ภาระกิจฝัน ภาระกิจรัก..เธอ - ภาระกิจฝัน ภาระกิจรัก..เธอ นิยาย ภาระกิจฝัน ภาระกิจรัก..เธอ : Dek-D.com - Writer

    ภาระกิจฝัน ภาระกิจรัก..เธอ

    เรื่องหวานๆซึ้งๆของ นัท และ กู๊ด ที่ทุกคนอยากให้เป็น แต่ในตอนนี้มันไม่ใช่แค่เรื่องราวที่เพ้อฝันอีกต่อไป ใน (ชาวบ้านชาเย็นห้ามพลาดนะ)

    ผู้เข้าชมรวม

    159

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    159

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  รักดราม่า
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  2 พ.ค. 52 / 00:00 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

    ด้วยชะตาฟ้าลิขิตหรืออะไรก็ไม่รู้ ทำให้เธอเด็กผู้หญิงธรรมดาๆได้มารู้จักและเป็นเพื่อนกับเขาเด็กหนุ่มผู้เพียบพร้อมที่สาวๆใฝ่ฝัน และสามารถขโมยหัวใจเขาไปได้ทำให้เขาคิดที่จะหาทางที่จะอยู่ใกล้ชิดเธอมากยิ่งขึ้น แต่เรื่องราววุ่นๆก็ต้องเกิดขึ้นเมื่อมีเรื่งไม่คาดฝันเกิดกับพวกเขา พวกเขาจะสามารถฝ่าฟันอุปสรรคทั้งความฝันและความรักไปได้หรือไม่ เป็นกำลังใจให้พวกเขาได้แล้วใน "ภาระกิจฝัน ภาระกิจรัก...เธอ"

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      บทนำ
      “ลูกกิ๊ก ตื่นได้แล้วลูกเดี๋ยวก็ไปสอบสายหรอก” คุณนายทองสุขตะโกนเรียกลุกสาวของตน
                  “อืม...ค่า...”สาวน้อยตะโกนกลับไป
                  “โอย...ถึงวันสอบแล้วหรอเนี่ย ตื่นเต้นจังกี่โมงแล้วเนี่ย หา 8 โมง เขาสอบ 9 โมงนี่หว่าซวยแล้ว” หลังจากนั้นเด็กสาวก็รีบกุลีกุจอทำภาระกิจส่วนตัวแล้วรีบบึ่งรถเมย์ไปสอบทันที
       
      ณ โรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่ง
       
                  “สายแล้วๆๆๆ” เด็กสาวทั้งวิ่งไปบ่นไปเพราะวันนี้เป็นวันสอบเข้าของเธอ แต่แล้วก็มีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้น
       
       โครมมมมม
                  “โอ้ย คุณเดินยังไงไม่ดูตาม้าตาเรือเนี่ย” เจ้าหล่อนรีบหันไปโวยบุคคลที่บังอาจมาขัดขวางการมาสอบของเธอทันที
                  “เออ...ขอโทษครับเดี๋ยวผมช่วยเก็บนะครับ” ชายหนุ่มคนหนึ่งทำท่าจะมาช่วยเก็บอุปกรณ์การสอบของเธอที่หล่นละเกะละกะ
                  “ไม่ต้องๆ ฉันกำลังจะไปสอบสาย แล้วคุณรู้อะไรไหมฉันกำลังหลงตึกสอบด้วย” หล่อนบ่นอย่างหงุดหงิด
                  “แล้วไม่ทราบว่าคุณสอบตึกไหนหรอครับ เผื่อผมรู้จัก”
                  “ตึก 13 น่ะ”
                  “จริงง่ะ ผมก็สอบตึกนั้นกำลังจะไปพอดี เดี๋ยวผมนำไปก็ได้”
                  “ไม่ล่ะ ขอบคุณแค่บอกทางฉันมาก็พอ เออแล้วทำไมนายถึงไม่รีบไปล่ะ”
                  “เรื่องส่วนตัวน่ะครับ งั้นก็ได้ครับเดี๋ยวผมบอกทางให้ ตรงไปเลี้ยวซ้ายแล้วก็ข้ามสะพานไม้โน้นไปนะครับ”
                  “ขอบคุณ ฉันขอตัวก่อนล่ะ” แล้วหล่อนก็เดินไปตามทางที่เขาบอก
       
      ติ้งต่องงง แตงต่องงงง ต่องติงติ้งต่องงงง~~
                “แฮกๆ ไม่ทันแล้วววว”
                  “ผู้เข้าสอบหมายเลข 2212 โต๊ะที่ 29 มาสอบหรือเปล่า” อาจารย์คุมสอบเอ่ยถามขึ้น
                  “แฮกๆ ขออนุญาตค่ะดิฉันมาแล้วค่ะ” เด็กสาววิ่งหอบแหกมายืนเกาะของประตู ทำให้สายตาหมื่นกว่าคู่จ้องมองมาที่เธออย่างตำหนิ
                  “ขอโทษค่ะที่มาสาย” เธอกล่าวขอโทษก่อนจะเดินเข้าที่ไป
                  “นี่สอบเข้านะยังจะมาสายอีก เอาล่ะครูจะไม่ขอพูดอบรมเด็กที่ยังไม่ได้เป็นนักเรียนของที่นี่ เริ่มทำข้อสอบได้” อาจารย์หนังเหนียวเหี่ยวยานคนหนึ่งที่เป็นผู้คุมเอ่ยขึ้นจากนั้นบรรยากาศก็อึมครึมขึ้นมาทันที
            
      ตุบ กริกกกกกๆๆๆๆ
      เสียงของดินสอ 2B กลิ้งมาตามพื้นและหยุดอยู่ที่เท้าของกิ๊กพอดี เธอหยิบขึ้นมาแล้วแอบเหลือบมองหาผู้เป็นเจ้าของดินสอแล้วก็ต้องสะดุดเข้ากับบุคคลที่เป็นคนบอกทางเธอมาที่ตึกนี้
                  “ของผม” ชายหนุ่มทำปากขมุบขมิบแต่ก็รู้เรื่อง
      “ของคุณหรอ” เธอถามกลับบ้าง และเขาก็พยักหน้าเป็นการตอบรับ เธอจึงกลิ้งดินสอกลับไปหาเขาที่อยู่เยื่องกัน 2-3 โต๊ะ แล้วรีบหันหน้ากลับเพราะเดี๋ยวคนอื่นจะเข้าใจว่าเธอโกง
       
                  “เหลือเวลาอีก 30 นาที” อาจารย์คุมสอบประกาศขึ้น
      “เหลือเวลาอีก 20 นาที” คำพูดนี้ทำให้ทั้งห้องรีบกระตือรือร้นทำข้อสอบโดยทันที
       
                  “เหลืออีก 10 นาที”
                  “ว้าย ตายแล้ว” มีบางคนถึงกับอุทานขึ้นมาเพราะทำไม่ทัน
                  “หมดเวลา อาจารย์คุมแถวช่วยไล่เก็บกระดาษด้วยค่ะ”
                  “โหยยย”
                  “อะไรว้า”
                  “ยังทำไม่เสร็จเลยอ่ะ” มีหลายเสียงบ่นออกมาหย่างเสียดายปนหงุดหงิด
       
      หน้าห้องสอบ
                “ยัยกี๊กกกกก เป็นไงบ้าง”
                  “บายดีบ่” เพื่อนซี้จากมัธยมต้นที่ชวนกันมาสอบมอปลายที่นี่วิ่งเฮละโลมาหาเพื่อนซี้ทันที
                  “อ้าวดี แอปเปิ้ล เชอร์รี่ สอบห้องไหนกันหรอ”
                  “เราสอบห้องเดียวกันกับแกแล้วก็ชายหนุ่มในฝัน”
                  “ชายหนุ่มผู้เพียบพร้อมทั้งหน้าตาและความสามารถ”
                  “ทั้งฐานะและครอบครัว แต่เราไม่อาจเอื้อมถึงเขาได้ เฮ้อ...” เปิ้ล รี่ พูดต่อกันป็นชอร์ตๆแล้วถอนหายใจพร้อมกัน
                  “โห...นี่ ท่องมาหรือเปล่าเนี่ย”
                  “ท่องสิ!” ทั้งสองตอบพร้อมกัน
                  “ก็นึกว่าแน่ โด่”
                  “ว่าแต่แกเหอะ เห็นคุยอะไรกับเขาน่ะทำปากมุบมิบๆกันอยู่สองคนในห้องสอบ”
                  “ใช่ๆ แอบคบตั้งแต่เมื่อไหร่กล้ามากนะที่เข้าไปพูดคุยกับพีนัทของพวกเราน่ะ” เอะ เราควรจะถามกันอย่างงี้ไม่ใช่หรออย่างเช่น สอบเป็นไง พอทำได้มั้ย แต่ยัยพวกนี้กลับถามเรื่องผู้ชาย ?
                  “อ๋อนายนั่นน่ะหรอ ไม่ยักจะรู้ว่าเขาเป็นดาราหน้าไม่ได้ครึ่งของ เคน ธีรเดช เลย”
                  “นี่แก อย่ามาว่าเขานะ” เปิ้ล
                  “ใช่ เราเป็นแฟนคลับตัวยงของเขาเลยนะแกก็รู้นี่” รี่
                  “อ๋อ ที่แท้ก็นายนั่นๆเองที่พวกแกพูดถึงอยู่บ่อยๆ แต่ฉันไม่ยักจะสนว่ะ” กิ๊กพูดออกมาอย่างลอยหน้าลอยตา
                  “เอาเหอะๆ ว่าแต่ แก” เปิ้ล
                  “ไป” รี่
                  “คุย” เปิ้ล
                  “กับเขา” รี่
                  “เรื่อง” เปิ้ล
                  “อะไร” รี่
                  “ฮ่าๆๆ ขนาดต้องทำหน้าเครียดเลยหรอเนี่ย ไม่มีไรหรอกก็แค่เก็บดินสอให้เขาเฉยๆ”
                  “เฉยๆแน่นะ”
                  “ไม่ได้เขียนจดหมายแนบดินสอไปบอกรักใช่มั้ย”
                  “นี่หยุดพูดเรื่องเหลวไหลได้แล้วน่า เธอเคยเห็นฉันบ้าผู้ชายหรือไงกัน ขนาดหน้าเขาฉันยังจำไม่ได้เลยหรือพูดง่ายๆคือ ไม่-เคย-สน-ใจ”
                  “อ๋า อย่างงอนดิแก ต่อไปนี้เพื่อนเลิร์ฟของแกจะไม่เซ้าซี้แกอีกต่อไปแล้ว”
                  “พอเหอะเอาเป็นว่าเราไปฉลองสอบเสร็จกัน” รี่กล่าวชวน
                  “แต่เรายังไม่รู้เลยนะว่าสอบติดหรือเปล่า”
                  “เอาน่า ไอศกรีมซักถ้วยก็ยังดี”
                  “เอางั้นก็ได้ ไปลุยกันเล้ยยยย”
       
                  “เห้อ...อิ่มจัง”
                  “จุกด้วย” ยัยสองคนนั้นบ่นกับอุบอิบทั้งๆที่ตัวเองลากฉันมาเองแท้แถวพวกมันยังกินกันคนละถ้วย
                  “แก เราไปเดินซีคอร์นฯกันดีมะ” ฉันเอ่ยชวน
                  “ก็ดีนะ ฉันอยากได้เสื้อเทรนใหม่ๆพอดี”
                  “งั้นก็ไปสยามดิของเยอะดี”
                  “จะบ้าหรอ ถ่อไปถึงนั่นน่ะนะ ไปซีคอร์นฯดีกว่าว่ะ ปะ” หลังจากนั้นฉันกับเพื่อนๆก็ไปแรด เอ้ย ไปสนุกกันต่อที่ซีคอร์นฯ และตอนนี้ก็เป็นเวลาห้าโมงเย็น
                  “กลับแล้วน้า บ้ายบายยย” เปิ้ลกับรี่โบกมือให้ฉันหยอยๆก่อนจะรีบวิ่งขึ้นรถเมย์ไปพร้อมกันเพราะบ้านมันอยู่ใกล้กัน ตอนนี้ก็เหลือแต่ฉันแล้วสินะ นี่ฟ้าก็เริ่มมืดแล้วคุณนายทองสุขต้องด่าแน่เลย แงๆ
       
                  “เป็นไงบ้างลูกกลับมาช้าจัง” แม่ฉันออกมารับพร้อมกับช่วยถือข้าวของที่ฉันซื้อมา
                  “ไปเที่ยวไหนกันอีกแล้วใช่มั้ยเนี่ย”
                  “แหม ก็นิดหน่อยตามประสาวัยรุ่นน่ะแม่”
                  “แล้วสอบเป็นไงบ้างล่ะลูก”
                  “โอเคค่ะ ส่วนใหญ่ก็ทำได้”
                  “ก็ดีแล้วเพราะว่าคนที่จะต้องไปเรียนน่ะคือลูกไม่ใช่แม่ อนาคตของลูก ลูกต้องกำหนดเอง”
                  “จ้า คุณแม่ทองสุข” ฉันเข้าไปกอดแม่ทีนึงแล้วขึ้นไปอาบน้ำข้างบน
       
                  นี่เป็นวันที่ 5 แล้วหลังจากการสอบและวันนี้ก็เป็นวันประกาศผลด้วย อาการตื่นเต้นมาอีกแล้ว ฉันรีบแหกขี้ตาตื่นตั้งแต่ตี 4 เพราะรู้ว่าคนต้องเยอะแน่ๆแล้วก็นัดยัยเพื่อนบ้าดาราพวกนั้นไว้ด้วยว่าจะต้องไปดูผลพร้อมกัน
       
      หน้าโรงเรียน
                “นี่พวกแกอยูไหนกันแล้วเนี่ย” ฉันรีบกดสายไปหายังแอปเปิ้ลทันทีเพราะว่าฉันอุตส่าห์ยืนรอยังสองคนนั่นให้ยุงมากัดเล่นตั้งแต่ 15 นาทีก่อนโน้นแล้ว
                  “ถึงแล้วๆ อยู่ข้างหลังเธอนั่นแหละ” แล้วฉันก็ต้องหันหลังไปตามที่มันบอกแล้วก็เจอยัยพวกนั้นจริงๆด้วย
                  “เข้าไปข้างในกันเถอะ ยุงกัดฉันจนขาลายแล้วเนี่ย” ฉันโวยขึ้นทันที
                  “คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง ก็แกมันหญิงเหล็กนี่ 555+” 3 คำหลังยัยเพื่อนตัวแสบทั้งสองคนพูดย้ำพร้อมกันด้วยเสียงหนักแน่น
                  “เออโว้ย รีบไปกันเถอะคนเริ่มทยอยมากันแล้ว” ฉันพูดขัดแล้วดุนหลังยังสองคนนั้นไปข้างหน้า
                  “ถึงแล้ว พวกแกกล้าเข้าไปดูไหม” ฉันถามเพราะรู้อยู่แล้วว่ายัยพวกนี้ใจไม่แข็งพอ
                  “ม่ายยยย” เปิ้ล/รี่
                  “งั้นฉันไปดูให้แล้วกันนะ” ฉันพูดแล้วเดินไปข้างหน้าบอร์ดและเริ่มหารายชื่อทันที
                  “ยัยแอปเปิ้ล...อัยรัตน์ๆๆ อยู่ไหนน้า” ฉันครางชื่อยัยเปิ้ลออกมาเบาๆ
                  “เจอแล้ว อัยรัตน์ ศิริเวชณะ ตอไปก็...เชอร์รี่ ชริญา ศิริเวชณะ...มันสองคนเป็นญาติกันก็ต้องนามสกุลเหมือนกันดิ อ้อเจอแล้ว จากนั้นก็ฉัน กษิมาพร ชัยนิ่มพิวัฒน์...อยู่ไหนวะอย่าบอกนะ ว่า...เจอแล้วววว!”
      ฉันรีบวิ่งกลับมาหายังสองคนนั่นที่นั่งหลับตาพนมมือท่องคาถาอะไรไม่รู้ แกล้งมันหน่อยดีกว่าเรา
                  “แก พวกแกทำใจดีๆนะ...พวกแกสอบไม่ติดที่นี่ว่ะ” ฉันแกล้งทำเป็นหน้าสลดแล้วเข้าไปตบบ่าสองคนนั่นเป็นเชิงให้กำลังใจ
                  “จริงหรอวะ” เชอร์รี่เริ่มน้ำตาคลอ ทำให้ฉันเกิดอาการสะอึก นี่ฉันทำเพื่อนร้องไห้หรอเนี่ย
                  “คือ...พวกแกสอบไม่ติดที่นี่ แต่แกสอบติดที่มหา’ลัยมหิดลแห่งนี้โว้ยย ดีใจด้วย”ฉันรีบอธิบายแล้วกระโดดเกาะยัยรี่ทันที
                  “นี่แกหลอกพวกฉันหรอเนี่ย” ยัยเปิ้ลที่นั่งอึ้งค้างอยู่นานตะโกนถามอย่างโกรธเคือง อื๋ยยย งานนี้จะตายไหมเนี่ยเรา
                  “โห...ขอโทษนะจ้ะ แค่อยากให้เธอตื่นเต้นเท่านั้นเองอย่าโกรธกันเลยน้า” ฉันวิ่งเข้าไปกอดง้อยัยเปิ้ลทันที
                  “ก็ได้ แต่ค่าทขวัญคือ...” ยัยเปิ้ลหันไปทองหน้ารี่ก่อนจะพูดพร้อมๆกันว่า
                  “เป็นทาสพวกฉัน 1 วัน!”
      เฮือก อะไรนะ เป็นทาสยัง 2 คนนี้หนึ้งวันงั้นหรอ งานเข้าแล้วมั้ยล่ะยัยกิ๊ก
      “แต่เขายกเลิกการใช้ทาสแล้วไม่ใช่หรอ” ฉันรีบหาข้ออ้างทันที
      “และตอนนี้ก็เป็นเวลา 7.00 น.” เปิ้ล
      “แสดงว่าแกต้องเป็นทาสฉันถึงหนึ่งทุ่ม” รี่
      “หา 1 ทุ่ม”
      “ช่าย/ถูก”
      “อ้ะ แต่ว่า...”
      “ไปโบ้เบ้กันเถอะ” ยัย 2 คนนั่นไม่ยอมฟังคำตอบแล้วก็ลากฉันขึ้นรถเมย์ไปทันที นี่มันวันที่ฉันควรจะมีความสุขไม่ใช่หรออออ
       
      “อ่ะ ถือ”
      “หิ้วให้หน่อยสิ”
      “นี่ อย่าอู้มาช่วยถือของเร็ว”
      นี่คือเสียงของยัย 2 คนนั้นที่ฉันได้ยินตลอด พอกลับไปบ้านเลยมีสะภาพอย่างงี้
      “ลูกกิ๊กไปทำอะไรมาน่ะลูกหัวกระเจิงเลย” ตอนนี้ฉันนอนแผ่อยู่ที่โซฟาอย่างหมดแรง
      “หนู...สอบ...ได้...แล้ว นะ คะ ครอก” ฉันพูดแค่นั้นแล้วก็เข้าสู่นิทราทันที
       
      วันเปิดภาคเรียน
                “ยัยกิ๊ก ทางนี้ๆ” ฉันเหลือบไปเห็นยัยเพื่อนตัวดีโบกมือหยอยๆมาทางฉัน พวกนั้นก็ดูดีเหมือนกันนะกับชุดนักศึกษาน่ะ
                  “แหม look ใหม่หรอจ้ะ 2 คน”
                  “แกก็ look ใหม่เหมือนกันแหละ”
                  “ถามจริง พวกแกใส่กระโปรงสั้นจู๋จะเห็นจูปี้อยู่แล้ว ไปอึดอัดบ้างหรอวะ” ฉันถามพวกหล่อนเพราะกระโปรงฉันยาวปิดเข่ามาเล็กน้อยแต่ของยัยพวกนั้นขึ้นมาจนเกือบจะเห็นขาอ่อนอยู่แล้ว
                  “ไม่หรอก อยากเงี้ยสบายดี ดูคิกขุด้วย เฮ้ยนั่นพีนัทหนิ เห็นเขาบอกว่าซิ่วมาจากโรงเรียนอื่นจริงๆตอนนี้ต้องขึ้น ม.5 แล้วแต่เพราะดอปเรียนไปปีนึงเพราะงานในวงการเยอะ แล้วฉันมาเล่าให้เธอฟังทำไมเนี่ยเสียเวลา ไปกันเถอะ” พูดยังไม่ทันขาดคำก็มีเด็กสาวกลุ่มใหญ่ (หรือว่าเกือบทั้งโรงเรียนก็ว่าได้) กลูเข้ามาหานายพีนัทอะไรนั่น คนไรชื่อถั่ว เฮ้อ...ไร้สาระ
                  “แล้วเจอกันที่ห้องนะ!” ฉันตะโกนบอกกลับไปแต่ก็ได้แค่ถูกทำมือปัดใส่ประมาณว่า ‘จะไปไหนก็ไปแต่ตอนนี้ฉันขอไปหาเจ้าชายในฝันก่อน’ อะไรอย่างงี้
      ฉันส่ายหัวก่อนเล็กน้อยกับความบ้าดาราของพวกมัน ฉันเดินเรียบบ่อน้ำที่สวนหย่อมไปเรื่อยๆ จนถึงห้องที่ในชั้วโมงแรกต้องเรียนซึ่งยังไม่มีใครมาเลย ฉันเลยเอาหนังสือไปวางไว้บนโต๊ะแถวที่ 2 แล้วก็แบ่งเอาสมุดอีก 2 เล่มไปวางบนโต๊ะแถวก่อนสุดท้ายเผื่อยัยสองคนนั่น
          ครืดดดดดด
      มีเสียงใครบางคนลืนประตูฉันจึงหันไปดู เฮ้อ...ฉันไม่อยากเจอแกเล้ยยย บอกตามตรง
                  “สวัสดีครับ ยินดีด้วยนะครับที่สอบติดที่นี่” เขาเดินเข้ามาที่โต๊ะข้างฉันก่อนจะวางหนังสือไว้ที่เก้าอี้แล้วขึ้นไปนั่งบนโต๊ะ
                  “ผมชื่อ...”
                  “พีนัท เป็นดาราหน้าใหม่ไฟแรงที่เพื่อนๆฉันกำลังจะคลั่งตายเพราะหน้าตาของนาย” ฉันพูดอย่างประชดประชันและกรอกตาไปมาก่อนจะมองหน้าเขาให้ชัดๆ หน้าตาจัดว่าพอคลานไปได้ เชื่อสิถ้าไม่มีผมสีดำทรงรากไทรนั่นหมอนี่คงหน้าจืดสนิทแน่ๆ
                  “เอ่อ...ครับแล้วคุณชื่ออะไรครับ”
                  “ไม่ใช่เรื่องของนายที่จะมาถามชื่อฉัน”
                  “อย่าอคติสิครับคุณยังไงๆเราก็ต้องเรียนห้องเดี๋ยวกันอยู่ดี”
                  “หา นายก็อยู่ห้องนี้หรอ”
                  “ครับ ถึงบอกไงว่าให้ผูกมิตรกันไว้” แล้วเขาก็ยิ้มแบบที่ผู้หญิงคนอื่นอาจจะใจละลายได้ แต่สำหรับฉัน ไม่!
                  “เออๆ ฉันชื่อกิ๊ก แล้วก็เลิกทำหน้าแบบนั้นด้วย น่ารักตายล่ะแก”แล้วฉันก็เดินออกไปข้างนอกระเบียงเพื่อหลบหน้านายนั่น รู้สึกอยู่กับมันทีไรต้องมีเรื่องอะไรสักอย่างเกิดขึ้น บรึ๋ยยยย อึดอัดชะมัด
                  “นี่ จะหนีฉันไปไหนเนี่ย” เขากระโดดลงจากโต๊ะแล้วเดินตามฉันมา โอยยย อึดอัดโฟ้ย
                  “นี่นายอย่าเดินตามฉันได้มั้ย มันอึดอัด”
                  “ฉันต่างหากที่ต้องอึดอัด ไปที่ไหนก็มีแต่ผู้หญิงวิ่งมาของลายเซ็น ขอจับมือ รำคาญจะตายชัก” เขาเอาแขนมาเท้าระเบียงแล้วทำเป็นคิดอะไรอยู่
                  “มันก็น่าอึดอัดหรอกนะ แต่นายต้องคิดว่าถ้าไม่มีเหล่าแฟนคลับพวกนั้นนายก็ไม่มีงานทำ พอนายไม่มีงานทำก็ไม่มีตังค์ใช้ ต้องคิดงี้” ฉันลืมตัวเอามือไปตบบ่าเขาทีหนึ่ง เอะ ฉันแอบเห็นนะว่าเขาหน้าแดงด้วย
                  “เออ...ขอโทษ จับตัวดาราแล้วติดคุกสินะ ดาราผู้ชายหน้าตาดีๆก็หยิ่งอย่างงี้แหละ ฉันเลยพลางไม่ชอบผู้ชายไปด้วย” ฉันประชด
                  “หือ เหอะๆ เธอนี่แปลกเนอะ เฮ้อ...ฉันไปสูดกลิ่นน้ำหอมแฟนคลับสาวๆก่อนดีกว่าแล้วเจอกัน” แล้วเขาก็อมยิ้มน้อยๆก่อนจะเดินจากไปปล่อยให้ฉันทำหน้างงใส่ธาตุอากาศไปเฉยๆ อะไรของเขานะ
       
                  “วันนี้พอแค่นี้นะ แล้วอย่าลืมทำรายงานล่ะ สวัสดีจ้ะ” อาจาร์วัยกลางคนคนหนึ่งกล่าวลาแล้วเดินออกจากห้องไป และคำว่าทำรายงานก็ทำให้หลายคนทำเสียงบ่นกันไปตามๆกัน
                  “โหแก นี่แค่วันแรกนะมีการบ้านและ” ยัยเปิ้ลรีบเดินมาที่โต๊ะฉันแล้วก็เริ่มบ่น
      แต่ก็ยังไม่วายเหลือบมองพีนัทสุดหล่อของมันอยู่ดี
                  “พีนัทจ๋า เป็นไงเรียนรู้เรื่องไหม” ยัยรี่ที่เดินตามเปิ้ลมาเอ่ยแซวพีนัท
                  “ต้องรู้เรื่องอยู่แล้วล่ะ เขาไม่โงเหมือนแกหนิ” ฉันแซวกลับบ้าง
                  “เออ ฉันมันเป็นเพื่อนที่โง่มากสำหรับแกแต่ยังไงก็เอนฯติดว่ะ แบร่” ยัยรี่ทำท่าแลบลิ้นแล้วเดินสะบัดก้นออกจากห้องไป ฉันเลยส่ายหัวเล็กน้อย
                  “เฮ้อ...ตอนนี้คาภว่างใช่มะ ไปเดินเล่นกันเถอะ” ฉันเอ่ยชวนเปิ้ลที่กำลังนั่งทำตาหวานเยิ้มใส่คนข้างๆฉัน
                  “ไปเถอะน่า” ว่าแล้วฉันก็ลากยัยนั่นออกมาทันที
                  “โอ้ยนี่ ลากฉันออกมาทำไมอารมณ์กำลังได้ที่เลยอ่ะ” ยัยเพื่อนตัวดีบ่นอุบ
                  “เขาก็แค่คนธรรมดาคนหนึ่ง ทำไมถึงคลั่งกันจังวะ” ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงกรี๊ดดังลั่นด้วยความตกใจฉันจึงรีบเข้าไปดูในห้อง ปรากฏว่า...นายพีนัทแค่ทำปากกาตก จึงทำให้ผู้หญิงทั้งห้องก็ตบตีแย่งกันจะเก็นปากกาให้เขาเรียกว่าแร้งทึ้งปากกาดีกว่าว่ะ ฉันส่ายหัวเล็กน้อยก่อนจะกลับไปหาแอปเปิ้ล แต่มันกลับไม่อยู่แล้วไปไหนของมันวะ ช่างเถอะไปเดินเล่นคนเดียวก็ได้ ไม่ง้อหรอก ชิ แล้วฉันก็เดินลงบันไดไปแล้วเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น
       
         ฟรืดดดดดดดดดด
      แง...ขาฉันก้าวขั้นบันไดพลาดเพราะมัวคิดอะไรอยู่ก็ไม่รู้ ฉันหลับตาปี๋ โอยเจ็บฉะมัด เอ๊ะ เจ็บหรอทำไม่ไม่สึกเจ็บเลยล่ะ ฉันค่อยๆเงยหน้าขึ้นมามองเขาคือ ดาวหมุ่มที่ฮอตที่สุดในมหา’ลัยนี่ เอ...ได้ข่าวว่าชื่อ...รอนหรือไงนี่แหละ ม.5 (มั้ง) โอ้โห ทำไมส่วนสูงถึงต่างกันขนาดนี้เนี่ยเห็นแล้วนึกว่ายืนอยู่กับนายพีนัทอะไรนั่งเลย (สูงพอๆกัน)
                  “ขอบคุณค่ะ” ฉันรีบกระเด้งตัวออกมาจากอ้อมแขนของเขาทันที ฉันเกลียดคนหล่อ ท่องเอาไว้!
                  “ไม่เป็นไรใช่ไหมครับน้องสาว” นายดาวโรงเรียนถามกลับพลางทำตาวาว
                  “อืม ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณมากนะคะ” แล้วฉันก็ทำท่าจะเดินต่อแต่ถุกมือของคนที่ช่วยฉันรั้งไว้ก่อน (ไอ้พวกชอบแต๊ะอั๋งผู้หญิง)
                  “มีอะไรหรอคะ”
                  “ไม่ทราบว่าน้องชื่ออะไรหรอครับ พี่ไม่เคยเห็นหน้าเลย”
                  “อ๋อ เพิ่งเข้ามาใหม่น่ะค่ะ อยู่ ม.4 ชื่อ...กิ๊กค่ะ” ฉันชั่งใจก่อนชั่วขณะว่าจะบอกชื่อจริงๆไป
                  “พี่ชื่อรอนนะครับ งั้นเรามาเป็นกิ๊กกันดีไหมครับ”
                  “หา”
                  “ฮ่าๆๆ พูดเล่นน่ะครับ”
                  “อ๋อ ค่ะ ฮ่าๆๆ” ฉันฝืนหัวเราะตาม อะไรของนายนี่เนี่ย
                  “แกล้งน้องกิ๊กนี่สนุกดีนะครับ ผมขอตัวก่อนแล้วกันนะครับโชคดีครับ ระวังตัวหน่อยล่ะ ฮ่าๆ” เขาพูดจบก็เดินจากไปทันที สงสัยผู้ชายที่นี่คงแปลกกันหมดทุกคนมั้ง
                  “ฮ่าๆๆ” ฉันสะบัดหัวตัวเองแล้วหัวเราะอยู่คนเดียวกับสิ่งที่เจอมาในช่วงเช้านี้ เฮ้อ...ไปเดินเล่นดีกว่า ว่าแล้วฉันก็เดินลงไปข้างล่างต่อ ฉันเดินสำรวจเรียนและสถานที่ต่างๆไปเรื่อยๆก่อนจะเจอกับห้องดนตรีขนาดเล็กปนะมาณ 3x2 ตร.ว มีอยู่ประมาณสิบกว่าห้องข้างในมีอุปกรณ์ดนตรีหลากหลายประเภท ฉันชอบเล่นกีต้าร์เป็นชีวิตจืตใจเลยล่ะ และสัญชาตญาณของฉันก็บอกว่าให้ลองเข้าไปเล่นกีต้าร์ไฟฟ้าในห้องๆหนึ่งดู เอาก็เอาวะ ก่อนอื่นก็ต้องตั้งสาย...
          แต่ว แต่ว แตว แตว
      โอเคเสียงใช้ได้ แล้วก็ต้องเลือกเพลงที่จะเล่นอืม...เอาเพลงอะไรดีนะ ฉันลองเปิดๆหนังสือเพลงอันใหม่เอี่ยม (ประชด) ที่วางอยู่บนลำโพงไปเลื่อยๆ เอาเพลงนี้ดีกว่ากำลังดังเลย
       แตว แตว แตว แตว แต่ว แต่ว แต่ว แต่ว แต๊ว แต๊ว แต๊ว แต๊ว แต่ว แต่ว แต่ว
      พอฉันอินโทรว์ได้สักพักก็เริ่มร้อง จนมาถึงท่อนฮุคแล้วเพลงก็ต้องสะดุดเพราะมีคนบางคนมาขัดจังหวะ
                  “เล่นเก่งเหมือนกันหนิเธอ ส่วนเสียงก็พอจะไปได้แต่ต้องหัดใช้ลมในท้องค่อยๆดันเสียงออกมา”
                  “นายมาขัดความสุขของฉันทำไมเนี่ยพีนัท แล้วนายมีสิทธิอะไรมาวิจารฉัน” ฉันถามอย่างหัวเสีย
                  “เปล่า ฉันก็แค่ชี้ทางให้เธอไง เผื่อจะรุ่ง” เขาตอบหน้ากวนก่อนจะเดินเข้ามานั่งที่เปียโนไฟฟ้าที่ตั้งคับห้องอยู่ข้างฉัน
                  “ไหนลองเล่นอินโทรว์ก่อนฮุคดิ” อยู่ดีเขาก็สั่งฉันอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย และด้วยความงงฉันเลยต้องทำตามที่เขาสั่ง
           แตว แตว แตว แตว แต่ว แต่ว แต่ว แต่ว แต๊ว แต๊ว แต๊ว แต๊ว แต่ว แต่ว แต่ว
           ตึง.....ตึ่ง...ตึ้ง ตึง ตึ่ง ตึง...
      นี่คือเสียงประสานหระหว่างฉันมือกีต้าร์และเขามือเปียโน เฮ้ย พอมีเปียโนแล้วเพราะขึ้นเยอะเลยอ่ะ แล้วฉันก็ค่อยๆเล่นอย่างผ่อนคลายและสนุกสนาน ฉันผลัดไปเล่นเปียโนบ้างส่วนเขาก็ลองมาเล่นกลองบ้าง มันมัสสสสสมากๆเลยแหละ
      ติ้งต่องงง แตงต่องงงง ต่องติงติ้งต่องงงง~~
                  “ว้า หมดเวลาสนุกแล้วซิ” นายพีนัทบ่นแบบเทเลทอบบี้โบกมือลายังไงอย่างงั้น
                  “อืม แต่หนุกจังว่ะ ว่ามะ” ฉันถามเขาแล้ววางกีต้าร์ลง
                  “อืม วันหลังไว้เล่นกันอีกดีกว่า”
                  “ไม่กลัวพวกแฟนคลับนายด่าเอาหรอที่มานั่งเล่นดนตรีกับคนกระจอกๆอย่างฉันทั้งๆที่นายก็เป็นนักร้องชื่อดังอยู่แล้ว” ฉันพูดอย่างงอนๆแล้วเดินกอดอกออกจากห้องไป
                  “นี่เธอ อย่าประชดประชันกันสิ ฉันมาชอบ” เขาเดินตามฉันมาแล้วทำเสียงเข้ม นึกว่าฉันจะกลัวหรอ เหอะๆ
                  “ฉันกลับห้องดีกว่า แล้วอย่านึกนะว่าจะให้ฉันมานั่งปลึ้มว่าฉันเป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่ได้มาร้องเพลงเล่นกับนาย อ้อ แล้วก็ขอย้ำไว่ด้วยนะว่าฉัน เกลียดผู้ชาย” ฉันพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำแล้วก็สะบัดก้นจากไปทันที คงสงสัยดิว่าทำไมฉันถึงเกลียดผู้ชายก็เพราะผู้ชายน่ะชอบเห็นเราเป็นเครื่องเล่นแล้วก็ทำให้ฉันเสียใจนั่งร้องห่มร้องไห้กับเพื่อนมาหลายยกแล้ว ฉันเลยประชดด้วยการทำตัวเป็นทอมบอย แล้วก็ปัตติญาณไว้กับตัวเองแล้วว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับผู้ชายให้มากเกินไป ยกเว้นถ้าเป็นกระเทยน่ะยังพอคบได้นะ พอฉันถึงห้องก็ถูกยัยเพื่อนบ้ายิงคำถามใส่เป็นชุด
                  “นี่แก แกหายไปไหนมาเนี่ย”
                  “แล้วพีนัทของเราล่ะ อยู่ไหน”
                  “อย่าบอกนะว่าเมื่อกี้เธออยู่กับพีนัท”
                  “แล้วเธอไปทำอะไรกับเขา ที่ไหน เมื่อไหร่” อื้อหือ...ตอบได้นะแต่จำคำถามไม่ได้ว่ะ
                  “เดี๋ยวนะ ทีละคำถามสิ”
                  “งั้นอันนี้ก่อน แกไปไหนมา” ยัยรี่ชิ่งถามก่อน
                  “ไปเดินเล่นมา” ฉันตอบเสียงเรียบ
      ”แล้วพีนัทอยู่กับแกหรือเปล่า” เปิ้ลยิงคำถามใส่บ้าง
      “อยู่ เฮ้ยแต่ว่าอย่าคิดไรนะว้อย เราแค่เล่นดนตรีร่วมกันที่ห้องดนตรีเฉยๆ” ฉันรีบปฏิเสธแก้ตัว
      “จริงง่ะ” ทั้งสองคนนั่นถามขึ้นพร้อมกัน โว้ยยย อะไรนักหนาวะไอ้พวกนี้
      “ก็เออดิ คิดว่าฉันพิษวาศมันมากเลยหรือไง” ฉันเริ่มขึ้นเสียงกับการตอแยของมัน ฉันใช้ฟิวส์ตะกั่วนะโว้ย (ขาดง่าย)
       “อืม...ก็จริงของมันเนอะ” เปิ้ลกระซิบกับรี่แต่ฉันก็ยังได้ยินย่ะ
      “แล้วพีนัทอยู่ไหรอ่ะ” รี่ถามเสียงใสทันที
      “ไม่รู้ ชีวิตใครชีวิตมันว่ะ” ฉันเดินผ่ากลางยัยสองคนนั่นแล้วไปนั่งประจำที่ที่โต๊ะทันที พอเหลือบไปมองที่หน้าประตู ยัยสองคนนั่นก้ออกไปตามหาเจ้าชายของมันซะแล้วนี่ไม่สนใจเพื่อนเลยหรือไงเนี่ย เฮ้อ...ช่างมันเหอะทำรายงานดีกว่า ฉันค่อยๆจัดการล่างแบบที่จะทำรายงานไปเรื่อยๆรู้ตัวอีกทีอาจารย์ก็มาแล้ว
         ติ้งต่องงง แตงต่องงงง ต่องติงติ้งต่องงงง~~
      “เย่!”
      วิชาที่สองฉันนั่งเรียนอย่างสปะหงกเพราะอาจาร์ที่มาสอนนั้นแก่รุ่นยายแล้วแถมยังสอนน่าเบื่ออีกต่างหาก พอสัญญาณบอกว่าหมดเวลาปุ้บทุกคนก็ร้องดีใจขึ้นมาทันที
      “ไปกินข้าวกัน หิวข้าวแล้วง่ะ” ยัยรี่เดินมาที่โต๊ะฉันแล้วทำหน้าน่าสงสาร
      “อืม ฉันก็หิวเหมือนกันเปิ้ลไปกันเถอะ” ฉันตะโกนเรียกเปิ้ลที่กำลังง่วนอยู่กับการผูกผม
       
      ณ โรงอาหาร
                “โห...แก คนเยอะชิบ” ยัยเปิ้ลบ่น
                  “งั้นเดี๋ยวเราไปจองโต๊ะแล้วเธอสองคนไปซื้อข้าว โอเค?” ฉันเริ่มวางแผนการฝ่าฟังซื้อข้าวครั้งนี้
                  “ได้ เอาไรล่ะ”
                  “ข้าวไข่เจียว อ่ะนี่ตังค์ เดี๋ยวเจอกันนะ” ฉันรีบดุลหลังยัยสองคนนั่นให้เดินไปต่อคิวที่ร้านอาหารส่วนตัวเองก็รีบหาโต๊ะที่ว่างทันที แง...หาไม่เจอเลยง่ะ คนเยอะไปหมดที่นั่งก็เต็ม ทำไงดีฟะนี่
                  “นั่นใช่น้องกิ๊กหรือเปล่าครับ” อยู่ดีๆก็มีเสียงใครบางคนดังขึ้นจากข้างหลังฉัน
      พอหันไปก็เจอกับ...นายรอนนั่นเอง
                  “ใช่ค่ะ มีอะไรหรอคะ”
                  “ไม่ทราบวาสมีโต๊ะนั่งหรือยัง มานั่งกับพี่มั้ย”
                  “มะ ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ญวกิ๊กหาเองได้ขอบคุณมากค่ะ” พอฉันทำท่าจะเดินจากไปเขาก้เอามือมารั้งแขนฉันไว้ ฉันเลยมองหน้าเขาอย่างไม่พอใจสักเท่าไหร่
                  “ช่วยกรุณาปล่อยแขนกิ๊กได้ไหมคะ กิ๊กไม่ชอบให้ใครว่าแตะตัว” ฉันพูดเสียงแข็ง
                  “อ๋อ ขอโทษด้วยฮะ พอดีพี่มือไวน่ะไม่ยักรู้ว่าน้องกิ๊กมายเรื่องนี้ด้วย”
                  “ก็ต้องสนอยู่แล้วล่ะค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ” จากนั้นฉันก็รีบเดินไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด รู้สึกว่าเมื่อกี้ตอนที่เขาจับแขนฉันมีพวกสาวๆแถวนั้นแอบกรี๊ดด้วยแหละ ท่าทางจะดังน่าดู อ๊ะ เจอโต๊ะแล้ว พอฉันกำลังจะไปถึงโต๊ะก็มีผู้ชายคนหนึ่งชิ่งเอาชามบะหมี่มาวางไว้ก่อน อะไรวะ
                  “นี่คุณ...”
                  “อ้าวเธอเองหรอ มานั่งด้วยกันสิ” นายพีนัทนั่นเอง
                  “ไม่เป็นไร แต่ที่นายทำน่ะมันน่าเกลียดนะมาแย่งโต๊ะผู้หญิงได้ไง”
                  “ก็ใครจะไปรู้ว่าเธอก็จะเอาโต๊ะนี้ แล้วอีกอย่างฉันก็วางบะหมี่ไว้แล้วนั่นแปลว่าจอง” แล้วเขาก็รีบนั่งทันทีแล้วกินบะหมี่อย่างสบายใจ ฮึ่ย เริ่มโมโหแล้วนะ
                  “นะ...”
                  “กรี๊ด...นั่นพีนัทนี่นา” ฉันยังไม่ทันได้ด่าไอ้หมอนั่นก็มีเสียงกรี๊ดของแฟนคลับเขาแทรกขึ้นมาก่อนฉันจะถูกกลืนหายไปในฝูงชนที่มาล้อมโต๊ะเขา ไอ้พวกบ้าดารา ฉันค่อยๆเดินผุดออกมาจากมุมนั้นแล้วหาที่นั่งต่อไป นั่นไงเจอแล้วหวังว่าคงไม่มีใครมาแย่งอีกหรอกนะ ในที่สุดเราทั้งสามคนก็หาที่นั่งได้ล่อเอาไข่เจียวฉันอมน้ำมันเข้าไปซะแวววาวเชียว -*-
                  “เฮ้อ...อิ่มจัง ฉันจะจดไว้ในไดอารี่เลยว่าอาหารจานแรกที่ฉันกินคือข้าวไข่เจียว” ฉันพูดอย่างโอเวอร์
                  “ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้ย่ะ ฮ่าๆๆ” เราสามคนหัวเราะออกมาพร้อมกันนี่เป็นวันแรกที่เปิดตัวไม่ค่อยดีเท่าไหร่แต่ก็มีความสุขน่ะเนอะ
       
                  ตอนนี้เป็นเวลาสามสัปดาห์แล้วหลังจากเปิดภาคเรียนฉันเริ่มปรับตัวได้แล้วกับการเรียนการสอนที่สอนแบบขอไปทีแล้วให้การบ้านแบบต้องทำให้เสร็จ อ้อลืมบอกไปว่าไม่รู้เมื่อไหร่ที่นายพีนัทนั่นแทรกเข้ามาอยู่ในกลุ่มฉันได้ทั้งๆที่ฉันค้านหัวชนฝาแต่ยังไงไอ้พวกเพื่อนบ้าๆของฉันอีกสองคนก็ต้องเข้าข้างนายนั่นอยู่แล้วเลยกลายเป็น 1:3 ฉันแพ้ราบคาบ อืม...
       
                  “นี่พวกเราเย็นนี้ลองไปรวมวงกันที่ห้องดนตรีกันดีมั้ย” ฉันเอ่ยชวน
                  “ก็ดีนะ”
                  “อืม...น่าจะได้นะ ฉันเล่นกลอง รี่เล่นเบส กิ๊กเล่นกีต้าร์ ส่วนพีนัท...เป็นนักร้องแล้วกัน”
                  “เห็นด้วย/ แจ๋ว!” รี่กับพีนัทรีบออกความคิดเห็นสนับสนุนทันที
                  “แล้วทำไมต้องมีหมอนี่ด้วย” ฉันชี้ไปที่พีนัท เขาทำหน้าเหวอทันที
                  “อ้าว ก็เขาเป็นเพื่อนเราไง” เปิ้ลกับรี่พูดขึ้นพร้อมกัน
                  “ฝันไปเถอะ ใครบอกว่านายนั่นเป็นเพื่อนกับฉันเพื่อนเธอสองคนมากกว่า”
                  “ไม่เอาน่ายัยกิ๊ก อย่าอารมณ์เสียดิ” รี่รีบเข้ามาง้อฉันทันที
                  “ฉันไม่ชอบมีเพื่อนเป็นผู้ชาย ผู้ชายน่ะนิสัยเหมือนกันหมดนั่นแหละ” ฉันพูดอย่างหัวเสียก่อนจะเดินเข้าห้องเรียนไป แต่เธอไม่ยักรู้ว่าเพื่อนๆอีกสามคนที่เหลือกำลังซุบซิบอะไรบางอย่างกันอยู่ วิชาต่อมาทุกคนก็เรียนไปเรื่อยๆอย่างไม่ค่อยสนใจนักเพราะว่าเป็นการสอนตีโกนฯ - -
                 
      “อ่ะวันนี้พอแล้ว อย่าลืมกลับบ้านไปทบทวนด้วยนะ” แล้วอาจารย์สาวก็เดินออกจากห้องเรียนไป ส่วนนักเรียนก็รีบเก็บข้าวของให้เร็วที่สุดเพื่อกลับบ้าน
                  “แก ไปห้องดนตรีกันเถอะ” เชอรี่เดินมาลากฉันที่นั่งอยู่ด้านหน้าส่วนแอปเปิ้ลก็ลากพีนัท
       
      ณ ห้องดนตรีอันแน่นเอียด
                  เราทั้ง 4 คนต้องเบียดเสียดร่างกายอันบอบบาง (ตรงไหน) ฝ่าฝูงชนไปเพื่อนหาห้องดนตรีที่ว่าง แต่ก็มีมาร (หรือเทวดานะ) มาผจญ
                  “อ้าว น้องกิ๊กมาซ้อมดนตรีหรอครับ นี่ครับห้องนี้จริงๆแล้วพี่จะใช้แต่เห็นน้องกิ๊กแล้วให้น้องใช้ดีกว่าครับ” นายรอนพูดกับฉัน ฉันคิดว่ามีเสียงผู้หญิงกรี๊ดดังมาจากทางด้านโน้นด้วยแหละ
                  “มะไม่เป็นไรค่ะ พี่รอนใช้ไปก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวกิ๊กกับเพื่อนไปหาห้องใหม่ได้” ฉันยิ้มให้ทีนึงก่อนจะทำท่าเดินกลับไปทางเดิม
                  “เดี๋ยวสิ 3 คนนั้นใช่เพื่อนน้องหรือเปล่า” เขาถาม ฉันจึงหันไปตอบ
                  “งั้นหรอ ไม่ยักรู้ว่านายก็เรียนที่นี่ด้วย” ฉันเห็นเขากับนายพีนัทจ้องตากันอย่างดุเดือดเลย มีอะไรกันหรือเปล่าเนี่ย เมื่อจ้องหน้ากันสักพักนายพีนัทก็เริ่มเดินเกมด้วยการเดินเข้าไปชกที่หน้าของนายรอน แล้วก็จัดการแลกหมัดกันคนละที ฉันเห็นท่าไม่ค่อยดีจึงรีบเข้าไปห้ามแล้วขอโทษพี่เขาจากนั้นก็ขอตัวรีบลากนายพีนัทออกมาจากฝูงชนได้ไกลพอสมควร
                  “นายทำบ้าอะไรน่ะ อยู่ดีๆจะเดินไปชกเขาทำไม มีอะไรกันหรือเปล่า”
                  “ไม่มีหรอก” เขาตอบแต่สายตายังคงไม่ละจากรอนที่เห็นหัวอยู่ไกลๆ
                  “ดูซิ เลือดออกหนดเลยเดี๋ยวแฟนคลับนายเห็ฯแล้วจะทำไงล่ะ” ฉันรีบหยิบกระดาษทิชชูขึ้นมาซับเลือดให้เขา ก็แหม...ถึงเกลียดกันยังไงก็อดทำไม่ได้อ่ะ อิอิ
                  “ไม่เป็นไรหรอก แค่นี้เอง” เขาพูดแล้วจับมือฉันลดลง
                  “หน้าเยินขนาดนี้ยังจะไม่เป็นไร หน้าคนนะไม่ใช่เสาบ้านถึงได้แข็งแรงขนาดนั้นน่ะ” ฉันพูดเสียงดังแล้วเช็ดเลือดให้เขาต่อ
                  “โอ้ยเจ็บจังเลย เบาๆหน่อยสิยะ” อยู่ดีๆนายพีนัทก็ร้องโอดโอยแล้วทำท่าบิดไปบิดมาแล้วตีแขนฉันหยอยๆ นี่มันอะไรกันเนี่ย
                  “นี่ๆ เป็นไรสบายดีปะเนี่ย” ฉันรีบกระโดดถอยห่างทันที
                  “โหยนี่เธอ รู้มั้ยว่าการแอ๊บแมนน่ามันยากขนาดไหน เดี๋ยวก็ต้องทำเสียงเข้มแล้วก็บุคลิกอีก โอยยยย เมื่อจะตายอยู่แล้ว” นายพีนัทบ่นเหมือนผู้หญิงแล้วเดินไปนั่งที่ม้าหินข้างๆฉัน อะไรของมันเนี่ย
                  “เดี๋ยวนะๆ ทำไมนายกลายเป็นแบบนี้ล่ะ”
                  “นี่ยัยกิ๊กรู้มะ ตอนที่ฉันเดินไปต่อยนายนั่นน่ะนะ เจ็บแทบตายแหนะ ดูสิหน้าไม่สวยเลยอ่ะ” เขาพูดพลางใช่มือแตะเลือดที่ปากแล้วก็ร้องโอ้ย
                  “เออ...นัท แก...เป็นไรหรือเปล่าเนี่ย เมื่อกี้ยังแมนๆอยู่เลย” ฉันถามอย่างไม่เชื่อสายตา
                  “เฮ้อ...คงถึงเวลาแล้วสินะ ตั้งใจฟังนะ คือว่า ฉัน-เป็น-เกย์” เขาพูดชัดถ้อยชัดคำ
                  “หา นายเป็นเกย์!”
                  “นี่เสียงเบาๆหน่อยสิ เดี๋ยวคนอื่นได้ยิน” เขาตีแขนฉันทีหนึ่งก่อนจะดึงฉันให้นั่งข้างๆ
                  “แล้วอย่างไปบอกใครเรื่องนี้นะ นอกจากพวกเรา” เขาพูดเสียงเข้ม
                  “อะ อืม” ด้วยอารามตกใจฉันจึงตอบตกลงไปง่ายๆไม่ได้ถามด้วยซ้ำว่าเขาไปทำไรมาถึงเป็นแบบนี้ สักพักเพื่อนเลิฟทั้งสองของฉันก็วิ่งหอบแฮกๆตามมา
                  “โหย นึกว่าไปไหนที่แท้ก็อยู่นี่นี่เอง” ยัยเปิ้ลบ่น
                  “เออ...ฉันมีเรื่องด่วนจะบอก” ฉันค่อยๆลุกขึ้นแล้วพูดให้เสียงนุ่มนวลที่สุด เผื่อไอ้ 2 คนนี้จะทำใจไม่ได้ที่ที่รักของมันเป็นเก้ง
                  “คือว่า...พีนัทน่ะ เขา...เขา...” ฉันพูดเสียงเบาลงแล้วหลบสายตาทั้ง 2 คน
                  “ทำไมหรอ ที่รักของพวกเราเป็นไร” ยัยรี่ถาม
                  “คือว่า...ทำใจไว้ดีๆนะ คือว่า พีนัทน่ะเขาเป็น เกย์” ในที่สุดก็พูดออกไปได้ แต่ไอ้ 2 คนนี้ล่ะไม่เห็นมีอาการตกใจหรืออะไรเลย
                  “กร้ากกกกกก/555+” แล้วอยู่ดีๆทั้ง 2 คนก็หัวเราะขึ้นมาพร้อมกัน
                  “อะไรของพวกเธอน่ะ ไม่ตกใจเลยหรอ” มันไม่ตกใจแต่ฉันนี่สิตกใจพฤติกรรมของมัน
                  “คริๆ ก็พวกเราสองคนน่ะรู้อยู่แล้วว่านายนั่นน่ะเป็นเก้ง 555+” ยัยเปิ้ลอธิบายแล้วหัวเราะต่อ
                  “อ้าว สะ แสดงว่า...” ฉันอึ้งไปเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ
                  “รู้กับหมดแล้วหรอ”
                  “อื้ม” ทั้ง 3 ตอบพร้อมกัน โอยจะเป็นลม ชีวิตนี้ไม่เคยเจอเก้งมาก่อนคร้า...
                 
      จากนั้นไอ้นัทก็เริ่มแสดงตัวว่าเป็นเกย์ตอนที่อยู่เฉพาะพวกเราเท่านั้น เฮ้อ...ถ้าอีพวกแฟนคลับมันรู้เข้าจะเลือดอาบไหมเนี่ย
       
      วันก่อนสอบมิทเทอม 4 วัน
                “นี่นัท นายเรียนเคมีรู้เรื่องบ้างปะ” ฉันถามนายนัทและตอนนี้เขาก็กลายเป็นเพื่อนสนิทฉันไปแล้ว (ตั้งแต่เมื่อไหร่)
                  “ก็โอเคนะ เธอไม่รู้เรื่องหรอ” เขาหันมาถามฉันระหว่างเก็บของเพื่อนย้ายไปเรียนห้องอื่น
                  “ก็ไม่รู้สิ มันงงๆอ่ะ นายช่วยติวเราอีกทีดิได้ปะ”
                  “เอาดิ งั้นวันนี้หลังเลิกเรียนเจอกันที่สวนหลังโรงเรียนนะมันเงียบดี เหมาะกับการติว รีบๆมาล่ะวันนี้ฉันมีนัดทานข้าวกับครอบครัว”
                  “อืม แล้วเจอกัน” จากนั้นพวกเราก็แยกกันเพราะคราบนี้คือวิชาเลือกจะเรียนอะไรก็ได้ ฉันเรียนเทควันโด นายนัทเรียนร้องเพลง ส่วนยัยสองคนนั่นไปเรียนหัตถกรรม
                  วิชานี้ไม่มีไรมากนอกจากการเตะๆ ชกๆ ไปวันๆ แล้วก็หมดคาบ จากนั้นฉันก็ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเช็ดคราบเหงื่อไครให้เรียบร้อย และก่อนที่ฉันจะเดินออกจากห้องน้ำไปนั่นเอง
                  “นี่เธอ” อยู่ดีๆก็มีกลุ่มผู้หญิง 2-3 คน ยืนขวางทางฉัน
                  “ขอโทษนะคะฉันต้องรีบไป” ฉันพยายามแหวกวงออกจากกลุ่มนั้นแต่ถูกยัยเล็บแหลมจิกหัวฉันแล้วก็ผลักลงไปกองกับพื้น โอยเจ็บหัวฉะมัดยาดเลย เล็บมันเกี่ยวหนังหัวฉันหรือเปล่าเนี่ย ฉันลุกขึ้นยืนด้วยอาการมึนๆก็วันนี้ฉันมีรอบเดือนด้วยสิแล้วเมื่อกี้ที่เรียนเทควันโดก็คงใช้พลังงานไปมาก ร่างกายเลยอ่อนแอ
                  “ขอโทษนะคะ ฉันต้องรีบไปจริงๆ” ฉันเดินเซๆฝ่าวงไปแต่ก็ถูกผลักลงมากองกับพื้นอีกครั้ง โอย...คราวนี้ปวดท้องเลยว่ะ
                  “ขอร้องล่ะปล่อยฉันไปเถอะ” ฉันยกมือขอร้อง แต่ธรรมดาฉันไม่ได้ป็ฯคงยกมือให้ใครง่ายๆนะ แต่ตอนนี้...มันไม่ไหวแว้ว~
                  “ฮือๆ ปล่อยให้แกไปหาพีนัทของพวกเราน่ะหรอ ไม่มีทาง” ผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งดูแล้วเหมือนเป็นหัวหน้ากลุ่มเดินมาหาฉัน แล้วบีบหน้าฉันจนฉันปากเจ่อ
                  “ต่อไปนี้เธอห้ามยุ่งกับพีนัทเด็ดขาดไม่งั้นเจอดีแน่ ไปกันเถอะ ฟ้า ฝน”
      “ค่ะ เจ้ปอม” แล้วยัยแม่มดนั่นก็เดินนำหน้ายัยลูกจ้างสองคนนั่นจากไปพร้อมเสียงหัวเราะเหมือนผู้มีชัย หืยยย วันนี้ยอมให้วันเดียวแค่วันเดียวเท่านั้น แต่ตอนนี้รู้สึกแสบไปทั้งหน้าเลยแฮะ ฉันค่อยๆปีนขึ้นไปเกาะขอบอ่างล้างหน้าแล้วมองดูตัวเองในกระจก...โอ้แม่เจ้า หน้าเป็นรอยแดงที่คางเลยอ่ะ แถมที่แก้มขวายังมีเลือดออกนิดๆด้วย เหมือนรอยข่วนเลยแฮะ แง...วันนี้ฉันก็เลือดไหลข้างล่างแล้วยังจะไหลข้างบนอีก เลือดหมดตัวแน่ฉัน ฉันค่อยๆเดินออกมาด้วยอาการสะบักสะบอมเหมือนโดนหมาฟัด ขนาดแรงจะผูกผมใหม่ยังไม่มีเลย นับประสาอะไรกับเดินดังนั้นฉันจึงแอบขึ้นลิฟท์ แล้วเดินไปอีกนิดหน่อยแต่สำหรับฉันตอนนี้ระยะการเดินของฉัน 1 ก้าว เท่ากับ 1 กม. กว่าจะก้าวได้แต่ละข้าง โอย ลำบาก แต่จู่ๆก็มีมืออันไหญ่ยักษ์มาจับแขนฉันไว้ฉันจึงหันไปดูทันที
      “น้องกิ๊กครับ เดินไหวไหมให้พี่ช่วยนะ” ออ...คุณพี่รอนนั่นเอง
      “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันนัดกับเพื่อนไว้ที่หลังโรงเรียนน่ะค่ะ นิดเดียวเองเดินได้ค่ะ” ฉันค่อยพยายามแกะมือเขาออก
      “เอ๊ะ นั่นหน้าน้องไปโดนไรมาน่ะ ใครทำอะไรน้องพี่” นี่ฉันเป็นน้องนายตั้งแต่เมื่อไหร่ยะ
      “ก็...พอดีเมื่อกี้เล่นท่ปากกันน่ะค่ะ แล้วเพื่อนมันแกล้งทามาถึงข้างล่างก็เลยล้างไม่ค่อยออกอ่ะ แหะๆ” ฉันแก้ตัวน้ำขุ่นๆไปเลย
      “งั้นหรอ ไม่มีอะไรก็ดีแล้วล่ะแต่พี่จะช่วยพาไปส่งนะ” ไม่รอช้าคุณพี่เขาก็ยกฉันพาดไหล่
                  “อ้า...พี่รอนคะไม่ต้องถึงขนาดนี้ก็ได้ค่ะ”
                  “แหม...น้องพี่สะบักสะบอมขนาดนี้จะให้เดินได้ไงล่ะ” พอเดินไปได้สักพัก คุณพี่รอนก็หยุดเดิน
                  “ถึงแล้วหรอคะ” ฉันถามสถานการณืในตอนนี้เพราะว่าตอนนี้ส่วนบนฉันห้อยอยู่ที่หลังเขาส่วนตูดก็...อยู่ที่หน้าเขาไง แหะๆ
                  “นายมาทำอะไรที่นี่ ไอ้พีนัท” หา พีนัทงั้นหรอ หวายยยย จะต่อยกันไหมเนี่ยเพราะตอนนั้นก็เคยมีเรื่องกันนิดหน่อยแล้วครั้งนึงหนิ
                  “แล้วนายล่ะทำอะไรอยู่ ปล่อยตัวเธอเดี๋ยวนี้นะ” เสียงของพีนัทตะโกนกลับมาด้วยความเย็นชา
                  “ปล่อยให้ไปอยู่ในมือเสือร้ายอย่างแกน่ะหรอ ไม่มีทาง”
                  “แกนั่นแหละเสือร้าย กิ๊ก อย่าไปเชื่อมันนะ”
                  “นายนั่นแหละ นึกว่าตัวเองดังกว่าฉันแล้วจะทำอะไรก็ได้งั้นหรอ หือๆ ถ้ายกเว้นเรื่องนั้นแล้วนายก็ชนะฉันมาโดยตลอด แล้วนายจะเอาอะไรอีก” รอนตะโกนกลับไปด้วยน้ำเสียงเย็นชาเช่นกัน
                  “ส่งเด็กผู้หญิงคนนั้นมาให้ฉัน”
                  “ให้ไปก็โง่สิ ขอยืมตัวเธอไปสักคืนแล้วกันนะ” แล้วฉันก็รู้สึกว่านายรอนชกที่ท้องพีนัทไป 3 ที จนพีนัทล้มกองกับพื้นไปเลย ช่วยฉันด้วยยยย
                  “พีนัทททททททท ช่วยด้วยยยยยยยย” ฉันพูดอย่างแผ่วเบาเพราะว่าตอนนี้พลังงานฉันกำลังจะหมดแล้ว....ครอก
       
                   
      ณ อพาตเมนท์ แห่งหนึ่ง
                  ที่ห้อง 210 เด็กหนุ่มคนหนึ่งกำลังบรรจงวางเด็กสาวหน้าตาน่ารักเหมือนตุ๊กตาไว้บนเตียง แล้วยิ้มออกมาอย่างเยือกเย็น
                  “คืนนี้เธอไม่รอดแน่” จากนั้นเด็กหนุ่มก็กระโดดขึ้นมาบนเตียงและเริ่มลงมือแต่แล้ว...
       






                  แล้วนายรอนก็เริ่มลงมือแต่แล้ว ก็มีอะไรบางอย่างตกใส่หัวเขาจนสลบไป แล้วบุคคลที่สามนั้นก็ค่อยๆบรรจงอุ้มร่างตุ๊กตาที่นอนสะลบสะไหลอยู่ขึ้นพาดบ่าทันทีแล้วเดินจากไป
                 
                  โอย...รู้สึกมึนๆแฮะ ฉันค่อยๆลืมตาขึ้นมาแล้วก็พบกับ...เพดานห้อง ตอนนี้ฉันอยู่ที่ไหนเนี่ย เหมือน...บ้านพักต่างอากาสแฮะ และฉันก็กำลังนอนซมอยู่บนเตียง ตรงข้างเตียงมีโต๊ะกาแฟเล็กๆ กับเก้าอี้มีเบาะนุ่มๆ ฉันยันตัวเองขึ้นมานั่งแล้วตั้งสติ
                  ที่นี่ที่ไหนเนี่ย แล้วจู่ๆก็มีคนเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับถาดข้าว พีนัทนั่นเอง
                  ตื่นแล้วหรอ เมื่อกี้น่ะเกือบไปแล้วนะ แล้วเขาก็วางถาดไว้พบโต๊ะกาแฟ ฉันมองเขาอย่างงงๆ
                  นาย...ไม่ใช่สิ เรามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง แถมรอบๆนี้ก็มีแต่ต้นไม่ทั้งนั้นเลย ฉันทำท่าตื่นตระหนกแล้วมองผ่านหน้าต่าง
                  ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ที่นี่น่ะบ้านพักต่างอากาศฉันเองไม่มีใครอยู่หรอกตามสบายเลย อ่ะ กินซะจะได้มีแรง แล้วเขาก็หยิบชามข้าวต้มส่งมาให้ฉัน ฉันรับไว้แล้วตักเข้าปากทันทีอย่างไม่รีรอ
                  หิวขนาดนั้นเลยหรอ 555+ รู้ไหมเธอนอนมา 7 ชั่วโมงเต็มๆเลยนะ
                  แคกๆ หา เจ็ดชั่วโมงเชียวหรอ ฉันถึงกับสำลัก
                  อืม หาว...ง่วงแล้วอ่ะนอนนะ แล้วเขาก็ปีนขึ้นมาบนเตียงแล้วนอนลงบนหมองข้างๆฉัน
                  นี่ นี่เตียงฉันนะ ฉันโวย
                  แต่ที่นี่มันบ้านฉัน แล้วที่นี่ก็มีห้องนอนเดียวด้วย นอนแล้วนะ แล้วเขาก็ดึงผ้าห่มไปเฉยๆเลย
                  อ้าว แล้วฉันไปนอนไหนล่ะ
                  ก็...นี่ไง เขาตบลงบนเตียงฝั่งที่ฉันนั่งอยู่สองสามที แล้วทำหน้าตาทะเล้น
                  บ้าหรือเปล่าฉันเป็นผู้หญิงนะ ไม่ควรนอนกับผู้ชายถึงแม้นายจะเป็นเกย์ก็เถอะเกย์ เกย์ ? แล้วทำไมวันนี้มันไม่ทำท่าเป็นกระเทยเลยล่ะ ที่นี่ก็มีแค่เราสองคนไม่ใช่หรอ
                  เออ ว่าแต่ตอนนี้เราก็อยู่แค่สองคนอ่ะ แต่ทำไมนายไม่ออก...แต๋วๆ เลยอ่ะ ฉันทำหน้าสงสัย
                  อะ อ๋อ อาจเป็นเพราะฉันแอ๊บแมนอยู่ตลอดเลยลืมมั้ง แต่จริงๆแล้วใจน่ะฉันชอบผู้ชายนะ
                  รวมทั้งพี่รอนด้วยหรอ ฉันปีนขึ้นมานั่งบนเตียงด้วยความอยากรู้อยากเห็น
                  ก็....บ้าน่ะ ไม่มีไรหรอก ฉันกับไอ้นั่นน่ะเกลียดกันจะตาย
                  นี่ เล่าให้ฉันฟังหน่อยสิ ทำไมเวลาพวกนายเจอหน้ากันแล้วต้องมีเรื่องด้วยล่ะ แถมยังพูดกันเหมือนกับมีลับลมคมในกันอย่างงั้นแหละ นะเล่าให้ฟังหน่อยสิ ฉันเขย่าแขนเขาเหมือนเด็กๆเขาทำหน้ามุ่ย
                  เออๆ เล่าให้ฟังก็ได้คือว่าตอนที่ฉันอยู่ ม.สามน่ะฉันชอบผู้หญิงคนนึง แบบคลั่งเลยก็ว่าได้ เธอน่ารัก....เหมือนตุ๊กตาเลยล่ะ ฉันยอมทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อเธอ พอเราคบเป็นแฟนกันได้สักพักไอ้รอนมันก็มาจีบเธอแล้วเธอก็ตามมันไป ฉันล่ะเจ็บใจที่สุดเลย
                  อ่อ เพราะงี้นายเลยประชดชีวิตเป็นเกย์ใช่มะ ฮ่าๆ ฉันหัวเราะร่วน
                  เออ...ก็คงงั้นมั้ง แล้วต่อจากนั้นตอนขึ้น ม.สี่ ฉันก็เริ่มเข้าวงการเริ่มจากการไปแคร์สตัวเดินแบบ พอไปปุบก็เจอไอ้รอนนั่นพอดี ฮึ ไม่ยักรู้มันก็คิดจะเข้าวงการด้วย
                  งั้นหรอ แล้วไงต่อ
                  พอแคร์สเสร็จ เขาก็เลือกฉันหึ แต่ไม่เลือกมันคราวนี้ถึงคราวฉันสะใจบ้างล่ะ 555+” ขำหัวเราะเหมือนตัวร้ายในละคร
                  อ๋อ แล้วนายก็เลยบูมมาเรื่อยๆจนต้องหยุดเรียนใช่มะ
                  อืม ต่อจากนั้นทางผู้จัดการเขาก็ให้ไอ้หมอนั่นเซ็นสัญญาค่ายเดียวกันกับฉัน
      เหมือนกันนะหึหึ แต่ผลปรากฏว่าฉันดังกว่ามันหลายสิบเท่า มันเลยยิ่งแค้นฉันมากขึ้น ฮึ แต่ที่ฉันทำน่ะมันไม่เท่าที่มันแย่งผู้หญิงคนนั้นที่เป็นครึ่งชีวิตฉันไปหรอก แล้วเขาก็หันมาจ้องหน้าฉันอย่างเคียดแค้น
                  เฮ้ย นี่อะไรกัน ฉันไม่ใช่นายรอนนั่นนะ ถึงได้มาจ้องดุเดือดอย่างงี้เนี่ย ฮู้...~”
                  แล้วเธอล่ะ ทำไมชอบพูดว่าเกลียดผู้ชาย
                  หึ ก็ผู้ชายน่ะมันใจง่ายคบกับเราเสพกับเรา เดี๋ยวสักพักพอมันเอาจากเราพอแล้วมันก็เบื่อแล้วล่ะ
                  แล้วเธอรู้ได้ไงว่าผู้ชายจะเป็นอยางนั้นหมด
                  ก็ฉันเคยโดนกับตัวเองน่ะสิ ตอนนั้นฉันคบกับผู้ชายคนนึงแล้วพอวันเกิดเขาฉันก็ซื้อมือถือรุ่นใหม่ล่าสุดในตอนนั้นให้ ราคาใช่ย่อยเลยนะ พอวันต่อมามันก็ย้ายบ้านหนี โทร.ไปมันก็เปลี่ยนเบอร์ใหม่ ผู้ชายน่ะไม่จริงใจสักคนเฮ้อ...นอนเหอะพอฉันล้มตัวนอนก็นึกได้
                  เฮ้ย แล้วฉันจะนอนไหนเนี่ย ฉันเด้งตัวขึ้นมาแล้วหันไปถามเขา
                  อ้าว ก็นี่ไงยัยหมูกระปุก
                  เมื่อกี้นายว่าไงนะ หมูกระปุกงั้นหรอ ฮึ่ย ไอ้...ไอ้ถั่วเขียว แบร่ นอนก็นอน ฉันด่ากลับบ้างแล้วก็ล้มลงนอนที่ข้างๆเขาทันทีแบร่นึกว่ากลัวหรอ หึ อีเก้งอย่างนายน่ะฉันไม่กลัวหรอก
       
      เช้าวันถัดมา
                  ฟุดฟิดๆ ฉันส่ายจมุกเล็กน้อยเนื่องจากมีกลิ่นแปลกปลอมเข้ามาในปอด
                  อืม...กลิ่นไรอ่ะ ฉันเอามือปัดหน้าตัวเองสองสามที
                  ตื่นได้แล้วคุณนายกระปุก ฉันค่อยๆลืมตาขึ้นแล้วก็พบ ซาลาเปา
                  หือ ฉันลุกขึ้นมานั่งแล้วมองไปทางคนที่นั่งถือซาลาเปาอยู่ในมือแล้วค่อยๆบิกินทีละนิด
                  หือ ในป่าแบบนี้มีของอย่างี้กินด้วยหรอ
                  เอาเป็นว่ามีกินก็แล้วกัน ฉันรู้จักที่นี่ดีกว่าเธอนะ จากนั้นเขาก็เดินไปหยิบถูงอะไรมาสักอย่าง หน้าถุงเขียนว่า ‘TASCO LOTUS’ (ไม่ได้เป็นผู้สนับสนุนนะ) แล้วโยนมาให้ฉัน
                  อ่ะ เสื้อผ้าคิดว่าน่าจะใส่ได้นะกับอุปกรณ์ ไปอาบน้ำซะ
                  เดี๋ยวสิ คือฉันยังไม่เห็นห้องน้ำสักห้องในบ้านนี้เลยนะ รู้ไหมเมื่อคืนน่ะฉันปวดห้องน้ำแต่หาไม่เจอเลยไม่ได้เข้า แล้วมันอยู่ไหน
                  555 สมก็อยู่โน่นไง ฉันมองตามมือเขาออกไปนอกหน้าต่างเมื่อมองออกไปฉันก็พบห้องน้ำต่างอากาศที่ทำจากไม้ไผ่เอามาต่อกันเป็นห้องสี่เหลี่ยม มันมีรูด้วยแหละ แงๆ
      หา จะบ้าหรอฉันเป็นผู้หญิงนะ จะให้อาบกลางแจ้งอย่างงั้นได้ไง
      อ้าว อาบไม่ได้หรองั้นก็ไม่ต้องอาบ พอเขาก็ทำท่าจะดึงถุงกลับฉันก็รีบคว้าถุงไว้ทันที
      อะ อาบได้ๆ โห...คิดว่าฉันจะไม่กล้าหรอ ได้เดี๋ยวอาบให้ดู แล้วฉันก็รีบกระโดดลงจากเตียงแล้วไปอาบน้ำทันที พอมาถึงห้องน้ำฉันก็จัดการเปลี่ยนผ้าถุงแล้วก็ราดน้ำขันแรกลงบนหลัง บรึ๋ย~ หนาวจัง พออาบได้สามสี่ขันจู่ๆประตูซอมซ่อของห้องน้ำก็เปิดออก เอ๊ะฉันว่าฉันล็อกประตูแล้วนะ
      ว้าย นายเข้ามาทำไมน่ะฉันล็อกประตูแล้วนะ ออกไป ฉันรีบเอาขันปิดหน้าอกตัวเองทันที
      อ้าว ก็กลอนมันเสีย แล้วก็น้ำมันมีถังเดียวอ่ะ ฉันก็ต้องอาบด้วยสิเดี๋ยวเธอก็แย่งอาบหมดแล้วอีกอย่างเธอบอกว่าเธอจะอาบให้ดูไม่ใช้หรอฉันจำได้
      แล้วทำไมนายไม่ไปตักมาเองอีกถังล่ะแล้วฉันก็ไม่ได้หมายความว่าจะอาบให้นายดูอย่างนี้บ้า
      เอ้า มาว่ากันอีกหนิ มาฉันอาบน้ำให้
      ว้ายยยย ไม่ต้องถึงแม้ว่านายจะเป็นเกย์นะ แต่ยังไงก็ผู้ชายน้า~”
      กลัวฉันหรอ
      มะ ไม่ได้กลัว ก็เอาสิท่าจะอาบน้ำให้ฉันน่ะ ฉันหันหลังกลับแล้วเผลอทำขันตก
      ว้าย ฉันรีบกลับหลังหันทันที
      นี่เธอ เราเพ่อนกันนะอีกอย่างฉันก็เป็นเกย์ด้วย ไม่นิยมพิษวาศเพศเดียวกันหรอกย่ะ
      งะ งั้นหรอ
      อืม อีกอยางนึงลืมบอกไปว่าถึงฉันจะเป็นผู้ชายนะ หุ่นของเธอน่ะยังไม่ถึงขั้นหรอกย่ะ
      หืยยยย เมื่อกี้แกว่าไงนะ ฉันหันกลับมาด้วยความโกรธ ตอนนี้ฉันไม่สนอะไรแล้วนอกจากคำพูดเมื่อกี้
      ฉันบอกว่า ถึงฉันจะเป็นผู้ชายร้อยเธอก็ไม่มีผลอะไรหรอกย่ะ แล้วเขาก็หยิบขันขึ้นมาตักอาบคนเดียว เหลือแต่ฉันที่ยืนกำหมัดหน้าแดงด้วยความอายอยู่คนเดียว หนอยยย ไอ้ตูดลิง ไอ้กระเทยควาย ฮึ่ย
       
      ในที่สุดฉันก็ได้อาบน้ำไปแค่ 4 ขันเท่านั้น (ยังไม่ได้ถูสบู่เลยนะเนี่ย) และตอนนี้ฉันกำลังนั่งรอกับข้าวที่นายพีนัทจะเป็นคนทำ เขาบอกว่าเพราะเห็นว่าฉันยังไม่ค่อยสบายเลยทำให้กินก่อนแต่ถ้าหายดีแล้วฉันต้องทำให้เขากินแทน ฮึ่ย
      มาแล้วๆๆอู๋ยร้อนจังในที่สุดเขาก็ออกมาจากครัวพร้อมกับ...
      นี่จะให้ฉันกินมาม่าเนี่ยนะ
      ก็เออไง ทำไม ไม่กินหรอ
      กินแต่ฉันเป็นแขกนายนะ นายน่าจะทำอะไรที่ดูดีกว่ามาม่านี่นา
      บ่นมากก็ทำกินเองเลยไป เพราะว่ามาม่าน่ะมันมีห่อเดียวต้องแบ่งกันกิน ถ้าเธอทำมันก็ดีนะจะได้ไม่ต้องแย่งฉันกิน
      โอเคได้ ฉันทำกินเองก็ได้ ว่าแต่นายมัวัตถุดิบหรืเปล่าล่ะ
      มี อยู่ในครัวนู่น เขาพูดขณะที่เส้นมาม่ายังเต็มปาก น่าเกลียดที่สุด ฉันเดินเข้าไปในห้องครัวแล้วก็ลองลื้อของในตู้เย็นดู มี...หมูสับ กุนเชียง ผักบุ้ง กะเพรา ไข่แพ็คนึง กะปิ อืม...ทำไรกินดี ข้าวคลุกกะปิดีกว่า จากนั้นฉันก็เริ่มลงมือทำเริ่มจากหุ่งข้าวก่อน...
       
      ระหวางที่ผมกินมาม่าอยู่ผมได้ยินเสียงโช้งเช้งในครัว ท่าทางจะทำกินเองจริงๆแฮะ ไปดูหน่อยดีกว่า ผมค่อยๆย่องไปที่ห้องครัวแล้วเกาะประตูยืนดูเธอทำไปพักใหญ่ เฮ้ย...ยิ่งมองยิ่งน่ารัก คนอะไรน่ารักก็น่ารัก ทำกับข้าวก็เก่งเวลาดูเธอจับกระทำ จับตะหลิวแล้วคล่องแคล่วว่องไวเหมือนแม่ครัวมืออาชีพเลยถ้าได้ไปทำกับข้าวกินทุกวันก็คงดีนะ 555+ ผมคิดอะไรอยู่เนี่ยยังไงเธอก็ไม่มีทางชอบผมอยู่แล้วก็เธอมองผมเป็นเกย์
      หนิเนอะ ไปกินมาม่าต่อดีกว่าเรา
                  ฟู่ววววว เหนื่อยเป็นบ้าเลยกว่าจะได้กินข้าวทีก็ปาไป 10 โมงแล้วดูไอ้คุณชายนั่นสิ นั่งอ่านหนังสือสบายใจเฉิบ ส่วนฉันนี่สิต้องมานั่งทำกับข้าวกินเอง แงๆ คิดถึงแม่ครั้งใดน้ำตามันก็ไหล...ในที่สุดข้าวคลุกกะปิสูตรต้นตำหรับหนูกิ๊กก็เสร็จแล้ว อ้า...น่ากินจังเลย ทานล่ะนะคร้า....
              หมับ
                  มีมือมือหนึ่งจับมือฉันไว้ทำให้ข้าวนั้นจ่ออยู่ในปากฉันเฉยๆ
                  เอา อือ ออก ไอ ฉับตีมือเขาเล็กน้อยเพราะถ้าตีแรงเดี๋ยวข้าวหก
                  หา ว่าไงนะ เขาถามด้วยสีหน้ากวนๆเหมือนจะแกล้งฉัน
                  อั๋น ออก อ่า ไอ้ เอา อือ ออก ไอ ฉันพูดอีกครั้งหนึ่ง
                  อะไรนะพูดใหม่ดิ๊ เขาโน้ทหน้ามาใกล้ๆฉันแล้วถามอีกที ว้ายยย เขินนะ
                  ไอ้ อ้า แล้วฉันก็สะบัดมืออย่างแรงๆ ก่อนที่ช้อนนั้นจะกระเด็นไปคาอยู่ที่หัวเขา 555ข้าวเต็มตัวเขาเลยอ่ะ
                  หืย ยัยหมูกระปุกเธอแกล้งฉันหรอ หวายยยย ท่าทางเขาจะโกรธเอามากๆเลยล่ะ
                  555 แบร่...กรรมน่ามันติดจรวดนะจะบอกให้ 555
                  หนอยแกตายแน่ยังหมูกระปุก เราสองคนเริ่มจากการจะฆ่ากันตายกลายเป็นวิ่งไล่จับกัน มันก็สนุกดีนะจะว่าไป แล้วฉันก็วิ่งวนมาที่โต๊ะอาหารตอนนี้ฉันกับนายนัทอยู่กันคนละฝั่งของโต๊ะ ฉันเห็นเขาจะบุกมาเลยคว้าส้อมบนโต๊ะขึ้นมาเป็นอาวุธ ตอนนี้ฉันถือไพ่เหนือกว่าแล้วล่ะ
                  เข้ามาเลย ฉันมีอาวุธนะ 555 เข้ามาสิทำไม ไม่กล้าหรอ
                  หนอยยยย เล่นกี้โกงนี่หว่า
                  เอาดิจะทำอะไรฉัน มาเข้ามาดี้ ฉันค่อยๆย่างสามขุมไปหาเขาส่วนเขาก็ก้าวถอยหลังไปเรื่อยๆ ว้าววววว ไอ้หมอนี่กลัวส้อมแฮะ
                  ยะ หยุดนะนั่นเธอจะทำอะไรน่ะ ฉันเป็นดาราดังนะเว้ย ฆ่าดาราน่ะลงโทษถึงขั้นประหารนะ เขาร้องขึ้นทันที่ที่ฉันง้างมือขึ้นเหมือนจะเล็งส้อมใส่เขา ตอนนี้หน้าเขาเหวอสุดๆเลยล่ะ ว้าว เห็นแล้วสะใจแต่ต้องเก็บอาการทำหน้าเข้มไว้
                  นี่เธอ หยุดนะ แต่ฉันไม่หยุด ฉันเดินเข้าไปหาเขาเรื่อยๆ
                  อืม ได้สิ ถ้าเธออยากจะฆ่าฉันเธอก็ฆ่าเลย ฉันรู้ว่าเธอแค้นฉันมากงั้นก็เสียบเลยสิ เสียบเลยเอาตรงหัวใจเลยนะจะได้ตาย เขาพูดเสียงเข้มนี่เขาเอาจริงหรอเนี่ย
                  นะ นายพูดจริงหรอ
                  อืม
              “งั้น...อย่าคิดมาท้าฉันนะ ฉันจะวิ่งเข้าไปแทงนะ 1 2 3 ย้า...
       
       หมับ เขาจับมือฉันไว้
                  ที่เธอจะทำอะไรน่ะ ขาดสติไปแล้วหรือไง ตอนนี้เรายื้อส้อมไปยื้อส้อมมากันอยู่
                  อ้าว ก็นายอยากตายไม่ใช่หรอ ฉันก็จะสนองให้
              “เฮ้ยฉันพูดเล่นไม่รู้ว่าเธอจะทำจริงนี่นา
              “โอ๊ะ พอดีฉันเป็นคนจริงจังกับชีวิตน่ะ ฉันเริ่มออกแรงให้มาขึ้นและเนื่องจากที่เขาสูงกว่าฉัน (เยอะเลย) เขาจึงโต้กลับมาได้อย่างง่ายดาย โอย...เริ่มเมื่อยแล้วนะเนี่ย อาจจะเป็นเพราะฉันยังไม่ได้กินข้าวเช้าอยู่ดีๆแรงมันก็หายไปไหนไม่รู้ทำให้ฉันเซแล้วด้วยแรงที่นายนัทเขาผลักมาทำให้ฉันเริ่มเซไปข้างหลังและ
       
      โครมมมมมมม
                  มึนๆจัง หนักๆที่ตัวแล้วก็ร้อนๆที่หน้าด้วย แต่ยังไงก็ต้องลุกขึ้นมาก่อน พอฉันลืมตาขึ้นมาต้องร้องกรี้ดเพราะว่า...ตอนนี้นายพีนัทเขานอนทับฉันอยู่แล้วหน้าเรา...หน้าเรา...ปากเขาอยู่ที่แก้มช้านนนน ฉันรีบอันตัวเขาออกทันที
                  นายทำอะไรน่ะ
                  กะ ก็ ก็เธอล้มไปเองฉันก็เลยล้มตามสิ โอ้ย แล้วเขาก็เอามือซ้ายมากุมที่ข้อมือขวา ฉันเห็นของเหลวสีแดงสดค่อยๆไหลลงมาตามนิ้วแล้วหยดลงพื้น
                  นะ นายเป็นไรหรือเปล่า ฉันรีบลุกขึ้นมาดูเขาและลืมเรื่องก่อนหน้านั้นสนิทเลย
                  ไหนเปิดออกมาให้ฉันดูหน่อย ฉันค่อยๆแงะมือซ้ายของเขาออกแล้วก็ต้องร้องจ้ากเพราะข้อมือเขาอาบไปด้วยเลือด และไม่ใกล้ไม่ไกลฉันก็เห็นส้อมตกอยู่ที่พื้นที่ปลานส้อมมีของเหลวสีแดงเหมือนที่ข้อมือเขาอยู่เล็กน้อย...
                  ส้อมทิ่มหรอ ตายแล้วเลือดออกเยอะด้วยมาๆเดี๋ยวฉันทำแผลให้ เอานี่ไปพันก่อน ฉันฉีกเสื้อตัวเองแล้วผูกปิดบาดแผลห้ามเลือดไว้
                  ที่นี่มีกล่องพยาบาลไหม ฉันตั้งสติถามเขา
                  มี อยู่บนตู้ในห้องนอน
                  อืม เดี๋ยวนั่งตรงนี้ก่อนนะ ฉันเดินไปหากล่องปฐมพยาบาลในห้องนอน เอ...อยู่บนตู้ใช่มะ
      อ๋าเจอแล้วแต่มันสูงอ่ะจะหยิบถึงไหมเนี่ย ฉันลากเก้าอี้มาวางที่หน้าตู้แล้วปีนขึ้นไปบนเก้าอี้ ฮึบ อีกนิดๆจะถึงแล้ว นิดนิดนิด ว้ายยยยยยย
       
      โครมมมมม
      แงๆ... ฉันตกเก้าอี้แต่ก็ดีที่บังเอิญปัดกล่องยาตกลงมาได้ ฉันลุกขึ้นแต่แล้ว
      แป๊บบบบบบบ
      โอ้ย...เจ็บข้อเท้าจังเลยสงสัยข้อเท้าแพลงแน่เลย โถ่ ทำไงดีเนี่ย ฉันค่อยๆกระดื้บๆไปที่ประตูห้องแล้วตะโกนเรียกเขา
                  นี่นาย นายนัท ช่วยด้วย
                  หือ เป็นไรไปน่ะ เขารีบกุลีกุจอมาหาฉัน
                  มีอะไรหรอ
                  แง...ขาฉันแพลงง่ะ นายช่วยพยุงฉันไปนั่งที่เตียงหน่อยดิ นะนะ
                  ให้ช่วยเธอ ในสภาพอย่างนี้เนี่ยนะ
                  อืม...ก็นายไม่เจ็บขานี่ให้ฉันเกาะขานายแล้วลากไปก็ได้ ไหว้เหอะ
                  เฮ้อ...อะไรกะนักกะหนาวะเนี่ย แล้วเขาก็ยืนขามาฉันรีบเกาะแน่นกลัวเขาจะเปลี่ยนใจไม่ช่วย
                  จับแน่นๆนะ จะเดินล่ะ ฮึบ เราสองคนค่อยๆถูไถถูไถกันไป โอ้วววว ถ้าแม่มาเห็นสภาพฉันในตอนนี้ต้องด่าแน่ๆเลย
      ในที่สุดฉันกับเขาก็ลากสังขารมาที่เตียงได้
                  แฮกๆๆ เหนื่อยเป็นบ้าเลย ผู้หญิงไรวะหนักสุดยอด ทำท่ายกขาขึ้นมานวด
                  นี่ น้อยๆหน่อยเดี๋ยวก็ไม่ทำแผลให้เลย อยู่นิ่งๆสิ ฉันแก้ผ้า (ผ้าที่พันแผลเขาอยู่นะ อย่าคิดไกล) แล้วก็บรรจงทายาให้
            จึก!
                  โอ้ย เบาๆหน่อยสิเธอเจ็บนะ
              “ทำเป็นสดีดสดิ้งอยู่นั่นแหละ ผู้ชายปะเนี่ย
      จึก จึก จึก จึก!
                  โอ้ยยยยไม่ใช่ ฉันเป็นเกย์ เออว่ะ ลืมนึกไป
                  งะ งั้นก็เงียบไปเลย ฉันก้มหน้าทำแผลงุดๆต่อ
                  อ่ะเสร็จแล้ว ฉันชื่นชมผลงานการทำแผลของตัวเอง
                  โอ้โห ฝีมือไม่เบานะเนี่ย
                  โฮะๆๆ แน่นอนอยู่แล้วหนูกิ๊กซะอย่าง
                  ไม่ใช่ ฉันหมายถึงว่าเธอน่ะมือหนักมากไม่เบาเลย เมื่อกี้จะฆ่าฉันหรือจะทำแผลเนี่ย โอ้ย ฉันเอามือตีแผลเขาทีหนึ่งโทษฐานที่ว่าฉัน
                  ทำคุณบูชาโทษแท้ๆเลยฉัน ฉันบ่นกับตัวเองแล้วทำแผลที่ข้อเท้าตัวเองต่อ
      บรรยากาศตกอยู่ในความเงียบ ตอนนี้ก็เริ่มค่ำแล้วฉันกับนายนัทก็มานั่งทอดน่องอยู่ที่ศาลาริมน้ำและสรุปคือ ฉันยังไม่ได้กินข้าวเลยสักมื้อ -*-
      นี่นาย ฉันหิวแล้วอ่ะ ทำไรให้กินหน่อยดิ ฉันใช้ซอกกระทุ้งศรีข้างเขา
      นี่ ฉันเจ็บมืออยู่นะ
      ฉันก็เจ็บขาเหมือนกันแหละ แล้วเนี่ยอีก 2 วันก็จะสอบมิทเทอมแล้วด้วย ฉันยังไม่ได้อ่านหนังสือสักตัวเลย
      นั่นสินะ
              “ไม่ต้องมานั่นสินะเลย นายไม่ใช่หรอที่พาฉันมาที่นี่ แล้วงี้จะกลับไงล่ะ
                  ก็ตอนนั้นน่ะเธออยู่กับไอ้รอนแล้วก็เกือบจะโดนมัน...เฮ้อ...ช่างมันเหอะ
                  งั้นหรอ อืม...ขอบใจนะที่ช่วยฉัน
                  นี่ๆ ไม่ต้องทำตาหวานเยิ้มใส่เลย แล้วฉันก็ไม่ได้ช่วยเธอด้วยแค่อยากจะเอามันคืนก็เท่านั้น เขาพูดลอยหน้าลอยตาหน้าหมั่นไส้นัก
                  จริงหรอ ฮือ...แต่ว่าตอนนี้ฉันหิวจนตาลายแล้วล่ะ นะๆไปกินข้าวกันนะกินข้าวอ่ะ ฉันหิวข้าวอากกินข้าว! ”
                  เฮ้อ...โวยวายจังโว้ย มาขึ้นมา เขานั่งยองๆตรงหน้าฉันแล้วฉันก็ขึ้นไปขี่หลังเขา เหมือนกับตอนที่เขาพาฉันมานั่งที่ศาลานี้แหละ เราเดินเอื่อยๆกลับมาที่ตัวบ้านแล้วเขาก็วางฉันลงบนเก้าอี้
                  ถึงแล้ว อยากกินไรเดี๋ยวโทรสั่งให้
                  อืม...เอาสปาเก็ตตี้ดีกว่า
                  อืม ก็ดีนะ งั้นสปาเก็ตตี้ 2 แล้วกัน พอเขาโทรสั่งเสร็จเราก็มานั่งคุยฆ่าเวลากัน
                  ว่าแต่ ที่นี่เนี่ยบ้านนายหรอ
                  อืม เป็นของพ่อฉันน่ะ ท่านเพิ่งเสียไป 3 ปีก่อน
                  งั้นหรอ พ่อฉันก็เพิ่งเสียไป 3 ปีก่อนเหมือนกัน
                  หรอ ท่านเป็นคุณลุงตัวใหญ่ๆ
                  ช่าย...
                  ใจดี ชอบให้ขนมฉัน
                  อืม ชอบให้ลูกอม
                  ใช่ ท่านชอบให้ลูกอม
                  ท่านจะอยู่บ้านวันเว้นวัน แม่บอกว่าท่านไปทำงานแล้วต้องกลับดึก ท่านเลยนอนที่ทำงานเลย
                  อืมใช่ พ่อฉันก็เหมือนกันชอบกลับบ้านวันเว้นวัน
                  จริงเหรอ 555 ทำไมเหมือนกันจังเลย
                  จริงด้วย 555
       
         ปี๊บๆๆๆ
                  นั่นไงรถส่งมาแล้ว เดี๋ยวฉันไปเอาอาหารก่อนนะ แล้วเขาก็เดินที่รถโมเตอร์ไซด์ที่เขียนว่า 1112 แล้วก็ยื่นหมูยื่นแมวกัน
                  นี่มาแล้ว ร้อนๆเลยอ่ะ เขาวางกล่องสปาเก็ตตี้ไว้ตรงหน้าฉัน ด้วยความหิวฉันรีบแกะกล่องทันทีแล้วเริ่มลงมือสแหวก (เออ...กินนั่นแหละ)
                  เดี๋ยวสิ
                  อะไรอีกเล่า นายก็กินๆไปเถอะฉันหิวจะตายแล้ว
                  ก็มือฉันเจ็บหนิ กินข้างซ้ายก็ไม่ค่อยถนัดด้วย อ้า....ป้อนหน่อยๆ เขาทำท่าอ้าปากเหมือนเด็กเล็กๆ ดูๆไปก็น่ารักดีนะ
                  ฮึ่ย ก็ได้ๆๆเอ้า อ้าปาก แล้วฉันก็ป้อนเข้าไปคำเบ้อเริ่มเต็มปากเลย 555
                  โอย อ้อนๆ (โอย ร้อนๆ)
                  ฮ่าๆๆ บ่นไปเถอะย่ะ แล้วฉันก็นั่งกินอย่างสบายอารมณ์ปล่อยให้มันปากพองไปอย่างนี้แหละดีแล้วจะได้ไม่ต้องพูดมาก
       
      เช้าวันรุ่งขึ้น
                  นาย ไปกันได้ยังฉันอยากกลับบ้านไปอ่านหนังสือสอบแล้วนะ ถ้าฉันสอบตกนายต้องรับผิดชอบด้วยฉันบ่นอุบนั่งดูหมอนั่นเช็คสภาพเครื่องยนต์อยู่
                  เออๆ เสร็จแล้ว มาขึ้นขี่หลังนี่ฮึบ ฉันคิดว่าฉันคงขับไม่ไหวนะเธอขับเข้ากรุงเทพให้หน่อยแล้วกัน
                  อ้าว ซะงั้นฉันก็เจ็บขาเหมือนกันนะ
              “จริงด้วย...งั้นเอางี้
             
      ตอนนี้ฉันขับเข้ามาถึงเขตกรุงเทพแล้ว ลำบากแทบตายแหนะรู้ไหมฉันขับมาถึงนี่ได้ไง ก็ดูไอ้นัทมันคิดสิ ให้ฉันนั่งตักมันฉันเป็นคนถือพวงมาลัยส่วนเขาก็เหยียบเบรค์ตามที่ฉันบอก ตอนแรกๆพอเข้าถนนใหญ่โดนกดแตรไล่ใหญ่เลย ก็เพราะมือกับเท้ามันไม่สัมพันธ์กันน่ะสิเลยขับเหมือนจะไปตำตูดรถข้างหน้านู่น หวุดหวิดมากเลยล่ะ ฮู้ววว~
       
                  กลับมาแล้วค่ะแม่ ฉันยืนเกาะบ่นนายนัทเซไปเซมาอยู่หน้าประตูบ้าน
                  อ๊ะ ลูก...ลูกแม่ โฮ....ลูกไปอยู่ไหนมาแม่เป็นห่วงนะ คุณนายทองสุขวิ่งเข้ามากอดลูกสาวสุดที่รักคนเดียว
                  โอ้ยแม่หนูเจ็บนะ คือหนูแค่ไปติวหนังสือบ้านเพื่อนมาน่ะค่ะไม่มีอะไรหรอก
                  หรอจ้ะแล้วทำไมไม่บอกแม่ก่อน อ้าว แล้ว....พ่อหนุ่มคนนี้เป็นใครล่ะ หน้าตาดีเหมือนนักร้องคนนั้นเลยนะ
                  อ๋อ นี่เพื่อนที่หนูไปติวหนังสือด้วยค่ะชื่อพีนัท ก็คนเดียวกันกับในทีวีนั่นแหละค่ะ
                  หา จริงหรอคนที่เขาบอกว่าจู่ๆก็ออกจากวงการไปเรียนต่อใช่มั้ย
                  ใช่ครับ ผมพีนัทเองครับ
                  หา จริงหรอ โอยยยยจะเป็นลม คุณนายทองสุขทำท่ามึนหัว
                  แม่เป็นไรหรือเปล่าคะ ฉันเข้าไปช่วยพะยุงแต่ก็ต้องเซตามไปด้วย
                  โอย ไม่เป็นไรจ้ะ งั้นพ่อหนุ่มเชิญเข้าไปข้างในได้เลย อ่ะกิ๊กพาเข้าไปข้างในบ้านหน่อยนะ
                  ค่ะแม่ นัท!” เหมือนเป็นอันรู้กันว่าถ้าฉันเรียกเขาเมื่อไหร่เข่จะต้องทำตัวเป็นม้าแล้วพาเจ้าหญิงอย่างฉันท่องไปที่ต่างๆพอฉันขึ้นไปขี่ปุ๊บแม่ก็ทำท่าจะเป็นลมอีกครั้ง
                  ละลูกกิ๊ก ทำไมไปขี้หลังผู้ชายอย่างนั้นล่ะลูก เดี๋ยวเขาก็เป็นข่าวหรอก น่ะคิดไปไกลแล้วแม่ว่าแต่แม่ไม่หวงลูกสาวเลยหรอห่วงแต่เขาว่าจะเป็นข่าวอยู่นั่นแหละ ถ้าเป็นก็ดีดิฉันจะได้ดังๆ 555+
                  เออ...ไว้เดี๋ยวกิ๊กค่อยเล่าให้แม่ฟังในบ้านนะคะ ตรงนี้ไม่ปลอดภัย นัทตรงไปเข้าบ้านนะแล้วก็เลี้ยวซ้าย เป็นห้องนั่งเล่นน่ะ
                  อู้ยตาย...ลูกฉันขี่หลังผุ้ชาย อกอีแม่จะแตก
       
                  เล่าให้แม่ฟังเดี๋ยวนี้เลยนะกิ๊ก ว่าลูกกับผู้ชายหน้าเกาหลีคนนี้เป็นอะไรกันแล้วไปนอนบ้านเขาได้ยังไง
                  คือว่า...
                  แม่ไม่คิดนะว่าลูกจะไปขี่หลังผู้ชายเนี่ย มันไม่งามกับวงตระกูลเรานะลูก
                  คือว่ามันมีเหตุจำเป็นครับคุณป้า
                  งั้นเล่ามาสิ เผื่อจะฟังขึ้นบ้าง
                  คือว่าอย่างนี้ค่ะคุณแม่...
                 
                  อ๋อ ที่แท้ก็อุบัติเหตุ แล้วเป็นอะไรมากหรือเปล่าเนี่ยลูก
                  ก็...ต้องขี่หลังเขามานี่แหละค่ะ
                  งั้นหรอ แล้วพ่อหนุ่มล่ะเป็นอะไรมากหรือเปล่าแล้วลูกสาวป้าไปทำความเดือดร้อนให้หรือเปล่าคะเนี่ย
                  อ๋อ ก็...นิดหน่อยน่ะครับ
                  แล้วว่าแต่เรานี่สิไปนอนบ้านผู้ชายได้ยังไงมันไม่งามนะลูก
                  คือว่างี้ค่ะคุณแม่ คือ....ห้ามไปบอกใครนะคะ ฉันหันซ้ายหันขวาดูเผื่อจะมี
      ปาปารัสซีอยู่แถวนี้
                  จ้ะๆ แล้วคืออะไรล่ะ ฮึ?
                  คือว่า นัท-เขา-เป็น-เก้ง-ค่ะ-แม่ ฉันกระซิบให้เบาที่สุด
                  อ๋อ...ที่แท้ก็...เก้ง! หา หน้าอย่างนี้หรอเก้ง แม่ฉันทำท่าจะเป็นลมทันที
      (คนแก่เป็นลมง่าย)
                  ค่ะแม่ เขาไม่คิดอะไรกับหนูหรอกค่ะ แล้วหนูก็ไม่ได้คิดอะไรกับเขาด้วย
                  อืม...งั้นก็แล้วไปนะ ว่าแต่พวกลูกคงหิวกันแล้วสินะ แจ๋ว...แจ๋วเอ้ย
                  ค่า...มาแล้วค่ะคุณนายมีอะไรให้แจ๋วรับใช้คะพี่แจ๋ววิ่งหน้าตั้งมาจากหลังบ้าน
                  เดี๋ยววันนี้ทำกับข้าวเยอะๆเลยนะ พอดีมีแขกพิเศษมาทานข้าวบ้านเรา กิ๊กไปช่วยแจ๋วทำด้วยไป
                  ได้ค่ะคุณนายเดี๋ยวแจ๋วจัดให้ค่ะ
              “โหยแม่ หนูขาเจ็บอยู่นะ
                  แจ๋ว เดี๋ยวช่วยพยุงกิ๊กไปหน่อยแล้วกันนะ แม่จะคุยอะไรกับตาพีนัทหน่อย
                  แม่อ่ะ
       
      อาหารเย็น
                  อ่ะคุณพีนัท ทานเยอะๆนะคะ
                  ครับคุณแม่ เอ้ย คุณป้าคุณนายทองสุขตักปลากะพงให้พีนัทฉันเลยอดมองอย่างหมั่นไส้ไม่ได้
                  โหแม่ ทีหนูล่ะไม่เห็นตักให้แบบนี้เลยอ่ะ ฉันทำหน้ามุ่ย
                  อ้าว มีมือก็ตักเองสินี่พีนัทเขามือเจ็บ แม่เลยต้องดูแลเป็นพิเศษหน่อย ใช่มั้ยล่ะนัท แล้วแม่ก็หันไปยิ้มหวานให้พีนัท หืยยย เห็นแล้วเจ็บใจ
                  เอ้อ แล้วบ้านพีนัทอยู่ไหนหรอจ้า
                  อ๋อ อยู่แถวๆxxxน่ะครับ
                  งั้นหรอก็ไม่ค่อยไกลจากที่นี่เนอะ
                  ครับ
                  ไว้มาบ่อยๆก็ได้นะ
                  แม่อ่ะ ฉันตีแขนแม่ไปปาบนึง
                  อ้าวทำไมหรอ เป็นเพื่อสนิทกันไม่ใช่หรอมาบ่อยๆน่ะสิดี จะได้สนิ้ททททสนิทกันยิ่งขึ้นไงจ้ะ
                  หมายความว่าไงอ่ะแม่ฉันมองแม่ตาขวาง
                  ทุกอย่างน่ะ มีเวลาของมันเองนะลูก สักวันลูกก็จะรู้
              “นี่แม่พูดเรื่องอะไรเนี่ย หนูงงไปหมดแล้วนะ พูดอะไรของคนแก่วะเนี่ย ฟู่ววว เลอะเลือนและแม่เรา
              “นี่กิ๊ก ป้อนพีนัทเขาหน่อยสิลูก ดูซิน่าสงสารมือก็เจ็บแถมยังเป็นข้างขวาด้วย ป้อนหน่อยแล้วกันนะเดี๋ยวเขาเอาไปโภธนากันว่าบ้านเราเนี่ยแล้งน้ำใจ น่ะป้อนเขาหน่อยน่า
                  หา
                  หนะ ป้อนเขาหน่อยเห็นแล้วสงสาร
                  แม่สงสารแม่ก็ป้อนเองดิ
                  เดี๊ย ย้อนแม่หรอป้อนเดี่ยวนี้นะ
                  เออๆ ป้อนก็ป้อน อ่ะอ้าปาก
                  อ้า...ง่ำ ฉันจำใจต้องป้อนหมอนั่น เลื่องมากจังวุ้ย
       
              “ผมกลับก่อนนะครับ สวัสดีครับ บ้ายบายกิ๊ก พีนัทลาแม่ฉันแล้วหามาโบกมือให้
                  เฮ้อ...ไปซะได้ก็ดี เข้าบ้านกันเถอะแม่เดี๋ยวไม่สบาย
                  นี่ยัยกิ๊ก แม่ไม่คิดเลยนะว่าจะได้พูดคุยแบบเจาะลึกกับดาราดังอย่างพีนัทด้วย โอย แม่จะเป็นลม แหม...ทำไปได้นะแม่
       
      วันนี้เป็นวันสอบมิทเทอมซึ่งฉันไม่อยากเจอที่สุดเพราะว่า...ฉันไม่ได้อ่านหนังสือเลยยยยย อ่านก็อ่านนิดเดียวเพราะว่าวันเสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมาฉันมัวแต่ไปติด
      แหงกอยู่กับยัยพีนัทนั่น แถมยังได้แผลใหม่กลับมาด้วยง่ะ แง... แต่ยังไงคติประจำใจของฉันก็คือ กิ๊กเก่งซะอย่างลงสนามรบคราวนี้ฉันจะต้องชนะ!
                  และแล้ววันที่สุดแสนจะทรหศก็ผ่านไปได้ด้วยดี ตอนนี้ฉันกำลังนั่งใจลอยคิดถึงข้อสอบเมื่อตอนบ่ายที่เพิ่งทำเสร็จไปหมาดๆ
                  เป็นไงบ้างจ้ะยัยกิ๊กเก่ง เก่งสมชื่อมั้ยล่ะวันเนี้ย ยัยเชอรี่กระโดดล็อคหัวฉัน
                  โอ้ย...ตกใจหมดเลยพวกเธอนี่
                  คิดอะไรอยู่ล่ะจ้ะ เปิ้ลเข้ามาสมทบด้วย
                  หรือว่า...คิดถึงเจ้าชายของพวกเราฮะ รี่เอ่ยแซว
                  บ้าหรอ ฉันจะไปคิดถึงเขาทำไมกันฉันกำลังลุ้นอยู่น่ะสิว่ามิทเทอมครั้งแรกของฉันจะเป็นยังไงบ้าง
                  งั้นหรอ เอ...ทำไมคราวนี้ดูน้องกิ๊กเก่งของเราจะไม่ค่อยมั่นใจในตัวเองเลยนะ มีอะไรหรือเปล่า ไม่ได้อ่านมาหรอ
                  ก็...อ่านบ้างอ่ะ ก็ไอ้นัทน่ะ... ว้ายยยย เกือบหลุดปากเรื่องที่ไปอยู่บ้านพักที่ต่างจังหวัดแล้วล่ะ
                  ทำไมหรอจ้ะ นัทอะไรนัทอะไร รี่เข้ามาขยั้นขยอ
                  มะ ไม่มีไรหรอกช่างมันเหอะ
              “แล้วตกลงที่ข้อเท้าแพลงเนี่ย ตกบันไดจริงหรือเปล่าจ้ะ เปิ้ลถามบ้าง
                  เออ...กะ ก็จริงน่ะสิแต่ดีนะที่ไม่เป็นอะไร...นั่นไงพีนัทออกมาแล้ว ฉันรีบเปลี่ยนเรื่องทันที
                  อ้ายยยยยย/กรี๊ดดดดดดดด มีผู้หญิงที่อยู่แถวนั้นวิ่งกรูเข้ามาหานายพีนัททันที มันจะคลั่งไรนักหนาวะ
                  อ้าว เปิ้ล รี่ ไม่ไปกรี๊ดกับเขาแล้วหรอ ฉันได้ทีเลยแซวบ้าง
                  555+ ไม่เป็นไรหรอกเพราะว่าเราคงได้เป็นเพื่อนกันแล้วก็เจอกันอีกนาน รี่
              “อ๋อ เธอก็เลยไม่รีบร้อนขอเขาแต่งงานใช่มะ เปิ้ล
                  ยัยเปิ้ล เธอแซวฉันหรอแซวใช่มั้ยๆ แล้วมันก็วิ่งตีกันเองวิ่งไปวิ่งมา...ลงบันไดไปแล้วล่ะ - -++
                  ขอตัวก่อนนะครับ ขอตัวก่อนนะครับ ฉันได้ยินเสียงพีนัทดังมาแว่วๆฉันเลยหันไปดูและพบว่าเขาพยายามอย่างหนักที่จะฝ่าฝูงมหาชนแฟนคลับออกมาหาฉัน... (หาฉันรึเปล่า)
              “ขอตัวก่อนนะครับ บ้ายบายครับ
                  กรี๊ดดดดด เมื่อกี้เขาบ้ายบายฉันด้วยแหละแก/บายฉันต่างหากย่ะ
              “แฮกๆ ดียัยกิ๊ก เขาเดินมาอย่างหอบๆ
                  ผู้หญิงอะไรวะเสียงดังเป็นบ้าเลย กรี๊ดกันอยู่ได้ โรงเรียนจะแตกอยู่แล้วเนี่ย
      โอย... เสบหูว่ะ แล้วเขาก็ทำท่าแคะขี้หู
                  นี่น้อยๆหน่อย แล้ว...มือนายหายยังอ่ะทำข้อสอบได้หรอ
                  ก็...ดีขึ้นแล้วล่ะ เธอน่ะสิไม่ยอมเดินเองสักที ต้องให้ฉันอุ้มอยู่นั่นแหละ
                  ก็นายอาสาเองนะ ยัยกระเทยควาย
                  เมื่อกี้เธอว่าไงนะ เขาหันมาทำตาเขียวใส่ หวายยยย น่ากลัวจัง
                  เออ...เปล่าหรอก กลับบ้างกันเถอะ ฉันยื่นขึ้นอย่างรวดเร็วแต่ลืมไปว่าขายังไม่หายดีเลยเซล้มไป และ....
       
      โครมมมมมมม
                  เธอทำอะไรของเธอเนี่ย ไปนั่งจับกบทำไม เหอะๆ คุณผู้อ่านคงคิดว่าเขาคงรับฉันไว้ใช่ไหมคะ แต่นี่คือนิยายของตุ๊กตาซะอย่างไม่มีฉากบังเอิญขนาดนั้นหรอกค่ะ เพราะว่าตอนที่ฉันเซมันดันกระเถิบหนีซะงั้น ฉันเลยได้ไปนอนพะงาบๆอยู่ที่พื้นอย่างนี้ไงเล่า แง...
                  ชะ ช่วยหน่อย ช่วยฉันด้วยยย ฉันร้องอย่างโอดครวญ
                  แล้วช่วยไงล่ะ มือก็เจ็บแบบนี้ เขาตีหน้าซื่อแล้วมองมือตัวเองเหมือนจะแกล้งฉัน หืยยย ไว้ขาฉันหายดีก่อนแล้วจะแกล้งคืนทบต้นทบดอกเลยคอยดู
              “มีสมองไม่ใช่หรอก็คิดสิว่าจะช่วยฉันลุกยังไงดี ฉันเริ่มโมโหแล้วนะ
                  อ้าวน้องกิ๊ก ทำไมมานั่งกองอยู่กับพื้นแบบนี้ล่ะครับ ฉันกับนัทหันไปตามเสียงพร้อมกัน แล้วก็เจอ...คนที่ไม่อยากเจอ ไอ้คุณพี่รอนนั่นเอง
                  สะ สวัสดีค่ะ คือว่า... ฟ้องเลยดีกว่า
                  คือว่านายพีนัทนี่สิคะไม่ยอมช่วยพยุงกิ๊กอ่ะ แล้วตอนเนี้ยกิ๊กก็ข้อเท่าแพลงอยู่ด้วย ฉันทำหน้าให้น่าสงสารที่สุด
                  จริงหรือครับนี่ ไหนๆให้พี่ดูขาหน่อยซิ อ้ายยยย นั่นจะทำอะไรน่ะ ก็จู่ๆไอ้คุณพี่รอนมันก็เดินมาถกกระโปรงฉันแล้วจับๆที่ข้อเท้า หยีเอามือสกปรกของแกออกไปนะ
                  นี่แก แกจะทำอะไรกิ๊กน่ะ โอววววว ขอบคุณสวรรค์หลังจากที่แกนั่งอ๋ออยู่นานก็มาช่วยฉันสักที
                  มีอะไรไอ้พีนัท อย่ามาหาเรื่องกันดีกว่า รอนเริ่มขึ้นแล้วเหมือนกันแหละ
                  แกก็ปล่อยกิ๊กก่อนสิ ฉันถึงจะปล่อนแก
                  หึ ลืมไปแล้วหรอว่าฉันน่ะลูกใคร ลูกผู้อำนวยการโรงเรียนชื่อดังเลยนะโว้ย
                  หึ ก็แค่เกาะพ่อกิน แต่ดังด้วยตัวเองไม่ได้ พีนัทเริ่มหยามกลับบ้าง
                  มันจะมากไปแล้วนะโว้ย
       
      ผัวะ!
      อืม...ในที่สุดคุณพี่รอนก็เป็นฝ่ายแรกหมัดก่อน แต่ว่า...ช่วยฉันลุกก่อนสิแล้วค่อยทะเลาะกัน แงๆ
                  ที่พ่อฉันให้แกเรียนที่นี่ก็บุญโขแล้ว ยังไม่สำนึกบุญคุณอีก
              “คนที่ฉันต้องสำนึกคือพ่อแกไม่ใช่แก
      ผัวะ!
      พีนัทพูดจบก็ใส่หมัดไปอีกหนึ่งดอกแล้วฉันก็รู้สึกว่าที่ข้างหน้าฉันนี้เป็นสนามมวยยังไงอย่างงั้น แถมยังมีคนดูด้วย -*-
                  หึ งั้นมาลองกันสักตั่งมั้ยล่ะ
      โอย....ถ้าขาฉันไม่เจ็บนะฉันลุกไปช่วยต่อยด้วยนานแล้วล่ะ เห็นแล้วอดใจไม่ไหว
                  นั่นอะไรกันน่ะ ยัยกิ๊กกกก ในที่สุดแกก็มาสักทีนะ ได้ข่าวว่าไปตีกันตาแถวๆสุโขทัยแล้วไม่ใช่หรอ แหม...กว่าจะมา
              “ช่วยฉันด้วยไอ้เปิ้ลไอ้รี่ ฉันไม่ไหวแล้วววว
                  เป็นไรวะไอ้กิ๊ก ว้ายนั่นพีนัทกับรอนนี่นา ไปดูกันเถอะรี่ อะ ไอ้เพื่อนเวรรรร ช่วยช้านนนก่อนนนนนน
                  ว้ายยย ฮุคซ้าย ต่อยขวา ต่อยซ้าย ซัดมันเลยพีน้าททททท
                  อีพวกเพื่อนทรยศมาช่วยฉันก่อนนนน
                  นี่มันอะไรกันน่ะนักเรียน หยุด หยุด เดี๋ยวนี้นะ
                  เย่...ในที่สุด ผ.อ. ก็มาสักที ผ.อ. งั้นหรอย่อมาจากอะไรนะ ผู้อำนวยการปะ?
      ว้ายยย ผู้อำนวยการพ่อของไอ้คุณรอนนี่หว่า ตายแน่ไอ้นัทเอ๋ย
              “ไปพบฉันที่ห้องเดี๋ยวนี้
                  แต่พ่อครับ
                  แกด้วยไอ้รอน เป็นถึงลูกผู้อำนวยการทั้งทีทำไมทำตัวแบบนี้ ไว้ค่อนคุยกันทีหลัง ตามฉันมา 555+ สะใจวู้ยยยลูกผู้อำนวยการโดนพ่อด่า 555+ ไม่เคยเห็นว่ะ(แต่ตอนนี้ช่วยพะยุงฉันทีตะเคียวกินแล้ว แงๆ)
                 
                  ตอนนี้ผมมาอยู่ในห้องของผู้อำนวยการหรือว่าพ่อของไอ้รอนนั่นเอง ผมไม่รู้ว่าจะโดนอะไรบ้าง แต่ผมลูกผู้ชายตัวจริงอยู่แล้ว (ต้องดื่มกระทิงแดง)
              “ไหนลองเล่าเหตุการณ์ก่อนวิวาทมาซิ
                  ก็ไอ้นี่มัน.../ก็ลูกคุณน่ะ...
                  ไม่ต้องแย่งกันพูด อ่ะพีนัทว่ามาก่อนซิ
                  คุณพ่อ
                  รอน สำรวมกริยาหน่อยว่ามาพีนัท
              “คือว่ารอนครับ รอนมาจับขาเพื่อนผมแล้วผมเห็นว่าเขาเป็นผู้หญิงแล้วก็เจ็บขาอยู่ด้วยช่วยตัวเองไม่ได้ ก็เลยแค่จะเตือนเท่านั้นเองครับ
                  เตือนงั้นหรอ แล้วแกมาชกฉันทำไม
                  นายน่ะสิที่ชกฉันก่อนน่ะ คนทั้งตึกก็เห็น
              “นี่ อย่าทะเลาะกันเอาเป็นว่าคราวนี้ครูจะไม่เอาเรื่องเธอสองคนนะเพราะเห็ฯว่าไหนๆก็จะปิดเทอมแล้ว อ้อนายพีนัทฉันลืมบอกไปว่าโรงเรียนนี้น่ะเขาหยุดมิทเทอมกันด้วยนะ ประมาณ 1 เดือนพอเปิดมาอย่าให้มีเรื่องกันอีกล่ะ ไปได้แล้วทั้งสองคน
              “ขอบคุณครับท่าน ผ.อ.
              “พ่ออ่ะ
                  รอน อย่าเพิ่งไปอยู่คุยกับพ่อก่อน 555+ สะใจชะมัด
       
       
       
       
                  เฮ้อ...นี่นายนัทก็เข้าไปตั้งครึ่งชั่วโมงและ ยังไม่ออกมาอีกป่านนี้เป็นไงบ้างก็ไม่รู้
                  อ้าวนั่น พีนัทออกมาแล้วล่ะ ยัยรี่สะกิดบอกฉันทันที
                  หรอ อ้าวเป็นไงบ้างนาย ได้เรื่องมะ
                  เกือบได้เรื่องแต่โชคดีที่ ผ.อ. มันเข้าข้างฉัน
                  ลูกมันเองมันยังไม่เข้าข้างเลยงั้นหรอ 555+ สะใจเป็นบ้า ฉันพูดแบบใส่อารมณ์
                  หมดเรื่องแล้ว กลับบานกันเถอะ
                  อืม ฉันไปแล้วนะเปิ้ลรี่แล้วค่อยโทร.คุ
      แปะ พับๆๆๆๆๆ
                  เอ๋ อะไรปลิวมาติดหน้าฉันเนี่ยลมยิ่งแรงๆอยู่ ฉันจึงหยิบขึ้นมาดู
                  โครงการฝันสู่ดาว โครงการที่จะทำให้ฝันของวงดนตรีโนว์เนมอย่างคุณเป็นจริง เปิดรับสมัครตั้งแต่วันนี้ถึง 31 xxxศกนี้! หรือจนกว่าจะเต็ม ฉันอ่านแผ่นใบปลิวที่ลอยมาติดหน้าฉันให้ทุกคนฟัง
                  ว้าวววว วงดนตรีงั้นหรอ ก็พวกเราไง นี่ลองไปสมัครดูมั้ยเธอเองก็อยากจะอยู่วงการบันเทิงไม่ใช่หรอยัยกิ๊ก ยัยรี่กระดี้กระด้า
                  อืม...มันก็ใช่แต่ว่าเรามีแค่ 3 คนเองนะเขาบอกว่าต้อง 4 คนขึ้นไปอ่ะ พอฉันพูดอยางนั้นทุกคนก็เหมือนจะคิดได้พร้อมใจกันมองไปที่...พีนัท
                  เฮ้ย จะบ้าหรอฉันเป็นดาราอยู่แล้วไม่ได้โนว์เนมสักหน่อยนะยะ แหม...รีบคานเชียวนะยะอ้าวแล้วทำไมอยู่ดีๆมันถึงเป็นตุ๊ดขึ้นมาเนี่ย งง
                  แต่ว่านายดังเพราะเป็นนักร้องเดี่ยวแต่คราวนี้จะดังเพราะวงนะจ้ะ น้า...ช่วยพวกเราหน่อยเหอะ ยัยเปิ้ลใช้ลูกง้อบ้าง
                  อะ เออ...
                  ไม่ต้องเอ่อ พรุ่งนี้ 10 โมงเช้ามาเจอกันที่หน้าตึก xxx ที่จะไปสมัครถ้าไม่มาก็ไม่ต้องเป็นเพื่อนกัน จบ ฉันยื่นคำขาด
                  อย่าเพิ่ง เออๆไปก็ได้ๆ 10 โมงนา...โฮะๆๆในที่สุดฉันก็ชนะ
                  อืม 10 โมงตรงด้วยนะ ไปนัทกลับบ้าน คือว่าพอแม่ฉันรู้ว่าบ้านนัทอยู่ไม่ไกลจากบ้านฉันก็รีบฝากฝังฉันให้มารับมาส่งทุกวันซะงั้น อะไรของแม่ก็ไม่รู้ธรรมดาเห็นหวงลูกจะตายไป เหอะๆ
      10.30 น. ที่หน้าตึก xxx
                  ทำไมยังไม่มาอีกน้ายัยสองคนนั้น ตอนนี้ฉันยืนสูดควันรถอยู่หน้าตึกกับนายพีนัท (แม่ฉันฝากเขาติดรถมาอีกแล้ว)
                  ใจเย็นๆน่ะ
                  เย็นได้ไงเล่าคนเริ่มทยอยมาแล้วเห็นมั้ยเดี๋ยวก็เต็มหรอก ฉันหันไปแวดใส่เขา
                  เอ๊ะ นั่นไงมาแล้ว ฉันหันไปตามนิ้วของเขาที่ชี้ไป แล้วก็เจออี 2 ตัวนั้นเพิ่งลงจากรถเมย์กำลังทะเลาะกันอยู่ สงสัยคงตีกันเรื่องจะแก้ตัวกับฉันยังไงดีมั้ง
                  แกนั่นแหละ/แกก็ไปซิ ฉันเดินไปได้ยินยัยสองคนนั้นทะเลาะกันใช่เรื่องนี้จริงๆด้วย
                  มาแล้วหรอจ้ะ ทั้ง2 ฉันชะโงกหน้าเข้าไปกลางวง
                  ว้ายยย/กรี๊ดดดด
      ผลักกกกกกก
                  โอ้ยยย นี่พวกแกถีบฉันทำไมเนี่ย ฉันลงไปนั่งร้องโอดโอยอยู่ที่ฟุตบาตร
                  อ้าวก็พวกเราตกใจนี่
                  โอ้ยยย ไอ้พวกขวัญอ่อนเร็วช่วยฉันลุกหน่อย ข้อเท้าก็ใช่ว่าจะหายแล้วนะ ยังจะมอบโชคให้ก้นฉันอีก แง...ก้นยุบแน่เลยอ่ะ
                  แกน่ะถึกจะตายไป ปะรีบๆเข้าเถอะคนเยอะแล้ว เชอรี่รีบเปลี่ยนเรื่องแล้วลากฉันเข้าไปทันที
       
      ภายในอาคาร
                  เออ...คุณคะ ชั้นที่ไปสมัครโครงการฝันสู่ดาวนี่ชั้นไหนหรอครับ
                  อ้ายยย นี่พีนัทรึเปล่าคะเนี่ย ต้ายตายตัวจริงเสียงจริงเลยนะเนี่ยพวกเราแต่ว่าถ้าพี่บอกน้องนัทจะต้องยอมถ่ายรูปคู่กับพี่แล้วก็ให้พี่หอมแก้มด้วยนะจ้ะ เออ...ฉันส่งนายไปให้ไปถามทางไม่ใช่ให้ไปถ่ายรูป -*-
                  เออ...ได้ครับๆ
                  จ้ะ เออ...เมื่อกี้นี้ถามพี่ว่าอะไรนะ
                  ก็... ไม่ได้การถ้าฉันไม่เข้าไปขัดคงจะต่อกันอีกนาน
                  ขอโทษนะคะ 555 ขอตัวศิลปินก่อนนะคะคุณน้า ไปได้แล้วนาย ฉันต้องจัดการขั้นเด็ดขาด โดยการฝ่าวงไปลากตัวนายพีนัทกลับมา
                  ฮึ่ย ไม่ได้เรื่องเลยนายเนี่ย
                  อ้าว มาว่าฉันงี้ได้ไงล่ะฉันไปถามให้ก็บุญโขแล้วนะ
              “บุญมากกก แถมยังไม่ได้เรื่องกลับมาอีกด้วย ฉันพูดประชดอย่างหัวเสียเพราะว่าตอนนี้คนเริ่มเยอะขึ้นแล้ว
                  ฉันว่าเราลองตามๆเขาไปกันดีกว่ามั้ย แอปเปิ้ลออกความคิดเห็น
                  เราก็ว่างั้นนะ รี่สนับสนุน ฉันชั่งใจเล็กน้อยเพราะว่าเขาจะปิดรับสมัครตอนเที่ยงครึ่งและตอนนี้ก็ 11.00 แล้ว เอาก็เอาวะ สักตั้ง
                  อืม พวกเราลองสุ่มๆเดินตามพวกที่หน้าตาดูแล้วอาร์ตๆที่มาเป็นกลุ่มๆดู เผื่อจะฟลุ๊กถูกไปถูกชั้นก็ได้
       
                  แฮกๆๆ ตอนนี้พวกเรามาอยู่หน้าห้องที่เขียนว่า สมัครโครงการฝันสู่ดาวเย่ในที่สุดก็มาถึงสักทีหลังจากที่หลงไปหลงมากันนาน
                  นี่ เข้าไปกันเถอะ พอฉันก็ผลักประตูเข้าไปก็แทบจะช๊อคตายเพราะว่าภายในห้องโถงขนาดใหญ่นั้นมีแต่ คน คน คน แล้วก็คนวิ่งไปวิ่งมาเต็มไปหมดเลย
      เห็นแล้วตาลาย @_@
                  นะ นัท ช่วยเข้าไปเอาใบสมัครให้พวกเราทีสิ ฉันเห็นคนแล้วจะเป็นลม ยัยรี่บ่น
                  ช่ายๆ นายน่ะ ดูมะแมน? อืม...แมนสุดแล้วนะ อีกอย่างก็นายเป็นดาราด้วย ช่วยใช้ความหล่อภายนอกของนายให้เป็นประโยชน์หน่อยเถอะนะ ฉันก็ช่วยออกความคิดเห็นอย่างประชดประชันอีกแรง -*-
                  เออๆ ก็ได้งั้นพวกเธอรออยู่นี่นะ อย่าไปเที่ยววิ่งไล่กัดคนอื่นเขาล่ะ แหม...จะจากไปดีๆไม่ได้เนอะต้องหันมาเหวี่ยงใส่ฉันก่อนทุกทีเลยสิน่า ไอ้ถั่วกระป๋อง
                  แล้วเขาก็หายไปพักใหญ่ นี่มันถูกเหยียบตายหรือยังก็ไม่รู้เนี่ย เอ๊ะ นั่นไงวิ่งเหงื่อแตกมาเชียว
                  เป็นไงบ้าง ได้ใบมามั้ย ฉันถามเขา
                  อืมได้ อ่ะรียเอาไปกรอกซะ เฮ้อ...โคตรร้อยเลยว่ะ
                  อ่ะน้ำ ฉันยื่นน้ำดื่มให้เขา
                  ขอบใจ เขารับไปแล้วก็เปิดซัดโฮกซัดโฮกเลยล่ะ
      หมับ!
                  เธอทำอะไรของเธอน่ะ อ้าวไม่เห็นหรือไง
                  อ้าว ก็เช็ดตัวให้นายไง เหงื่อโชกขนาดเนี้ยเดี๋ยวกรรมการก็ไม่รับสมัครกันพอดี ฉันว่าไปพลางเช็ดไปพลาง
                  อย่าทำให้ฉันหวั่นไหวสิ
                  หา เมื่อกี้นายพูดว่าอะไรนะ เสียงดังไม่ค่อยได้ยินเลย
                  อ๋อ เปล่าไม่มีอะไรหรอกพอได้แล้วน่ะเห็นฉันเป็นเด็กหรือไง
                  ก็ใช่น่ะสิ นายน่ะถึงตัวจะโตแต่สมองน่ะอย่างกะเด็ก ป.4 ฉันเหวี่ยงเขาแต่ก็ยังบรรจงเช็ดแขนเขาต่อ
                  นี่เขาเรียนว่าตบหัวแล้วลูบหลังนะเนี่ย เขาพูดด้วยสายตาเหน็บแนม
                  เออ ไม่เช็ดให้แล้วโว้ยไอ้ถั่วกระป๋อง กรอกใบสมัครดีกว่า ฉันปาผ้าเช็ดหน้าของฉันที่เอามาซับเหงื่อเขาใส่หน้าเจ้าตัวที่ยืนทำหน้าถั่วอยู่เต็มๆ
                  ก็ไม่ได้ง้อให้ทำหนิ ยัยหมูกระป๋อง
                  เงียบไปเลยนะก่อนที่ฉันจะเอาส้นรองเท้ายัดปาก ฉันขู่แต่ 555+ ได้ผลแฮะเขาเงียบทันทีเลยก็เพราะว่าวันนี้ฉันใส่รองเท้าส้นตึกหนิ 555+
                 ผ่านไปได้สักพักระหว่างที่รอยัยเพื่อนเลิฟของคนนั้นกรอกใบสมัครอยู่ ฉันก็เกิดอาการปวดท้องอย่างกะทันหัน
                  นี่นายนัท ฉันฝากใบสมัครหน่อยดิ
                  ทำไมหรอ
                  ก็มันจ่อแล้วอ่ะ
                  อะไรจ่อหรอ หืย ยังมาถามตาแป๋วอีก
                  ก็ไอ้นั่นน่ะ มันจะทะลายประตูชั้นนอกแล้วววว
                  หือ?
                  เอาเป็นว่าฉันฝากหน่อยแล้วกันนะ ฉันจัดการยัดใบสมัครใส่มือเขาทันที
                  เฮ้ แล้วนั่นเธอจะไปไหนน่ะ
                  ฉันปวดอื้อออออออออ แล้วฉันก็รีบแจ้นออกนอกห้องไปทันที ไม่ไหวแล้วโว้ยยยยยยย
       
                  หึ หึ หึ โกะจริงๆเธอนี่ ผมส่ายหัวเล็กน้อยก่อนจะก้มลงดูกระดาษที่ยัยนั่นยัดใส่มือผม
                  ขอแอบดูประวัติหน่อยแล้วกันนะยัยโกะ ผมยืนอ่านใบสมัครของยัยนั่นไปพลางๆ แต่แล้วก็ต้องสดุดกับข้อความข้อความหนึ่ง
                  บิดาชื่อ นายดำรง กองเงินมหาศาล... ผมอ่านข้อความที่เขียนบนใบของยัยกิ๊กแล้วพลิกมาดูใบของผม
                  บิดาชื่อ นายดำรง กองเงินมหาศาล... ขาผมแทบจะทรุดหวบ ทันทีที่อ่าน 2 ข้อความที่เขียนเหมือนกันบนกระดาษ 2 ใบนั้น
       
       
       
      บิดาชื่อ นายดำรง กองเงินมหาศาล...งั้นหรอ
      กิ๊ก...เรามีพ่อคนเดียวกัน...

                              (ไว้อ่านต่อ ภาค 2 นะจ้ะ)
                                        Baby Took-Ta

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×