คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #20 : MEMO 19 : คนสำคัญ ( PenJae )
MEMO 19 : คนสำคัญ
Sungjae Part
ทำไมกันนะ ผมไม่เข้าใจตัวเองเลย แค่เห็นสิ่งที่ผู้หญิงคนนั้นทำกับพี่ดงกึน ในใจผมมันก็รู้สึกอึดอัดไปหมด จากตอนแรกรู้สึกตื่นเต้นที่ได้ออกมาเที่ยวข้างนอกแต่ตอนนี้ผมอยากจะกลับบ้านอย่างเดียว ร่างบางเดินจ้ำอ้าวไปยังลานจอดรถโดยไม่สนใจจะรออีกคนแต่อย่างใด
หมับ...
ข้อมือบางถูกรั้งเอาไว้ทำเอาคนที่ได้แต่จ้ำต้องหยุดลง ผมไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมแต่ผมยังไม่อยากหันหน้าไปเผชิญกับพี่ดงกึนสักเท่าไร ทั้งๆที่ในหัวผมมีคำถามมากมายที่อยากจะถามเขา การที่เขาหายไปตั้งหลายปีก็คงไม่แปลกถ้าเขาจะมีใครสักคน แต่ทำไมเขาไม่เคยเล่าให้ผมฟังบ้างเลยล่ะ ผมมันไม่สำคัญขนาดนั้นเลยรึไงนะ
เมื่อร่างบางหยุดลงมือหนาก็ค่อยๆดึงตัวอีกคนให้หันหน้ามาทางตน
“ เป็นอะไรไปครับ ทำไมเดินหนีพี่ออกมาแบบนี้ ไม่สมกับเป็นซองแจเลยนะ” ดงกึนมองช้อนขึ้นพยายามมองหน้าน้องชายที่กำลังก้มงุดๆราวกับหนีอะไรบางอย่าง
“ ทำไมกันครับ ไม่อยากมองหน้าพี่ขนาดนั้นเลยเหรอ” เสียงทุ้มยังคงส่งมาอย่างตัดพ้อ ริมฝีปากบางของคนฟังเม้มเข้าหากันก่อนจะค่อยๆเงยหน้าขึ้น แต่สายตาก็ยังคงเสมองไปทางอื่น ดงกึนตัดสินใจดันตัวซองแจให้พิงไปกับกระโปรงหน้ารถของรถยนต์คันหนึ่งก่อนจะใช้แขนแกร่งคร่อมร่างนั้นเอาไว้ ทำเอาซองแจหมดทางหนีไปโดยปริยาย
“ ไหน...บอกพี่มาสิ ว่าเป็นอะไร? ทำไมน้องชายที่น่ารักของพี่ถึงทำแบบนี้” พี่ดงกึนคาดคั้นกับผมสมกับเป็นตำรวจจริงๆจนผมไม่สามารถดิ้นหลุดไปได้
“ เปล่าครับ” ผมยังคงปากแข็ง
“ โกหก!!! ” เห็นมั๊ยล่ะ ว่ามันไม่ได้ผล ยังไงพี่ดงกึนก็ไม่เชื่อ นิสัยของพี่เขาคือถ้าอยากรู้ความจริงก็จะเค้นเอาจนได้ เขาอยากรู้อะไรไม่มีทางที่เขาจะไม่รู้ เพราะฉะนั้นผมเองก็อย่าเสียเวลาโกหกเขาเลยดีกว่า
“ ถึงผมจะไม่มีสิทธิ์ที่จะถามพี่แบบนี้ แต่ผมก็อยากจะรู้ครับ ว่า...ผู้หญิงคนนั้น เขาเป็นใครเหรอครับ” ผมถามกลับไปด้วยน้ำเสียงสั่นๆ พี่ดงกึนยิ้มมุมปากเล็กน้อยก่อนจะมองสบเข้ามานัยน์ตาผม
“ เขาเป็น...คนสำคัญของพี่ครับ” เพียงแค่ได้ยินคำตอบจากเขา ผมก็รู้สึกเหมือนร่างกายมันหนักอึ้ง การที่พี่ดงกึนพูดเพราะๆด้วยน้ำเสียงนิ่งๆแบบนี้เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าเขากำลังพูดเรื่องจริงจังอยู่ ไม่ได้ล้อเล่นแต่อย่างใด พลันน้ำใสๆที่คลอหน่วยตาก็ร่วงลงมาโดยไม่รู้สาเหตุ ผมหลับตาลงช้าๆพลางสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ดงกึนมองอาการคนตรงหน้าอย่างนิ่งเฉย แต่ใครจะรู้กันเล่าว่าภายในใจของเขารู้สึกเจ็บปวดขนาดไหน เขาก็เพียงแค่อยากรู้อะไรบางอย่างจากคนตรงหน้ามากขึ้นจึงยังไม่อยากเผยความจริงออกไป ผมกลืนก้อนสะอื้นลงคอก่อนจะลืมตาขึ้นอีกครั้ง ผมพยายามจะยิ้มแสดงความยินดี แต่กล้ามเนื้อบนใบหน้ามันไม่ให้ความร่วมมือเสียเลย จึงกลับกลายเป็นยิ้มแหยๆออกไปแทน
“ รู้จักกันนานรึยังครับ” ในเมื่อรู้คำตอบแล้วผมก็อยากจะรู้ให้สุดเหมือนกัน
“ 5 ปีครับ” พี่ดงกึนยังคงตอบคำถามอย่างไม่ทุกข์ไม่ร้อนแต่อย่างใด ระยะเวลาห้าปีนี้มันสามารถทำให้ความสัมพันธ์ของคนเราพัฒนาไปได้เยอะนะครับ เมื่อรู้อย่างนี้แล้วผมเองก็คงจะไม่มีสิทธิ์ใดๆอีกแล้วสินะ นี่ผมกำลังหวังอะไรกัน ผมหวังแค่เขากลับมาแล้วมาอยู่เป็นพี่ชายของผมเท่านั้นไม่ใช่เหรอ? แต่ทำไมมันช่างเจ็บปวดจังล่ะ
“ พี่ดงกึน...ปล่อยผมเถอะครับ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้ามันจะดูไม่ดี” ผมกลืนก้อนสะอื้นสุดท้ายก่อนจะตัดสินใจพูดมันออกไป พี่ดงกึนเลิกคิ้วอย่างสงสัย
“ มันชัดเจนแล้วนี่ครับ พี่มีคนรักแล้ว พี่ยังจะมาทำแบบนี้กับผมอีก” ในเมื่อเขาไม่ยอมปล่อยผมสักทีผมก็คงต้องดุเขาออกไปสินะ
“ จะไม่ให้โอกาสพี่ได้พูดอะไรบ้างเลยเหรอครับ ก็นายเล่นถามมาคนเดียวแบบนี้ มันไม่แฟร์เลยนะ พี่ยังไม่ได้บอกในสิ่งที่พี่อยากจะพูดเลยสักอย่าง” พี่ดงกึนใช้เสียงทุ้มนุ่มอ่อนโยนมาพูด ผมจึงต้องนิ่งรับฟัง
“ ไหนบอกความรู้สึกของนายตอนนี้มาให้พี่ฟังหน่อยสิ” เอาล่ะครับ คำถามสอบสวนมาแล้ว ถ้าเขาใช้น้ำเสียงโทนนี้เมื่อไรเป็นผมหลุดไม่พ้นทุกที
“ ผมไม่เข้าใจตัวเองครับ ผมแค่รู้สึกเหนื่อย อึดอัด เสียใจ ทุกอย่างมันเบลอไปหมด” ผมพูดสิ่งที่คิดในใจออกไป พี่ดงกึนทำเพียงแค่ยิ้มมุมปากเท่านั้น
“ แล้วทำไม นายต้องบอกว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์ล่ะ สิทธิ์ที่นายพูดถึงมันหมายความว่าไงเหรอ” เขายังคงซักไซร้อยู่นั่น
“ ก็ผมเป็นแค่น้องชายพี่ ไม่มีสิทธิ์ที่จะไปถามว่าคนนั้นคนนี้เป็นอะไรกับพี่ด้วยซ้ำ” ยิ่งพูดไปน้ำตาก็ยิ่งไหลรินตอกย้ำในสถานภาพของตัวเองที่เป็นได้แค่น้องชาย ไม่มีสิทธิ์คิดเป็นอื่น ขณะที่ผมกำลังปล่อยให้ตัวเองร้องไห้อยู่นั้น นิ้วหัวแม่มืออุ่นๆก็ไล้ปาดคราบน้ำตาออกไปด้านข้างพลางใช้สี่นิ้วประคองกกหูผมเอาไว้ ริมฝีปากอุ่นร้อนประทับลงบนปากอิ่มซึ่งเผลอตอบรับด้วยความตกใจ นัยน์ตากลมโตเบิกโพลง พี่ดงกึนไม่เคยจูบที่ริมฝีปากผมเลยสักครั้ง นี่เป็นครั้งแรกที่เขาจุมพิตตรงนี้ เขากดจูบเนิ่นนานแต่ไม่มีการล่วงล้ำใดๆ มันช่างเป็นจูบที่อ่อนโยนแต่ก็ทำเอาใจผมเต้นไม่เป็นส่ำเหมือนกัน ก่อนจะค่อยๆถอนออกไป นัยน์ตาชั้นเดียวมองมาอย่างมีความหมาย
“ ถ้าเป็นแบบนี้ ถือว่ามีสิทธิ์รึยังครับ พี่น้องเขาคงไม่จูบกันแบบนี้หรอกมั้ง ” พี่ดงกึนพูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่นพลางยิ้มน้อยๆ แต่ผมก็ยังคงเอ๋ออยู่ เขาถอนหายใจพรืดพลางยื่นบัตรอะไรบางอย่างให้ผมดู มันคือบัตรปฏิบัติหน้าที่ของเขา บอกหน่วยงานและ เอ๊ะ...
“ เชว จีน่า ผู้บังคับบัญชา” เสียงแผ่วอ่านออกมาเบาๆ
“ ผู้หญิงคนเมื่อกี้คือ เชว จีน่า เจ้านายพี่เอง คราวนี้เขาสำคัญต่อพี่รึยัง” พี่ดงกึนทำให้คำตอบมันกระจ่างมากขึ้น เพียงเท่านี้ใบหน้าผมมันก็สูบฉีดเลือดอย่างรวดเร็ว มือบางผลักอกของอีกคนอย่างเขินอาย
“ แล้วทำไมพี่ต้องแกล้งผมแบบนี้ด้วยเล่า คนนิสัยไม่ดี” ผมบอกอย่างเขินอาย ตอนนี้พี่ดงกึนยอมปล่อยตัวผมแล้ว ผมจึงเดินหนีออกมาอย่างอิสระ
“ แล้วใครใช้ให้นายปากแข็ง หึงไม่เข้าเรื่องล่ะ เจ้าเด็กน้อยเอ้ยยย” ดงกึนลูบศีรษะเด็กน้อยอย่างเอ็นดู
“ คราวนี้จะกลับบ้านดีๆได้ยัง” แขนแกร่งเอื้อมมากอดเอวบางเข้าชิดกับตัวเอง
“ อือ” ผมเขินจนพูดอะไรไม่ออกแล้วล่ะครับ จึงทำได้แค่พยักหน้าและเปิดประตูขึ้นรถไป
_________________________________________________________________________________________________
ความคิดเห็น