็นั่งนึกน้อยใจ นึกสงสัย ว่าทำไมผมถึงต้องง้อ ต้องคุยกับเธอ เธอน่าจะเป็นคนที่ง้อผม คุยกับผม ชวนผมคุยมากกว่า เพราะเธอเป็นคนที่อยากจะรู้จักผม เข้ามาหาผมก่อน แต่ไปๆมาๆ ผมเองกลับเป็นคนที่ติดเธอ ผมอยากรู้จักเธอ ผมอยากจะเจอเธอจริงๆ
      ผมไปเลือกการ์ดที่สวยที่สุด ดีที่สุด แพงที่สุดให้เธอ
      การ์ดของผมไปถึงหลังวันวาเลนไทน์เล็กน้อย
      เธอบอกว่าชอบมาก แล้วก็ถามว่าทำไมถึงส่งการ์ดใบนี้ให้เธอ ผมบอกว่าการ์ดใบนี้พิเศษ ผมหาการ์ดสวยๆทั่วทั้งร้าน มีแต่ใบนี้เท่านั้นที่มีใบเดียว ผมคิดว่ามันสวย และเหมาะกับเธอ
      ข้อความข้างใน คือ … to my special friend
      ผมแค่ลงชื่อไว้ข้างท้าย ไม่ได้เขียนอะไรลงไปอีก ผมบอกว่าสิ่งที่พิเศษ ย่อมเหมาะกับคนพิเศษ เธอถามอีกว่า ทำไมถึงบอกว่าเธอพิเศษ ผมตอบกลับไปว่า สำหรับผม เธอไม่เหมือนใคร เธอลึกลับ น่าค้นหา เธอมีอะไรซ่อนเร้นไว้มากมาย ผมอยากรู้จักเธอมากขึ้น ดังนั้นเพราะความที่เธอไม่เหมือน ผมจึงรู้สึกพิเศษต่อเธอ ผมถามเธอกลับว่าผมล่ะ เป็นแค่ไหน เป็นอะไรสำหรับเธอ
      เธอตอบว่า สิ่งนี้อยู่ในใจเธอ เธอไม่สามารถบอกได้ว่ามันพิเศษหรือไม่ และถึงบอกไป ผมอาจไม่เชื่อ สิ่งที่เราสองคนน่าจะพอใจ ไม่ใช่ความพิเศษ พิสดาร พิศวง หรือความในใดๆ เราควรพอใจในมิตรภาพที่ดีที่เรามีให้กัน และมันกำลังก่อตัวช้าๆ นี่คือ สิ่งที่ตอบแทนกันได้เป็นอย่างดี
      อาทิตย์ถัดมา ผมได้รับโปสการ์ดภาพถ่ายขาว-ดำหนึ่งใบจากเธอ เป็นภาพถ่ายต้นสนที่สูงใหญ่มาก มีข้อความเขียนไว้ว่า

      I used to sit under this pinery…

      ผมถามว่าทำไมถึงส่งโปสการ์ดนี้มาให้
      เธอบอกว่าถ้าผมอยากรู้จักเธอมากขึ้น เธอก็อยากจะให้ผมเริ่มจากการรู้จักสถานที่ๆเธอชอบไปก่อน จะได้รู้จักเธอในมุมที่ไม่เคยเห็น ได้เห็นภาพกว้างขึ้น จินตนาการได้ว่าเธอกำลังทำอะไรอยู่ที่ไหน
      หลังจากนั้นผมก็ได้รับโปสการ์ดจากเธอมากมาย เป็นภาพสถานที่ต่างๆ แต่ในภาพเหล่านั้นไม่เคยมีรูปเธอเลย ผมถามว่าทำไมถึงไม่มีรูปของเธอบ้าง เธอตอบว่าถ้าภาพลักษณ์ รูปลักษณ์มันสำคัญกับผมมากนัก เธอจะไม่คุยกับผมอีก ผมบอกว่าทำไมถึงให้รูปของเธอกับผมไม่ได้ มีแต่เธอที่เห็นผมอยู่ฝ่ายเดียว มันไม่ยุติธรรม ถ้าเราจะคบกัน เราก็น่าจะเปิดเผยจริงใจกันให้มากกว่านี้
      เธอบอกว่าถ้าความจริงใจวัดกันแค่รูปถ่ายของเธอ ก็คงไม่มีอะไรต้องพูดกัน…
      แล้วเธอก็หายไป ผมไม่เป็นอันทำอะไร ผมเฝ้ารอว่าเมื่อไหร่เธอจะออนไลน์ เมื่อไหร่เธอจะส่งจดหมาย หรืออะไรก็ได้มาหาผม หรือว่าเธอบล็อกผมไปแล้ว ผมเอาแต่นั่งคิดเรื่องเหล่านี้ทั้งวัน
      แล้วเย็นวันหนึ่งหลังจากที่เราไม่ได้คุยกันมาเกือบ 2 อาทิตย์ ผมได้รับจดหมายจากเธอ…

      ถึง พี่นัท

      ขอโทษด้วยที่อยู่ดีๆ ก็หายไปแบบนี้ แต่นี่คือ ความจริง ในความไม่จริงทั้งหลายในโลกเรา
      เราต่างก็อยู่บนโลกเดียวกัน โลกแห่งความฝันและ ไซเบอร์ พอออกจากโลกนี้ เราก็มีชีวิตของเรา มีสังคม และสิ่งแวดล้อมที่ต่างกัน ความสัมพันธ์นี้จะอยู่ในโลกแห่งไซเบอร์เท่านั้น หากพี่คิดจะดึงมันออกมาอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง เชื่อเถิดว่า มันจะไม่สามารถดำรงอยู่ได้ในโลกอันแสนโหดร้ายนี้
      ถ้าพี่เห็นด้วย ก็รออยู่ที่เดิม
      เมื่อพร้อมแล้วเราจะกลับมาคุยกัน
                      
                                      ตุ๊กตาในโลกไซเบอร์

      สองวันต่อมาเธอออนไลน์ ผมขอโทษเธอ และขอให้เรากลับมาคุยกันเหมือนเคย เธอบอกว่าไม่จำเป็นต้องมาขอโทษ ไม่จำเป็นต้องมาแคร์ ผมบอกว่าผมแคร์เธอ เธอบอกว่าอย่าพูดแบบนั้น เธอหนักใจ และรับไม่ไหว เธอไม่ได้มีตัวตนอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงของผม ผมไม่ควรทำอะไรให้ยุ่งยาก
      ผมไม่เข้าใจว่ามันมีอะไรทำให้เธอกลัวการออกมายืนกลางแสงสว่างนัก ทั้งๆที่มันก็แสนจะอบอุ่น และสดใส ดีกว่าที่ๆเธออยู่ ผมว่ามันคงจะทั้งมืดหม่น หนาวเหน็บ และโดดเดี่ยว ผมรู้สึกเช่นนั้น
      เราคุยกันเหมือนเดิมจนเวลาล่วงเลยไป ทำให้ผมนึกขึ้นได้ว่าเราคุยกันมานานมากแล้ว ตั้งแต่วันแรก
      จนตอนนี้ก็ 10 เดือนพอดี วันนี้ผมก็ยังคงนั่งเปิดคอม เปิด MSN รอเธอเช่นเดิม แต่เพราะเป็นวันเสาร์ ผมจึงนั่งเล่นอยู่ที่บ้าน เธอยังไม่ได้ออนไลน์ เพราะเพิ่ง บ่าย 2 เท่านั้น ผมเหลือบออกไปที่หน้าต่าง เห็นไปรษณีย์เดินมาที่หน้าบ้าน เอาจดหมายมาหย่อนใส่ตู้หน้าบ้านให้ผม
      ผมจึงรีบลงไปรับทันที
      ผมได้รับจดหมายที่ไม่ได้เขียนที่อยู่ แต่มีชื่อผู้ส่ง ชื่อคือ นิลเนตร ชื่นตา
      ผมเปิดซองจดหมายออก ผมก็พบโปสการ์ดรูปถ่ายขาว-ดำเช่นเคย รูปที่ผมได้รับ ทำให้ผมแทบทรุด
      เป็นรูปของเด็กผู้หญิง อายุซัก 18 ได้ หน้าตาเธอดูสวย แต่ซูบผอม เธอนั่งอยู่บนเตียง ร่างกายเธอมีสายระโยงระยางเต็มไปหมด มีขวดน้ำเกลือ ห้อยอยู่ข้างเตียง มีเครื่องวัดอะไรต่างๆอยู่อีกด้าน บนตักของเธอมีคอมพิวเตอร์ฉบับกระเป๋าวางอยู่
      ในซองมีจดหมายอีกหนึ่งฉบับ…


      ถึง พี่นัท
          
          ขอโทษค่ะ
      หนูไม่ได้อยากโกหก หรือหลอกลวงอะไร เพียงแต่หนูมีความจำเป็น
      ซึ่งพี่ก็คงเห็นแล้วว่าคือ อะไร
      หนูไปเรียนก็ไม่ได้ แค่นั่งหายใจเฉยๆยังยากเลย ตอนนี้หนูพักรักษาตัวอยู่ที่ฝรั่งเศส คุณแม่หนูเป็นคนฝรั่งเศสค่ะ หนูเคยไปไทย 2 ครั้งตอนยังเด็ก แต่อากาศไม่ดี หนูจึงต้องย้ายกลับมาที่นี่
      พี่นัทเป็นคนดี น่ารัก สุภาพมาก แล้วก็หล่อด้วย
      หนูชอบคุยกับพี่มากค่ะ พี่เป็นเพื่อนแชทเพียงคนเดียวของหนู และเป็นคนเดียวที่หนูไม่ควรที่จะโกหก หรือหลอกลวง แต่เพราะหนูกลัวว่าจะเสียพี่ไป ถ้าหนูพูดความจริง
      พี่จะโกรธหนูก็ไม่ว่า แต่อย่าลืมว่าโลกแห่งไซเบอร์เราเลือกที่จะเชื่อ หรือไม่เชื่อก็ได้ ถ้าพี่เลือกที่จะเชื่อ ในโลกใบเล็กนั้น หนูก็ยังคงเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย อายุ 21 ปี เรียน รักการถ่ายรูป และชอบเล่น MSN ถ้าพี่เลือกที่จะไม่เชื่อ พี่ก็จะพบกับเด็กสาวผู้อาภัพ ถูกรุมเร้าด้วยโรคร้ายแรง ผู้ที่ไม่เคยได้ก้าวออกจากห้องผู้ป่วยเป็นเวลาเกือบปีแล้ว มีเพียงโน้ตบุ๊กเป็นเหมือนเพื่อน
      เลือกเอา…
      หนูบอกแล้ว ว่าโลกแห่งความเป็นจริงมันโหดร้าย
      หนูพยายามจะหนีมันไปให้ได้ แต่ก็คงไม่พ้น
      หนูเป็นเพียงตุ๊กตาตัวนึง ที่โลดแล่นอยู่ในโลกใบเล็กนี้
      ในโลกแห่งไซเบอร์ หนูจะเป็นอะไรก็ได้ที่หนูอยากเป็น จะไปไหนก็ได้ จะคุยกับใครก็ได้ และหนูคิดว่าคงเป็นอะไรซักอย่างที่ทำให้เราได้มาพบ ได้มารู้จัก ได้มาคุยกัน
      และพลังนั้นทำให้หนูมีชีวิตได้ต่อ แม้ไม่นานนัก แต่หนูก็มีความสุข
      อาทิตย์หน้าหนูจะผ่าตัด มีคนบริจาคไตให้หนู และหวังว่ามันคงจะเข้ากับร่างกายของหนูได้ ช่วยอวยพรให้การผ่าตัดสำเร็จด้วยนะคะ หนูจะได้มีโอกาสกล่าวคำว่า ขอโทษ และขอบคุณกับพี่อีก
      หนูอยากจะพูดขอโทษ 10 ครั้ง และ ขอบคุณซักร้อยครั้งพันครั้ง
      เพราะพี่ หนูถึงมีกำลังใจที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป
      พี่ทำให้หนูรู้จักว่าการจะรักใครซักคน มันเป็นยังไง
      มีความสุขมากมายแค่ไหน ขอบคุณจริงๆนะคะ

      หนูจะไปถ่ายเลือดแล้วค่ะ เอาไว้ถ้าหนูยังมีชีวิตอยู่ อาทิตย์หน้าเราค่อยคุยกัน

                                  ตุ๊กตาในโลกไซเบอร์


        
          ผมบอกไม่ถูกว่าผมรู้สึกยังไง ผมไม่รู้สึกโกรธ หรืออะไรทั้งนั้น ในหัวของผมว่างเปล่า
                     ผมคิดถึงสิ่งที่ผ่านมาตลอด 10 เดือน เหตุการณ์ต่างๆ อะไรก็ตามที่ผมพลาดไปตอนที่ผมมัวแต่นั่งแชท นั่งฝันอยู่ ผมเฝ้าบอกตัวเองว่าไม่ให้เชื่ออะไรก็ตามในโลกแห่งไซเบอร์นี้ แต่กว่าจะรู้ตัว ผมก็จมหายเข้าไปในโลกแห่งนี้ซะแล้ว
          ผมถามคำถามกับตัวเองหลายอย่าง จนกระทั่งมาหยุดที่คำถามที่ว่า
          ผมรู้สึกยังไงกับเธอ…
          มันก็ย้อนกลับไปในสิ่งที่เธอเคยถามผม ว่าภาพลักษณ์สำคัญกับผมนักหรือ
      ผมรู้ตัวว่าผมรักเธอ แล้วผมรักเธอก่อนที่ผมจะเห็นรูปเธอไม่ใช่หรือ แสดงว่า ความรัก ไม่ได้ขึ้นอยู่กับสิ่งที่จับต้องได้ใช่มั้ย มันเป็นเรื่องของความรู้สึก และความศรัทธาเพียงอย่างเดียว
              ผมลองทบทวนความรู้สึกของตัวเอง ว่าความรักที่ผมมีต่อเธอหายไปหรือยัง
              ผมว่าไม่ และผมยิ่งรู้สึกว่ามันเพิ่มขึ้นอีกด้วย
              ผมจึงตัดสินใจ ณ วินาทีนั้น ว่าผมต้องทำสิ่งที่ผมควรทำ….

              ผมวิ่งขึ้นไปบนบ้านเก็บเสื้อผ้ายัดลงกระเป๋า หา passport เอาของที่จำเป็นทุกอย่างใส่กระเป๋าสะพาย พร้อมทั้งโปสการ์ดทั้งหมดที่เธอให้ผม ผมนำมันไปด้วย
          ผมเอาสัมภาระทุกอย่างใส่ท้ายรถแล้วขับมุ่งตรงไปสนามบินทันที….

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×