ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIN] The Hallucination ◆ (krisyeol)

    ลำดับตอนที่ #4 : ◆ 3 : new comer

    • อัปเดตล่าสุด 21 มี.ค. 56









     -3-

    Tumblr_mf34duit2f1qmr009o1_500_large




     

     

     new comer

     








                “ ทำอะไรอยู่ชานยอล ” อู๋อี้ฟานถามเสียงพร่าเมื่อตื่นขึ้นมาพบชานยอลกำลังนั่งหันหลังให้อยู่กลางห้อง ชายหนุ่มรู้สึกไม่ดีเท่าไหร่นักที่เผลอหลับไปแล้วยังตื่นขึ้นมาทีหลัง ทั้ง ๆ ที่เขาน่าจะเป็นคนดูแล
    ชานยอลตลอดเวลาแท้ ๆ

                คนตัวเล็กกว่าไม่ได้ตอบกลับมา อู๋ฟานมองดูแผ่นหลังของร่างโปร่งที่กำลังโยกช้า ๆ ด้วยความเอ็นดูก่อนจะค่อย ๆ ลุกจากเตียงเดินเข้าไปหา ชานยอลกำลังวาดรูป..

                “ วาดอะไรอยู่เหรอครับเด็กดี ” นายแพทย์หนุ่มถามก่อนจะนั่งลงกับพื้นตรงข้ามคนหน้าหวาน มองดูมือที่ค่อย ๆ ลากเส้นสะเปะสะปะไปทั่วกระดาษ อู๋อี้ฟานเอียงคอเพ่งมองรูปนั้นด้วยความสงสัยมันเป็นภาพใบหน้าของใครคนหนึ่ง ลายเส้นแบบเด็ก ๆ ทำให้เขาไม่กล้าเดาว่าชานยอลกำลังวาดรูปใครกันแน่

                “ นี่..คน ๆ นี้อยู่ในห้องกับเราด้วยนะ ” ร่างโปร่งยิ้มและยังคงไม่ละสายตาไปจากภาพวาดของตัวเอง

                “ ใครกัน ฉันดูไม่ออกเลย ” อู๋ฟานขมวดคิ้วมอง ชานยอลทิ้งดินสอสีในมือแล้วเงยหน้าขึ้นสบตากับร่างสูงด้วยแววตาเป็นประกายก่อนจะหยิบกระดาษแผ่นนั้นขึ้นจากพื้นแล้วยื่นให้

                “ ให้.. ” ชานยอลยิ้มกว้างเมื่ออีกฝ่ายรับกระดาษแผ่นนั้นไปแล้ว

                “ นี่ฉันเหรอ? ” ร่างสูงถามอย่างไม่แน่ใจ คนตัวเล็กกว่านั่งกอดเข่าโยกตัวไปมาก่อนจะพยักหน้า รอยยิ้มเล็ก ๆ ผุดขึ้นที่มุมปาก ข้อมือบางที่มีผ้าก็อซพันไว้มีสร้อยคอที่ขาดแล้วของอู๋ฟานห้อยอยู่

                “ สร้อยคอฉันนี่? ” นายแพทย์หนุ่มขมวดคิ้วมอง ชานยอลพยักหน้าอีกครั้ง ดูเหมือนว่าร่างโปร่งจะเป็นคนมัดสร้อยนั้นเข้ากับข้อมือของตัวเองจนเป็นปมแน่น ร่างสูงขยี้หัวชานยอลเบา ๆ ด้วยความเอ็นดูก่อนจะลุกขึ้นยืน

                “ ไปไหน ! ” คนตัวเล็กกว่าตะโกนถามเสียงดังด้วยความตกใจ

                “ จะพาเธอไปอาบน้ำล้างหน้าแปรงฟันแล้วก็ทานอาหารไง ” 
    อู๋ฟานตอบก่อนจะหัวเราะออกมาเบา ๆ เมื่อเห็นใบหน้าเครียดเขม็งของชานยอลค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นพึงพอใจ

                ร่างสูงพยุงตัวอีกฝ่ายเดินเข้าไปในห้องน้ำช้า ๆ ก่อนจะกดร่างของคนตัวเล็กกว่าลงนั่งกับพื้นอ่างอาบน้ำแล้วค่อย ๆ ถอดเสื้อผ้าออกให้ เจ้าของใบหน้าหวานมีท่าทีตื่น ๆ แต่ก็ยอมนั่งอยู่เฉย ๆ อู๋ฟานวางเสื้อผ้าของชานยอลไว้ที่พื้นก่อนจะลุกขึ้นยืนปรับอุณหภูมิเครื่องทำน้ำอุ่นแล้วเปิดน้ำล้างตัวให้

    ชานยอลสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อหยดน้ำกระเด็นมาถูกตัว อู๋ฟานยิ้มขำก่อนจะดึงแขนร่างโปร่งให้โอบรอบคอของเขาเอาไว้ป้องกันไม่ให้แผลที่ข้อมือถูกน้ำแล้วเริ่มเทแชมพูลงบนศีรษะเปียกชื้นของชานยอล

                “ อยู่นิ่ง ๆ นะ ” ร่างสูงพึมพำบอกขณะนวดหัวคนตัวเล็กกว่าเบา ๆ ฟองแชมพูสีขาวสะอาดฟูเต็มศีรษะของชานยอล ร่างโปร่งหลับตาพริ้มขณะที่อู๋ฟานล้างผมให้

                “ อือ หนาวแล้ว..หนาว ”ชานยอลครางริมฝีปากบางสั่น

                “ อีกแป๊บนะใกล้จะเสร็จแล้ว ” นายแพทย์หนุ่มบอกขณะถูสบู่ไปทั่วผิวกายขาวเนียน ระวังไม่ให้ถูกแผลที่ลำคอ ใบหน้าของอู๋ฟานขึ้นสีเล็กน้อยเมื่อต้องชำระล้างส่วนอ่อนไหวของชานยอล ดวงตากลมช้อนมองดวงตาคมราวกับจะออดอ้อน ใบหน้าหวานเปียกชื้นริมฝีปากบางอมชมพูเม้มเข้าหากันแน่น ชายหนุ่มรีบสะบัดหัวอย่างแรงไล่ความคิดบ้า ๆ ออกไป ก่อนจะล้างตัวให้คนตัวเล็กกว่าอย่างรวดเร็ว





     

                ทั้ง ๆ ที่เคยทำแบบนี้มาไม่รู้กี่ครั้งแต่เขากลับไม่เคยห้ามความคิดของตัวเองได้เลย





     

                อู๋ฟานลุกขึ้นเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่มาคลุมร่างของชานยอลก่อนจะพยุงตัวอีกฝ่ายออกมานั่งรอที่เตียง ร่างสูงเช็ดตัวร่างโปร่งจนแห้งสนิทแล้วใช้ผ้าเช็ดตัวผืนเล็กเช็ดผมให้ ระหว่างนั้นชานยอลส่งเสียงครางเครือเบา ๆ ด้วยความหนาว ใบหน้าน่ารักยู่ลงเล็กน้อยขณะกัดริมฝีปากของตัวเองแน่น

                ฝ่ามือหนาลูบแป้งบาง ๆ ไปทั่วผิวกายของชานยอลก่อนจะค่อย ๆ สวมเสื้อผ้าและเสื้อกันหนาวไหมพรมสีสดให้ ร่างโปร่งนั่งกระดิกขาอย่างอารมณ์ดีอยู่ที่ปลายเตียงเมื่ออู๋ฟานแปรงผมนุ่มด้วยแปรงหวีผมช้า ๆ ชานยอลชอบให้ร่างสูงแปรงผมให้ สองแขนยกขึ้นโอบรอบเอวของอีกฝ่ายเอาไว้หลวม ๆ ก่อนจะซุกหน้าเข้ากับหน้าท้องแกร่ง

                “ ทำแบบนี้ฉันจั๊กจี๋นะ ” อู๋ฟานหัวเราะเมื่อชานยอลส่ายหน้าไปมาอยู่กับหน้าท้องของเขา เจ้าของใบหน้าหวานหยุดการกระทำแล้วเงยหน้าขึ้นมองนายแพทย์หนุ่มอย่างตั้งใจ ตากลมสังเกตทุกท่วงท่าและสีหน้าของร่างสูงอย่างเพลิดเพลิน

                “ มองอะไรครับ ” อู๋ฟานถามขึ้นเมื่อรู้สึกตัวว่าดวงตากลมโตคู่นั้นกำลังจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าของเขา ชานยอลหัวเราะคิกคักพร้อมกับส่ายหน้าไปมา

                “ คุณเป็นของผม ” ร่างโปร่งเอ่ยออกมาอย่างไร้เดียงสา

                “ หืม? หมายความว่ายังไง ” อู๋อี้ฟานขมวดคิ้วมองด้วยความสงสัย

                “ หมายความว่าผมรักคุณ.. ” ชานยอลตอบใบหน้าสวยขึ้นสี นายแพทย์หนุ่มหัวเราะออกมาเบา ๆ ชานยอลมักจะพูดแบบนี้เสมอเมื่ออารมณ์ดี ร่างสูงพยักหน้าให้ก่อนจะวางแปรงหวีผมลงกับพื้นเตียง

     





     

                แกร่ก ๆๆ

     




     

                ดวงตาคมตวัดมองประตูห้องในทันทีก่อนจะหันไปมองนาฬิกาบอกเวลาเก้าโมงซึ่งเป็นเวลาที่ชานยอลจะต้องฉีดยา หากเป็นวันก่อน ๆ ที่อู๋ฟานไม่ได้อยู่ด้วยแบบนี้คนหน้าหวานคงอาละวาดเช่นทุกครั้ง

                “ มันล็อคมาจากด้านใน ” เสียงพูดคุยกันดังขึ้นที่หน้าห้องชานยอลจับตามองร่างของอู๋ฟานที่เดินไปเปิดประตูอย่างใจจดใจจ่อ








     

              แอ๊ดดด..






     

     

                “ อ้าวคุณหมออยู่ในห้องเหรอครับ ! ” คิมจงแดเอ่ยถาม บุรุษพยาบาลหนุ่มมีท่าทีตกใจจนคิ้วทั้งสองขมวดเข้าหากัน อู๋อี้ฟานพยักหน้าตอบโดยไม่พูดอะไรต่อ

                “ เอาอุปกรณ์เข้ามาเลยครับ ” ร่างสูงบอกก่อนจะเปิดทางให้บุรุษพยาบาลหนุ่มซึ่งมาพร้อมกับนางพยาบาลอีกสามคนเข้ามาในห้อง ชานยอลนั่งกอดเข่าโยกตัวอยู่บนเตียงด้วยใบหน้าเรียบเฉยจนนางพยาบาลคนหนึ่งลอบถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก อู๋อี้ฟานเดินเข้ามาหาก่อนจะรับเข็มฉีดยาขึ้นมาเตรียมไว้

                “ เอ่อ.. ” คิมจงแดลอบกลืนน้ำลายและมีท่าทีเก้ ๆ กัง ๆ ขณะพยายามจะถอดเสื้อกันหนาวไหมพรมออกจากตัวของชานยอล ดวงตากลมโตตวัดมองอย่างไม่พอใจทำเอาคิมจงแดถึงกับสะดุ้ง

                “ อย่ามายุ่งกับฉันนะ ! ” ชานยอลตวาด

                “ ชานยอลเด็กดีอย่าดื้อนะครับ ” นายแพทย์หนุ่มพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนขณะเดินเข้ามาถอดเสื้อกันหนาวออกจากตัวของร่างโปร่งแทนคิมจงแดช้า ๆ แล้ววางมันไว้บนเตียง ชานยอลตัวสั่นเทิ้มเมื่อได้เห็นเข็มฉีดยาในมือของร่างสูง

                “ ไม่..ไม่.. ” คนตัวเล็กกว่าพึมพำไม่ยอมให้อีกฝ่ายสัมผัสตัวแล้วกระถดหนีไปนั่งชิดกับหัวเตียง

                “ เอาอย่างนี้..เธอกอดฉันไว้จะได้มองไม่เห็น ตกลงไหม ? ” 
    อู๋ฟานว่าก่อนจะวางเข็มฉีดยาลงบนถาดโลหะที่จงแดถือแล้วดึงตัวคนตัวเล็กกว่าเข้ามาซบกับแผ่นอกกว้าง ชานยอลส่ายหน้าไปมาน้ำตาเริ่มไหลขณะที่นายแพทย์หนุ่มลงมือฉีดยาให้ มือบางโอบรอบเอวอู๋ฟานแน่น

                “ เอ๊ะ..ที่ข้อมือ.. ” นางพยาบาลคนหนึ่งพึมพำด้วยความสงสัยเมื่อเห็นผ้าพันแผลที่ข้อมือของชานยอล อู๋อี้ฟานวางเข็มฉีดยาลงกับถาดโลหะเมื่อฉีดเสร็จแล้ว สองมือค่อย ๆ แกะมือของคนตัวเล็กกว่าออกจากเอว

                “ อุบัติเหตุนิดหน่อยน่ะครับคุณพยาบาลลี ” ชายหนุ่มส่งยิ้มให้ นางพยาบาลลีจีอึนซึ่งเป็นหญิงสาววัยกลางคนรูปร่างผอมบาง ใบหน้าของหล่อนดูใจดีและอ่อนกว่าวัยเสมอ เธอพยักหน้ารับก่อนจะส่งยิ้มกลับไปให้นายแพทย์หนุ่ม หากแต่ดวงตาเล็กยังคงหรี่มองด้วยความเคลือบแคลงใจ

                “ คุณหมอครับอาหารเช้าของคนไข้ปาร์คครับ ” คิมจงแดว่าก่อนจะวางถาดอาหารลงบนโต๊ะข้างเตียง อู๋อี้ฟานพยักหน้ารับรู้

                “ แล้วก็ไม่แน่ใจว่าคุณทราบหรือยังเรื่องนายแพทย์คนใหม่ที่จะย้ายเข้ามา เห็นว่าจะเดินทางมาถึงวันนี้ล่ะครับ ” จงแดบอกพร้อมกับส่งยิ้มกว้างจนตาหยีมาให้

                “ คนที่เรารับเรื่องมาเมื่ออาทิตย์ก่อนใช่ไหมครับ? ” อู๋ฟานถาม ร่างสูงเพียงแค่ส่งยิ้มบาง ๆ กลับไปเท่านั้น

                “ ใช่ครับ คุณหมอพยอนแบคฮยอนจากโซล ”

                “ ครับ เดี๋ยวถ้าเสร็จจากตรงนี้แล้วผมจะไปดูคนไข้คนอื่น ๆ แล้วก็เตรียมไปต้อนรับเขาด้วย ” นายแพทย์หนุ่มพูดขึ้น คิมจงแดพยักหน้ารับแล้วเดินออกไปพร้อมกับคนอื่น ๆ ที่เหลือ ทันทีที่ประตูห้องปิดลง
    ปาร์คชานยอลก็โผเข้ากอดอู๋อี้ฟานอย่างรวดเร็ว ใบหน้าหวานซุกลงกับบ่าของร่างสูง


                “ ไม่ไปไม่ได้เหรอ ” คนตัวเล็กกว่าร้องขอก่อนจะช้อนตากลมคู่สวยขึ้นมองอู๋ฟานอีกครั้ง

                “ เด็กดีทานข้าวแล้วก็ทานยานะครับ จะได้พักผ่อน ” ชายหนุ่มส่งยิ้มให้ อู๋อี้ฟานหลีกเลี่ยงที่จะรับปากเรื่องที่ชานยอลพูดเมื่อครู่ มือบางถูกส่งขึ้นมาประคองใบหน้าหล่อไว้ในมือในขณะที่ดวงตากลมจ้องเข้าไปในดวงตาคมไม่วางตา

                “ เด็กดีอย่าดื้อนะครับ ” อู๋ฟานแกะมือของชานยอลออกแล้วดันร่างโปร่งให้นั่งลงก่อนจะเดินไปหยิบถาดอาหารมาวางข้าง ๆ คนตัวเล็กกว่าดื้อดึงไม่ยอมทานง่าย ๆ นายแพทย์หนุ่มรู้ดีว่าอาการแบบนี้หมายความว่าอย่างไร แต่เขาก็มีหน้าที่ที่จะต้องทำเช่นกัน ร่างสูงกดจมูกโด่งลงบนแก้มใสก่อนจะจุมพิตเบา ๆ ที่ริมฝีปากนุ่มของชานยอล

                “ ทานข้าวนะเด็กดี ”

                “ คุณจะทิ้งผมไป ! ” ชานยอลตวาดเสียงดังก่อนจะปาหมอนทิ้งลงบนพื้น น้ำตาเริ่มรื้นที่ขอบตา

                “ เปล่า ไม่ได้ทิ้งสักหน่อยแต่ฉันเป็นหมอ หมอก็ต้องไปดูคนไข้สิ ”

                “ แต่คุณเป็นของผม ! ” คนตัวเล็กกว่าเค้นเสียงจนแทบจะเป็นเสียงกรีดร้อง อู๋ฟานส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ

                “ โอเค ฉันจะอยู่กับเธอถ้าเธอยอมทานข้าวแล้วก็ทานยา ” เขาโกหกก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ

    ชานยอลยิ้มออกมาทั้งน้ำตาแล้วโผเข้ากอดอู๋อี้ฟานแน่น

                “ ดี..คุณจะไม่ไปไหน..ดี.. ” ร่างโปร่งพึมพำยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ

                “ ทีนี้ก็ทานข้าวแล้วก็ทานยานะ ” ชานยอลพยักหน้าก่อนจะผละออกจากตัวนายแพทย์หนุ่ม อู๋อี้ฟานป้อนข้าวต้มให้อีกฝ่ายที่ยอมทานอย่างว่าง่ายแล้วให้ชานยอลทานยาตามเหมือนทุกครั้ง เมื่อคนตัวเล็กกว่าเริ่มสะลึมสะลือร่างสูงก็ดันตัวชานยอลให้นอนลงกับพื้นเตียงแล้วดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมให้

                ทันทีที่ปาร์คชานยอลหลับสนิทอู๋อี้ฟานก็เดินกลับไปจัดการธุระส่วนตัวของตัวเองให้เรียบร้อยก่อนจะเดินลงมายังสนามหน้าตึก ใต้ต้นโอ๊คขนาดใหญ่มีใครคนหนึ่งนั่งอยู่บนชิงช้าไม้เก่า ๆ ร่างบางนั้นขยับโยกไปตามจังหวะการแกว่ง ดวงตากลมเลื่อนลอยไม่ปรากฏความรู้สึกใด ๆ ร่างสูงเดินเข้าไปหาช้า ๆ ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งตรงหน้า

                “ อี้ชิงวันนี้ทานยาหรือยังครับ? ” นายแพทย์หนุ่มพูดกับคนที่นั่งเหม่อลอยบนชิงช้าด้วยภาษาจีน จางอี้ชิงก้มลงมองหน้าอู๋ฟานก่อนจะร้องไห้ออกมา

                “ ฮึก..กลับมาแล้วเหรอ กลับมาแล้วเหรอ.. ” ร่างบางโผเข้ากอดร่างสูงแน่นพร้อมกับร้องไห้ออกมาอย่างหนัก

                “ ไม่เป็นไร..อี้ชิงอย่าร้องไห้นะครับ ” อู๋อี้ฟานตอบพร้อมกับลูบศีรษะคนตรงหน้าไปด้วย

                “ ฮึก..ไม่สิ ไม่..ตายไปแล้ว..ตาย ตายแล้ว ไม่อยู่แล้ว ! ” อี้ชิงกรีดร้องเสียงดังก่อนจะทึ้งหัวตัวเองอย่างบ้าคลั่ง

                “ จางอี้ชิง ! ” อู๋อี้ฟานเบิกตากว้างด้วยความตกใจมือหนาพยายามรั้งข้อมือของอี้ชิงไว้เพื่อไม่ให้คนไข้ของเขาทำร้ายตัวเอง

                “ ปล่อย ! คนโกหก ! ” ร่างบางดิ้นขัดขืนอย่างรุนแรงพร้อมกับกรีดร้องออกมาสุดเสียง..

                แม้สิ่งที่เกิดขึ้นจะดูเหมือนเป็นเรื่องปกติ หากทว่าในวันนี้เสียงของจางอี้ชิงกลับบาดลึกลงไปในหัวใจของทุกคนที่บังเอิญผ่านมาได้ยิน ดวงตากลมฉ่ำน้ำตาในขณะที่พยายามผลักไสร่างของนายแพทย์หนุ่มออกไปให้พ้น นางพยาบาลลีและบุรุษพยาบาลคิมรีบวิ่งออกมาจากตึกเพื่อดึงตัวร่างบางเอาไว้ก่อนจะช่วยกันนำกลับไปที่ห้องพักอย่างทุลักทุเล

    คนโกหก ! ฮึก..โกหก ! ” จางอี้ชิงกรีดร้องเสียงดัง อู๋อี้ฟานลุกขึ้นยืนเต็มความสูงสองมือปัดเนื้อตัวของตัวเองช้า ๆ ดวงตาคมมองตามแผ่นหลังบางของอีกฝ่ายไปด้วยสายตาว่างเปล่า..

    ยาก..ที่จะอ่านความรู้สึกใด ๆ ภายใต้ใบหน้าคมคายเรียบเฉยนั้น..









     

    ........................










     

                พยอนแบคฮยอนลงจากรถประจำทางแล้วลากกระเป๋าเข้ามาตามทางเปลี่ยวเงียบๆ สัญญาณโทรศัพท์ที่นี่ต่ำเกินไปจนไม่สามารถโทรเข้าไปขอความช่วยเหลือจากโรงพยาบาลใหม่ที่เขาย้ายมาประจำการได้

    นายแพทย์หนุ่มร่างเล็กมองสำรวจข้างทางที่เต็มไปด้วยป่ารกซึ่งยิ่งทำให้บรรยากาศสงบเงียบเยือกเย็นชวนให้ขนลุกมากขึ้นไปอีก กิ่งก้านต้นไซปรัสโน้มอยู่เหนือหัวราวกับมือเหี่ยว ๆ ที่ยื่นลงมาหานั้นทำให้ความกลัวเข้าเกาะกุมหัวใจของแบคฮยอนอย่างเต็มที่ เขาจึงเร่งฝีเท้าของตัวเองเพื่อไปให้ถึงโรงพยาบาลใหม่ให้เร็วที่สุด

    โรงพยาบาลจิตเวชเซจองคือสถานที่ทำงานแห่งใหม่ของพยอนแบคฮยอน จากข้อมูลที่ศึกษามามันตั้งอยู่บนเชิงเขานอกเขตเมืองหลวง รถประจำทางสามารถขับมาส่งได้เพียงแค่ปากทางออกถนนใหญ่เท่านั้น นายแพทย์หนุ่มถามถึงระยะทางที่ต้องเดินเข้าไป คนขับรถประจำทางบอกเพียงแค่ว่าไม่เคยเข้าไปถึงโรงพยาบาลเลยแต่เท่าที่เดาก็ไม่น่าจะไกลจากปากทางออกถนนใหญ่นี้เท่าไหร่

    แบคฮยอนเดินต่อไปสักพักจนมองเห็นหลังคาทรงสูงของอาคารหลังหนึ่ง ร่างเล็กรีบสาวเท้าเข้าไปด้วยความดีใจแต่เมื่อเดินมาถึงหน้าโรงพยาบาลจริง ๆ เขากลับรู้สึกผิดหวังอย่างบอกไม่ถูก

                “ นี่โรงพยาบาลหรือป่าช้ากันแน่วะเนี่ย ” แบคฮยอนอ้าปากค้างอาคารไม้สีขาวหลังโตตั้งตระหง่านท่ามกลางต้นไม้สูงใหญ่และป่ารกที่รายล้อม

    ลมพัดผ่านใบหน้าของนายแพทย์หนุ่มอย่างแรงจนทำให้เขาสะดุ้งสุดตัว บรรยากาศเงียบเชียบชวนให้ขนลุกนั้นก็ยิ่งกระตุ้นความกลัวภายในจิตใจของแบคฮยอนให้มากขึ้นไปอีก







     

              พลั่ก!





     

                “ เฮ้ย ! ” แบคฮยอนอุทานออกมาเสียงดังด้วยความตกใจที่จู่ ๆ กิ่งไม้ก็ตกลงมาข้างตัวเขาเสียเฉย ๆ เคราะห์ยังดีที่มันไม่ได้มีขนาดใหญ่มากและตกลงเฉียดไหล่ของนายแพทย์หนุ่มไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ใบหน้าเรียวเล็กแหงนมองต้นไม้เหนือศีรษะ น่าแปลก..บริเวณที่กิ่งไม้นั้นควรจะตกลงมากลับอยู่เหนือหัวของแบคฮยอนพอดี แต่ทำไมมันถึงได้ถูกพัดไปตกอยู่ข้างตัวของเขาได้อย่างเหมาะเจาะขนาดนั้น..

                “ สงสัยลมคงแรงจัดล่ะมั้ง ” แบคฮยอนสะบัดความคิดพิเรนทร์ออกไปจากหัวแล้วค่อย ๆ เปิดประตูรั้วไม้สีขาวผุ ๆเข้าไปในบริเวณโรงพยาบาล  

                “ คนหายไปไหนกันหมดเนี่ย ไม่มีใครออกมาต้อนรับฉันเลยหรือไง ” นายแพทย์หนุ่มร่างเล็กบ่นอุบอิบด้วยใบหน้ามุ่ยแสดงความไม่พอใจ ความรู้สึกบางอย่างสั่งให้เขาต้องเงยหน้าขึ้นไปมองยังหน้าต่างห้องที่อยู่บนสุดของอาคารไม้สีขาวนั้น..

    หน้าต่างห้องใต้หลังคา..







     

              ใครบางคนยืนจ้องมองลงมา ดวงตากลมโตไม่ฉายความรู้ใด ๆ





     

     

                “ เฮ้ย ! ตาฝาดรึเปล่าวะ ” แบคฮยอนพึมพำก่อนจะขยี้ตาตัวเองสองสามทีหากแต่เมื่อมองกลับขึ้นไปเขากลับไม่เห็นใครยืนอยู่ตรงนั้น.. หน้าต่างห้องใต้หลังคาว่างเปล่า มืดมิด..ไม่มีแสงใดเล็ดลอดออกมาเลยแม้แต่น้อย

                “ เมื่อกี้มีคนยืนอยู่..หรือเราตาฝาดไปเอง? ” ร่างเล็กพึมพำก่อนจะสะบัดหัวไล่ความคิดทั้งหมดแล้วลากกระเป๋าเดินทางเข้าไปในตัวอาคารอย่างรีบเร่ง เสียงฝีเท้าของตัวเองดังสะท้อน ความหวาดกลัวที่มีในหัวใจคอยหลอกประสาทสัมผัสของผู้เป็นเจ้าของความหวาดกลัวนั้นเสมอ แบคฮยอนรู้สึกราวกับว่ามีใครบางคนเดินเข้ามาในตึกที่เหม็นอับและมืดจนน่าอึดอัดนี้กับเขาด้วย

                “ ขอโทษนะครับ ” เสียงทุ้มกระซิบดังอยู่ข้างหู

                “ อะไรนะครับ? ” นายแพทย์หนุ่มคนใหม่หันไปถามยังต้นเสียง แต่พื้นที่ข้างกายของเขากลับว่างเปล่า ไม่มีใครยืนอยู่ตรงนั้น..




     

                ไม่เคย มีใครยืนอยู่ตรงนั้น..








     

     

    TBC.











    #งือออ ไม่รู้เป็นคนเดียวรึเปล่า
    แต่เราว่าเรื่องนี้คาแร็กเตอร์หยอยมันน่ารักง่ะ Y_Y
    คือแต่งไปแล้วรู้สึกว่ามันทำตัวขี้อ้อนแบบไม่รู้ตัว
    คืออิเฮียก็หลงแล้วนะจริง ๆ -,.- แค่เห็นหน้าก็หลงแระ อรั๊ยย ฟิน !
    เม้นให้เค้าหน่อยเถอะนะ แนวนี้ไม่ค่อยมั่นใจเลย
    เม้นเยอะอัพเร็วจริงนะจ๊ะ กร๊ากกกกกก =____=b! 
    ปล. เรื่องนี้ไม่มีแวมไพร์เด้ออออ 555 ที่บรรยายในคัทซีนใช้แสดงความจิตเฉย ๆ ฮ่ะ


    ขอแพล่มเถอะอัดอั้น !
    ฮรื้ออออ ดูสิดู ! ดูหน้าหยอยอ้อนสิ มันทำหน้าเงี้ยะ อิเฮียส่งจูบเลย เห็นม้าย !
    ไม่ไหวววอิหยอยแกอย่าหายบ้าในฟิคเรื่องนี้เลย ไม่ไหวแล้ววว
    เฉลยโรคจิตเที่ยงคืนที่บุกไปปล้ำนี่เราเองฮร่ะ อยากเป็นมานานละ 55555555555
    ได้ข่าวว่าฟิคดาร์กนะแต่ไอ่ที่มุงพูดมานี่คืออะไร้ คิดว่าเล่นตลกคาเฟ่อยู่รึไงกัน โฮฮฮ YOY
    บอกตามตรงว่าหยอยน่าย้ากกกกกกกก หนูไม่ทนแล้วนะ ไม่ทน !
    แช้ปหน้าจึงควรจะเป็นแช้ปอิเฮียมะจาเร่อิหยอยทั้งแช้ปฮ่ะ #เอ่อะ
    หลายคนบอกตอนแรกนึกว่าอินี่จะดราม่า แต่เปล่าฮ่ะตูติ่งอยู่ 55555555 

    Posted Image












     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×