[SF]The Guy No. 10 - HBD Choi Siwon - [SF]The Guy No. 10 - HBD Choi Siwon นิยาย [SF]The Guy No. 10 - HBD Choi Siwon : Dek-D.com - Writer

[SF]The Guy No. 10 - HBD Choi Siwon

โดย NiTRoGeN14

Happy Birthday, Siwon. Ni shi wo de xiansheng ne. 55+

ผู้เข้าชมรวม

1,728

ผู้เข้าชมเดือนนี้

6

ผู้เข้าชมรวม


1.72K

ความคิดเห็น


7

คนติดตาม


2
เรื่องสั้น
อัปเดตล่าสุด :  10 ก.พ. 53 / 12:28 น.


ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้

HAPPY BIRTHDAY CHOI SIWON

I Love You More n More

ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ

    [SF]The Guy No. 10

     

    บนโลกใบนี้ใครๆก็ล้วนแต่อยากจะเป็นหมายเลขหนึ่งกันทั้งนั้น หาได้น้อยเต็มทีล่ะกับคนที่อยากเป็นรองคนอื่น ผมเองก็อยากเป็นที่หนึ่งในทุกเรื่องเหมือนกันนะ อยากร้องเพลงเก่งเป็นที่หนึ่ง อยากเต้นเก่งเป็นที่หนึ่ง อยากแสดงละครเก่งเป็นที่หนึ่ง อยากนั่นอยากนู่นอยากเป็นที่หนึ่งในทุกเรื่อง...

     

    ผมอยากเป็นพิธีกรที่ดีแบบพี่จองซู ผมอยากมีเสน่ห์แบบพี่ฮีชอล ผมอยากพูดจีนเก่งๆแบบพี่ฮันคยอง ผมอยากพูดเก่งเหมือนพี่คังอิน ผมอยากมีพรสวรรค์ในการร้องเพลงแบบพี่เยซอง ผมอยากตลกเหมือนพี่ชินดง ผมอยากน่ารักแบบพี่ซองมิน ผมอยากเต้นเก่งเหมือนฮยอกแจ ผมอยากเป็นที่รักของทุกคนอย่างทงเฮ ผมอยากเล่นละครเก่งๆแบบคิบอม ผมอยากขึ้นเสียงสูงๆได้อย่างรยออุค และผมอยากร้องเพลงเก่งเหมือนกับคยูฮยอน

     

    แต่ผมก็เป็นแค่ผู้ชายหมายเลข 10 คนหนึ่งที่เต้นก็ไม่ได้จะเก่งมากนักติดว่าหุ่นดีแล้วก็สูงเลยขยับท่าทางอะไรก็พอจะดูได้ ร้องเพลงก็ใช่ว่าจะเพราะแต่ที่รอดมาจนทุกวันนี้เพราะคอรัสที่เป็นเพื่อนร่วมวงช่วยฉุดไม่ให้มันจมลงไปต่างหาก แสดงละครอะไรก็ใช่ว่าจะแสดงเก่งแค่เพราะหน้าตาดีพอถูไถเลยได้รับเลือกให้เล่นเป็นพระเอกอยู่ครั้งนึง เรื่องที่เหลือนอกจากการเทศนาเพื่อนร่วมวงและคนรอบข้างแล้วล่ะก็... ผมมันก็แค่ผู้ชายธรรมดาลำดับที่ 10 ในวงบอยแบนด์ชื่อดังของเอเชียก็เท่านั้นเอง

     

    .

    .

    .

     

    ถ้าถามว่าทำไมต้องอยากเป็นที่หนึ่ง อืม... อันนี้ผมก็ไม่แน่ใจในตัวเองนักหรอกนะครับว่าทำไมผมถึงอยากเป็นที่หนึ่ง คงเป็นเพราะผมเชื่อในศาสนาด้วยละมังครับที่ว่าคนเราเกิดมาเพียงแค่ครั้งเดียวในชีวิต เพราะเป็นอย่างนั้นผมถึงอยากจะได้เป็นที่หนึ่งให้คนอื่นได้จดจำ ถึงผมตายไปแต่ก็ยังมีชื่อผมอยู่ นั่นคงเป็นความใฝ่ฝันของผมล่ะครับ

     

    นี่อีกไม่นานก็จะถึงวันเกิดของผมแล้ว แม้จะเป็นวันเกิดที่แจ้งตามในใบเกิดไม่ใช่วันเกิดจริงๆก็เถอะ แต่พอถึงวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ผมก็จะมีอายุครบยี่สิบสี่ปีแล้วถ้านับตามแบบเกาหลีล่ะนะ

     

    อ๊ะ! นั่นใครเดินมาหว่า... พี่จองซูกับพี่ฮีชอลนี่นา สว. (สูงวัย) สองคนมาเดินกันเพียงลำพังบนทางเดินมืดๆแบบนี้ทำไมกันเนี่ย (อย่าว่าแต่พี่เขาเลย ผมเองก็มาเดินทำไมที่มืดๆแบบนี้นะ อ่อ ลืมไปว่าผมเดินไปเข้าห้องน้ำมา) สว. ทั้งสองทำสีหน้าเคร่งเครียด ตาก็จับจ้องโทรศัพท์ยี่ห้อแอปเปิ้ลแหว่งในมือตัวเองไม่วางตา

     

    "จะทำยังไงดีล่ะเนี่ย" พี่ฮีชอลพูดออกมาก่อน

     

    "ไม่รู้เหมือนกัน เฮ้อ... นับวันยิ่งแย่ ทำไมเรื่องร้ายๆต้องมาประเดประดังเข้ามาตอนนี้ด้วยนะเนี่ย... ฉันล่ะเหนื่อยจริงๆ" พี่จองซูบ่นออกมาเหมือนคนแก่ก่อนจะเดินหายไปพร้อมกับพี่ฮีชอล

     

    ผมยืนนิ่งคิดถึงเรื่องที่พี่ทั้งสองพูดเมื่อกี้ก็พอเดาได้คร่าวๆ เกิดเป็นหัวหน้าวงเนี่ยมันเหนื่อยไม่ใช่เล่นเลยนะเนี่ย

     

    พอคิดว่าตัวเองหายมานานแล้วผมก็เลยเดินกลับไปที่ห้องซ้อม ช่วงนี้ผมว่างเป็นพิเศษก่อนจะเปิดกล้องละครที่เพิ่งจะตกลงรับเล่นไป เพราะหยุดโปรโมตที่จีนด้วยแหละผมถึงได้ว่างจนต้องไปรับเล่นละครเพราะกลัวคนอื่นจะลืมหน้าไปซะก่อน

     

    เมื่อเปิดห้องซ้อมเข้าไปผมก็เจอรยออุคกำลังถูกพี่เยซองกับฮยอกแจแกล้งเล่นโดยการเล่นมุกแปลกๆใส่ เกิดมาเป็นเบบี๋อย่างรยออุคก็ลำบากอย่างนี้ล่ะ ถูกคนอื่นแกล้งเล่นเอาตลอด น่าสงสารจัง จะขัดก็ไม่ได้เพราะเป็นน้องอีก ถึงจะเสียงดีแต่นิสัยน่อมแน้มแบบนี้ก็ไม่ไหวเหมือนกัน

     

    หันไปอีกทาง... ซองมินก็มีโลกส่วนตัวอยู่กับมือถือสีชมพูของตัวเอง ก็เข้าใจนะว่าซองมินน่ะน่ารัก แอ๊บแบ๊วก็เก่ง แต่ถ้าให้ทำแบบนั้นบ่อยๆผมคงรับตัวเองไม่ได้

     

    สักพักพี่จองซูกับพี่ฮีชอลก็เดินกลับเข้ามาแล้วบอกให้เราเริ่มซ้อมเพลงที่จะเตรียมไปงานประกาศผลในอีกไม่กี่วันข้างหน้าซึ่งตรงกับวันเกิดของน้องเล็กพอดี

     

    ผมยืนเข้าที่ของตัวเองแล้วก็ใจหาย... เพลงๆนี้มันสมควรจะมีพี่ฮันคยองยืนอยู่กับเราด้วยสิถึงจะถูก แต่ในเมื่อตอนนี้เขาไม่อยู่คนที่เหลือก็ต้องก้าวเดินต่อไป

     

    เมื่อบทเพลงซูเปอร์เกิร์ลขึ้นพวกเราก็เริ่มขยับตัวตามจังหวะของเพลงที่ได้ซักซ้อมจนจำได้ขึ้นใจ ผมมองเงาตัวเองที่สะท้อนอยู่ในกระจก ผู้ชายหน้าตาธรรมดาใส่เสื้อยืดกางเกงยีนส์กำลังยืนตรงกลางแล้วก็เต้นไปทำหน้าเครียดไป

     

    "ไอ้ซีวอนจะเก๊กหล่อไปไหนว่ะ ไม่ได้ขึ้นไลฟ์จริงๆยังไม่ต้องเก๊กเว้ย" เสียงพี่ชินดงดังมาแต่ไกล ผมทำหน้างงเพราะไม่เข้าใจว่าผมไปเก๊กมันตอนไหน

     

    "พี่อ่ะ" ผมพูดแค่นั้นก่อนจะเต้นต่อ บอกตามตรงผมว่าจะให้ผมตลกตลอดเวลาแบบพี่ชินดงก็คงไม่ได้เพราะผมมันมุกแป้กตลอด แถมผมต้องทำตามคอนเซ็ปต์ของทางบริษัทที่ให้ทำตัวเป็นหน้าเจ้าชายด้วย

     

    งานนี้พวกเราต้องร้องเพลงซูเปอร์เกิร์ลกันสดๆเพราะไม่มีเวลาจะไปอัดเสียงทับของเก่า เพราะฉะนั้นตอนซ้อมเราก็เลยต้องร้องท่อนของตัวเองไปด้วย พี่ฮีชอลที่ติดงานละครไม่ได้ขึ้นไลฟ์นี้ด้วยก็ขอตัวกลับไปท่องบทต่อ พอซ้อมได้อีกสักห้ารอบเราก็พักกันอีกที พี่เยซองไอค่อกแค่กคงเพราะพี่แกเค้นคอมากเกินไป สำหรับการเป็นนักร้องเสียงหลักที่ต้องคอรัสให้เราแทบทั้งเพลงเนี่ยดูจะเป็นเรื่องที่หนักหนาสาหัสพอควรอยู่ ที่สำคัญต้องพยายามรักษากล่องเสียงให้ดีๆด้วย เรื่องแบบนี้แค่การฝึกฝนคงทำไม่ได้มันต้องมีพรสวรรค์ด้วย

     

    เหมือนกับไอ้น้องเล็กตัวเขื่องอย่างคยูฮยอนที่รายนั้นมีพรสวรรค์ล้นเหลือ เด็กโข่งนั่นหัวไวเรียนทฤษฎีไปหน่อยก็เอามาปรับใช้ได้หมดแล้วแทบไม่ต้องฝึกฝนเลย ไหนจะน้ำเสียงนุ่มทุ้มชวนฝันนั่นแล้วผมล่ะอยากจะเป็นเขาจริงๆ

     

    "นี่พี่ฮยอกแจ อย่าแอบเอาเกมผมไปเล่นนะ เอาคืนมาเดี๋ยวนี้เลย!!!" เสียงไอ้น้องเล็กตะโกนลั่นห้องซ้อมเมื่อเห็นไอ้ตัวขี้งกอย่างฮยอกแจแอบเอาเกมตัวเองไปเล่น ได้ข่าวว่าพักแค่สิบนาทีมันก็ยังอุตส่าห์จะเล่นเกมอีกนะ บอกแล้วว่ามันน่ะเด็กโข่งโตป่านนี้แล้วยังติดเกม วันๆไม่ยอมนอนถ้าไม่เล่นเกมให้เคลียร์ก่อน มิน่า...หน้าตามันถึงๆด้ดูโทร๊มโทรมเหมือนซอมบี้ นี่ถ้าไม่ได้เครื่องสำอางค์ช่วยเดินออกไปข้างนอกก็คงไม่มีใครจำได้ว่านี่คือนักร้องเสียงหลักของวงบอยแบนด์ชื่อดังอย่างซูเปอร์ จูเนียร์

     

    คิดอะไรเพลินๆสักพักสลับกันแกล้งรยออุคเล่นก็ได้เวลาซ้อมต่อ พี่จองซูลากสังขารเหี่ยวๆของตัวเองออกมาซ้อมไปบ่นเป็นคนแก่ไป สักพักก็เดินไปงีบปล่อยให้เราซ้อมต่อกันเอง ผมล่ะเห็นใจพี่แกจริงๆ เป็นหัวหน้าวงที่มีสมาชิกตั้งสิบสามคนเนี่ยมันเหนื่อยจริงๆ

     

    พอเริ่มเข้าช่วงตีสองก็เลิกซ้อม ผมเตรียมจะขับรถกลับบ้านไอ้เด็กโข่งก็วิ่งมาเกาะหลังแล้วบอกว่าขอติดรถไปค้างที่บ้านด้วย ผมเลยเออออไปเพราะไอ้เด็กนี่มันไปบ่อยจนจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวผมไปแล้ว

     

    ระหว่างขับรถไปคยูฮยอนก็เอาโน้ตบุ๊คตัวเองออกมาเล่นสตาร์คราฟฟ์ ไอ้เด็กนี่มันติดเกมจริงๆแฮะ

     

    "นี่ถ้าเลิกร้องเพลงแล้วกะจะไปเป็นเกมเมอร์หรือไงเนี่ย ขยันเล่นยิ่งกว่าขยันซ้อมซะอีก"

     

    "ก็ไม่แน่... นี่อย่าเพิ่งยุ่งดิขับรถไป กำลังจะเคลียร์อยู่แล้ว" คยูฮยอนว่าจนผมนึกในใจว่านี่ผมเป็นพี่มนหรือเบ๊มันกันแน่ พอถึงบ้านมันก็จัดการปิดเครื่องแล้วเดินหนีเข้าบ้านไปไม่รอผมสักนิด

     

    ที่บ้านหลับกันหมดแล้ว พอถึงห้องนอนคยูฮยอนก็ชิ่งไปอาบน้ำก่อน พอมันออกมาตัวหอมก็โดดไปเล่นเกมต่อขนาดผมอาบน้ำเสร็จออกมาแล้วก็ยังเห็นมันเล่นอยู่ไม่ยอมหลับยอมนอน

     

    "นี่กะจะเล่นโต้รุ่งเลยหรือไง"

     

    "ก็พรุ่งนี้ผมไม่มีงานนี่นา" เด็กโข่งตอบกลับมาทันทีทั้งที่ตาจับมองหน้าจอคอมฯอยู่

     

    "อย่าเล่นจนไม่ได้นอนแล้วกัน"

     

    "รู้แล้วน่า บ่นเป็นคนแก่เหมือนพี่ทึกไปได้ ไม่รู้ตัวเลยเหรอไงว่าหน้าพี่แกขึ้นน่ะ"

     

    "รู้สิถึงได้ไปตัดผมมาไง"

     

    "เออ" มันตอบห้วนๆจนผมนึกว่ามันไม่สนใจแล้ว พอผมตัดสินใจจะหลับตานอนคยูฮยอนก็พูดขึ้นมาอีก

     

    "ช่วงนี้พี่เป็นไรมากป่ะ ดูเครียดๆ มีอะไรมไสบายใจเหรอ เรื่องพี่ฮันหรือไง" ถามมาเป็นชุดเชียว สรุปจะให้ตอบเรื่องไหนก่อนดีล่ะ

     

    "ก็ไม่มีอะไร ก็ปกติดีนี่" ผมตอบไปตามจริงแต่เด็กนี่ดูเหมือนจะไม่เชื่อ มันหันมามองหน้าผมยอมทิ้งเกมที่ตัวเองติดหนักหนามาจ้องหน้าผม

     

    "โกหก พี่ทำหน้าเหมือนคนแบกโลกไว้ทั้งใบแล้วยังบอกไม่มีอะไรอีก นี่ถ้าพี่ทึกไม่ขอร้องผมไม่ยอมมานอนที่นี่ให้พี่บ่นหรอกนะ"

     

    "เอ๋? พี่เหมือนคนมีปัญหาขนาดเลย?"

     

    "ก็น่ะสิ หันส่องกระจกดูหน้าตัวเองบ้างว่าหัวคิ้วมันจะทับกันอยู่แล้ว มีปัญหาอะไรก็บอกกันบ้างสิจะได้ช่วยกันแก้ไขไม่ใช่เก็ยเงียบไปคิดเองคนเดียวแล้วจู่ๆก็ไปแบบคนบางคน แบบนั้นมันน่าโมโหรู้ไหม"

     

    ตอนนี้ผมเข้าใจแล้วล่ะว่าทำไมถึงไม่มีใครกล้าขัดใจคยูฮยอน มันขี้วีนขี้เหวี่ยงแบบนี้นี่เอง ต่อหน้ากล้องทำซื่อๆลับหลังมันนี่... เอาเถอะชินแล้วล่ะ มีแต่คนโอ๋มักเน่นี่นา... ชิๆ

     

    "ไม่มีอะไรจริงๆ จริงๆ เชื่อพี่สิ"

     

    "ไม่เชื่อ มันต้องมีอะไรแน่ๆล่ะ บอกมาสิว่าพี่กลุ้มใจเรื่องอะไร... รู้ไหมว่าการที่เขาให้เรามาอยู่กันเป้นกลุ่มเนี่ยก็เพื่อช่วยกันแก้ปัญหาไม่ใช่เก็บเอาไว้คนเดียว ไม่งั้นเขาจะเรียกว่าทีมเหรอ"

     

    "ก็เอ่อ..." ผมจุกขึ้นมาเล็กน้อยกับคำของน้องเล็ก ดูมันบ๊องๆ เอ๋อๆ แต่เอาเข้าจริงมันก็แค่ภาพภายนอกไม่ใช่ข้างในที่ฉลาดแล้วก็โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ลืมไป... ไม่นานก็วันเกิดคยูฮยอนแล้วนี่นามันจะแก่ขึ้นอีกปีแล้ว

     

    "เอ่ออยู่นั่นแหละจะพูดได้ยัง"

     

    "ก็มันไม่มีอะไรจริงๆ พี่ก็แค่คิดว่า... ทำไมพี่ไม่เก่งแบบคนนั้นคนนี้บ้างนะ หลายครั้งที่พี่พยายามมากแล้วแต่พี่ก็คิดว่ายังสู้พวกนายไม่ได้ พี่มันไม่มีอะไรดีสักอย่าง เต้นก็ไม่ได้เรื่อง ร้องเพลงก็ห่วย เข้ามาได้นี่คงเพราะหน้าตาล้วนๆ แต่ตอนนี้หน้าตาก็ไม่ได้ช่วยอะไรเพราะพวกนายก็หล่อๆกันทั้งนั้น พี่มันหน้าบ้านๆไปเลย"

     

    พอฟังจบ ไอ้เด็กคยูมันก็หัวเราะคิกคัก "พี่ก็... คิดเป็นเด็กๆไปได้  ลองคิดดูนะว่าถ้าไม่แน่จริงใครที่ไหนเขาจะเอาพี่เข้ามาอยู่ในวงกัน ถ้าพี่หน้าตาไม่ดีเขาจะจ้างพี่ไปเป็นพรีเซ็นเตอร์อยู่ตั้งสามสี่ปีเหรอ พี่เต้นไม่เก่งแต่ทำไมพี่ถึงได้ยืนอยู่ตรงกลางเสมอเวลาพวกเราเต้นกัน ถ้าพี่ร้องเพลงไม่เก่งพี่จะได้ร้องท่อนตัวเองเยอะกว่าพี่ฮยอกแจเหรอ ถ้าพี่พูดไม่เก่งแบบพี่ทึกแล้วพี่จะได้พูดเวลาออกรายการบ่อยๆเหรอ พี่เป็นหน้าเป็นตาของวงเรา พี่เป็นตัวแทนของ พี่คือคนที่ทุ่มเทแล้วก็ขยันมากกว่าใครๆ ถึงพี่จะบอกว่าพี่ไม่มีพรสวรรค์อะไรแต่พี่รู้ตัวไหมว่าพรสวรรค์ของพี่คือการทำให้คนอื่นตกหลุมรักได้อย่างง่ายดาย ใครเห็นพี่แล้วไม่รักไม่ชอบกันบ้างล่ะ เพราะพี่คือคนที่ทำให้คนอื่นรักพี่ถึงเป็นตัวแทนและมักจะยืนอยู่ตรงกลางเสมอเพื่อให้พวกเราได้รับความรักเผื่อแผ่มาบ้างยังไงล่ะ ในสายตาของพีเอง พี่อาจจะคิดว่าตัวเองไม่มีอะไรดีแต่สำหรับคนที่คอยเฝ้ามองพี่เขารู้ดีว่าพี่คือคนที่ยอดเยี่ยมในทุกด้าน"

     

    "จริงเหรอ?"

     

    "ก็อืมน่ะสิ ถ้าพี่ไม่ดีจริงไม่แน่จริงพี่คงไม่ได้เข้ามาเป็นซูเปอร์ จูเนียร์ พี่คงไม่ได้ไปทำงานเดี่ยวบ่อยๆ พี่คงไม่มีแฟนคลับที่รักแล้วก็เหนียวแน่นขนาดนี้ พี่รู้ไหมคนทั่วไปเขารู้จักพี่มากกว่ารู้จักซูเปอร์ จูเนียร์อีกนะ เพราะพี่ทำงานหนักกว่าใครๆพี่จึงสมควรแล้วที่พี่จะเป็นที่หนึ่งของซูเปอร์ จูเนียร์ แม้จะเป็นแค่ผู้ชายหมายเลข 10 ก็ตามเถอะ แล้วรู้ไหมว่าพี่น่ะหล่อที่สุดในวงแล้ว ให้ตามเถอะตั้งแต่เกิดมาผมไม่เคยเห็นใครที่ไหนหน้าตาดีไปกว่าพี่เลยนะ"

     

    ผมหัวเราะออกมาเบาๆที่เด็กนี่มันพูดได้ตรงใจแล้วก็ตอบคำถามของผมได้มากมาย

     

    ผมปิดไฟหัวเตียงให้เหลือเพียงเสียงไฟจากคอมฯของคยูฮยอนแล้วเอื้อมมือไปลูบหัวเด็กโข่งเบาๆ "ขอบใจนะ"

     

    "เรื่องแค่นี้เอง... อ่อ... จะแก่ขึ้นอีกปีแล้วสินะ วันเกิดพี่พาผมไปเลี้ยงเค้กด้วยล่ะผมอยากกินเค้กช็อกโกแลต" ผมหัวเราะอีกทีจากอาการเห็นแก่กินของมักเน่ที่ไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองจะถูกเซอร์ไพรส์กลางงานประกาศผลที่จะถึงนี้ คงต้องอุบเป็นความลับไปก่อนแล้วพอถึงวันเกิดผมผมจะพาเขาไปเลี้ยงอีกทีที่เขาช่วยให้ผมมีความมั่นใจในตัวเองเพิ่มขึ้น

     

    พอคยูฮยอนปิดคอมฯ ห้องก็มืดสนิท ผมเคลิ้มๆจะหลับอยู่แล้วเชียวเด็กโข่งก็พูดขึ้นมาอีก

     

    "ตอนนี้เหลือแค่พี่แล้วนะ ห้ามหายไปไหนรู้ไหม... ไม่อย่างนั้นผมจะโกรธพี่มากๆเลย ห้ามหายไปแบบบางคนนะ... ห้ามไปไหนนะ"

     

     

     

     

     

    "ไม่ไปไหนแน่นอน... พี่จะเป็นซีวอน ซูเปอร์ จูเนียร์ตลอดไป"

     

    .

    .

    .

     

     

    ถึงผมจะอยากเป็นพิธีกรที่ดีแบบพี่จองซู ผมอยากมีเสน่ห์แบบพี่ฮีชอล ผมอยากพูดจีนเก่งๆแบบพี่ฮันคยอง ผมอยากพูดเก่งเหมือนพี่คังอิน ผมอยากมีพรสวรรค์ในการร้องเพลงแบบพี่เยซอง ผมอยากตลกเหมือนพี่ชินดง ผมอยากน่ารักแบบพี่ซองมิน ผมอยากเต้นเก่งเหมือนฮยอกแจ ผมอยากเป็นที่รักของทุกคนอย่างทงเฮ ผมอยากเล่นละครเก่งๆแบบคิบอม ผมอยากขึ้นเสียงสูงๆได้อย่างรยออุค และผมอยากร้องเพลงเก่งเหมือนกับคยูฮยอน แต่ผมก็เป็นผมชเว ซีวอนผู้ชายหมายเลข 10 ที่เป็นอย่างนี้ มันคงจะเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นไม่ได้

     

    ต่อให้ผมเต้นเก่งเหมือนฮยอกแจ ร้องเพลงเก่งเหมือนคยูฮยอน เล่นละครเก่งเหมือนคิบอม แต่ถ้าผมไม่ใช่ผม ผมคงไม่ใช่ชเว ซีวอนในปัจจุบันที่ทำหน้าที่เสนอซูเปอร์ จูเนียร์วงที่ผมรักให้คนอื่นได้รู้จัก ผมคงไม่ใช่ชเว ซีวอนที่ทำงานไปทั่วเอเชียเพื่อให้วงที่ผมรักได้มีชื่อเสียง... แม้จะเป็นแค่หน้าตาของวงก็ตามแต่มันก็คือหน้าที่ของผม ผู้ชายหมายเลข 10 ของวงบอยแบนด์ชื่องดังของเอชีย ซูเปอร์ จูเนียร์

     

     

     

     

    ผมก็เป็นแค่ผม ผมคนนี้... ชเว ซีวอน

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    Happy Birthday, Choi Siwon.

    100210...

    The Guy No. 10

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    คำนิยม Top

    ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

    คำนิยมล่าสุด

    ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

    ความคิดเห็น

    ×