ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รักคุณ...อย่างเป็นทางการ Officially Loving You

    ลำดับตอนที่ #7 : 2 ขีดเส้นใต้ตรงคำว่า คู่อริ 3/3

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.09K
      1
      15 มี.ค. 67


    ภูตะวันมาถึงไร่ข้าวโพดกาญจ์การุณย์ตั้งแต่นาฬิกาดิจิตอลบนคอนโซลรถยนต์บอกเวลาว่ายังไม่ถึงสิบโมงเช้า ชายหนุ่มขับรถด้วยความเร็วที่เผือกบ่นกระปอดกระแปดมาตลอดทาง หากเร่งเครื่องเร็วกว่านี้อีกสักหน่อยรับรองว่าใบสั่งมาส่งถึงบ้านเป็นแน่

    “เกือบไม่รอดแล้วไอ้เผือก” เผือกบ่นกับตัวเองระหว่างเปิดประตูฝั่งผู้โดยสาร แต่ผู้เป็นเจ้านายไม่วายได้ยิน

    “ห่า ! กูไม่พามึงไปตายหรอก”

    “อูยยยย” คนฟังลูบแขนป้อยๆ ไม่โดนถีบก็เหมือนโดน คำว่าห่า พูดเบาๆ ก็สะเทือนถึงไขกระดูกสันหลัง

    “มึงเอารถไป”

    “นายซันล่ะครับ” ถามเช่นนี้เพราะโรงงานกับบ้านพักของภูตะวันห่างไกลกันพอสมควร

    “ติดรถพนักงานกลับ”

    “ครับ”

    “ฝากมึงแวะเอาตะกร้าหวายไว้ที่บ้านก่อนเข้าไร่ด้วยก็แล้วกัน” บ้านที่ชายหนุ่มเอ่ยถึงคือบ้านหลังขนาดกลางที่ปลูกไว้บริเวณเนินเขาใกล้หลักรังวัดขอบเขตเนื้อที่อาณาจักรกาญจ์การุณย์ซึ่งไพศาลกว่าฟาร์มหมูการุณย์กาญจ์หลายเท่า “จะกินอะไรในตะกร้าก็หยิบๆ ไป พี่แซนทำมาเผื่อ”

    เผือกพยักหน้ารับ ก่อนรับกุญแจรถกระบะที่เจ้านายโยนให้แล้วพาตัวเองประจำที่นั่งฝั่งคนขับ นายซันพูดคำไหนคำนั้น หากตัดสินใจอะไรแล้วไม่มีเลยสักครั้งที่จะเปลี่ยนใจแม้ว่าเขาเคยยกเหตุผลร้อยแปดขึ้นมาสาธยายก็ตาม

    ภูตะวันสาวเท้าเข้าสำนักงานโรงงาน รับไหว้พนักงานตลอดทางจนลิฟต์โดยสารเคลื่อนขึ้นถึงชั้นสี่อันเป็นชั้นสูงสุด ห้องทำงานของคนซึ่งเป็นทุกสิ่งทุกอย่างในไร่ไม่ได้หรูหราสมฐานะสักเท่าไรนัก ชายหนุ่มเองก็ต้องการให้เป็นเช่นนี้ ห้องสี่เหลี่ยมที่มีกระจกใสล้อมรอบสามด้านจึงมีแค่ข้าวของเครื่องใช้เท่าที่จำเป็น ไม่มากมายหากแต่เปี่ยมไปด้วยเรื่องราว โต๊ะทำงานจากไม้สนนั่นเขาสั่งไม้มาประกอบเป็นรูปเป็นร่างโดยมีธรณ์คอยช่วย ชุดโซฟากลางห้องคุณการุณย์กับคุณกาญจนาเป็นผู้เลือกให้ ทรายรุ้งเย็บเบาะรองนั่งเก้าอี้ทำงานเองกับมือ และผนังด้านเดียวของห้องซึ่งทะเลจันทร์ทาสีเทาอ่อนๆ ถูกละเลงไปด้วยสีเทียนหลากสีอย่างมองไม่ออกว่าเป็นรูปอะไรด้วยมือป้อมๆ เล็กๆ ของเปรี้ยวหวานตั้งแต่เริ่มหัดจับแท่งสี

    ร่างสูงยืนกอดอกตรวจตราความเรียบร้อยผ่านผนังกระจกใส ฝั่งขวามือคือไซโล[1] ขนาดยักษ์หลายไซโล เบื้องหน้าคือไร่ข้าวโพดไกลสุดลูกหูลูกตาอวดฝักเขียวแกมเหลืองที่อีกไม่นานจะเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ หากถึงฤดูกาลเก็บเกี่ยวคงได้ยลโฉมแปลงข้าวโพดวัยรุ่นซึ่งเห็นอยู่ลิบๆ นั่นโดยไม่ต้องสังเกตการณ์จากมุมสูง และอีกไม่นานพื้นที่ที่ต้นข้าวโพดครอบครองอยู่จะถูกทดแทนด้วยต้นปอเทืองรอการไถกลบเพื่อบำรุงดิน มะม่วงเขียวเสวยซึ่งปลูกชิดแนวถนนจากโรงงานไปสิ้นสุดยังบ้านเจ้าของไร่ออกดอกสะพรั่งเต็มต้น ผลที่ได้นั้นคือคนงานเก็บลูกดกๆ ไปบริโภคบ้าง จำหน่ายหารายได้เข้าเป็นกองกลางค่าวัตถุดิบสำหรับประกอบอาหารมื้อกลางวันให้แก่ทุกชีวิตในไร่กาญจ์การุณย์บ้าง

    ภูตะวันภาคภูมิใจกับทุกสิ่งในไร่นี้ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งใหญ่ๆ อย่างโรงงานแปรรูปข้าวโพดอาหารสัตว์ ไปจนถึงไส้เดือนที่ช่วยพรวนดินให้ร่วนซุย ทุกอย่างประกอบกันจนเป็นผืนดินที่เขารักเท่าชีวิต อายุที่เพิ่มขึ้นไม่ได้บ่งบอกเพียงแค่ประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมา หากแต่ยังรวมไปถึงความรับผิดชอบที่มากขึ้นด้วย ไม่ใช่เฉพาะความเป็นอยู่ของคนในครอบครัวเท่านั้น แต่ทุกการตัดสินใจที่กลั่นกรองจากสมองออกมาเป็นคำพูดถ่ายทอดสู่คนงานในไร่และพนักงานในโรงงาน ล้วนแล้วแต่ส่งผลต่อปากท้องของกลุ่มคนเหล่านั้นทั้งสิ้น

    ภายนอกภูตะวันอาจเป็นผู้ชายพูดจาขวานผ่าซาก เลือดร้อน ห่ามๆ ไม่สนใจโลก แต่น้อยคนนักที่จะได้เห็นว่าใบหน้ากวนๆ นี้แปรเปลี่ยนเป็นจริงจังยามสวมหัวโขนผู้กุมบังเหียนไร่ข้าวโพดซึ่งใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

    “กาแฟค่ะนายซัน” พูนสุข เลขานุการวัยกลางคนของภูตะวันก้าวเข้ามาในห้องหลังเคาะประตูขออนุญาต เจ้าของร่างท้วมวางถ้วยกาแฟลงบนโต๊ะรับแขก ตามด้วยคุกกี้เนยสดในจานเล็ก “ส่วนเอกสารที่ต้องอ่านพี่วางไว้บนโต๊ะแล้วนะคะ”

    “ขอบคุณครับ” ภูตะวันละสายตาจากแปลงข้าวโพดเบื้องหน้า พากายมาทิ้งตัวลงบนโซฟาตัวยาว ยกกาแฟดำขมๆ ในถ้วยสีขาวสะอาดขึ้นกระดกลงคออย่างไม่ยี่หระกับอุณหภูมิ

    “วันนี้ไวจังนะคะ ยังเช้าอยู่เลย”

    “ไวแล้วหรือ ไม่หรอก ถ้าไวต้องมาตั้งแต่ตีห้า” แล้วก็ได้เห็นยิ้มแหยๆ จากพูนสุข “ล้อเล่นน่าพี่สุข”

    “นายซันก็ พี่ใจหายหมด เวลานายซันมาทำงานตอนเจ็ดโมงครึ่งพี่ก็รู้สึกว่าตัวเองมาสายแล้วนะคะ” พนักงานในโรงงานแปรรูปทำงานเป็นกะ ต่างจากพนักงานในส่วนสำนักงานซึ่งเริ่มงานแปดโมงครึ่ง เธอมาถึงห้องทำงานไม่เคยเกินแปดโมงเช้าเลยสักวัน แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมาสายกว่าเจ้านายซึ่งนั่งประจำตำแหน่งเจ็ดโมงบ้าง เจ็ดโมงครึ่งบ้างอยู่ดี

    “เอกสารอะไรหรือ” ชายหนุ่มยิงสายตาผ่านขอบถ้วยกาแฟไปยังโต๊ะทำงาน “ก่อนกลับทับกวางผมเซ็นไปแล้วนี่”

    “คุณรามส่งเอกสารมาให้นายซันอ่านอีกรอบค่ะ คราวนี้แก้เงื่อนไขหลายจุดเชียว” เอกสารเหล่านี้ไม่ควรถึงมือภูตะวัน เธอรู้ดีว่าถึงอย่างไรเสียเจ้านายก็ไม่มีทางเซ็นสัญญาเป็นคู่ค้ากับรัชตะ นับๆ ดูแล้วฝ่ายนั้นส่งเอกสารมาร่วมสิบรอบ หากก็ได้รับการปฏิเสธไปทุกครั้ง

    “หึ ! เปิดร้านขายอาหารสัตว์บังหน้า มันคิดว่าคนทั้งจังหวัดไม่มีใครรู้เลยหรือ”

    รัชตะคือนักธุรกิจรุ่นใหม่ ชายหนุ่มอายุรุ่นราวคราวเดียวกับภูตะวัน มีธุรกิจร้านอาหารสัตว์ใหญ่โตในหลายอำเภอของจังหวัดนครราชสีมา ทว่าภายใต้ธุรกิจห้างร้านกลับซุกซ่อนไปด้วยธุรกิจมืดอย่างโต๊ะพนันบอลซึ่งสร้างรายได้มหาศาลในแต่ละวัน หากแต่การใช้อำนาจเงินยัดใต้โต๊ะผู้ใช้กฎหมายทำให้รัชตะยังผงาดอยู่ได้

    “ต่อให้ส่งมาอีก มันก็จะได้รับคำตอบเดิมๆ กลับไป” ภูตะวันมองเอกสารบนโต๊ะเป็นเพียงไรฝุ่นไร้ค่า เขาไม่คิดค้าขายกับคนที่เล่นไม่ซื่อ แม้ว่าการปฏิเสธนี้จะต้องแลกกับความไม่สงบสุขในชีวิต

    ไม่ใช่แค่อนาคต...หากแต่รัชตะก่อความวุ่นวายกับทุกอย่างที่เป็นตัวเขามาแล้วนับไม่ถ้วน



    [1] ไซโล (Silo) คือ ถังขนาดใหญ่สำหรับบรรจุธัญพืชในปริมาณมากเพื่อใช้เป็นวัตถุดิบสำหรับแปรรูปอาหารสัตว์ มีการควบคุมสภาพการเก็บรักษา เช่น อุณหภูมิ ความชื้น ให้อยู่ในเกณฑ์เหมาะสมเพื่อไม่ให้วัตถุดิบเสียหาย ภายในถังมีสายพานลำเลียงวัตถุดิบออกจากถังไปยังโรงเรือน โดยส่วนมากไซโลมีลักษณะเป็นถังทรงกลมขนาดใหญ่ทำจากสเตนเลส รูปแบบของไซโล มี 2 แบบ คือ ไซโลแบบกรวย (hopper silo) และไซโลแบบก้นเรียบ (flat silo) สำหรับโรงงานผลิตอาหารสัตว์ ไซโลนับว่าเป็นหัวใจสำคัญ

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×