ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รักคุณ...อย่างเป็นทางการ Officially Loving You

    ลำดับตอนที่ #6 : 2 ขีดเส้นใต้ตรงคำว่า คู่อริ 2/3

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.63K
      3
      14 มี.ค. 67


    “น้าซันขา”

    เสียงเล็กเจื้อยแจ้วพร้อมกับร่างปุ๊กลุกกระโดดกอดภูตะวันจากด้านหลัง เด็กหญิงปั้นดาวหัวเราะคิกคักเมื่อถูกน้าชายรวบร่างมาไว้บนตักแล้วซุกหน้าลงฟัดแก้มนุ่ม

    “มันเขี้ยวๆ”

    “ฮ่าๆๆ เปรี้ยวหวานจั๊กจี้ค่า”

    ได้แกล้งหลานสมใจจึงจับเจ้าตัวกลมมากอดแน่นๆ เปรี้ยวหวานตัวโตและหนักเกินวัยไปหลายกิโลกรัมจนพี่สาวเขาตัดพ้อให้ได้ยินบ่อยๆ กระนั้นก็ขัดใจได้ไม่มากเมื่อลูกอ้อนกินโน่นกินนี่ ให้กินเพียงแต่จำกัดไว้ในปริมาณที่พอเหมาะ

    “เปรี้ยวหวานจะไปโรงเรียนนะคะ” เจ้าซาลาเปาเดินได้ยิ้มแก้มปริอวดฟันน้ำนมขาวสะอาด

    “หืม โรงเรียน ?”

    “พ่อบอกว่าโรงเรียนมีเพื่อนหลายคนค่ะ”

    คำบอกเล่าจากหลานสาวไม่ได้ทำให้ภูตะวันเข้าใจมากนัก กระทั่งทรายรุ้งหิ้วตะกร้าหวายใบเขื่องเข้ามาวางบนโต๊ะใกล้กับพื้นที่เขานั่งอยู่ ก่อนขยายความสิ่งที่ยายหนูเกริ่นไว้นั่นละ คนซึ่งสงสัยจึงได้กระจ่าง

    “เปรี้ยวหวานถึงเกณฑ์เข้าเรียนแล้ว บ่ายนี้พี่ธรณ์กับพี่เลยว่าจะพาไปดูโรงเรียนด้วยกัน หลานสาวซันเห่ออยู่หน่อยๆ เพราะเมื่อค่ำวานพ่อเขาโม้ไว้เยอะ”

    “ที่ไหนหรือ” เขาลืมคิดไปเสียสนิทว่าวันหนึ่งหลานสาวต้องเข้าเรียน โอบอุ้มกันมาตั้งแต่เพิ่งคลอด สี่ปีกว่าแล้วหรือนี่

    “โรงเรียนอนุบาลที่ซีเคยเรียน ดีตรงที่ใกล้บ้าน พี่ธรณ์ไม่อยากให้ลูกหมดเวลาไปกับการนั่งรถไปเรียนไกลๆ พี่ก็คิดเหมือนกัน”

    “บ้านคงเงียบถ้าเปรี้ยวหวานไปโรงเรียน” มือหนาลูบศีรษะหลาน ก่อนจุ๊บกระหม่อมไปหนึ่งที เปรี้ยวหวานทำให้เขานึกถึงทะเลจันทร์ในวัยเด็ก ซุกซนเหมือนกันไม่มีผิด ไม่ได้เชื้อเรียบร้อยมาจากทรายรุ้งเลยสักกระผีกริ้น

    “ไม่น่าเงียบหรอก อีกไม่กี่เดือนซีก็คลอดไข่ตุ๋น คราวนี้ได้แย่งกันอุ้มแย่งกันเลี้ยง”

    ลูกนกในรังบนกิ่งไม้ข้างหน้าต่างร้องจิ๊บๆ น่าฟัง เปรี้ยวหวานตาโตยามได้ยินเสียงสัตว์เลี้ยงตัวใหม่ซึ่งเพิ่งฝักออกจากไข่เมื่อสามวันที่แล้ว ร่างกลมป้อมผลุนผลันลงจากตักน้าชายก่อนวิ่งดุ๊กๆ ปีนขึ้นโซฟาแล้วเกาะขอบหน้าต่างมองไปยังรังที่แม่นกสานขึ้นจากเศษหญ้ากับกิ่งไม้เล็กๆ ลูกนกเหมือนจะรู้ว่ามีผู้ชมรอดูรอฟังอยู่จึงส่งเสียงใหญ่ เปรี้ยวหวานมองไม่เห็นสิ่งมีชีวิตตัวจิ๋วเพราะกิ่งไม้สูงกว่าระยะการมองเห็นอยู่ประมาณหนึ่ง แต่เพียงแค่เห็นแม่นกคาบหนอนมาป้อนให้ลูก หนูน้อยก็มีความสุขเป็นล้นพ้น

    “เมื่อวานนั่งมองรังนกทั้งวัน กว่าพี่จะหลอกล่อกลับบ้านได้ก็เกือบเย็น”

    ทรายรุ้งย้ายไปอยู่บ้านสามีซึ่งเป็นเรือนหอ กระนั้นความห่างเหินครอบครัวก็ไม่มีวี่แววเกิดขึ้นเนื่องจากฟาร์มนกกระจอกเทศของธรณ์ติดกันกับฟาร์มการุณย์กาญจ์ มีเพียงคูน้ำเล็กๆ แบ่งเขตแดนออกจากกันเท่านั้น หลังแต่งงานหญิงสาวยังคงทำบัญชีรายรับรายจ่ายและเงินเดือนคนงานให้กับกิจการของที่บ้าน ที่เพิ่มมาคือช่วยตรวจสอบบัญชีฟาร์มนกกระจอกเทศกับโรงพยาบาลสัตว์อันเป็นธุรกิจของสามีบ้างเป็นครั้งคราว ไม่มีห้องทำงานแบบตายตัวเพราะงานสามารถทำที่ไหนก็ได้ ดังนั้นในช่วงกลางวันจึงเลือกทำงานที่บ้านใหญ่เป็นหลัก

    “วันก่อนโน้นลูกค้าพี่ธรณ์เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ เขาซื้อช็อกโกแลตมาฝาก เปรี้ยวหวานกินแล้วชอบนักชอบหนา เกือบจะป้อนให้ลูกหมาพูเดิลเขาแล้วด้วย ดีที่พี่ธรณ์คว้ามือไว้ทัน” ทรายรุ้งส่ายหน้าด้วยรอยยิ้ม เปรี้ยวหวานไม่หวงของ ไม่ว่าจะเป็นของเล่นหรือของกินก็แบ่งให้คนโน้นคนนี้เสมอ แต่กับบางเรื่องต้องค่อยๆ สอนกันไป ลูกยังเด็กนักจึงไม่รู้ว่าช็อกโกแลตแม้เพียงชิ้นนิดเดียวก็อาจทำให้สุนัขตัวหนึ่งตายได้

    “เกิดเป็นเปรี้ยวหวานต้องรักสัตว์ ไม่อย่างนั้นเสียชื่อลูกสาวนายสัตวแพทย์ธรณ์หมด” หลานเขาเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นท้องฟ้า แม่น้ำ ต้นไม้ใบหญ้า รวมถึงสัตว์ต่างๆ ไล่ตั้งแต่ม้าของเขาที่เลี้ยงไว้ในไร่กาญจ์การุณย์ หมูทุกตัวในฟาร์มการุณย์กาญจ์ บรรดานกกระจอกเทศในฟาร์มของธรณ์ นกบนต้นไม้ หรือแม้แต่แมลงตัวเล็กๆ ที่พบเห็นตามพื้นดิน “มีน้องให้เปรี้ยวหวานสักคนไหม”

    “ไข่ตุ๋นน่ะหรือ”

    “ผมหมายถึงน้องสาวแท้ๆ ลูกคนที่สองของพี่แซนกับพี่ธรณ์ ไม่อยากมีอีกสักคนสองคนหรือ”

    รอยยิ้มบนใบหน้าพี่สาวแห้งเหือดเมื่อคำถามเขาสิ้นสุดลง ก่อนทรายรุ้งจะตอบอย่างเสียไม่ได้

    “เอ่อ...เปรี้ยวหวานยังเล็ก”

    “อืม” กิริยาอาการสื่อได้ถึงความรู้สึก ทรายรุ้งหลบตาเขา แล้วหันไปคว้าตะกร้าหวายมาวางตรงหน้า ใบหน้าพี่สาวเมื่อครู่นั้นทำให้ภูตะวันใจหายอย่างบอกไม่ถูก เธอไม่ค่อยพูดต่อให้เกิดเรื่องร้ายแรงแค่ไหนก็ตาม ทว่าหญิงสาวคงไม่รู้ว่าน้องชายที่คลานตามกันมาอย่างเขามองออกถึงความผิดปกติ ทรายรุ้งซึมทุกครั้งที่เอ่ยถึงน้องของเปรี้ยวหวาน

    “แม่บอกว่าซันกลับปากช่องวันนี้พี่เลยทำหมูสามรสมาให้ ใส่ส้มแขกเยอะๆ แบบที่ซันชอบ” ทรายรุ้งเปลี่ยนเรื่องเสีย หญิงสาวหยิบของในตะกร้าขึ้นมาทีละอย่างแล้วเริ่มแจกแจงอย่างที่ทำเป็นประจำยามน้องชายต้องกลับไปประจำการยังไร่ข้าวโพด “น้ำพริกมะขามผัดกับหมูสับ ซันเก็บไว้ในตู้เย็นนะ พอจะกินค่อยเอาออกมาอุ่น ส่วนเค้กมะตูมเอาไว้กินกับกาแฟพรุ่งนี้เช้าก็ได้ แบ่งให้เผือกด้วยนะ”

    “ดูเหนื่อยๆ มีอะไรหรือเปล่า”

    “เมื่อคืนนอนน้อยน่ะ”

    “พี่ธรณ์นี่ยังไง ผมต้องบอกให้เพลาๆ หน่อย” ภูตะวันแกล้งเย้า ไม่ชอบเท่าไรนักกับท่าทีไม่มีความสุขของพี่สาว

    “พี่ธรณ์ไม่ได้นอนบ้านมาเกือบอาทิตย์แล้ว” ความน้อยใจจากส่วนลึกซึ่งสะสมมาหลายวันยังผลให้หญิงสาวหลุดคำพูดออกมา แล้วจึงรู้ว่าพลาดอย่างมหันต์เมื่อสายตาภูตะวันคอยสังเกตอย่างต้องการให้อธิบายต่อ

    “เปรี้ยวหวานเจอพ่อบ้างหรือเปล่า”

    “ไม่มีอะไรหรอกซัน งานที่โรงพยาบาลสัตว์ยุ่งๆ พี่ธรณ์เลยต้องอยู่ช่วยช่วงกลางคืน แต่ทุกคืนก็กลับบ้านมาส่งเปรี้ยวหวานเข้านอน ลูกหลับแล้วถึงกลับไปในเมือง”

    ภูตะวันพยักหน้ารับ เรื่องสามีภรรยาเขาไม่อยากเข้าไปเกี่ยวข้องมากนัก หวังว่าคงไม่มีอะไรร้ายแรง แต่หากทรายรุ้งยังเป็นเช่นนี้ต่อเนื่อง เขาก็ไม่อาจปล่อยผ่านไปได้อย่างวันนี้


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×