ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [BTOB Fiction] Memory of Heart จะรักกันได้ไหม?ถ้าหัวใจยังไม่ลืม...

    ลำดับตอนที่ #19 : MEMO 18 : Mask Part 2 ( SikHoon )

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 241
      2
      11 ส.ค. 56



     

    MEMO 18 : Mask Part 2

    หลังจากที่ผมขับรถไปส่งอิลฮุลที่บ้านเรียบร้อยแล้วผมจึงมุ่งหน้าไปยังห้างสรรพสินค้าชื่อดัง ผมไม่ได้มาเหยียบที่นี่นานแล้วเหมือนกันแฮะ ก็มันไม่ค่อยมีของที่ผมอยากได้เท่าไรนี่ ผมเดินเข้าไปในร้านสูท

    “ สวัสดีค่ะ คุณลิมฮยอนชิค งานประมูลการกุศลใช่มั้ยคะ” พนักงานสาวสุดสวยทักทายฮยอนชิคอย่างคุ้นเคย ผมทำได้แค่ยิ้มน้อยๆ ถ้าผมมาที่นี่เมื่อไรเป็นเจอเจ้าหล่อนเสมอล่ะ ก็เจ้าหล่อนเป็นเลขาของพ่อผมนี่นาจะรู้เรื่องของผมก็คงไม่แปลก ผมรับสูทมาลองสองสามชุดก่อนจะได้เป็นสูทลำลองไม่เป็นทางการมากนักอย่างพอใจ งานการกุศลแบบนี้คนที่ผมจะเจอบ่อยๆก็คงไม่ใช่ใคร หนึ่งล่ะคงเป็นบ้านพี่มินฮยอกกับพี่อึนกวัง ทั้งสองครอบครัวทำธุรกิจเกี่ยวกับสถานบันเทิงหลายแห่งก็ไม่แปลกที่จะต้องร่วมงานการกุศลบ้าง อีกหนึ่งคือบ้านของตระกูลจอง ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินอยู่หลายแห่ง คุณลุงก็คงมาเองสินะ ท่านเคยบอกว่าท่านมีลูกชายหนึ่งคน ไม่ค่อยชอบออกงานสังคมแบบนี้สักเท่าไร บ้านนี้ดีจังแฮะไม่เห็นบังคับลูกเลยไม่เหมือนบ้านผมสักนิด

    “ เอาล่ะ ถึงเวลาใส่หน้ากากแล้วนะ ลิมฮยอนชิค” ลูกชายเจ้าของธุรกิจส่งออกยานยนต์ปั้นหน้าพลางบอกกับตัวเองในกระจก ก่อนจะถอนหายใจออกมาพลางลงจากรถที่มีคนเปิดประตูให้ แสงแฟรชส่องกระทบตาผมจากกล้องหลายตัวราวกับเป็นซูเปอร์สตาร์ก็ไม่ปาน

    “ ไง ถูกบังคับมาอีกแล้วล่ะสิ” เถ้าแก่เนี้ยร้านที่ผมทำงานเดินเข้ามาทักผมเป็นคนแรกเมื่อผมย่างเท้าเข้าไปในห้องที่จัดงาน เขาเป็นบุคคลนึงที่ผมสามารถทำตัวตามสบายได้

    “ แล้วพี่อึนกวังไม่มาด้วยกันเหรอครับ พี่มินฮยอก ” ผมเลี่ยงคำตอบที่รู้ๆกันดีพลางมองหาอีกคน

    “ ไง ถามหาฉันรึไง” หนุ่มร่างเพรียวเดินมาในชุดสูทสีดำสุดเนี้ยบ ในมือถือแก้วแชมเปญมาด้วยคาดว่าคงเอามาฝากคนรักเขาที่ยืนอยู่ข้างๆผม

    “ เฮ้ออออ ผมแค่รู้สึกเซ็งๆน่ะครับ เจอพี่สองคนค่อยรู้สึกดีขึ้นมาหน่อย” ผมรับแก้วไวน์จากบริกรที่เดินบริการอยู่ไม่ห่าง

    “ นายรู้รึเปล่า ใครเป็นตัวแทนตระกูลจอง” อึนกวังถามคนที่เปรียบเสมือนน้องชาย

    “ ถ้าพูดว่าเป็นตัวแทน ไม่เลขาก็คงเป็นลูกน้องเขาคนใดคนหนึ่งล่ะครับ” ผมจับไวน์ในมือตามองการแสดงที่เริ่มขึ้น

    “ คิดผิดถนัด วันนี้เขาคนนั้นมาล่ะ คุณลูกชายหัวแก้วหัวแหวน น้องชายฉันเอง” พี่มินฮยอกชี้ไปยังด้านข้างเวทีซึ่งมีหนุ่มหน้าหวานร่างเล็กสวมสูทสีขาวบริสุทธิ์ยืนคุยกับนักข่าวอยู่ ผมถึงกับชะงักทันที

    “ ทำไมพี่ไม่บอกผมให้เร็วกว่านี้ล่ะครับ ผมยิ่งไม่อยากให้เขารู้อยู่ว่าผมเป็นใคร” ฮยอนชิครู้สึกหัวเสียขึ้นมาทันทีทำเอามินฮยอกหัวเราะในลำคอ

    “ หึๆ ทำไมเหรอ น้องฉันร้ายขนาดนั้นเลยรึไง” มินฮยอกบีบไหล่เบาๆอย่างปลอบใจ

    “ ไม่ใช่แค่นั้นน่ะสิครับ เมื่อคืนบอกผมว่าทะเลาะกับพ่อเลยมาขออาศัยกับผม พอรู้ว่าผมไม่มีรถยนต์ ไม่มีมือถือ ก็พยายามจะซื้อให้ ผมล่ะทึ่งจริงๆเลยตั้งแต่เขาบอกว่าจะซื้อผมตอนอยู่ที่คลับนั่นแล้ว” ฮยอนชิคกระดกไวน์ในแก้วหมดรวดเดียว พี่ชายทั้งสองคนต่างมองด้วยความเอ็นดู

    “ เอาเถอะ เขาถูกเลี้ยงมาอย่างตามใจไปหน่อย นายช่วยสั่งสอนเขาทีนะ” พี่มินฮยอกตบบ่าผมพลางกอดคอผมเดินเข้าไปในบริเวณงานประมูล

     

     

    Ilhoon Part

     ผมล่ะเบื่อจริงๆเลยที่ต้องมานั่งปั้นหน้าในงานแบบนี้ คุณป๋านะคุณป๋าทำกันได้ ให้ลูกชายมาออกงานแทนแต่ตัวเองกลับไปฮันนีมูนกับภรรยาซะงั้น คอยดูนะ จะงอนมันสามวันเจ็ดวันเลย คอยดู!!!

    และสิ่งที่ผมไม่ชอบเลยคือการคุยกับคนแปลกหน้า เช่น นักข่าวพวกนี้ ตามตื้ออยู่นั่นล่ะ ธุรกิจของพ่อก็ไปถามท่านสิจะมาถามผมทำไมกันล่ะ ฮึ้ย...อ๊ะ...นั่นพี่มินฮยอกนี่นา มากับใครกันล่ะ ดูดีจังแฮะ ไม่ใช่พี่อึนกวังนี่นา ผมกะว่าจะเดินเข้าไปทักสักหน่อยถ้าไม่ติดว่ามีหุ้นส่วนของพ่อมายืนคุยอยู่ด้วยน่ะนะ น่ารำคาญชะมัด

                    ร่างบางปลีกตัวจากความวุ่นวายมายังห้องน้ำซึ่งปลอดคน พลางเปิดก็อกน้ำล้างมือแต่พลาดดันเปิดแรงไปหน่อย ทำเอาสูทสีขาวสะอาดนั้นชุ่มไปด้วยน้ำ ตากลมหลับปี๋พลางควานหากระดาษเช็ดมือก่อนจะสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง

    “ ขอบคุณครับ” ผมกล่าวขอบคุณซึ่งไม่รู้ว่าใครเป็นคนส่งกระดาษมาให้ ก่อนจะซับใบหน้าที่เปียกชุ่มนั้น พอลืมตามากลับเห็นแต่แผ่นหลังที่เดินออกจากห้องน้ำไป เอ๊ะ...สูทแบบนี้ คนที่มากับพี่มินฮยอกนี่นา ไม่รอช้าผมรีบวิ่งตามเขาทันที

    “ โธ่เอ้ย...ฮยอนชิค หาเรื่องใส่ตัวชะมัด แล้วอิลฮุลเห็นเรามั๊ยล่ะเนี่ย” ร่างสูงบ่นพึมพำกับตัวเองพลางเดินออกมาให้ไกลจากห้องน้ำมากที่สุด

    โครมมม...ซ่า

    ด้วยความเร่งรีบร่างสูงจึงชนกับบริกรซึ่งถือเครื่องดื่มมาเต็มถาด

    “ ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ ไม่คิดว่าจะมีคนวิ่งมาทางนี้” บริกรคนนั้นก้มหัวขอโทษขอโพยผมเป็นการใหญ่ ชายหนุ่มซึ่งกำลังรีบจึงไม่ถือโทษโกรธเคืองอะไร

    “ เฮ้อออ เข้าไปในงานไม่ได้แล้วสิเนี่ย” มือหนาค่อยๆถอดสูทออกจากตัวเหลือเพียงเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวในเพียงตัวเดียว โชคดีที่เสื้อขาวนี้ไม่เปื้อนไวน์ไปด้วย

    “ ฮัลโหล พี่มินฮยอกครับ ผมคงต้องขอตัวก่อนนะครับ พอดีมีปัญหานิดหน่อย ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณครับ” เมื่อวางโทรศัพท์ลงร่างสูงก็หย่อนตัวลงนั่งบนเก้าอี้ข้างสระว่ายน้ำ

     

    “ เฮ้อ...คลาดกันซะแล้ว อุตส่าอยากรู้สักหน่อยว่าเป็นใคร” อิลฮุลบ่นอุบกับตัวเอง นึกโมโหที่ตัวเองขาสั้น วิ่งตามร่างนั้นไม่ทัน เขาหย่อนตัวนั่งลงพลางสั่งเครื่องดื่มจากบริกรที่เดินผ่านมาพอดี

    “ ยังไงก็ไม่อยากเข้าไปอยู่แล้ว นั่งดื่มตรงนี้มันซะเลย” มือบางยกแก้วขึ้นกระดกทั้งๆที่รู้ว่าตัวเองดื่มไม่เก่ง แต่ก็ยังดันทุรังจะดื่ม อากาศเริ่มเย็นลงมือบางจึงกระชับเสื้อสูทแน่นขึ้น เขานั่งดื่มไปเรื่อยๆจนกระทั่งเกือบหมดขวดพลันให้นึกถึงใครบางคน คนที่ปากร้ายแต่ก็ใจดีกับเขาเสมอ คนที่ไม่ค่อยเห็นด้วยในสิ่งที่เขาทำแต่ก็ยอมช่วยเหลือในสิ่งที่ไม่สมเหตุสมผล มุมปากบางเผลอยิ้มออกมาอย่างสุขใจ

    “ ฮ้า...ดึกแล้ว กลับบ้านดีกว่าเรา ไหนๆคุณเลขาก็ดูแลอยู่แล้ว งานนี้ก็ยกให้เลยละกัน” พูดจบก็ลุกขึ้นแต่รู้สึกว่าโลกมันหมุนรอบตัวเองเร็วไปยังไงไม่รู้ทำเอาผมถึงกับวูบล้มโครมลงมาทันที ผมคงจะตกสระน้ำไปแล้วถ้าไม่ติดว่ามีอ้อมแขนใครบางคนมารองรับตัวผมไว้

    “ อ๊ะ...พี่ฮยอนชิค” นี่ผมเมามากจนเห็นหน้าคนที่ผมคิดถึงเลยใช่มั๊ยเนี่ย ผมสะบัดหน้าไปมาเบาๆเพื่อไล่ความมึนงง แต่ใบหน้าของพี่ฮยอนชิคก็ยังคงเด่นชัดในคลองสายตาผม

    “ ทำไม ทำอะไรไม่รู้จักประมาณตนน่ะ ห๊ะ” มาแล้วเสียงดุเคร่งขรึม นี่ผมเมาขนาดหลอนได้ยินเสียงเขาเลยเหรอเนี่ย ผมยังไม่อยากเชื่อหูตัวเองจึงสะบัดหน้าไปมาอีกครั้ง ถึงจะยังไม่เชื่อว่าใบหน้ากับน้ำเสียงนั้นเป็นของจริง แต่อ้อมกอดอุ่นๆนี้เป็นของจริงแน่นอน เมื่อคิดได้ดังนั้นใบหน้ากลับขึ้นสีเรื่อขึ้นมาทันที

    “ พี่ฮยอนชิค มาที่นี่ได้ไงน่ะฮะ” เมื่อตั้งสติได้ผมค่อยๆดันร่างออกจากอกอุ่นนั้น มองจากการแต่งตัว สวมเพียงเสื้อเชิ้ตสีขาวปลดกระดุมลงมาสองเม็ดเห็นแล้วใจตุ๊มๆต่อมๆ

    “ เพิ่งเลิกงานเหรอครับ” ผมถามไปงั้นเอง เพราะนึกได้ว่าพี่ฮยอนชิคบอกว่าเย็นนี้มีธุระ สงสัยมาหารายได้พิเศษ ร่างสูงพ่นลมหายใจออกช้าๆพลางยืนเท้าเอวราวกับดุเด็กน้อยที่ทำผิดก็ไม่ปาน

    “ ใช่ เพิ่งเลิกงาน แล้วไม่คิดว่าจะมาเจอคนไม่เจียมตัวในงานแบบนี้ด้วย รู้ว่าตัวเองดื่มไม่ได้ก็ยังจะดื่ม ถ้าเมื่อกี้ฉันมาไม่ทัน นายคงตกน้ำไปแล้ว” ร่างสูงพูดด้วยความโมโห ก็ไม่รู้ตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องโกรธขนาดนี้ แต่แค่เห็นว่าคนตัวเล็กกำลังตกอยู่ในอันตรายใจมันก็เต้นไม่เป็นส่ำซะแล้ว คนที่รู้สึกผิดก้มหน้าลงตัวสั่นเทิ้ม เฮ้ย...นี่ผมกำลังจะร้องไห้รึไงกัน เพียงแค่เห็นหน้าพี่ฮยอนชิค ความเหงาของผมก็หายไปทันที

    “ ผมขอโทษครับ ก็ผมเบื่องานนี่นา แล้วก็เหงามากด้วย คนในงานคุยด้วยไม่รู้เรื่องสักคน มีแต่คนน่าเบื่อ จ้องจะหาประโยชน์จากคุณป๋าอยู่เรื่อย” เสียงเล็กบ่นออกมาน้ำไหลไฟดับ ร่างสูงจึงทำได้เพียงยืนรับฟังคำบ่นเหล่านั้น

    “ จบยัง จะได้กลับบ้าน ดึกแล้ว ง่วงนอนเป็นบ้า” ฮยอนชิคถามออกมาเมื่อปล่อยให้อิลฮุลระบายจนพอใจ

    “ จบแล้วครับ ว่าแต่พี่จะกลับยังไงล่ะ รถไฟหมดแล้วนี่ครับ” เมื่อรู้ว่าตัวเองเริ่มสร่างเมาแล้วก็ถามคนตรงหน้าบ้าง

    “ ก็ขะ...ขับ เฮ้ย นั่งแท็กซี่เอาน่ะ” ฮยอนชิคเกือบเผลอหลุดออกไปว่าตัวเองขับรถมา ก็ในเมื่ออิลฮุลเชื่อว่าเขาเป็นเด็กเสิร์ฟไปแล้ว ทำไมเขาจะต้องไปแก้ให้เสียเวลาล่ะ

    “ งั้น ผมไปส่งพี่นะครับ” นั่น...คนเมายังไม่เจียมตัว ยังมีหน้าจะไปส่งผมอีก

    “ นายเมาขนาดนี้ ฉันให้ขับรถไม่ได้หรอก” ฮยอนชิคประคองร่างบางเดินมายังลานจอดรถ

    “ ใครบอกว่าผมจะขับ พี่นั่นแหละขับ เดี๋ยวผมให้คุณเลขาพักที่โรงแรมนี้ก่อนแล้วกัน เพราะยังไงเขาก็ต้องจัดการเรื่องของประมูลอีก” อิลฮุลพูดลิ้นเริ่มรัว อ้าว...ซวยล่ะสิ สงสัยคืนนี้คงต้องจอดรถไว้ที่นี่ล่ะมั้ง เดี๋ยวพรุ่งนี้ให้เลขาพ่อมาเอาละกัน

    “ เฮ้ออออ เพิ่งจะส่งออกไปแท้ๆ ดันต้องเอากลับมาอีกแล้ว เจ้าขี้เมาเอ้ยยยย” ฮยอนชิคบ่นพึมพำๆพลางขับรถกลับคอนโดไปโดยมีหนุ่มหน้าหวานขี้เมานอนหลับอยู่ข้างๆ

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×