สังคมแห่งการผูกมัด - สังคมแห่งการผูกมัด นิยาย สังคมแห่งการผูกมัด : Dek-D.com - Writer

    สังคมแห่งการผูกมัด

    คุณยังคงผูกมัดอยู่ต่อไป หรือคุณจะลองออกมาเป็นตัวเอง

    ผู้เข้าชมรวม

    178

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    3

    ผู้เข้าชมรวม


    178

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    1
    หมวด :  รักอื่น ๆ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  4 พ.ค. 55 / 02:04 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
    "ชีวิตคุณ คุณเลือกเอง จะผิดจะถูกอยู่ที่คุณเลือกสังคมเลือกให้ไม่ได้" ในบางครั้งคุณอาจจะถูกหาว่าโง่หรือบ้าก็ตามแต่  ถ้าหากคุณเลือกแล้วก็อย่าถ้อถ่อ และจงซื่อสัตย์กับใจเราให้มากที่สุด  ข้อผูกมัดใดๆก็แล้วแต่แก้ไขได้หากคุณแสดงให้เห็นว่าถึงคุณไม่ได้ผูกมัด คุณก็ประสบความสำเร็จได้
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      สังคมแห่งการผูกมัด
                 

               มาจะกล่าวบทไปถึงการผูกมัดมันก็มีอยู่กับสังคมมนุษย์ตั้งแต่ดึกดำบรรพ์แล้วล่ะครับ  ไม่ว่าจะเป็นการต้องอยู่กับกลุ่ม  การที่ต้องกิน  ต้องหลับต้องนอน  หรือแม้แต่ความกลัวในสิ่งอื่นๆก็ดีนี่คือการผูกมัดทั้งสิ้น  แต่นี่คือสิ่งที่ธรรมชาติผูกมัดไว้ซึ่งไม่ใช่ผลเสียต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์  แต่แน่นอนว่ายิ่งนานวันเข้ามนุษย์ก็วิวัฒนาการจากรวมกลุ่มกันเล็กๆ ก็มาเป็นหมู่บ้าน เป็นเมือง เป็นประเทศ ใหญ่ขึ้นไปเรื่อยๆ การติดต่อกันพบปะสังสรรค์กันก็เกิดมากขึ้นตามไปด้วย นี่แหละครับคือจุดที่ทำให้สังคมเกิดการผูดมัดมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เราคุ้นเคยกันดีกับคำว่า"ค่านิยม"

       

      ความหมายของคำว่า"ค่านิยม"

            คำว่า “ค่านิยม” มีผู้ให้ความหมายมากมาย อาทิเช่น

      - ก่อ สวัสดิ์พานิช (2535) ได้กล่าวว่า ค่านิยม เป็นความคิด พฤติกรรมและสิ่งอื่นที่คนในสังคมหนึ่งเห็นว่า มีคุณค่า จึงยอมรับมาปฏิบัติและหวงแหนไว้ระยะหนึ่ง ค่านิยมมักเปลี่ยนแปลงไปตามกาลสมัยและความคิดเห็นของคนในสังคม

      - พนัส หันนาคินทร์(2537) กล่าวถึงความหมายของค่านิยมไว้ว่า เป็นการยอมรับนับถือและพร้อมที่จะปฏิบัติตามคุณค่าที่คนหรือกลุ่มคนในสังคม มีต่อสิ่งต่างๆ อาจเป็นวัตถุ ความคิดหรือการกระทำในด้านต่างๆ เช่น เศรษฐกิจ สังคม ทั้งนี้ ได้มีการประเมินค่าจากทัศนะต่างๆ โดยรอบคอบแล้ว

      - Phenix (1992) ให้นิยามว่า “ค่านิยมคือความชอบ ความสามารถจำแนกให้ความเห็นความแตกต่างของความชอบกับกับความไม่ชอบได้โดยการประเมินผล”

      - Ruch (1992) กล่าวไว้ว่า ค่านิยมเป็นแรงจูงใจอันสำคัญที่มีต่อจุดมุ่งหมายในชีวิตจุดมุ่งหมายใดของชีวิตได้มาแล้วคุ้มค่า เราจะกล่าวว่าจุดมุ่งหมายนั้นมีค่านิยมสูง ถ้าจุดมุ่งหมายใดได้มาแล้วไม่คุ้มค่า จุดมุ่งหายนั้นมีค่านิยมในระดับต่ำ สิ่งใด ที่บุคคลพยายามหลีกเลี่ยง แสดงว่า บุคคลนั้นมีค่านิยมที่ไม่ดีหรือมีค่านิยมในทางลบต่อสิ่งนั้น ค่านิยมจึงมีบทบาทและอิทธิพลต่อพฤติกรรมของบุคคล

      - Miller (1995) ได้อธิบายว่า ค่านิยมเป็นเจตคติและความเชื่อที่ฝังลึกในชีวิตของบุคคลและมีอิทธิพลต่อพฤติกรรมของบุคคลในทุกด้าน จากพฤติกรรมที่เห็นได้ง่าย อาทิเช่น การแต่งกายไปจนถึงพฤติกรรมที่ซับซ้อน อาทิเช่น การแสดงความคิดเห็น การเลือกคู่ครอง ความยุติธรรม เป็นต้น

       

      ประเภทของค่านิยม

      1. ค่านิยมทางสังคม (Social Values) เป็นค่านิยมที่ช่วยให้เกิดความรักความเข้าใจและ ความต้องการของอารมณ์ของบุคคล

      2. ค่านิยมทางวัตถุ (Material Values) เป็นค่านิยมที่ช่วยให้ชีวิตร่างกายของคนเรา สามารถดำรงอยู่ได้ต่อไป ได้แก่ ปัจจัยสี่ คืออาหาร ที่อยู่อาศัย เสื้อผ้า และยารักษาโรค

      3. ค่านิยมทางความจริง (Truth Values) เป็นค่านิยมเกี่ยวกับความจริงซึ่งเป็นค่านิยมที่ สำคัญยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการความรู้ และนักวิทยาศาสตร์ที่ต้องการค้นหากฎของธรรมชาติ

      4. ค่านิยมทางจริยธรรม (Moral Values) เป็นค่านิยมที่ทำให้เกิดความรับผิดชอบชั่วดี

      5. ค่านิยมทางสุนทรียะ (Aesthetic Values) เป็นความซาบซึ้งใจในความดีและความงาม ของสิ่งต่างๆ

      6. ค่านิยมทางศาสนา (Religious Values) เป็นค่านิยมที่เกี่ยวกับความปรารถนาความ

       

              แน่นอนครับว่าค่านิยมเหล่านี้เนี่ยมีส่วนสำคัญต่อการดำเนินชีวิตขอมนุษย์  บางสังคมบางค่านิยมชี้เป็นชี้ตายบุคคลนั้นๆได้เลย  และเหนือกว่าค่านิยมก็คือความเชื่อนั่นเอง  เช่น ในยุคกลางมีการกวาดล้างหญิงสาวจำนวนมากด้วยการกล่าวหาว่าเป็นแม่มด ซึ่งความจริงนั้นหญิงสาวจำนวนมากอาจจะไม่ได้เป็นแม่มดจริงๆก็ได้ แต่ก็มีการสังเวยชีวิตไปมากเลยทีเดียว   ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เกิดจากการเข้าใจกันผิดๆใช้ความคิดของคนหม่มากตัดสินใจในเรื่องนั้นๆ  ดังนั้นค่านิยมนั้นเองไม่ใช่สิ่งที่ดีเสมอไป  และตรงกันข้ามคนที่เดินตามค่านิยมมากเกินไปก็จะถูกเรียกว่า"ตามกระแสอีกด้วย"   ซึ่งมันก็ไม่ใช่สิ่งที่ดีเท่าไหร่นักเพราะทำให้ขาดการตัดสินใจและไม่เป็นตัวของตัวเอง

       


      การผูกมัดที่ดิ้นไม่หลุดและพยายามไม่ดิ้น

       

              การผูกมัดในสังคมมีมากมายเลยล่ะครับ เรียกว่าตื่นนอนก็เจอ อาบน้ำก็เจอ ทานเข้าก็เจอ จะหลับก็เจออีก  เผลอๆใกล้จะตายก็ยังเจอเสียด้วยซ้ำ  เรียกว่าการผูกมัดของมนุษย์นั้นทำให้เรา"ช้ำเลือดช้ำหนอง"พอสมควร  เพราะอะไรน่ะเหรอครับ จะกระดิกตัวก็เป็นไปจะทำอะไรก็เข้าเค้ามันก็ติดที่วังวนค่านิยม บางคนก็อาจถึงขั้น"ตายทั้งเป็น"  และมันก็น่าสงสารสำหรับคนจำนวนไม่น้อยที่ต้องตกอยู่ในวังวนนี้  ส่วนมนุษย์ไหลตามน้ำก็คงจะไม่เป็นไร  ดังนั้งนะครับสำหรับผมมนุษย์จึงมีอยู่สองพวกใหญ่ๆเท่านั้น ซึ่งมีพวกไหนบ้างนั้นก็ต้องติดตามในอีกบทความซึ่งไม่รู้จะเขียนวันไหนนะครับ(แล้วแต่อารมณ์ผู้เขียน)  และมาเข้าเรื่องกันต่อ ค่านิยมแบบไหนนะที่ทำให้คนเราต้องติดในวังวน ผมขอแยกง่ายๆนะครับ

       

      1. ผูกมัดอนาคต ค่านิยมแบบนี้มันเหมื่อนกับการเดินทางโดยรถประจำทางน่ะครับ  คือคุณเลือกเป้าหมายได้แต่เลือกทางผ่านไม่ได้  ค่านิยมอันนี้เนี่ยมันผูกมัดต่อการกระทำของเราที่หวังผลระยะยาวในอนาคต  อาทิเช่น หากคุณอยากเป็นทนาย  คุณต้องไปเรียนวิชานั้นวิชานี้  กำหนดเรียนกี่ปี กี่เดือนก็ว่ากันไป  แต่ที่น่าจะอึดอัดแบบสุดๆก็คือ ต้องเรียนสถาบันนั้น  สถาบันนี้นี่สิ  ที่เรียกว่าข้อผูกมัดที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้  เพราะการเป็นทนายคุณต้องเรียนกฏหมายนั้นถูกต้อง  แต่ทว่าวิชานี้มันกลับขึ้นอยู่ที่ผู้อ่านจะอ่านศึกษาเอง ดังนั้นต่อให้คุณเรียนสถาบันดีแค่ไหนแต่คุณไม่ศึกษาให้ดีไม่ต้องใจพอกพูนความรู้ ก็บอกได้คำเดียวว่าคุณก็แค่พวกตามกระแสเท่านั้นเอง ไม่เกิดประโยชน์ใดๆทั้งสิ้น เพียงแค่สังคมเข้าเชื่อว่ามันดีอย่างนั้น และยังจะเชื่อต่อไปว่ามันจะดีอย่างงี้
      2. ผูกมัดอดีต อันนี้ไม่ใช่สิ่งไม่ดีเสมอไปนะครับ  เพราะมันก็คือประเพณีดั้งเดิม แต่เก่ามานั่นเอง  เราต้องทำตามระเบียบที่กำหนดมาแต่โบราณทั้งๆที่มันอาจจะไม่เข้ากับยุคสมัยแล้วก็ได้  แต่เราต้องปฏิบัติเพราะเป็นเอกลักษณ์ของชาติ อันนี้ก็ว่ากันไม่ได้ แต่ก็มีที่ไม่ดีเช่นกัน อาทิ การคลุมถุงชน  ที่ออกจะดูเผด็จการและจำกัดสิทธิเสรีภาพของคนจนเกินไป  ซึ่งสมัยนี้เขาไม่ยอมรับความเป็นเผด็จการกันแล้ว  พูดถึงเรื่องนี้แล้วของขึ้น ถ้าสนใจเรื่องเผด็จการล่ะก็ผมอาจเขียนก็ได้ไม่วันใดก็วันนึงนะครับ
      3. ผูกมัดปัจจุบัน อันนี้ก็ต้องเรียกว่าเทรน คุณจะทำอะไรยังไงคุณต้องมีกระแส  ติดตามข่าวสารหรือแฟชั่นก็ดี  นี่คือปัจจุบันมันก็จะผูกมัดเราอยู่ ถ้าเราปฏิบัติตัวอย่างพอดีมันก็ดี  แต่ถ้าโอเวอร์มันก็จะเกินงาน หรือเรียกว่าพวกจัดจ้านเลยก็ได้

      สรุปทิ้งท้าย

               พล่ามกันมายาวๆทั้งหลายเหล่านี้จริงๆแล้วผมเพียงต้องการสื่อความหมายสั้นๆง่ายๆว่า "ชีวิตคุณ คุณเลือกเอง จะผิดจะถูกอยู่ที่คุณเลือกสังคมเลือกให้ไม่ได้" ในบางครั้งคุณอาจจะถูกหาว่าโง่หรือบ้าก็ตามแต่  ถ้าหากคุณเลือกแล้วก็อย่าถ้อถ่อ และจงซื่อสัตย์กับใจเราให้มากที่สุด  ข้อผูกมัดใดๆก็แล้วแต่แก้ไขได้หากคุณแสดงให้เห็นว่าถึงคุณไม่ได้ผูกมัด คุณก็ประสบความสำเร็จได้   สำหรับบทความนี้คงต้องลาไปก่อนนะครับ  ธรรมะสวัสดีครับ

       

       

      บทความกันเองโดย คนตกดิน

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×